หน้าหลัก / รักโบราณ / ทะลุมิติมาเป็นคุณแม่ลูแฝดกับมิติมหัศจรรย์ / บทที่ 42 แล้วแต่บุญแต่กรรมของฝางลี่ (ครึ่งหลัง)

แชร์

บทที่ 42 แล้วแต่บุญแต่กรรมของฝางลี่ (ครึ่งหลัง)

ผู้เขียน: ฮาจิฮาจิ
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-07-21 17:33:00

บทที่ 42

แล้วแต่บุญแต่กรรมของฝางลี่ (ครึ่งหลัง)

            ณ เวลาปัจจุบัน 

            บ้านของหัวหน้าหมู่บ้าน

            “ท่านแม่ สายแล้วนะเจ้าคะ ทำไมไม่ออกจากห้องอีก ท่านไม่สบายหรือไม่”

            เต๋อหลิน บุตรสาวคนที่สามของหัวหน้าหมู่บ้านยืนเคาะประตูปังๆ ปีนี้นางอายุสิบเอ็ดขวบแล้ว รู้ความอย่างยิ่ง อาจเพราะนางเกิดจากฝางลี่ที่เป็นภรรยารองของหัวหน้าหมู่บ้าน เพื่อได้รับความเอ็นดู นางจึงขยันและเชื่อฟังผู้ใหญ่ 

            ท่านแม่ไม่เคยออกจากห้องสาย ทุกคนในบ้านต่างสงสัย นางที่เป็นลูกเลยต้องมาตาม

            “ท่านแม่เปิดประตูให้ข้าหน่อย”

            ปังๆ

            ผ่านไปสักพัก ประตูถูกเปิดจากด้านใน ฝางลี่ยื่นหน้าโผพ้นขอบประตู ใบหน้าของนางตั้งแต่จมูกถึงคางถูกปิดด้วยผ้าสีขาว

            “ท่านแม่?” 

            “...”

            ฝางลี่ไม่ตอบ ไม่สิ พูดไม่ได้เลยต่างหาก กระนั้นสายตาของนางเวลามองลูกสาวแสดงออกถึงความหม่นหมองและกังวล

            “ท่านไม่สบายจริงๆ ด้วย ถ้าอย่างนั้นข้าจะพาท่านไปหาหมอ” เต๋อหลินเอ่ย สักครู่ก็ทำหน้าแปลกๆ “กลิ่นเหม็นอะไรเจ้าคะ ในห้องท่านมีหนูตายหรือ”

            ได้ยินเช่นนั้นฝางลี่ก็สะดุ้งโหยง รีบยกสองมือปิดปากปิดหน้าตัวเองอย่างร้อนรน

            “ท่านแม่ ท่านเป็นอะไร” เต๋อหลินถามด้วยความเป็นห่วง

            ครั้นเห็นความห่วงใยของลูกสาว น้ำตาของฝางลี่ก็ไหลริน จากนั้นเริ่มสะอื้นไห้จนไหล่สั่น

            “ท่านแม่?”

            เด็กๆ ในหมู่บ้านชนบทน้อยนักจะได้รับการศึกษา ฝางลี่เกิดในบ้านที่ยากจนมาก เขียนอ่านไม่ออก ต่อให้อยากบอกลูกสาวว่าตนพูดไม่ได้ ก็ไม่สามารถสื่อสารออกมาได้

            เด็กหญิงเขย่งเท้า ยื่นมือแตะหน้าผากมารดา “ตัวร้อนหน่อยๆ นะ ท่านคงไม่สบาย ถ้างั้นข้าจะไปขอความช่วยเหลือจากแม่ใหญ่”

            แม่ใหญ่หรือก็คือภรรยาเอกของหัวหน้าหมู่บ้าน รับผิดชอบทุกเรื่องภายในบ้าน

            เต๋อหลินไม่เพียงพูดเปล่า ยังรั้งแขนมารดาแล้วดึงตัวให้ออกจากห้อง

            ฝางลี่ส่ายหน้ารัวๆ อย่างร้อนรน ส่งเสียงอู้อี้พลางยื้ดยุดกับลูกสาวอยู่ที่หน้าห้อง

            “โถ ถ้าท่านแม่ไม่สบายก็ต้องหาหมอไม่ใช่หรือ ว่าแต่ ทำไมท่านไม่พูดกับข้าเลยล่ะ”

