แชร์

บทที่ 81 บุรุษอันตรายทั้งสอง

ผู้เขียน: ฮาจิฮาจิ
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-07-25 09:21:15

บทที่ 81

บุรุษอันตรายทั้งสอง

            บ่ายคล้อย แสงแดดยังสาดส่อง

            ณ โรงเตี๊ยมตระกูลกง ชายหนุ่มสองคนกำลังหาลือธุระสำคัญอยู่ในเรือนรับรอง

            ในเวลานั้น เสียงเคาะประตูดังจากด้านนอกสองสามครั้ง จากนั้นจิ่นเซี่ยก็เปิดประตูเข้ามา

            “นายท่าน…”

            จิ่นเซี่ยพูดเพียงเท่านั้นแล้วปิดปากลง สายตาเหลือบมองหลางไป๋ที่นั่งฝั่งตรงข้ามกงเยียนซูอย่างลังเล

            “ต่างฝ่ายต่างลงเรือลำเดียวกัน ไม่มีอะไรที่ต้องปิดบัง เจ้าพูดมาเถอะ จิ่นเซี่ย” กงเยียนซูบอกด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง สายตายังกวาดมองรายการสินค้าบนกระดาษที่อยู่ในมือ

            ทางด้านองครักษ์หนุ่ม หลังจากได้รับอนุญาต เขาก็รายงานเรื่องข่าวลือที่กำลังแพร่สะพัดทั่วเมืองเล่ออัน คร่าวๆ แล้วเป็นเรื่องของลู่ซินฟางที่ร่วมมือกับกงเยียนซูปลอมแปลงใบหย่า แล้วพาลูกหนีออกจากบ้านเหอ บัดนี้ เหอถิงผู้เป็นสามีได้เดินทางมาจากเมืองชิ่งเพื่อพาภรรยากับลูกกลับ แต่ถูกลู่ซินฟางกีดกันไม่ให้เจอลูก

            พอฟังจบ กงเยียนซูกับหลางไป๋ก็แหงนหน้าหัวเราะออกมาพร้อมกัน

            “ฮะๆๆ ฮะๆ”

            จิ่นเซี่ยมองคนทั้งสองด้วยความงุนงงสงสัย ข่าวลือนี้ทำให้ชื่อเสียงพวกเขาแย่ลงแท้ๆ แต่ทำไมทั้งสองคนกลับหัวเราะอย่างมีอารมณ์ขัน

            “นายท่าน?”

            “โกหกได้อย่างหน้าด้านๆ”

            น้ำเสียงของกงเยียนซูตอนกล่าวประโยคนั้นราบเรียบมาก แต่นัยน์ตาสีดำวาวโรจน์ด้วยความโกรธ

            หลางไป๋ผงกหัวขึ้นลงอย่างเห็นด้วย “เรียกร้องความสนใจจากการทำตัวน่าสงสาร หน้าด้านจริงๆ คนอย่างเหอถิงถ้าไม่รีบกำจัดจะยิ่งเป็นขยะเน่าเหม็นโฉ่”

            “ถูกของเจ้า แต่คงให้ศาลาว่าการตัดสินเรื่องนี้ไม่ได้แล้ว”

            “เพราะใบหย่านั่นสินะขอรับ”

            “อืม” 

            ชายหนุ่มทั้งสองต่อบทสนทนากันอย่างเข้าขา

            จิ่นเซี่ยได้แต่มองซ้ายทีขวาที หากกงเยียนซูเป็นปีศาจเจ้าแผนการ หลางไป๋ก็ไม่ต่างกัน

            “นายท่านขอรับ ท่านจะให้ข้าสร้างเรื่องอื่นมากลบข่าวลือของเถ้าแก่เนี้ยลู่หรือไม่ขอรับ” จิ่นเซี่ยลองเสนอแผน

            กงเยียนซูไม่ได้ตอบทันที หากเหลือบมองหลางไป๋ด้วยสายตาเหมือนจะถามความเห็น

            หมาป่าหนุ่มหรี่ตาอย่างเยือกเย็น ถามกงเยียนซูกลับไปว่า “เป็นไปได้หรือไม่ หากทำให้คนคนหนึ่งหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย”

