บทที่ 56
เพราะการเปิดร้าน เป็นสิ่งเดียวที่พอจะทำให้ลูกๆ ได้ (ครึ่งหลัง)
ลู่ซินฟางทอดตามองถนนกลางคืน แม้ยังมีผู้คนเดินผ่านไปมา หากบ้านเรือนที่อยู่ติดถนนเริ่มถยอยปิดประตู ดับไฟตามเสากันแล้ว สักครู่หนึ่ง นางขยับปากกล่าวว่า “ข้าอยากสร้างรากฐานที่มั่นคงไว้ให้กับเฉิงเอ๋อร์และเป่าเอ๋อร์ เพราะการเปิดร้าน เป็นวิธีเดียวที่ข้าพอจะทำให้พวกเขาได้ในตอนนี้”
หลางไป๋ทำหน้าไม่เข้าใจ
ลู่ซินฟางเห็นดังนั้นจึงยิ้ม แล้วกล่าวต่อ “เด็กๆ ต้องโตขึ้น ขณะเดียวกัน ผู้ใหญ่อย่างเราก็ค่อยๆ แก่ชราและจากโลกนี้ไป เพราะอย่างนั้น ข้าถึงอยากสร้างรากฐานไว้ให้พวกเขา อ้อ อีกส่วนก็มาจากความนึกสนุกของข้าเองด้วย ข้าอยากให้เหล่าสัตว์อสูรออกมาปิดหูเปิดตาที่โลกภายนอก เล่าสิ่งเหล่านั้นให้หลินฟัง และนำความรู้ที่ได้กลับไปพัฒนาในต่างมิติต่อไปเรื่อยๆ”
“อย่างนี้นี่เอง”
แต่แล้ว ลู่ซินฟางก็ยิ้มแห้งๆ ด้วยรู้สึกผิด “พอเอาเข้าจริง ก็ไม่ต่างกับความนึกสนุกของข้าเอง อยากเปิดร้าน เร่งหาเงินให้ได้มากๆ ข้าคงทำให้พวกเจ้าต้องฝืนตัวเองกันสินะ ขอโทษด้วย”
“ไม่ใช่ขอรับ” หลางไป๋รีบปฏิเสธคำขอโทษของนายหญิง “หลายวันมานี้ พวกเราเห็นท่านฝืนทำงานหนัก เลยเป็นห่วงกลัวว่าท่านจะล้มป่วย ทุกคนอยากให้ท่านซินฟางมีเวลาผ่อนคลายนะขอรับ”
ลู่ซินฟางพยักหน้ารับ “เข้าใจแล้ว ขอบใจพวกเจ้ามากนะ”
พอคิดถึงต่างมิติ ลู่ซินฟางก็นึกถึงภูตน้อยหลิน หากพูดถึงคนที่อยู่เคียงข้างลู่ซินฟางทั้งวันดีๆ และวันที่ท้อแท้ นอกจากครอบครัวของนางแล้ว ก็มีหลินนี่แหละ ท่ไม่เคยทอดทิ้งนาง
ดังนั้นหากมีอะไรที่ทำเพื่อหลินได้ ลู่ซินฟางก็ไม่ลังเล
“สรุปแล้วเกิดเรื่องดีๆ ขึ้นที่ต่างมิติหรือ”
ลู่ซินฟางถามหลางไป๋แบบปุบปับ หมาป่าหนุ่มที่คล้อยตามบรรยากาศตั้งตัวไม่ทัน จึงหลุดปากออกมา
“ท่านหลิน…อ๊ะ!”
หมาป่ารีบยั้งคำพูด ทั้งยังยกมือขึ้ปิดปากตัวเองก่อนจะเผลอหลุดปากพูดมากกว่านั้น
ลู่ซินฟางหรี่ตา ส่งเสียง “เห…?”
หมาป่าหนุ่มยิ้มจางๆ
“เกี่ยวกับหลินจริงๆ ด้วยสินะ”
“ถึงจะเป็นท่านซินฟาง แต่เรื่องนี้ข้าบอกท่านไม่ได้ขอรับ อ้อ เซอร์ไพรส์ขอรับ”
“หลางไป๋ขี้งก!”
