บทที่ 126
บทพิเศษ ลูกคนเล็ก
ตั้งแต่แต่งงาน ลู่ซินฟางกับลูกแฝดก็ย้ายเข้ามาอยู่ในคฤหาสน์ของกงเยียนซู ในส่วนของคฤหาสน์ของตระกูลลู่ คนอื่นๆ ยังคงพักอาศัยอยู่ที่นั่นเหมือนเดิม
เวลาผ่านไปหลายเดือน สิ้นสุดฤดูใบไม้ร่วง เข้าสู่ฤดูหนาวอีกครั้ง
ลู่ซินฟางรับรู้ถึงความผิดปกติจากร่างกายของตัวเอง รอบเดือนของนางไม่มาเกือบจะครบ 3 เดือนแล้ว
หญิงสาวไม่ได้ซื่อถึงขั้นไม่รู้เรื่องรู้ราว เพื่อความแน่ใจ ลู่ซินฟางเรียกหมอมาตรวจดูอาการ ยิ่งทำให้มั่นใจในข้อสันนิษฐานของตัวเอง
นางตั้งครรภ์แล้ว...
หลังจากกินมื้อค่ำอิ่ม ลู่ซินฟาง กงเยียนซู เฉิงเอ๋อร์และเป่าเอ๋อร์ก็มานั่งเล่นตรงระเบียง นั่งย่อยพร้อมกับชมสวนในยามค่ำ
สายลมเย็นๆ ของต้นฤดูหนาวพัดผ่าน ในช่วงเวลาที่สงบเงียบที่สุด ลู่ซินฟางเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“ทุกคน...ข้ามีบางอย่างจะบอก”
เจ้าแฝดเอียงศีรษะด้วยความสงสัย
ส่วนกงเยียนซูส่งเสียง “หือ?” ถามภรรยา
มือเรียวบางของลู่ซินฟางยกขึ้นมาลูบหน้าท้องของตน ขณะกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ข้าตั้งครรภ์แล้ว”
กงเยียนซูเบิกตากว้างเหมือนไม่อยากเชื่อ ต่อมา เขาลุกเดินเข้ามานั่งคุกเข่าตรงหน้าภรรยา
“เจ้าตั้งครรภ์แล้ว?”
“ใช่เจ้าค่ะ”
ทันทีที่ภรรยาตอบ ดวงตาคมเข้มของเขาก็แดงก่ำเหมือนจะหลั่งน้ำตา แต่ริมฝีปากกลับคลี่ยิ้มด้วยความดีใจ ช่างเป็นสีหน้าที่ย้อนแย้งเหลือเกิน
เฉิงเอ๋อร์กับเป่าเอ๋อร์ไม่เข้าใจคำว่า ‘ตั้งครรภ์’ แต่พอเห็นกงเยี่ยนซูทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ ก็อดเข้าไปลูบหลังปลอบไม่ได้
“ท่านแม่ ตั้งครรภ์คืออะไรหรือ” เฉิงเอ๋อร์ถาม
“ตั้งครรภ์ก็คือ...แม่กำลังมีน้องให้กับพวกเจ้า”
คราวนี้เป็นเจ้าแฝดที่เบิกตากว้าง ผ่านไปหลายวินาที เด็กทั้งสองก็ยิ้มแก้มบาน ก่อนจะเข้ามาลูบท้องของท่านแม่
“พวกเราจะมีน้องแล้ว” เฉิงเอ๋อร์พูดด้วยสีหน้าเบิกบาน
“ดีจังเลย จะเป็นน้องชายหรือน้องสาว” เป่าเอ๋อร์ถาม
ลู่ซินฟางหัวเราะเบาๆ
ตอนนั้นเอง กงเยียนซูได้สติกลับมาแล้ว ชายหนุ่มขยับตัวเข้ามาใกล้ๆ ทั้งสามคน วาดวงแขนออกแล้วโอบกอดลู่ซินฟางพร้อมกับเจ้าแฝด
“เราจะมีลูกคนที่สามแล้ว!”
