บทที่ 91
พรสวรรค์ของเจ้าแฝด (ครึ่งแรก)
พอก้าวข้ามประตูมิติ โลกอันงดงามก็ปรากฏต่อหน้าทุกคน
ทุ่งข้าวสีทอง สวนผักผลไม้ ป่าไพรอันสีเขียวขจี และไหนจะธารน้ำอันสดชื่น
ดวงตาใสแป๋วของเด็กน้อยทั้งสองเบิกโตด้วยความตื่นเต้น ขณะที่มองไปรอบๆ
“แดนสวรรค์สวยจังเลย!”
“อื้อ สวยมากๆ”
“ยังมีสถานที่ที่สวยกว่านี้อีกนะ” ลู่ซินฟางบอกลูกๆ
“อยากเห็นจังเลย ท่านแม่” เฉิงเอ๋อร์ตื่นเต้นมาก รีบร้องบอกท่านแม่
“ข้าก็ด้วย!” เป่าเอ๋อร์พยักหน้ารัวๆ
ระหว่างที่เด็กน้อยทั้งสองกำลังตื่นตาตื่นใจกับสภาพแวดล้อมอันงดงามที่อยู่ตรงหน้า เสียงเล็กน่ารักพลันดังขึ้น
“งั้นข้าจะเป็นคนนำเที่ยวให้เอง ฮิๆๆ”
สิ้นเสียงนั้น ภูตน้อยหลินก็ปรากฏตัวต่อหน้าทุกคน ปีกน้อยขยับไปมาพร้อมกับละอองที่มีเปล่งประกายสีทองวิบวับ
เจ้าแฝดเบิกตาโตพร้อมกับร้อง “ว้าว”
“พวกเขาคือเฉิงเอ๋อร์กับเป่าเอ๋อร์สินะ”
หลังบินวนรอบๆ เด็กน้อยทั้งสอง หลินก็กลับมานั่งบนไหล่ของลู่ซินฟาง
หญิงสาวยิ้มแล้วพยักหน้าให้กับภูตน้อย “ใช่แล้ว”
เฉิงเอ๋อร์กับเป่าเอ๋อร์ไม่เคยเห็นสิ่งมีชีวิตตัวจิ๋วมาก่อน เด็กทั้งสองจึงยืนมองด้วยแววตาตะลึง
“ภูตน้อยในนิทาน!?” นิ้วเล็กป้อมของเป่าเอ๋อร์ชี้มาทางหลิน เจ้าตัวเล็กพูดอย่างตื่นเต้น
“ภูตน้อยจริงด้วย” เฉิงเอ๋อร์พูดย้ำ
หลินหัวเราะคิกคักพลางมองเด็กแฝดชายหญิงที่แสนจะน่ารัก
“ฮิๆ พวกเจ้าเองก็ตัวเล็กตัวน้อยเหมือนกับข้าไม่ใช่หรือ”
ได้ยินแบบนี้ เด็กทั้งสองพลันหน้าแดง
“เฉิงเอ๋อร์ เป่าเอ๋อร์ จำเรื่องที่แม่เล่าได้ใช่หรือไม่ หลินคือภูตที่คอยดูแลแดนสวรรค์แห่งนี้ เป็นเพื่อนรักของแม่เอง” ลู่ซินฟางอธิบายให้ฟังอย่างคร่าวๆ
เด็กทั้งสองพยักหน้าแล้วตอบพร้อมเพรียง
“จำได้ขอรับ/เจ้าค่ะ”