ลู่ซินฟางแกล้งบ่น ก่อนจะยิ้มอย่างจนใจ
คำถามของหลางไป๋ทำให้ลู่ซินฟางฉุกใจคิด ว่านางกำลังหมกมุ่นกับการหาเงินมากเกินจนลืมบางสิ่งที่สำคัญไปหรือเปล่า
เมื่อย้อนคิดก็พบว่าตนกำลังห่างไกลเป้าหมายที่แท้จริงออกไปทีละนิด
ลู่ซินฟางต้องการสร้างโลกต่างมิติให้กลายเป็นสรวงสวรรค์ เพื่อที่นางและทุกๆ คนที่นั่นจะได้อยู่อย่างผาสุข โดยเฉพาะหลิน เพื่อนคนแรกที่แสนสำคัญของนาง
ในส่วนของโลกแห่งความเป็นจริง ลู่ซินฟางอยากหาเงินให้ได้เยอะๆ ทำให้ลูกแฝดทั้งสองใช้ชีวิตอย่างสุขสบาย
สรุปแล้ว ไม่ว่าจะโลกฝั่งนั้นหรือโลกฝั่งนี้ เป้าหมายคือความสุขของพวกเขา
แต่นางกลับใจร้อน รีบเร่งหาเงินจนไม่มีเวลาให้กับทุกคน
พอลู่ซินฟางตระหนักถึงเรื่องนี้ รถม้าก็จอดหน้าคฤหาสน์
นางกับหลางไป๋ลงจากรถม้า ส่วนอาจิ้งจูงรถม้าไปเก็บที่ลานด้านหลัง
“หลางไป๋”
ตอนที่หมาป่าหนุ่มกำลังเดินแยกไปอีกทาง ลู่ซินฟางเรียกรั้งฝ่ายนั้นเอาไว้
ชายหนุ่มหันหน้ากลับมาถาม “ขอรับ?”
“ขอบใจที่ช่วยเตือนสติข้านะ หากเจ้าไม่พูด ข้าก็คงลืมสิ่งสำคัญไปแล้ว”
ถึงอย่างนั้น หลางไป๋ก็ทำหน้าไม่เข้าใจ
หญิงสาวตัดบทด้วยรอยยิ้ม โบกมือแล้วบอกให้เขากลับไปพักผ่อนเสีย
หลางไป๋ไม่ใช่คนที่ชอบถามเซ้าซี้ พอลู่ซินฟางตัดบทเช่นนั้น เขาจึงก้มศีรษะให้ แล้วขอตัวกลับเรือนพัก
พอเดินเข้ามาในเรือนใหญ่ ลู่ซินฟางไม่ได้ตรงกลับห้องของนางทันที นางแวะห้องลูกๆ ก่อน
“นายหญิง?”
เพราะได้ยินเสียงฝีเท้า ชุนที่อยู่ในห้องติดกับห้องนอนของเด็กๆ จึงเปิดประตูออกมาถาม
“เจ้ากลับไปนอนต่อเถอะ ข้าแค่แวะมาดูเด็กๆ เดี๋ยวก็กลับแล้ว”
“เจ้าค่ะ”
ชุนหมุนตัว เดินกลับเข้าห้องของตัวเอง
สักพักให้หลัง ลู่ซินฟางถึงเข้ามาในห้องนอนของลูกแฝด เจ้าตัวน้อยของนางหลับสนิทไปแล้ว นางจึงนั่งลงบนเตียงอย่างเงียบเฉียบที่สุด
“งือ ท่านแม่”
เสียงละเหม่อแผ่วเบาดังมาจากริมฝีปากเล็กน่ารักของเป่าเอ๋อร์
ลู่ซินฟางลูบเส้นผมนุ่มลื่นของเจ้าหญิงตัวน้อย
“คิดถึงแม่จนเก็บเอาไปฝันเลยหรือ ขอโทษที่แม่ทำเจ้าต้องเหงานะจ๊ะ”
ลู่ซินฟางลูบแก้มของเป่าเอ๋อร์ ก่อนจะยื่นมือไปลูบศีรษะเล็กของเฉิงเอ๋อร์ที่นอนข้างๆ โน้มตัวลง จุ๊บแก้มของพวกเขาคนละทีอย่างรักใคร่