กงเยียนซูพูดด้วยความตื่นเต้นดีใจ ถึงขั้นกอดทั้งสามแม่ลูกแน่นขึ้นอีก
“ท่านพ่อ อึดอัดเจ้าค่ะ”
“ท่านพ่อจะดีใจเกินไปแล้ว”
แม้ว่าเฉิงเอ๋อร์กับเป่าเอ๋อร์จะบ่น แต่ดวงหน้าเล็กของเด็กทั้งสองกลับกำลังยิ้มแย้ม
“พวกเรากำลังมีสมาชิกตัวน้อยเพิ่ม ข้าดีใจมากๆ ขอบคุณเจ้านะ ลู่ซินฟาง...ขอบคุณทุกคน”
จากนี้เขากับนางจะมีลูกด้วยกัน กลายเป็นครอบครัวใหญ่ขึ้นไปอีก ไม่มีอะไรจะสุขใจเท่านี้แล้ว
ยิ่งท้องของลู่ซินฟางโตขึ้นทุกวัน กงเยียนซูก็ยิ่งไม่กล้าอยู่ห่างจากภรรยาแม้แต่ก้าวเดียว
เดือดร้อนถึงหลางไป๋และผู้ช่วยคนอื่นๆ ที่ต้องลากชายหนุ่มให้ออกจากคฤหาสนเพื่อมาทำงาน ทว่าในท้ายที่สุด กงเยียนซูก็โยนหน้าที่ดูแลโรงเตี๊ยมตระกูลกงสาขาเมืองเล่ออันให้หลางไป๋เป็นคนจัดการ
หลางไป๋ปวดหัวแทบระเบิด ไหนจะกิจการตระกูลลู่ ไหนจะโรงเตี๊ยมตระกูลกง เขาคนเดียวไม่มีทางดูแลไหว
โชคดีที่หลายเดือนมานี้ หลางไป๋อบรมบ่มเพาะเหล่าสัตว์จำแลงจนพวกเขาชำนาญเฉพาะทาง จึงแบ่งหน้าที่ให้ทำงานตามความสามารถของตัวเอง เรียกได้ว่าใช้คนถูกทาง เลยแบ่งเบาภาระได้เยอะ
อีกอย่าง ชิงเหลียนก็กลับมาทำบัญชีได้แล้ว ไม่มีอะไรให้เป็นห่วง
กลางดึกคืนหนึ่ง ลู่ซินฟางเจ็บท้องจะคลอด
ช่วงที่อายุครรภ์ของลู่ซินฟางครบ 9 เดือน เหนียงซิ่นก็ย้ายเข้ามาอยู่คฤหาสน์ตระกูลกง นอนที่เรือนข้างๆ
ในคืนนั้น พอนางได้ยินเสียงนายหญิงร้องโอยๆ นางก็รีบลุกขึ้นมาจุดตะเกียง พอสอบถามอาการ นางก็สั่งให้คนไปต้มน้ำและเรียกหมอทำคลอดทันที
หลังจากนั้นทั่วทั้งคฤหาสน์ก็ตกอยู่ในความวุ่นวาย
เหนียงซิ่นมีประสบการณ์คลอดลูกมาแล้วถึงสองคน ตอนที่หมอทำคลอดมาถึง เหนียงซิ่นก็อยู่ในห้องช่วยทำคลอดด้วย
กงเยียนซูและคนอื่นๆ รออยู่หน้าห้อง รอคอยอย่างใจจดใจจ่อ
“ไม่ต้องห่วงนะนายท่าน ข้างในมีภรรยาข้าอยู่ด้วย อย่างไรนายหญิงก็ต้องคลอดเจ้าตัวเล็กออกมาอย่างราบรื่น” สยงจวินพูดปลอบ เมื่อเห็นกงเยียนซูเดินกลับไปกลับมาอยู่หน้าห้องทำคลอดอย่างกระวนกระวาย
เจ้าแฝดเองก็จับมือกันจนมือซีดขาว
“คุณหนูทั้งสองไม่ต้องกังวลนะ นายหญิงแข็งแรงมาก อีกอย่าง สมุนไพรจากท่านหลิน ช่วยให้นายหญิงเจ็บท้องน้อยลงด้วย” ชุนโอบไหล่เล็กๆ ที่กำลังสั่นเทาของเจ้าแฝดพร้อมกับปลอบขวัญ ตอนพูดถึงท่านหลิน นางพยายามลดเสียงให้เบาลง จึงมีเพียงชุนและเด็กทั้งสองที่ได้ยิน
จบคำพูดของชุน เฉิงเอ๋อร์กับเป่าเอ๋อร์ก้มหน้าเหมือนกำลังคิด สักครู่พวกเด็กๆ ก็พยักหน้าพร้อมกัน
“อื้อ”
พวกเขาเชื่อว่าเวทมนตร์ของภูตน้อยต้องปกป้องท่านแม่กับน้องในท้องให้ปลอดภัย
หลายชั่วยามผ่านไป เสียงทารกร้องอุแว้ๆ ดังออกมาจากในห้อง
กงเยียนซูรีบวิ่งยืนรอหน้าประตู ไม่นานนัก เหนียงซิ่นก็ออกมาประกาศว่า...