            เพราะพูดไม่ได้น่ะสิ! ฝางลี่โต้ในใจ พร้อมกับน้ำตาไหลพราก 

            ยื้อกันไปยื้อกันมา ทันใดนั้น ปมผ้าปิดปากพลันคลายออก ผ้าล่วงลงพื้น จังหวะนรก ไม่เพียงเต๋อหลินที่เห็นสิ่งผิดปกติบนปากของท่านแม่ นางสวี่ที่เป็นภรรยาเอกของหัวหน้าหมู่บ้านที่เดินมาดูยังบังเอิญเห็นเข้าพอดี 

            “ตาเถร!” นางสวี่ร้องเสียงดัง พลางยกมือขึ้นทาบอกด้วยความตกใจ “ทำไมปากเจ้าเป็นเช่นนั้น”

            ฝางลี่รีบก้มหน้า ทั้งยังปิดปากตนเองอย่างกระวนกระวาย

            “ที่แท้บนปากท่านแม่ก็เป็นแผลจนพูดไม่ได้” เต๋อหลินพึมพำ

            นางสวี่ก้าวเข้ามาหาฝางลี่เพื่อดูแผลนั้นให้ชัดๆ เมื่อกี้แม้จะเห็นแค่เพียงแวบเดียว แต่ก็รู้ว่าบนปากของฝางลี่คือแผลพุพองที่กำลังเน่าเปื่อย ทั้งยังมีกลิ่นเหม็น

            นิสัยของฝางลี่ชอบนินทาว่าร้ายคนอื่น คนในหมู่บ้านเลยเรียกนางลับหลังว่า ‘นางปากเน่า’ แต่นี่...นี่มันปากเน่าของแท้เลยไม่ใช่หรือ!

            “แม่ใหญ่ ข้าว่ารีบให้หมอมาตรวจดูเถอะเจ้าค่ะ” เต๋อหลินพูดด้วยความร้อนรนเพราะกลัวว่าแม่ของตนจะเป็นอะไรไป

            นางสวี่ว่า “เมื่อวานเห็นว่าถูกผึ้งต่อยมา คงแพ้พิษผึ้ง ถ้างั้นเจ้ารีบไปตามหมอหลิวมาตรวจแม่เจ้าเถอะ”

            “เจ้าค่ะ”

            เด็กหญิงก้มตัวกล่าวขอบคุณนางสวี่ จากนั้นเก็บผ้าปิดหน้าขึ้นมา ก่อนพยุงมารดากลับเข้าห้อง แล้ววิ่งปู๊ดไปตามท่านหมอทันที

            “เวรกรรมจริงๆ” นางสวี่ส่ายหน้าพึมพำอย่างเอือมระอา ขณะเดียวกันก็มองฝางลี่ที่นั่งเงียบๆ อยู่ในห้อง  

            …

            ราวหนึ่งเค่อ  หมอหลิวที่เป็นหมอประจำหมู่บ้านกว่างซูก็สะพายหลวมยามาถึงบ้านเต๋อ

            หมอหลิวอายุหกสิบกว่าแล้ว ประสบการณ์การรักษาย่อมมีไม่น้อย พอมาถึงก็ใช้ผ้าปิดจมูก สวมถุงมือ ค่อยๆ ตรวจบาดแผลบนปากของฝางลี่ ทั้งยังทดสอบพิษ หลังตรวจบาดแผลบนปากของของฝางลี่อย่างละเอียด ชายชราก็ส่ายหน้าพลางพูดด้วยความจนปัญญา 

            “นางไม่ได้ถูกพิษผึ้ง แต่ข้าไม่รู้จริงๆ ว่าพิษที่ทำให้ปากของนางเป็นแผลลุกลามได้ขนาดนี้คือพิษอะไร”