หลินลุกขึ้นจากไหล่ของลู่ซินฟาง บินเข้ามาหยุดตรงหน้าเจ้าตัวน้อยทั้งสองพลางบอกว่า “เฉิงเอ๋อร์ เป่าเอ๋อร์ ยินดีต้อนรับ”
เด็กน้อยทั้งสองยิ้มแย้มสดใส และยังพูดออกมาอย่างพร้อมเพรียง
“ยินดีที่ได้รู้จัก”
เมื่อทั้งสองฝ่ายทำความรู้จักกันแล้ว หมาป่าสาวก็เอ่ยถามกับพวกเด็กๆ
“คุณหนูทั้งสอง ลืมของฝากของท่านหลินแล้วหรือเปล่าเจ้าคะ”
เป่าเอ๋อร์ส่ายหน้า ก่อนจะชูแขนเล็กๆ ทั้งสองข้างของนางขึ้น
“พี่สาวชุน ตะกร้า”
ชุนยิ้มแย้ม จากนั้นก็ยื่นตะกร้าให้กับเด็กหญิง ในตะกร้าที่นางถือมานั้นมีทั้งแครอท ผักกาดขาว แตงกวาและมะเขือเทศลูกแดงฉ่ำ ผักพวกนี้เด็กๆ เป็นคนปลูก
เป่าเอ๋อร์รับตะกร้ามาแล้วก็ยื่นต่อให้กับหลิน
“ท่านภูต ของฝากเจ้าค่ะ”
“พวกเราเป็นคนปลูกเอง ถึงส่วนใหญ่เป่าเอ๋อร์จะเป็นคนดูแลก็เถอะ” เฉิงเอ๋อร์บอก ท้ายประโยคเด็กชายหัวเราะน้อยๆ
“ผักพวกนี้งามมากเลย พวกเจ้ามีพรสวรรค์เพาะปลูกเหมือนกันนะ” หลินเอ่ยชม มือน้อยแตะบนตะกร้า ทันใดนั้น ประกายแสงสีทองปรากฏวูบหนึ่ง ตะกร้าที่อยู่ในมือของเป่าเอ๋อร์ก็หายวับไปทันที
เด็กทั้งสองเบิกตากว้างอย่างเหลือเชื่อ
“หายไปไหนแล้ว!?” เป่าอ๋อร์เดินอ้อมหน้าอ้อมหลังลู่ซินฟางกับชุนเพื่อตามหาตะกร้า
“หายไปแล้วจริงๆ ด้วย” เฉิงเอ๋อร์เองก็ร้องอย่างไม่อยากจะเชื่อ
พอเห็นท่าทางน่ารักของเด็กๆ ทุกคนต่างก็ปิดปากหัวเราะ
สักครู่หนึ่ง ชุนก็อธิบายว่า “ตะกร้าผักไม่ได้หายไปไหนหรอกเจ้าค่ะ นี่เป็นพลังของท่านหลิน เคลื่อนย้ายตะกร้าผักไปไว้ที่ครัว”
“วิเศษไปเลยนะ”
“นั่นสิๆ”
“เอาละทุกคน พวกเราย้ายที่กันดีไหม” ลู่ซินฟางเปลี่ยนประเด็น
“จริงด้วย เฉิงเอ๋อร์ เป่าเอ๋อร์ พวกเราไปกินขนมอร่อยๆ ที่บ้านกันเถอะ แล้วก็…ขอบใจเรื่องของฝากนะ ข้าชอบมากเลยละ” หลินบอก จากนั้นก็บินนำทางเด็กๆ ไปยังบ้านไม้รูปทรงแบบตะวันตกที่อยู่ไม่ไกลนัก
“เย่!”