“เป็นเด็กผู้หญิงเจ้าค่ะ นายหญิงกับคุณหนูปลอดภัยแข็งแรงดี”
ตอนได้ยินเสียงภรรยากำลังเบ่งคลอด กงเยียนซูแทบจะกลั้นหายใจตลอดเวลา พอได้ยินเช่นนี้ อดที่จะผ่อนลมหายใจด้วยความโล่งอกไม่ได้
“ตอนนี้ข้าเข้าไปข้างในได้หรือยัง” เขาถาม
ทันทีที่เหนียงซิ่นบอกว่า เจ้าค่ะ กงเยียนซูก็ไม่รอช้า เข้าไปในห้องทันที
ชายหนุ่มเดินเข้าไปภรรยาที่กำลังอุ้มทารกในอ้อมอกด้วยดวงตาแดงก่ำอย่างช้าๆ ก่อนจะนั่งลงที่ข้างเตียง
เป็นลูกสาวก็ไม่เป็นไร เพราะเด็กคนนี้คือเลือดเนื้อเชื้อไขของเขากับนาง และที่สำคัญ ขอแค่นางกับลูกปลอดภัย เขาก็ไม่ต้องการอะไรมากไปกว่านี้แล้ว
เฉิงเอ๋อร์กับเป่าเอ๋อร์ก็เข้ามาเกาะขอบเตียง มองดูน้องสาวที่เพิ่งคลอดด้วยแววตาเปล่งประกาย
“น้องสาว”
“น้องสาวตัวเล็กจัง”
เจ้าแฝดส่งเสียงใสแจ๋วด้วยความตื่นเต้นและดีใจ
กงเยียนซูลูบศีรษะน้อยๆ ของพวกเขา “ใช่แล้ว นางก็คือน้องสาวของพวกเจ้า…น่ารักน่าชังยิ่งนัก”
“น่ารักน่าชัง” เป่าเอ๋อร์ทวนคำของกงเยียนซู
“แล้ว น้องสาว…น้องสาวชื่ออะไรหรือ” เฉิงเอ๋อร์เงยหน้าถาม
ลู่ซินฟางยิ้มจางๆ ก่อนจะบอกด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
“น้องสาวของพวกเจ้าชื่อจินเอ๋อร์”
“จินเอ๋อร์ ชื่อน่ารักจัง”
“จินเอ๋อร์ จินเอ๋อร์”
ภายใต้รอยยิ้มอ่อนหวานของลู่ซินฟางแฝงไว้ด้วยความเหนื่อยล้า กงเยียนซูเห็นแบบนั้นจึงยื่นมือไปบีบมือของนางเบาๆ
“เหนื่อยหรือไม่ รู้สึกไม่ดีตรงไหนหรือเปล่า”
ลู่ซินฟางพยักหน้ายอมรับ ตอนนี้นางทั้งเหนื่ยและอ่อนเพลีย อยากพักสักครู่
“เช่นนั้นก็พักผ่อนก่อนเถอะ” กงเยียนซูลูบใบหน้าของภรรยาด้วยความเป็นห่วง
เหนียงซิ่นรู้หน้าที่อย่างยิ่ง จึงเข้ามาอุ้มทารกน้อยจากลู่ซินฟาง
“ข้าจะช่วยดูแลคุณหนูจินเอ๋อร์ให้เองเจ้าค่ะ นายหญิงต้องพักผ่อนนะเจ้าคะ”
“ขอบใจนะ เหนียงซิ่น”
เหนียงซิ่นผงกศีรษะยิ้มอย่างอบอุ่นให้กับหญิงสาว จากนั้นก็อุ้มทารกออกจากห้อง
หลังจากลู่ซินฟางเอนกายลงนอน กงเยียนซูก้มใบหน้าลงจูบเปลือกตาของนางอย่างลึกล้ำ
“ข้ากับลูกจะออกไปก่อน เจ้าพักผ่อนเถิด”
เจ้าแฝดเองก็เข้ามาจุ๊บแก้มท่านแม่คนละที จูงมือกันเดินตามหลังกงเยียนซูออกห้อง