ทันใดนั้นมุมปากเล็กๆ ของเฉิงเอ๋อร์กับเป่าเอ๋อร์ก็ยกขึ้นน้อยๆ เหมือนกับกำลังยิ้ม
เห็นแบบนี้ ลู่ซินฟางพลันอบอุ่นหัวใจ
บทที่ 94ตอบรับคำเชิญของกงเยียนซู พอถึงเวลาที่ต้องกลับ เป่าเอ๋อร์ร้องไห้งอแง เฉิงเอ๋อร์น้ำตาคลอเบ้า เด็กทั้งสองกอดเอวลู่ซินฟาง บอกว่าอยากอยู่ที่แดนสวรรค์ต่อ ลู่ซินฟางต้องสัญญาว่าจะพามาเที่ยวอีก พวกเขาถึงยอมฟังแต่โดยดี ได้เที่ยวเล่นกันทั้งวัน พอกลับมาถึงคฤหาสน์ อาบน้ำและกินมื้อค่ำจนอิ่ม เด็กทั้งสองก็หลับปุ๋ยในทันที วันถัดมา หลางไป๋เดินทางมาที่โรงเตี๊ยมตระกูลกง แจ้งเรื่องที่ลู่ซินฟางตอบรับคำเชิญกินมื้อเย็น ทั้งยังบอกจำนวนคนที่จะมา หลักๆ คือลู่ซินฟางกับเจ้าแฝด หลางไป๋และซินหลิน ส่วนชุนกับคนอื่นๆ ไม่ได้มาด้วย พวกเขาให้เหตุผลว่าวางตัวไม่ถูกหากต้องร่วมโต๊ะกับคนสูงศักดิ์ ยามพลบค่ำ ทุกคนเตรียมตัวเสร็จแล้วก็นั่งรถม้ามายังคฤหาสน์ตระกูลกงตามเวลานัดหมาย กงเยียนซูออกมายืนรอหน้าคฤหาสน์ด้วยตัวเอง หลางไป๋ประสานมือโค้งศีรษะให้กับกงเยียนซู จากนั้นหลุบตามองพวกเด็กๆ เจ้าแฝดทั้งสอง รวมถึงซินหลินที่เห็นอย่างนั้น ก็ประสานมือบนหน้าอกแล้วโค้งศีรษะลง ทำแบบเดียวกันกับหลางไป๋ กงเยียนซูมองเด็กทั้งสามด้วยสา
บทที่ 93เที่ยวชมฟาร์ม กินขนมอิ่มกันแล้ว หลินก็ถามเด็กน้อยทั้งสองว่า “พวกเจ้าอยากไปชมฟาร์มกันไหม?” “ไปขอรับ/เจ้าค่ะ” เฉิงเอ๋อร์กับเป่าเอ๋อร์ตอบแบบไม่ต้องคิด เด็กน้อยคิดเหมือนว่า ฟาร์มในแดนสวรรค์กว้างขวางขนาดนี้ ต้องมีพืชผักที่ไม่เคยเห็นอีกเยอะแยะแน่ๆ ยิ่งคิดแล้วก็ยิ่งรู้สึกตื่นเต้น พอช่วยกันเก็บโต๊ะเสร็จเรียบร้อย ทั้งสี่คนก็เดินมาที่ฟาร์มฟาร์มในมิติมีขนาดกว้างใหญ่กว่าฟาร์มตระกูลลู่ที่อยู่ในหมู่บ้านกว่างซูหลายเท่า เด็กทั้งสองยืนมองสวนผักผลไม้ด้วยความตื่นตาตื่นใจ “ท่านแม่ ผักผลไม้พวกนี้ใช่ที่ท่านเอาออกไปวางขายในร้านหรือไม่” เฉิงเอ๋อร์เป็นเด็กฉลาด เห็นผักผลไม้ปุบก็เข้าใจทันที ว่าเป็นสินค้าที่มารดาเอาออกไปวางขายในร้าน “เจ้าเข้าใจถูกแล้ว ผักผลไม้ในแดนสวรรค์ แม่แบ่งออกไปขายข้างนอก เพราะพืชในที่แห่งนี้เติบโตเร็วกว่าข้างนอกหลายเท่า” “เป็นแบบนี้เอง” ตอนนั้นเอง สัตว์อสูรในร่างจำแลงมนุษย์ที่กำลังทำสวนหันมาเห็นลู่ซินฟางกับภูตประจำมิติพอดี พวกเขาต่างโบกมือทักทาย “ท่