เด็กน้อยทั้งสองชูกำปั้น เดินเรียงแถวตามหลินต้อยๆ เหมือนกับลูกเจี๊ยบ
ลู่ซินฟางกับชุนมองภาพนั้นพลางยิ้มอย่างมีความสุข พร้อมกับเดินตามพวกเจ้าตัวเล็ก
บทที่ 94ตอบรับคำเชิญของกงเยียนซู พอถึงเวลาที่ต้องกลับ เป่าเอ๋อร์ร้องไห้งอแง เฉิงเอ๋อร์น้ำตาคลอเบ้า เด็กทั้งสองกอดเอวลู่ซินฟาง บอกว่าอยากอยู่ที่แดนสวรรค์ต่อ ลู่ซินฟางต้องสัญญาว่าจะพามาเที่ยวอีก พวกเขาถึงยอมฟังแต่โดยดี ได้เที่ยวเล่นกันทั้งวัน พอกลับมาถึงคฤหาสน์ อาบน้ำและกินมื้อค่ำจนอิ่ม เด็กทั้งสองก็หลับปุ๋ยในทันที วันถัดมา หลางไป๋เดินทางมาที่โรงเตี๊ยมตระกูลกง แจ้งเรื่องที่ลู่ซินฟางตอบรับคำเชิญกินมื้อเย็น ทั้งยังบอกจำนวนคนที่จะมา หลักๆ คือลู่ซินฟางกับเจ้าแฝด หลางไป๋และซินหลิน ส่วนชุนกับคนอื่นๆ ไม่ได้มาด้วย พวกเขาให้เหตุผลว่าวางตัวไม่ถูกหากต้องร่วมโต๊ะกับคนสูงศักดิ์ ยามพลบค่ำ ทุกคนเตรียมตัวเสร็จแล้วก็นั่งรถม้ามายังคฤหาสน์ตระกูลกงตามเวลานัดหมาย กงเยียนซูออกมายืนรอหน้าคฤหาสน์ด้วยตัวเอง หลางไป๋ประสานมือโค้งศีรษะให้กับกงเยียนซู จากนั้นหลุบตามองพวกเด็กๆ เจ้าแฝดทั้งสอง รวมถึงซินหลินที่เห็นอย่างนั้น ก็ประสานมือบนหน้าอกแล้วโค้งศีรษะลง ทำแบบเดียวกันกับหลางไป๋ กงเยียนซูมองเด็กทั้งสามด้วยสา
บทที่ 93เที่ยวชมฟาร์ม กินขนมอิ่มกันแล้ว หลินก็ถามเด็กน้อยทั้งสองว่า “พวกเจ้าอยากไปชมฟาร์มกันไหม?” “ไปขอรับ/เจ้าค่ะ” เฉิงเอ๋อร์กับเป่าเอ๋อร์ตอบแบบไม่ต้องคิด เด็กน้อยคิดเหมือนว่า ฟาร์มในแดนสวรรค์กว้างขวางขนาดนี้ ต้องมีพืชผักที่ไม่เคยเห็นอีกเยอะแยะแน่ๆ ยิ่งคิดแล้วก็ยิ่งรู้สึกตื่นเต้น พอช่วยกันเก็บโต๊ะเสร็จเรียบร้อย ทั้งสี่คนก็เดินมาที่ฟาร์มฟาร์มในมิติมีขนาดกว้างใหญ่กว่าฟาร์มตระกูลลู่ที่อยู่ในหมู่บ้านกว่างซูหลายเท่า เด็กทั้งสองยืนมองสวนผักผลไม้ด้วยความตื่นตาตื่นใจ “ท่านแม่ ผักผลไม้พวกนี้ใช่ที่ท่านเอาออกไปวางขายในร้านหรือไม่” เฉิงเอ๋อร์เป็นเด็กฉลาด เห็นผักผลไม้ปุบก็เข้าใจทันที ว่าเป็นสินค้าที่มารดาเอาออกไปวางขายในร้าน “เจ้าเข้าใจถูกแล้ว ผักผลไม้ในแดนสวรรค์ แม่แบ่งออกไปขายข้างนอก เพราะพืชในที่แห่งนี้เติบโตเร็วกว่าข้างนอกหลายเท่า” “เป็นแบบนี้เอง” ตอนนั้นเอง สัตว์อสูรในร่างจำแลงมนุษย์ที่กำลังทำสวนหันมาเห็นลู่ซินฟางกับภูตประจำมิติพอดี พวกเขาต่างโบกมือทักทาย “ท่