            ได้ยินเช่นนั้น สีหน้าของฝางลี่เหมือนถูกสายฟ้าฟาดใส่ ซึ่งต่อมา ร้องไห้ได้ปล่อยโฮ ถึงอย่างนั้นกลับมีแค่เสียงอู้อี้ดังจากลำคอ

            เสียงอย่างกับหมูที่กำลังโดนเชือด นางสวี่คิดในใจ ก่อนจะเอ่ยถามหมอหลิว “รักษาไม่ได้เลยหรือ”

            หมอหลิวครุ่นคิดครู่หนึ่ง แล้วตอบ “ถึงเป็นพิษที่ไม่รู้จัก แต่ใช่ว่าจะถอนพิษไม่ได้ ที่ข้าตั้งใจจะสื่อคือ ถอนพิษช้าไป ปากของนางอาจขยับได้หรือไม่ข้าตอบไม่ได้ เพราะเท่าที่ตรวจสอบเหมือนพิษนี้ทำให้อวัยวะส่วนนั้นเป็นอัมพาต เรื่องแผล แน่นอนว่าต้องใช้เวลารักา และอาจทิ้งรอยแผลเป็นไว้”

            “เช่นนั้นท่านแม่จะกินข้าวอย่างไร” เด็กหญิงถามพร้อมทำหน้าเหมือนจะร้องไห้

            “คงต้องใช้ไม้ไผ่ดูดอาหารเหลวๆ ไปก่อน” หมอหลิวตอบ

            “สรุปคือร่างกายไม่ได้เป็นอะไร ยกเว้นก็แต่ปากของนางที่ขยับไม่ได้ ใช่หรือไม่” นางสวี่ถามย้ำ  

            “ถูกต้อง”

            “เช่นนั้นท่านหมอหลิวรีบถอนพิษเถอะ อย่างน้อย นางก็ยังมีชีวิตอยู่ ถ้าโชคดี อาจพูดไม่ได้แค่ชั่วคราวเท่านั้น” นางสวี่ว่า

            หมอหลิวใช้เวลาหนึ่งวันเต็มๆ กว่าจะปรุงยาถอนพิษที่ไม่รู้จักออกมาจนสำเร็จ ส่วนแผลบนปากของฝางลี่ เขาให้ยาตามอาการ

            จากเหตุการณ์นี้ แม้พิษถูกถอนออกแล้ว แต่ฝางลี่คงหวาดกลัวผึ้งไปจนวันตาย และจะกลับมาพูดได้หรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับบุญเก่าของนางแล้วเช่นกัน

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • ทะลุมิติมาเป็นคุณแม่ลูแฝดกับมิติมหัศจรรย์   บทที่ 94 ตอบรับคำเชิญของกงเยียนซู

    บทที่ 94ตอบรับคำเชิญของกงเยียนซู พอถึงเวลาที่ต้องกลับ เป่าเอ๋อร์ร้องไห้งอแง เฉิงเอ๋อร์น้ำตาคลอเบ้า เด็กทั้งสองกอดเอวลู่ซินฟาง บอกว่าอยากอยู่ที่แดนสวรรค์ต่อ ลู่ซินฟางต้องสัญญาว่าจะพามาเที่ยวอีก พวกเขาถึงยอมฟังแต่โดยดี ได้เที่ยวเล่นกันทั้งวัน พอกลับมาถึงคฤหาสน์ อาบน้ำและกินมื้อค่ำจนอิ่ม เด็กทั้งสองก็หลับปุ๋ยในทันที วันถัดมา หลางไป๋เดินทางมาที่โรงเตี๊ยมตระกูลกง แจ้งเรื่องที่ลู่ซินฟางตอบรับคำเชิญกินมื้อเย็น ทั้งยังบอกจำนวนคนที่จะมา หลักๆ คือลู่ซินฟางกับเจ้าแฝด หลางไป๋และซินหลิน ส่วนชุนกับคนอื่นๆ ไม่ได้มาด้วย พวกเขาให้เหตุผลว่าวางตัวไม่ถูกหากต้องร่วมโต๊ะกับคนสูงศักดิ์ ยามพลบค่ำ ทุกคนเตรียมตัวเสร็จแล้วก็นั่งรถม้ามายังคฤหาสน์ตระกูลกงตามเวลานัดหมาย กงเยียนซูออกมายืนรอหน้าคฤหาสน์ด้วยตัวเอง หลางไป๋ประสานมือโค้งศีรษะให้กับกงเยียนซู จากนั้นหลุบตามองพวกเด็กๆ เจ้าแฝดทั้งสอง รวมถึงซินหลินที่เห็นอย่างนั้น ก็ประสานมือบนหน้าอกแล้วโค้งศีรษะลง ทำแบบเดียวกันกับหลางไป๋ กงเยียนซูมองเด็กทั้งสามด้วยสา