บทที่ 92พรสวรรค์ของเจ้าแฝด (ครึ่งหลัง) ใต้ร่มไม้ใหญ่ใกล้กับสวนดอกไม้ข้างบ้านทรงตะวันตกจะมีโต๊ะกลมสีขาวหนึ่งชุด ไม่ไกลจากสวนดอกไม้ มองไปก็จะเห็นฟาร์มอันกว้างขวาง หลังจากตัดสินใจว่าจะนั่งเล่นกันที่ใต้ร่มไม้ เด็กน้อยทั้งสองก็ปีนขึ้นไปนั่งบนเก้าอี้สีขาว เตะขาเล่นในขณะที่รอคอยขนมอร่อยๆ สักครู่หนึ่ง ชุนก็ยกเค้กสตอเบอรี่กับนมอุ่นๆ มาวางบนโต๊ะ ส่วนถาดที่อยู่ในมือของลู่ซินฟางคือชากุหลาบกลิ่นหอมกลมกล่อมกับคุกกี้เนยสด “ท่านแม่ ข้าไม่เคยเห็นของพวกนี้มาก่อนเลย” เฉิงเอ๋อร์บอกด้วยสีหน้าตื่นเต้น ดวงตากลมโตเปล่งประกายขณะกวาดตามองขนมบนโต๊ะ “น่ากินทุกอย่างเลย ขะ…ข้ากินได้หรือไม่” เป่าเอ๋อร์พูดจบก็กลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ “กินกันตามสบายเลยนะจ๊ะ” ลู่ซินฟางบอกพลางลูบศีรษะเล็กๆ ของลูกน้อยทั้งสอง เจ้าแฝดตัวน้อย รวมถึงภูตน้อยหลิน หยิบส้อมขึ้นมาตักเค้กสตอเบอรี่ส่งเข้าปาก ทันทีที่ได้กินของหวานแสนอร่อย รอยยิ้มสดใสปรากฏบนใบหน้าของทั้งสามคน แก้มขาวแดงระเรื่ออย่างน่าเอ็นดู ทำเอาลู่ซินฟางกับชุนถึงกับยิ้มตาม “อร
บทที่ 91พรสวรรค์ของเจ้าแฝด (ครึ่งแรก) พอก้าวข้ามประตูมิติ โลกอันงดงามก็ปรากฏต่อหน้าทุกคน ทุ่งข้าวสีทอง สวนผักผลไม้ ป่าไพรอันสีเขียวขจี และไหนจะธารน้ำอันสดชื่น ดวงตาใสแป๋วของเด็กน้อยทั้งสองเบิกโตด้วยความตื่นเต้น ขณะที่มองไปรอบๆ “แดนสวรรค์สวยจังเลย!” “อื้อ สวยมากๆ” “ยังมีสถานที่ที่สวยกว่านี้อีกนะ” ลู่ซินฟางบอกลูกๆ “อยากเห็นจังเลย ท่านแม่” เฉิงเอ๋อร์ตื่นเต้นมาก รีบร้องบอกท่านแม่ “ข้าก็ด้วย!” เป่าเอ๋อร์พยักหน้ารัวๆ ระหว่างที่เด็กน้อยทั้งสองกำลังตื่นตาตื่นใจกับสภาพแวดล้อมอันงดงามที่อยู่ตรงหน้า เสียงเล็กน่ารักพลันดังขึ้น “งั้นข้าจะเป็นคนนำเที่ยวให้เอง ฮิๆๆ” สิ้นเสียงนั้น ภูตน้อยหลินก็ปรากฏตัวต่อหน้าทุกคน ปีกน้อยขยับไปมาพร้อมกับละอองที่มีเปล่งประกายสีทองวิบวับ เจ้าแฝดเบิกตาโตพร้อมกับร้อง “ว้าว” “พวกเขาคือเฉิงเอ๋อร์กับเป่าเอ๋อร์สินะ”หลังบินวนรอบๆ เด็กน้อยทั้งสอง หลินก็กลับมานั่งบนไหล่ของลู่ซินฟาง หญิงสาวยิ้มแล้วพยักหน้าให้ก