            “ถ้าหมายถึงเหอถิงละก็ อย่าดีกว่า เพราะเจ้าขยะนั่นมีตระกูลจี๋หนุนหลัง เล่นงานยาก เดี๋ยวจะเดือดร้อนถึงลู่ซินฟางเปล่าๆ” กงเยียนซูตอบพลางส่ายหน้า

            “พูดเหมือนนายหญิง”

            “เช่นนั้นเจ้าควรเชื่อนาง”

            “ข้าก็แค่ลองถามท่านดู”

            กงเยียนซูยิ้มเล็กน้อย พลางคิดว่าหากเมื่อครู่เขาไม่ได้ห้ามหลางไป๋ เกรงว่าผู้ชายคนนี้จะแอบเก็บกวาดเหอถิง แม้แต่กระดูกก็คงไม่เหลือซาก

            “อันที่จริง จะใช้อำนาจของข้ากันให้เขาออกจากเมืองเล่ออันย่อมทำได้ทันที แต่ถ้าจะสั่งสอนขยะแบบนั้น แค่ข่มขู่แล้วไล่ออกไปยังไม่พอ” กงเยียนซูกล่าวต่อ

            “ข้าเองก็คิดว่าคนที่ทำให้นายหญิงต้องเดือดร้อนซ้ำแล้วซ้ำเล่า อีกอย่าง เฉิงเอ๋อร์กับเป่าเอ๋อร์ก็ถูกคนผู้นั้นทารุณมาไม่น้อย จะให้เขากลับไปใช้ชีวิตสบายเหมือนเดิมไม่ได้ขอรับ”

            กงเยียนซูเลิกคิ้วมองหลางไป๋พร้อมกับถาม “ดูเหมือนว่าทางเจ้าจะวางแผนเอาไว้แล้ว?”

            หลางไป๋ไม่ได้ตอบ แต่ฉีกยิ้มอย่างเยือกเย็น

            “จะสร้างสถานการณ์ให้เป็นอุบัติเหตุหรือ” กงเยียนซูคาดเดาจากรอยยิ้มของหลางไป๋ เมื่อเห็นอีกฝ่ายพยักหน้าทีหนึ่ง เขาจึงแนะนำด้วยน้ำเสียงเรียบๆ ว่า “ข้าขอแนะนำ อุบัติเหตุครั้งนี้ไม่ควรเกิดขึ้นในเมืองเล่ออัน หากเป็นไปได้ อย่าทำให้ตายทันที แต่ทำให้ทุกข์ทรมานยิ่งกว่าตายดีกว่า”

            บนใบหน้าของหมาป่าหนุ่มผุดรอยยิ้มจางๆ ในขณะถาม “แล้วอุบัติเหตุครั้งนี้ควรเกิดขึ้นที่ไหนดีขอรับ”

            “เมืองชิ่ง”

            ได้ยินคำตอบ หลางไป๋แสดงสีหน้าครุ่นคิด

            กงเยียนซูเอ่ยขึ้นอีก “หากจะเดินทางไปดักรอที่เมืองชิ่ง ถ้าใช้รถม้าเดินทางจะเสียเวลาเพียงสามวัน แต่หากเดินทางด้วยเท้าต้องใช้เวลาเกือบสิบวัน ระหว่างทางมีโรงเตี๊ยมสามแห่ง เขตชานเมืองเป็นป่าและภูเขา ก็…ไม่ต่างจากเมืองอื่นๆ”

            หลางไป๋ยกยิ้มมุมปาก เขาเป็นสัตว์อสูร วิ่งเร็วม้าหลายเท่า ย่อมใช้เวลาไม่ถึงสามวัน

พอคิดจบ หลางไป๋ก็ตอบกลับกงเยียนซูว่า “เข้าใจแล้วขอรับ” จากนั้น เขาก็เปลี่ยนหัวข้อสนทนามาเป็นเรื่องงาน 

            เบื้องหน้าดูเหมือนกำลังตรวจสอบรายการสินค้า แต่ในหัวของพวกเขากลับวางแผนจัดการกับเหอถิง

            จิ่นเซี่ยนั่งเงียบ ทั้งฟังบทสนาทั้งสังเกตท่าทางของทั้งสอง พลันนั้นอดขนลุกซู่ขึ้นมาไม่ได้ 

            …เหอถิงเอ๋ย เจ้าจบเห่แล้ว!