บทที่ 92พรสวรรค์ของเจ้าแฝด (ครึ่งหลัง) ใต้ร่มไม้ใหญ่ใกล้กับสวนดอกไม้ข้างบ้านทรงตะวันตกจะมีโต๊ะกลมสีขาวหนึ่งชุด ไม่ไกลจากสวนดอกไม้ มองไปก็จะเห็นฟาร์มอันกว้างขวาง หลังจากตัดสินใจว่าจะนั่งเล่นกันที่ใต้ร่มไม้ เด็กน้อยทั้งสองก็ปีนขึ้นไปนั่งบนเก้าอี้สีขาว เตะขาเล่นในขณะที่รอคอยขนมอร่อยๆ สักครู่หนึ่ง ชุนก็ยกเค้กสตอเบอรี่กับนมอุ่นๆ มาวางบนโต๊ะ ส่วนถาดที่อยู่ในมือของลู่ซินฟางคือชากุหลาบกลิ่นหอมกลมกล่อมกับคุกกี้เนยสด “ท่านแม่ ข้าไม่เคยเห็นของพวกนี้มาก่อนเลย” เฉิงเอ๋อร์บอกด้วยสีหน้าตื่นเต้น ดวงตากลมโตเปล่งประกายขณะกวาดตามองขนมบนโต๊ะ “น่ากินทุกอย่างเลย ขะ…ข้ากินได้หรือไม่” เป่าเอ๋อร์พูดจบก็กลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ “กินกันตามสบายเลยนะจ๊ะ” ลู่ซินฟางบอกพลางลูบศีรษะเล็กๆ ของลูกน้อยทั้งสอง เจ้าแฝดตัวน้อย รวมถึงภูตน้อยหลิน หยิบส้อมขึ้นมาตักเค้กสตอเบอรี่ส่งเข้าปาก ทันทีที่ได้กินของหวานแสนอร่อย รอยยิ้มสดใสปรากฏบนใบหน้าของทั้งสามคน แก้มขาวแดงระเรื่ออย่างน่าเอ็นดู ทำเอาลู่ซินฟางกับชุนถึงกับยิ้มตาม “อร
บทที่ 91พรสวรรค์ของเจ้าแฝด (ครึ่งแรก) พอก้าวข้ามประตูมิติ โลกอันงดงามก็ปรากฏต่อหน้าทุกคน ทุ่งข้าวสีทอง สวนผักผลไม้ ป่าไพรอันสีเขียวขจี และไหนจะธารน้ำอันสดชื่น ดวงตาใสแป๋วของเด็กน้อยทั้งสองเบิกโตด้วยความตื่นเต้น ขณะที่มองไปรอบๆ “แดนสวรรค์สวยจังเลย!” “อื้อ สวยมากๆ” “ยังมีสถานที่ที่สวยกว่านี้อีกนะ” ลู่ซินฟางบอกลูกๆ “อยากเห็นจังเลย ท่านแม่” เฉิงเอ๋อร์ตื่นเต้นมาก รีบร้องบอกท่านแม่ “ข้าก็ด้วย!” เป่าเอ๋อร์พยักหน้ารัวๆ ระหว่างที่เด็กน้อยทั้งสองกำลังตื่นตาตื่นใจกับสภาพแวดล้อมอันงดงามที่อยู่ตรงหน้า เสียงเล็กน่ารักพลันดังขึ้น “งั้นข้าจะเป็นคนนำเที่ยวให้เอง ฮิๆๆ” สิ้นเสียงนั้น ภูตน้อยหลินก็ปรากฏตัวต่อหน้าทุกคน ปีกน้อยขยับไปมาพร้อมกับละอองที่มีเปล่งประกายสีทองวิบวับ เจ้าแฝดเบิกตาโตพร้อมกับร้อง “ว้าว” “พวกเขาคือเฉิงเอ๋อร์กับเป่าเอ๋อร์สินะ”หลังบินวนรอบๆ เด็กน้อยทั้งสอง หลินก็กลับมานั่งบนไหล่ของลู่ซินฟาง หญิงสาวยิ้มแล้วพยักหน้าให้ก