  • ทะลุมิติมาเป็นคุณแม่ลูแฝดกับมิติมหัศจรรย์   บทที่ 93 เที่ยวชมฟาร์ม

    บทที่ 93เที่ยวชมฟาร์ม กินขนมอิ่มกันแล้ว หลินก็ถามเด็กน้อยทั้งสองว่า “พวกเจ้าอยากไปชมฟาร์มกันไหม?” “ไปขอรับ/เจ้าค่ะ” เฉิงเอ๋อร์กับเป่าเอ๋อร์ตอบแบบไม่ต้องคิด เด็กน้อยคิดเหมือนว่า ฟาร์มในแดนสวรรค์กว้างขวางขนาดนี้ ต้องมีพืชผักที่ไม่เคยเห็นอีกเยอะแยะแน่ๆ ยิ่งคิดแล้วก็ยิ่งรู้สึกตื่นเต้น พอช่วยกันเก็บโต๊ะเสร็จเรียบร้อย ทั้งสี่คนก็เดินมาที่ฟาร์มฟาร์มในมิติมีขนาดกว้างใหญ่กว่าฟาร์มตระกูลลู่ที่อยู่ในหมู่บ้านกว่างซูหลายเท่า เด็กทั้งสองยืนมองสวนผักผลไม้ด้วยความตื่นตาตื่นใจ “ท่านแม่ ผักผลไม้พวกนี้ใช่ที่ท่านเอาออกไปวางขายในร้านหรือไม่” เฉิงเอ๋อร์เป็นเด็กฉลาด เห็นผักผลไม้ปุบก็เข้าใจทันที ว่าเป็นสินค้าที่มารดาเอาออกไปวางขายในร้าน “เจ้าเข้าใจถูกแล้ว ผักผลไม้ในแดนสวรรค์ แม่แบ่งออกไปขายข้างนอก เพราะพืชในที่แห่งนี้เติบโตเร็วกว่าข้างนอกหลายเท่า” “เป็นแบบนี้เอง” ตอนนั้นเอง สัตว์อสูรในร่างจำแลงมนุษย์ที่กำลังทำสวนหันมาเห็นลู่ซินฟางกับภูตประจำมิติพอดี พวกเขาต่างโบกมือทักทาย “ท่

  • ทะลุมิติมาเป็นคุณแม่ลูแฝดกับมิติมหัศจรรย์   บทที่ 92 พรสวรรค์ของเจ้าแฝด (ครึ่งหลัง)