            ผ่านไปครู่ใหญ่ จู่ๆ กงเยียนซูก็วางกระดาษรายการสินค้าลง หัวเราะอย่างเจ้าเล่ห์ 

            “จิ่นเซี่ย ในข่าวลือเหมือนจะมีชื่อข้าด้วยใช่หรือไม่”

            “ใช่ขอรับ” 

            “เหมือนอย่างตอนที่เจียงลิ่วปล่อยข่าวลือเรื่องข้ากับลู่ซินฟางเลยว่าไหม”

            หลังจากหวนคิดเรื่องของเจียงลิ่ว จิ่นเซี่ยจึงตอบและถามในประโยคเดียว “จริงด้วยขอรับ นายท่านต้องการให้ข้าจัดเหอถิงเหมือนอย่างเจียงลิ่วหรือ?” 

            “ไม่ใช่” กงเยียนซูโบกมือ “ข้าแค่คิดแผนดีๆ ออกเท่านั้นเอง”

            “แผนอะไรหรือขอรับ”

            “ในเมื่อเหอถิงกล้าดึงข้าเข้ามาเกี่ยวข้อง เช่นนั้นข้าก็จะดึงตระกูลจี๋เข้ามามีส่วนด้วย จะได้เสมอกัน”

            “แบบนั้นคงสนุกน่าดูนะขอรับ” หลางไป๋พูดปนขำ

            จิ่นเซี่ยแอบส่ายหัวในใจ 

            ต่อมา กงเยียนซูก็หยิบกระดาษมากาง หลางไป๋เห็นแบบนั้นจึงรีบช่วยฝนหมึก

            ระหว่างเขียนจดหมาย กงเยียนซูอธิบายแผนคร่าวๆ ไปด้วย

            “บ้านพ่อตาของเหอถิงเป็นตระกูลขุนนางเก่าแก่ ประเภทที่รักชื่อเสียงของตัวเองอย่างมาก เพราะอย่างนั้น ตระกูลจี๋ควรรู้ว่าเหอถิงมาที่เมืองล่ออันทำเรื่องน่าขายหน้าแค่ไหน ทางนั้นจะได้เรียกตัวเหอถิงกลับเร็วๆ หลังจากเหอถิงเข้าเขตเมืองชิ่งแล้ว ทางเจ้าจะจัดการอย่างไรต่อก็เชิญตามสบาย”

            “อย่างนี้เอง” หลางไป๋เข้าใจในบัดดล

            ถึงจะมีแผนจัดการเหอถิงแล้ว แต่ถ้ารอให้ฝ่ายนั้นกลับเมืองชิ่งเองก็ไม่รู้ว่าเมื่อไร หนำซ้ำ จดหมายของกงเยียนซูฉบับนี้ยังเป็นเชื้อเพลิงเผาไหม้บ้านเหออีกด้วย เป็นคนที่ร้ายกาจเสียจริง!

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • ทะลุมิติมาเป็นคุณแม่ลูแฝดกับมิติมหัศจรรย์   บทที่ 94 ตอบรับคำเชิญของกงเยียนซู