บทที่ 90พาเจ้าแฝดไปต่างมิติ “ท่านจะตอบรับคำเชิญของเขาหรือไม่ขอรับ” ทันทีที่ลู่ซินฟางเปิดประตูเดินออกจากห้องทำงาน เสียงทุ้มของหลางไป๋ก็ดังขึ้น หญิงสาวหันมอง เห็นหมาป่าหนุ่มยืนกอดอกอยู่ข้างประตู เฮ้อ… ลู่ซินฟางถอนหายใจด้วยรู้สึกคิดไม่ตก ก่อนจะตอบกลับไป “ข้าในชาติก่อนไม่เคยสับสนกับเรื่องแบบนี้ ไม่รู้ว่าควรจะตอบรับคำเชิญของเขาหรือไม่” คำพูดของหญิงสาวทำเอาหมาป่าหนุ่มกระดกยิ้มตรงมุมปากอย่างขบขัน “ใครจะคิดว่านายหญิงที่คอยชี้นำเหล่าสัตว์อสูรจะเผชิญกับความสับสนเสียเอง” “ก็ข้าไม่เคยคิดนี่น่า คนที่มีศักดิ์ฐานะสูงส่งแบบกงเยียนซูจะมาสนใจหญิงหม้ายลูกติด” “นายหญิงขอรับ อย่างที่ท่านกงบอกนั่นละ การจะชอบใครสักคนทำไมต้องมีเหตุผล สำคัญกว่าฐานะ นายหญิงคิดเช่นไรกับเขาต่างหาก” ลู่ซินฟางคิดตาม ก็รู้สึกว่าหลางไป๋พูดถูก ปัญหาไม่ใช่เรื่องฐานะ สำคัญที่สุดคือลู่ซินฟางคิดกับกงเยียนซูอย่างไร? อย่างไรก็ตาม ลู่ซินฟางหรี่ดวงตาด้วยความสงสัยขณะจ้องมองหมาป่าหนุ่ม “เมื่อก่
บทที่ 89ถูกสารภาพรักครั้งแรก หมายความว่ายังไง เขาไม่ได้โกหก เขาที่ประกาศต่อหน้าทุกคนว่า ‘ชอบ’ นาง บอกว่าไม่ได้โกหก ลู่ซินฟางนั่งตัวแข็งทื่อ อึ้งจนทำอะไรไม่ถูกอยู่ชั่วขณะ ต่อมา หัวใจของนางก็เต้นอย่างรุนแรง ใบหน้าร้อนผ่าวและแดงระเรื่อ ในโลกก่อนและโลกนี้ นี่เป็นครั้งแรกที่ลู่ซินฟางถูกชายหนุ่มสารภาพว่าชอบ นางจึงสับสนและรับมือกับอารมณ์ในตอนนี้ไม่ถูก ผ่านไปครู่หนึ่ง ดวงตาคู่สวยกะพริบมองชายหนุ่มอยู่หลายครั้ง กงเยียนซูเลิกคิ้วมองตอบลู่ซินฟาง ดวงตาของเขาแฝงด้วยความสงสัย ว่ากันตามจริง ลู่ซินฟางไม่ใช่สาวน้อยวัยแรกแย้ม ทำไมท่าทางเขินอายนั้นถึงทำให้รู้สึกราวกับว่านางเพิ่งถูกสารภาพรักครั้งแรก “ท่านไม่ได้เข้าใจอะไรผิดใช่หรือไม่” หลังจากเงียบอยู่สักพัก ในที่สุดลู่ซินฟางก็เอ่ยออกมา “ข้าไม่ได้เข้าใจผิด คิดมาดีแล้วถึงได้มาหาเจ้าวันนี้” “ถึงท่านจะพูดแบบนั้น แต่ข้ากลับนึกไม่อออก เหตุใดท่านถึงชอบข้า ทั้งฐานะของข้ากับท่านก็แตกต่างกันมาก” “จ