ลู่ซินฟางมองแผ่นหลังของทุกคน ในขณะที่ปิดเปลือกตาลง นางยิ้มอ่อนหวานพร้อมกับความสุขที่เอ่อล้นเต็มหัวใจ
ตอนพิเศษ (5)จบบริบูรณ์ หลังจากปรับอารมณ์ได้แล้ว จิ้งจอกสาวก็เช็ดน้ำตาบนแก้มจนแห้ง สูดหายใจลึกๆ ทีหนึ่ง ก่อนจะออกจากห้องเพื่อไปขอโทษหลางไป๋ ทว่าทุกครั้งที่นางเข้าใกล้ เขากลับผละหนี แสร้งทำทีเป็นยุ่งง่วนกับงาน ท่าทางแบบนั้นราวกับจงใจหลบหน้านางไม่มีผิด เมื่อตระหนักได้เช่นนั้น เจียงจวีก็น้ำตาซึม รู้สึกเสียใจเป็นอย่างมาก นับวันหัวใจของนางก็ยิ่งปวดแปลบ ท้ายที่สุด นางที่รู้สึกระอายใจเป็นทุนเดิม ยิ่งไม่กล้าสู้หน้าเขา หลายวันต่อมา เจียงจวีเก็บข้าวของ หนีกลับเผ่าจิ้งจอก ณ เผ่าจิ้งจอก ผู้นำเผ่าจิ้งจอกในร่างของชายวัยคนกับจิ้งจอกหนุ่มต่างยืนกอดอกหน้าตาขึงขัง ในขณะที่มองจิ้งจอกสาวกอดเข่าน้ำตาซึม “ตั้งแต่นางกลับมาก็เอาแต่นั่งอมทุกข์ทั้งวันทั้งคืน สงสัยจะเจอแย่ๆ มา หากรู้อย่างนี้ ข้าไม่น่าอนุญาตให้นางออกไปเจอโลกภายนอกเลย เป็นข้าที่ตัดสินใจผิดพลาดเอง” ผู้นำเผ่าพูดกับลูกชาย “ท่านพ่อไม่ได้ตัดสินใจผิดพลาดหรอกขอรับ ให้นางออกไปเผชิญโลกภายนอก นับเป็นประสบการณ์ของนางด้วย” จิ้งจอกหนุ่มกล่าว
ตอนพิเศษ (4) หลังจากเห็นว่าเจียงจวีเหมาะกับตำแหน่งพนักงานขาย หลางไป๋ก็ให้นางทำงานในร้านซินหลินคู่กับห่จือเหมย เพียงไม่กี่อาทิตย์ เจียงจวีก็เป็นพนักงานขายอันดับต้นๆ ของร้าน ด้วยความที่เป็นจิ้งจอกใสซื่อ จึงทำให้ผู้คนชื่นชอบและเอ็นดูไม่น้อย ไม่เว้นแม้แต่หลางไป๋ “ทำงานแค่ไม่กี่อาทิตย์ เจ้าก็ทำกำไรให้ร้านซินหลินไม่น้อย…ทำดีมาก” หลางไป๋เอ่ยชมเจียงจวี พร้อมกับยื่นมือไปลูบศีรษะ ตอนแรก หมาป่าหนุ่มทำไปโดยไม่ได้คิดอะไร แต่พอเห็นจิ้งจอกสาวผงะ ทั้งแก้มนวลเนียนยังขึ้นสีแดงระเรื่อ มือใหญ่ที่กำลังลูบศีรษะของนางพลันชักกลับมา จากนั้นเขาก็หมุนตัวเดินไปตรวจงานแผนกอื่น และไม่พูดไม่จาใดๆ หัวใจของเจียงจวีเต้นระส่ำระส่ายไม่หยุด แม้ยกมือขึ้นลูบหน้าอกพร้อมสูดหายลึกๆ แล้ว หากแต่หัวใจยังคงเต้นแรงเหมือนจะกระเด็นออกมา อย่างไรก็ตาม อาการใจเต้นแรงนี้ ทำให้จิ้งจอกสาวอดรู้สึกกังวลไม่ได้ หมิงฮวาเข้าร้านมาในจังหวะนั้นพอดี นางมองหลางไป๋สลับกับมองเจียงจวี สักครู่ ดวงตาของอสรพิษสาวก็หรี่ลงเล็กน้อย เมื่อเห็นหลางไป๋ขึ้นไปที่ชั้