    บทที่ 94ตอบรับคำเชิญของกงเยียนซู พอถึงเวลาที่ต้องกลับ เป่าเอ๋อร์ร้องไห้งอแง เฉิงเอ๋อร์น้ำตาคลอเบ้า เด็กทั้งสองกอดเอวลู่ซินฟาง บอกว่าอยากอยู่ที่แดนสวรรค์ต่อ ลู่ซินฟางต้องสัญญาว่าจะพามาเที่ยวอีก พวกเขาถึงยอมฟังแต่โดยดี ได้เที่ยวเล่นกันทั้งวัน พอกลับมาถึงคฤหาสน์ อาบน้ำและกินมื้อค่ำจนอิ่ม เด็กทั้งสองก็หลับปุ๋ยในทันที วันถัดมา หลางไป๋เดินทางมาที่โรงเตี๊ยมตระกูลกง แจ้งเรื่องที่ลู่ซินฟางตอบรับคำเชิญกินมื้อเย็น ทั้งยังบอกจำนวนคนที่จะมา หลักๆ คือลู่ซินฟางกับเจ้าแฝด หลางไป๋และซินหลิน ส่วนชุนกับคนอื่นๆ ไม่ได้มาด้วย พวกเขาให้เหตุผลว่าวางตัวไม่ถูกหากต้องร่วมโต๊ะกับคนสูงศักดิ์ ยามพลบค่ำ ทุกคนเตรียมตัวเสร็จแล้วก็นั่งรถม้ามายังคฤหาสน์ตระกูลกงตามเวลานัดหมาย กงเยียนซูออกมายืนรอหน้าคฤหาสน์ด้วยตัวเอง หลางไป๋ประสานมือโค้งศีรษะให้กับกงเยียนซู จากนั้นหลุบตามองพวกเด็กๆ เจ้าแฝดทั้งสอง รวมถึงซินหลินที่เห็นอย่างนั้น ก็ประสานมือบนหน้าอกแล้วโค้งศีรษะลง ทำแบบเดียวกันกับหลางไป๋ กงเยียนซูมองเด็กทั้งสามด้วยสา

  • ทะลุมิติมาเป็นคุณแม่ลูแฝดกับมิติมหัศจรรย์   บทที่ 93 เที่ยวชมฟาร์ม

    บทที่ 93เที่ยวชมฟาร์ม กินขนมอิ่มกันแล้ว หลินก็ถามเด็กน้อยทั้งสองว่า “พวกเจ้าอยากไปชมฟาร์มกันไหม?” “ไปขอรับ/เจ้าค่ะ” เฉิงเอ๋อร์กับเป่าเอ๋อร์ตอบแบบไม่ต้องคิด เด็กน้อยคิดเหมือนว่า ฟาร์มในแดนสวรรค์กว้างขวางขนาดนี้ ต้องมีพืชผักที่ไม่เคยเห็นอีกเยอะแยะแน่ๆ ยิ่งคิดแล้วก็ยิ่งรู้สึกตื่นเต้น พอช่วยกันเก็บโต๊ะเสร็จเรียบร้อย ทั้งสี่คนก็เดินมาที่ฟาร์มฟาร์มในมิติมีขนาดกว้างใหญ่กว่าฟาร์มตระกูลลู่ที่อยู่ในหมู่บ้านกว่างซูหลายเท่า เด็กทั้งสองยืนมองสวนผักผลไม้ด้วยความตื่นตาตื่นใจ “ท่านแม่ ผักผลไม้พวกนี้ใช่ที่ท่านเอาออกไปวางขายในร้านหรือไม่” เฉิงเอ๋อร์เป็นเด็กฉลาด เห็นผักผลไม้ปุบก็เข้าใจทันที ว่าเป็นสินค้าที่มารดาเอาออกไปวางขายในร้าน “เจ้าเข้าใจถูกแล้ว ผักผลไม้ในแดนสวรรค์ แม่แบ่งออกไปขายข้างนอก เพราะพืชในที่แห่งนี้เติบโตเร็วกว่าข้างนอกหลายเท่า” “เป็นแบบนี้เอง” ตอนนั้นเอง สัตว์อสูรในร่างจำแลงมนุษย์ที่กำลังทำสวนหันมาเห็นลู่ซินฟางกับภูตประจำมิติพอดี พวกเขาต่างโบกมือทักทาย “ท่

  • ทะลุมิติมาเป็นคุณแม่ลูแฝดกับมิติมหัศจรรย์   บทที่ 92 พรสวรรค์ของเจ้าแฝด (ครึ่งหลัง)