    บทที่ 92พรสวรรค์ของเจ้าแฝด (ครึ่งหลัง) ใต้ร่มไม้ใหญ่ใกล้กับสวนดอกไม้ข้างบ้านทรงตะวันตกจะมีโต๊ะกลมสีขาวหนึ่งชุด ไม่ไกลจากสวนดอกไม้ มองไปก็จะเห็นฟาร์มอันกว้างขวาง หลังจากตัดสินใจว่าจะนั่งเล่นกันที่ใต้ร่มไม้ เด็กน้อยทั้งสองก็ปีนขึ้นไปนั่งบนเก้าอี้สีขาว เตะขาเล่นในขณะที่รอคอยขนมอร่อยๆ สักครู่หนึ่ง ชุนก็ยกเค้กสตอเบอรี่กับนมอุ่นๆ มาวางบนโต๊ะ ส่วนถาดที่อยู่ในมือของลู่ซินฟางคือชากุหลาบกลิ่นหอมกลมกล่อมกับคุกกี้เนยสด “ท่านแม่ ข้าไม่เคยเห็นของพวกนี้มาก่อนเลย” เฉิงเอ๋อร์บอกด้วยสีหน้าตื่นเต้น ดวงตากลมโตเปล่งประกายขณะกวาดตามองขนมบนโต๊ะ “น่ากินทุกอย่างเลย ขะ…ข้ากินได้หรือไม่” เป่าเอ๋อร์พูดจบก็กลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ “กินกันตามสบายเลยนะจ๊ะ” ลู่ซินฟางบอกพลางลูบศีรษะเล็กๆ ของลูกน้อยทั้งสอง เจ้าแฝดตัวน้อย รวมถึงภูตน้อยหลิน หยิบส้อมขึ้นมาตักเค้กสตอเบอรี่ส่งเข้าปาก ทันทีที่ได้กินของหวานแสนอร่อย รอยยิ้มสดใสปรากฏบนใบหน้าของทั้งสามคน แก้มขาวแดงระเรื่ออย่างน่าเอ็นดู ทำเอาลู่ซินฟางกับชุนถึงกับยิ้มตาม “อร

  • ทะลุมิติมาเป็นคุณแม่ลูแฝดกับมิติมหัศจรรย์   บทที่ 91 พรสวรรค์ของเจ้าแฝด (ครึ่งแรก)

    บทที่ 91พรสวรรค์ของเจ้าแฝด (ครึ่งแรก) พอก้าวข้ามประตูมิติ โลกอันงดงามก็ปรากฏต่อหน้าทุกคน ทุ่งข้าวสีทอง สวนผักผลไม้ ป่าไพรอันสีเขียวขจี และไหนจะธารน้ำอันสดชื่น ดวงตาใสแป๋วของเด็กน้อยทั้งสองเบิกโตด้วยความตื่นเต้น ขณะที่มองไปรอบๆ “แดนสวรรค์สวยจังเลย!” “อื้อ สวยมากๆ” “ยังมีสถานที่ที่สวยกว่านี้อีกนะ” ลู่ซินฟางบอกลูกๆ “อยากเห็นจังเลย ท่านแม่” เฉิงเอ๋อร์ตื่นเต้นมาก รีบร้องบอกท่านแม่ “ข้าก็ด้วย!” เป่าเอ๋อร์พยักหน้ารัวๆ ระหว่างที่เด็กน้อยทั้งสองกำลังตื่นตาตื่นใจกับสภาพแวดล้อมอันงดงามที่อยู่ตรงหน้า เสียงเล็กน่ารักพลันดังขึ้น “งั้นข้าจะเป็นคนนำเที่ยวให้เอง ฮิๆๆ” สิ้นเสียงนั้น ภูตน้อยหลินก็ปรากฏตัวต่อหน้าทุกคน ปีกน้อยขยับไปมาพร้อมกับละอองที่มีเปล่งประกายสีทองวิบวับ เจ้าแฝดเบิกตาโตพร้อมกับร้อง “ว้าว” “พวกเขาคือเฉิงเอ๋อร์กับเป่าเอ๋อร์สินะ”หลังบินวนรอบๆ เด็กน้อยทั้งสอง หลินก็กลับมานั่งบนไหล่ของลู่ซินฟาง หญิงสาวยิ้มแล้วพยักหน้าให้ก