ตอนพิเศษ (3) วันต่อมา จิ้งจอกสาวหอบห่อผ้ามาที่ฟาร์มอีกครั้ง แต่หนนี้นางมาพร้อมกับพี่ชาย “พวกเจ้าสองพี่น้องจะมาอยู่ที่ฟาร์มด้วยกันหรือ” หลางไป๋สอบถาม การได้คนหน่วยกร้านดีเพิ่ม มีใครบ้างไม่ชอบ ทว่าจิ้งจอกหนุ่มโบกมือแล้วตอบ “ไม่ใช่ขอรับ ข้าแค่มาส่งน้องสาว อีกอย่าง ที่มาวันนี้ก็เพื่อขอร้องท่านให้ช่วยดูแลนางด้วย นางค่อนข้างซื่อน่ะขอรับ” หลางไป๋พยักหน้าเหมือนเข้าใจ หญิงสาวเผ่าจิ้งจอกยิ้มใสซื่อ โค้งศีรษะให้กับหลางไป๋ทีหนึ่ง “จากนี้ข้าต้องขอฝากตัวด้วยเจ้าค่ะ” หลางไป๋หันไปยิ้มให้กับหญิงสาวเผ่าจิ้งจอกพลางตอบว่า “ทางนี้ก็ต้องฝากตัวด้วยเช่นกัน” จากนั้นก็หันไปพูดกับทางพี่ชายด้วยสีหน้าเสียดาย “พูดก็พูดเถอะ เจ้าเองก็หน่วยกร้านดีไม่เบา น่าจะมาอยู่ที่ฟาร์มด้วยกัน” “ความจริงข้าก็อยากมาทำงานที่นี่นะขอรับ แต่เพราะท่านพ่อของพวกเรากำลังป่วย ข้าที่เป็นลูกชาย และยังเป็นว่าที่หัวหน้าเผ่าคนต่อไป ต้องคอยจัดการหลายๆ เรื่อง ตอนนี้ก็เลยออกจากเผ่าไม่ได้” “ถ้ามีอะไรให้ช่วยก็บอกนะ” “ขอบคุณท่านผู
ตอนพิเศษ (2) สถานที่นี้เรียกว่าฟาร์ม มีทั้งสวนผัก สวนผลไม้ ทุ่งดอกไม้ โรงเรือนเพาะต้นกล้า ไหนจะโรงผลิตสารพัดที่เพิ่มขึ้นเหมือนกับดอกเห็ด หนำซ้ำ ยังมีหมู่บ้านของเหล่าสัตว์อสูร ถนนที่ปูด้วยอิฐ ตรงลานกว้างของเมืองก็มีน้ำพุขนาดใหญ่ พวกเขาอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข…น่าอิจฉาและดูน่าสนุกกันจังเลย จิ้งจอกสาวคิด ก่อนจะถอนหายเฮือกออกมาหนึ่ง หญิงสาวชอบความตื่นตาตื่นใจของฟาร์ม ถึงได้แอบมาดูทุกวัน ในตอนที่ลำแสงสีทองสาดเข้ามาในป่ารกทึบ จากนั้นเหล่าสัตว์ก็มีวิวัฒนาการกลายร่างเป็นมนุษย์ ตอนนั้นนางตื่นเต้นมาก กระโดดโลดเต้นรอบป่า ยิ่งค้นพบว่ายังมีสัตว์เผ่าอื่นที่กลายร่างเป็นมนุษย์ นางก็ยิ่งอยากเป็นเพื่อนกับทุกคน เพราะอย่างนั้นตอนที่หมาป่าเพศผู้นามว่าหลางไป๋มาเจรจาขอเป็นพันธมิตรกับเผ่าจิ้งจอก นางอยากให้ท่านพ่อตอบรับการเข้าร่วมเป็นพันธมิตรกับท่านภูต แต่ว่า ท่านพ่อกลับปฏิเสธ แม้ผิดหวังอย่างมาก แต่คำสั่งของผู้นำเผ่าถือเป็นเด็ดขาด เช้าตรู่ของวันนี้ จิ้งจอกสาวก็ยังแอบมาที่ฟาร์ม นางหลบหลังต้นไม้ใหญ่ แ