    บทที่ 92พรสวรรค์ของเจ้าแฝด (ครึ่งหลัง) ใต้ร่มไม้ใหญ่ใกล้กับสวนดอกไม้ข้างบ้านทรงตะวันตกจะมีโต๊ะกลมสีขาวหนึ่งชุด ไม่ไกลจากสวนดอกไม้ มองไปก็จะเห็นฟาร์มอันกว้างขวาง หลังจากตัดสินใจว่าจะนั่งเล่นกันที่ใต้ร่มไม้ เด็กน้อยทั้งสองก็ปีนขึ้นไปนั่งบนเก้าอี้สีขาว เตะขาเล่นในขณะที่รอคอยขนมอร่อยๆ สักครู่หนึ่ง ชุนก็ยกเค้กสตอเบอรี่กับนมอุ่นๆ มาวางบนโต๊ะ ส่วนถาดที่อยู่ในมือของลู่ซินฟางคือชากุหลาบกลิ่นหอมกลมกล่อมกับคุกกี้เนยสด “ท่านแม่ ข้าไม่เคยเห็นของพวกนี้มาก่อนเลย” เฉิงเอ๋อร์บอกด้วยสีหน้าตื่นเต้น ดวงตากลมโตเปล่งประกายขณะกวาดตามองขนมบนโต๊ะ “น่ากินทุกอย่างเลย ขะ…ข้ากินได้หรือไม่” เป่าเอ๋อร์พูดจบก็กลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ “กินกันตามสบายเลยนะจ๊ะ” ลู่ซินฟางบอกพลางลูบศีรษะเล็กๆ ของลูกน้อยทั้งสอง เจ้าแฝดตัวน้อย รวมถึงภูตน้อยหลิน หยิบส้อมขึ้นมาตักเค้กสตอเบอรี่ส่งเข้าปาก ทันทีที่ได้กินของหวานแสนอร่อย รอยยิ้มสดใสปรากฏบนใบหน้าของทั้งสามคน แก้มขาวแดงระเรื่ออย่างน่าเอ็นดู ทำเอาลู่ซินฟางกับชุนถึงกับยิ้มตาม “อร

  • ทะลุมิติมาเป็นคุณแม่ลูแฝดกับมิติมหัศจรรย์   บทที่ 91 พรสวรรค์ของเจ้าแฝด (ครึ่งแรก)

    บทที่ 91พรสวรรค์ของเจ้าแฝด (ครึ่งแรก) พอก้าวข้ามประตูมิติ โลกอันงดงามก็ปรากฏต่อหน้าทุกคน ทุ่งข้าวสีทอง สวนผักผลไม้ ป่าไพรอันสีเขียวขจี และไหนจะธารน้ำอันสดชื่น ดวงตาใสแป๋วของเด็กน้อยทั้งสองเบิกโตด้วยความตื่นเต้น ขณะที่มองไปรอบๆ “แดนสวรรค์สวยจังเลย!” “อื้อ สวยมากๆ” “ยังมีสถานที่ที่สวยกว่านี้อีกนะ” ลู่ซินฟางบอกลูกๆ “อยากเห็นจังเลย ท่านแม่” เฉิงเอ๋อร์ตื่นเต้นมาก รีบร้องบอกท่านแม่ “ข้าก็ด้วย!” เป่าเอ๋อร์พยักหน้ารัวๆ ระหว่างที่เด็กน้อยทั้งสองกำลังตื่นตาตื่นใจกับสภาพแวดล้อมอันงดงามที่อยู่ตรงหน้า เสียงเล็กน่ารักพลันดังขึ้น “งั้นข้าจะเป็นคนนำเที่ยวให้เอง ฮิๆๆ” สิ้นเสียงนั้น ภูตน้อยหลินก็ปรากฏตัวต่อหน้าทุกคน ปีกน้อยขยับไปมาพร้อมกับละอองที่มีเปล่งประกายสีทองวิบวับ เจ้าแฝดเบิกตาโตพร้อมกับร้อง “ว้าว” “พวกเขาคือเฉิงเอ๋อร์กับเป่าเอ๋อร์สินะ”หลังบินวนรอบๆ เด็กน้อยทั้งสอง หลินก็กลับมานั่งบนไหล่ของลู่ซินฟาง หญิงสาวยิ้มแล้วพยักหน้าให้ก