บทที่ 90พาเจ้าแฝดไปต่างมิติ “ท่านจะตอบรับคำเชิญของเขาหรือไม่ขอรับ” ทันทีที่ลู่ซินฟางเปิดประตูเดินออกจากห้องทำงาน เสียงทุ้มของหลางไป๋ก็ดังขึ้น หญิงสาวหันมอง เห็นหมาป่าหนุ่มยืนกอดอกอยู่ข้างประตู เฮ้อ… ลู่ซินฟางถอนหายใจด้วยรู้สึกคิดไม่ตก ก่อนจะตอบกลับไป “ข้าในชาติก่อนไม่เคยสับสนกับเรื่องแบบนี้ ไม่รู้ว่าควรจะตอบรับคำเชิญของเขาหรือไม่” คำพูดของหญิงสาวทำเอาหมาป่าหนุ่มกระดกยิ้มตรงมุมปากอย่างขบขัน “ใครจะคิดว่านายหญิงที่คอยชี้นำเหล่าสัตว์อสูรจะเผชิญกับความสับสนเสียเอง” “ก็ข้าไม่เคยคิดนี่น่า คนที่มีศักดิ์ฐานะสูงส่งแบบกงเยียนซูจะมาสนใจหญิงหม้ายลูกติด” “นายหญิงขอรับ อย่างที่ท่านกงบอกนั่นละ การจะชอบใครสักคนทำไมต้องมีเหตุผล สำคัญกว่าฐานะ นายหญิงคิดเช่นไรกับเขาต่างหาก” ลู่ซินฟางคิดตาม ก็รู้สึกว่าหลางไป๋พูดถูก ปัญหาไม่ใช่เรื่องฐานะ สำคัญที่สุดคือลู่ซินฟางคิดกับกงเยียนซูอย่างไร? อย่างไรก็ตาม ลู่ซินฟางหรี่ดวงตาด้วยความสงสัยขณะจ้องมองหมาป่าหนุ่ม “เมื่อก่
บทที่ 89ถูกสารภาพรักครั้งแรก หมายความว่ายังไง เขาไม่ได้โกหก เขาที่ประกาศต่อหน้าทุกคนว่า ‘ชอบ’ นาง บอกว่าไม่ได้โกหก ลู่ซินฟางนั่งตัวแข็งทื่อ อึ้งจนทำอะไรไม่ถูกอยู่ชั่วขณะ ต่อมา หัวใจของนางก็เต้นอย่างรุนแรง ใบหน้าร้อนผ่าวและแดงระเรื่อ ในโลกก่อนและโลกนี้ นี่เป็นครั้งแรกที่ลู่ซินฟางถูกชายหนุ่มสารภาพว่าชอบ นางจึงสับสนและรับมือกับอารมณ์ในตอนนี้ไม่ถูก ผ่านไปครู่หนึ่ง ดวงตาคู่สวยกะพริบมองชายหนุ่มอยู่หลายครั้ง กงเยียนซูเลิกคิ้วมองตอบลู่ซินฟาง ดวงตาของเขาแฝงด้วยความสงสัย ว่ากันตามจริง ลู่ซินฟางไม่ใช่สาวน้อยวัยแรกแย้ม ทำไมท่าทางเขินอายนั้นถึงทำให้รู้สึกราวกับว่านางเพิ่งถูกสารภาพรักครั้งแรก “ท่านไม่ได้เข้าใจอะไรผิดใช่หรือไม่” หลังจากเงียบอยู่สักพัก ในที่สุดลู่ซินฟางก็เอ่ยออกมา “ข้าไม่ได้เข้าใจผิด คิดมาดีแล้วถึงได้มาหาเจ้าวันนี้” “ถึงท่านจะพูดแบบนั้น แต่ข้ากลับนึกไม่อออก เหตุใดท่านถึงชอบข้า ทั้งฐานะของข้ากับท่านก็แตกต่างกันมาก” “จ