ตอนพิเศษ (1) ต้นฤดูหนาวของปีนั้น ชุนกับจิ่นเซี่ยได้จัดพิธีแต่งงานแบบเรียบง่าย โดยหลางไป๋เป็นญาติฝ่ายหญิง ส่วนจิ่นเซี่ยนั้น เนื่องจากองครักษ์หนุ่มผู้นี้เป็นเด็กกำพร้า ญาติฝ่ายชายจึงเป็นกงเยียนซู แม้เป็นงานแต่งที่เรียบง่าย แต่เพราะได้ลู่ซินฟางเป็นแม่งาน อาหารสุราจึงขึ้นเต็มโต๊ะตลอดทั้งวันทั้งคืน แขกเหรื่อที่มาร่วมงานล้วนเป็นคนกันเอง งานแต่งของชุนกับองครักษ์หนุ่ม จึงเหมือนกับวันรวมญาติมากกว่าเป็นงานมงคล ลู่ซินฟางอนุญาตให้ชุนหยุดได้เท่าที่ต้องการ หลังเสร็จสิ้นงานแต่ง ทุกคนกลับมาใช้ชีวิตปกติเหมือนเดิม หลายวันหลังจากนั้น อุณหภูมิเริ่มลดต่ำ สายลมหนาวเย็นพัดมาเป็นระลอก ลู่ซินฟางยืนอยู่บนระเบียง มองพวกเด็กๆ วิ่งเล่นกันที่ลานกว้าง “เด็กๆ เนี่ย ไม่รู้จักความหนาวกันเลยหรือไงนะ” ลู่ซินฟางพึมพำด้วยความเอ็นดู “แอร๊…!” ตอนนั้นเอง เสียงเล็กๆ ของจินเอ๋อร์ดังมาจากในเปล ลู่ซินฟางผละสายตาออกจากพวกเฉิงเอ๋อร์ เดินกลับมาหาลูกน้อยที่นอนในเปล จินเอ๋อร์อา
บทที่ 128บทพิเศษ มิติที่สมบูรณ์ และ รักจนแก่เฒ่า (ครึ่งหลัง) จบบริบูรณ์ เมื่อกลับมาจากมิติ ซินหลินก็มาหาลู่ซินฟางที่คฤหาสน์ เจ้าแฝดพอเห็นพี่ชายมาหา ก็วิ่งเข้าไปเกาะแขน กระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจ “พี่ชายซินหลิน เมื่อกี้พวกเราไปมิติมาด้วย” “พี่ชายซินหลิน พวกเราไปอ่านหนังสือกันเถอะ” ซินหลินส่ายหน้าพร้อมเคาะปลายจมูกน้อยๆ ของเด็กทั้งสองเบาๆ คนละที “พวกเจ้าเรี่ยวแรงเหลือเฟือจริงๆ เลยนะ เพิ่งกลับมาจากมิติไม่ใช่หรือ คิดจะเล่นกันอีกแล้ว?” “ฮะๆ” “คิๆ” เจ้าแฝดหัวเราะชอบใจ ซินหลินยิ้มให้กับน้องๆ ก่อนหันมาบอกลู่ซินฟางว่า “ข้าเพิ่งเอาผักไปให้เหนียงซิ่น นางบอกว่าอากาศน่าจะเริ่มหนาวแล้ว นางว่าจะทำหม้อไฟชุดใหญ่ เลยให้ข้ามาบอกน่ะ” “ขอบใจมาก รอเยียนซูกลับมาแล้วข้าจะพาเด็กๆ ไปที่คฤหาสน์นะ” ลู่ซินฟางตอบกลับ “อืม” “หม้อไฟ” “เย่ หม้อไฟ!” หม้อไฟฝีมือเหนียงซิ่นอร่อยมาก แถมนานๆ ครั้งจะได้สักที พวกเด็กๆ จึงชูแขนร้องด้วยความดีใจ