  • ทะลุมิติมาเป็นคุณแม่ลูแฝดกับมิติมหัศจรรย์   บทที่ 90 พาเจ้าแฝดไปต่างมิติ

    บทที่ 90พาเจ้าแฝดไปต่างมิติ “ท่านจะตอบรับคำเชิญของเขาหรือไม่ขอรับ” ทันทีที่ลู่ซินฟางเปิดประตูเดินออกจากห้องทำงาน เสียงทุ้มของหลางไป๋ก็ดังขึ้น หญิงสาวหันมอง เห็นหมาป่าหนุ่มยืนกอดอกอยู่ข้างประตู เฮ้อ… ลู่ซินฟางถอนหายใจด้วยรู้สึกคิดไม่ตก ก่อนจะตอบกลับไป “ข้าในชาติก่อนไม่เคยสับสนกับเรื่องแบบนี้ ไม่รู้ว่าควรจะตอบรับคำเชิญของเขาหรือไม่” คำพูดของหญิงสาวทำเอาหมาป่าหนุ่มกระดกยิ้มตรงมุมปากอย่างขบขัน “ใครจะคิดว่านายหญิงที่คอยชี้นำเหล่าสัตว์อสูรจะเผชิญกับความสับสนเสียเอง” “ก็ข้าไม่เคยคิดนี่น่า คนที่มีศักดิ์ฐานะสูงส่งแบบกงเยียนซูจะมาสนใจหญิงหม้ายลูกติด” “นายหญิงขอรับ อย่างที่ท่านกงบอกนั่นละ การจะชอบใครสักคนทำไมต้องมีเหตุผล สำคัญกว่าฐานะ นายหญิงคิดเช่นไรกับเขาต่างหาก” ลู่ซินฟางคิดตาม ก็รู้สึกว่าหลางไป๋พูดถูก ปัญหาไม่ใช่เรื่องฐานะ สำคัญที่สุดคือลู่ซินฟางคิดกับกงเยียนซูอย่างไร? อย่างไรก็ตาม ลู่ซินฟางหรี่ดวงตาด้วยความสงสัยขณะจ้องมองหมาป่าหนุ่ม “เมื่อก่

  • ทะลุมิติมาเป็นคุณแม่ลูแฝดกับมิติมหัศจรรย์   บทที่ 89 ถูกสารภาพรักครั้งแรก

    บทที่ 89ถูกสารภาพรักครั้งแรก หมายความว่ายังไง เขาไม่ได้โกหก เขาที่ประกาศต่อหน้าทุกคนว่า ‘ชอบ’ นาง บอกว่าไม่ได้โกหก ลู่ซินฟางนั่งตัวแข็งทื่อ อึ้งจนทำอะไรไม่ถูกอยู่ชั่วขณะ ต่อมา หัวใจของนางก็เต้นอย่างรุนแรง ใบหน้าร้อนผ่าวและแดงระเรื่อ ในโลกก่อนและโลกนี้ นี่เป็นครั้งแรกที่ลู่ซินฟางถูกชายหนุ่มสารภาพว่าชอบ นางจึงสับสนและรับมือกับอารมณ์ในตอนนี้ไม่ถูก ผ่านไปครู่หนึ่ง ดวงตาคู่สวยกะพริบมองชายหนุ่มอยู่หลายครั้ง กงเยียนซูเลิกคิ้วมองตอบลู่ซินฟาง ดวงตาของเขาแฝงด้วยความสงสัย ว่ากันตามจริง ลู่ซินฟางไม่ใช่สาวน้อยวัยแรกแย้ม ทำไมท่าทางเขินอายนั้นถึงทำให้รู้สึกราวกับว่านางเพิ่งถูกสารภาพรักครั้งแรก “ท่านไม่ได้เข้าใจอะไรผิดใช่หรือไม่” หลังจากเงียบอยู่สักพัก ในที่สุดลู่ซินฟางก็เอ่ยออกมา “ข้าไม่ได้เข้าใจผิด คิดมาดีแล้วถึงได้มาหาเจ้าวันนี้” “ถึงท่านจะพูดแบบนั้น แต่ข้ากลับนึกไม่อออก เหตุใดท่านถึงชอบข้า ทั้งฐานะของข้ากับท่านก็แตกต่างกันมาก” “จ

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status