  • ทะลุมิติมาเป็นคุณแม่ลูแฝดกับมิติมหัศจรรย์   บทที่ 90 พาเจ้าแฝดไปต่างมิติ

    บทที่ 90พาเจ้าแฝดไปต่างมิติ “ท่านจะตอบรับคำเชิญของเขาหรือไม่ขอรับ” ทันทีที่ลู่ซินฟางเปิดประตูเดินออกจากห้องทำงาน เสียงทุ้มของหลางไป๋ก็ดังขึ้น หญิงสาวหันมอง เห็นหมาป่าหนุ่มยืนกอดอกอยู่ข้างประตู เฮ้อ… ลู่ซินฟางถอนหายใจด้วยรู้สึกคิดไม่ตก ก่อนจะตอบกลับไป “ข้าในชาติก่อนไม่เคยสับสนกับเรื่องแบบนี้ ไม่รู้ว่าควรจะตอบรับคำเชิญของเขาหรือไม่” คำพูดของหญิงสาวทำเอาหมาป่าหนุ่มกระดกยิ้มตรงมุมปากอย่างขบขัน “ใครจะคิดว่านายหญิงที่คอยชี้นำเหล่าสัตว์อสูรจะเผชิญกับความสับสนเสียเอง” “ก็ข้าไม่เคยคิดนี่น่า คนที่มีศักดิ์ฐานะสูงส่งแบบกงเยียนซูจะมาสนใจหญิงหม้ายลูกติด” “นายหญิงขอรับ อย่างที่ท่านกงบอกนั่นละ การจะชอบใครสักคนทำไมต้องมีเหตุผล สำคัญกว่าฐานะ นายหญิงคิดเช่นไรกับเขาต่างหาก” ลู่ซินฟางคิดตาม ก็รู้สึกว่าหลางไป๋พูดถูก ปัญหาไม่ใช่เรื่องฐานะ สำคัญที่สุดคือลู่ซินฟางคิดกับกงเยียนซูอย่างไร? อย่างไรก็ตาม ลู่ซินฟางหรี่ดวงตาด้วยความสงสัยขณะจ้องมองหมาป่าหนุ่ม “เมื่อก่

  • ทะลุมิติมาเป็นคุณแม่ลูแฝดกับมิติมหัศจรรย์   บทที่ 89 ถูกสารภาพรักครั้งแรก

    บทที่ 89ถูกสารภาพรักครั้งแรก หมายความว่ายังไง เขาไม่ได้โกหก เขาที่ประกาศต่อหน้าทุกคนว่า ‘ชอบ’ นาง บอกว่าไม่ได้โกหก ลู่ซินฟางนั่งตัวแข็งทื่อ อึ้งจนทำอะไรไม่ถูกอยู่ชั่วขณะ ต่อมา หัวใจของนางก็เต้นอย่างรุนแรง ใบหน้าร้อนผ่าวและแดงระเรื่อ ในโลกก่อนและโลกนี้ นี่เป็นครั้งแรกที่ลู่ซินฟางถูกชายหนุ่มสารภาพว่าชอบ นางจึงสับสนและรับมือกับอารมณ์ในตอนนี้ไม่ถูก ผ่านไปครู่หนึ่ง ดวงตาคู่สวยกะพริบมองชายหนุ่มอยู่หลายครั้ง กงเยียนซูเลิกคิ้วมองตอบลู่ซินฟาง ดวงตาของเขาแฝงด้วยความสงสัย ว่ากันตามจริง ลู่ซินฟางไม่ใช่สาวน้อยวัยแรกแย้ม ทำไมท่าทางเขินอายนั้นถึงทำให้รู้สึกราวกับว่านางเพิ่งถูกสารภาพรักครั้งแรก “ท่านไม่ได้เข้าใจอะไรผิดใช่หรือไม่” หลังจากเงียบอยู่สักพัก ในที่สุดลู่ซินฟางก็เอ่ยออกมา “ข้าไม่ได้เข้าใจผิด คิดมาดีแล้วถึงได้มาหาเจ้าวันนี้” “ถึงท่านจะพูดแบบนั้น แต่ข้ากลับนึกไม่อออก เหตุใดท่านถึงชอบข้า ทั้งฐานะของข้ากับท่านก็แตกต่างกันมาก” “จ

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status