บทที่ 5 ผู้ใดกันแน่
"พระชายาเพคะยามนี้น้ำอุ่นแล้วไปล้างเนื้อล้างตัวให้สบายเปลี่ยนอาภรณ์ชุดใหม่กันเถิดเพคะหม่อมฉันจะช่วยขัดกายให้" เหมยหลงกล่าวบอกเมิ่งซูเหยาที่ยืนจ้องมองไปยังด้านนอกผ่านหน้าต่างสีหน้ากังวลราวกับมีเรื่องที่คิดไม่ตก
"ดีเช่นกันระหว่างขัดกายนางกำนัลมิต้องเข้าไปด้านในมีอันใดก็จงไปทำเถิด" เมิ่งซูเหยากวาดสายตามองสาวใช้ที่อยู่ในตำหนักให้ออกไปให้หมด มีเพียงผู้เดียวเท่านั้นที่นางจะวางใจได้คือเหมยหลงสาวใช้ที่คอยปรนนิบัติมาตั้งแต่เรือนสกุลเมิ่ง
นางย่างกรายเดินไปในห้องอาบน้ำถึงยามนี้อากาศจะยังคงหนาวเย็นยะเยือกแม้จะมีแสงจากดวงอาทิตย์โผล่ขึ้นมาสาดส่องบ้างแต่มิอาจทำให้คลายหนาวได้เลย หลายวันมานี้ที่นางอยู่เรือนของผู้เฒ่าอย่าว่าแต่เปลี่ยนเสื้อผ้าอาภรณ์เลย เพียงที่นางสวมใส่ยังมิอาจคลายความหนาวลงได้การอาบน้ำจึงเป็นเรื่องยากยิ่งนัก
เหมยหลงช่วยถอดอาภรณ์อย่างรวดเร็วยามนี้ร่างกายของเมิ่งซูเหยาเริ่มสั่นเทานางก้าวเท้าลงไปนั่งแช่กายในน้ำอุ่นที่มีไอความร้อนพ่นออกมา
"การได้อาบน้ำอุ่นในฤดูหนาวช่างดีจริง ๆ เหมยหลงระหว่างที่ข้าไม่อยู่ที่แห่งนี้มีเรื่องอันใดเกิดขึ้นหรือไม่"
"ไม่มีเพคะ หากจะมีก็คงเป็นข่าวลือที่หม่อมฉันได้ยินมาจากบ่าวรับใช้ของท่านชินอ๋องที่สั่งการให้บ่าวตามหาพระชายากับคุณหนูคุณชายเพคะ แต่หม่อมฉันว่าหม่อมฉันคงฟังผิดไปแน่ ๆ อย่างท่านชินอ๋องนะหรือจะห่วงใยพระชายา ว่าแต่เกิดเรื่องอันใดขึ้นกับพระชายาหรือเพคะถึงได้เลยกำหนดกลับจวนถึงสามวัน" มือข้างขวาของเหมยหลงขัดตัวให้เมิ่งซูเหยามืออีกข้างตักน้ำอุ่นคอยราดลงร่างกายไปเรื่อย ๆ พร้อมเอ่ยถาม
"ข้าเกิดอุบัติเหตุระหว่างทางกลับรถม้าที่นั่งมาจู่ ๆ เกิดหักหลบอันใดบางอย่างจนทำให้เสียหลักพุ่งชนก้อนหินข้ากับเสี่ยวเออร์และจิ้นเอ๋อจึงได้รับบาดเจ็บโชคดีที่ไม่ได้เป็นอันใดมากสวรรค์ยังคงมีเมตตาพายุที่โหมกระหน่ำทำให้ข้ารอดกลับมาได้และโชคดีอีกครั้งเมื่อข้าหมดหนทางคิดว่าตนเองจะตายท่ามกลางความหนาวพบเรือนของท่านผู้เฒ่าชาตินี้ข้าติดบุญคุณทั้งสองยิ่งนัก”
“แล้วสารถีเล่าเพคะหายไปอยู่ที่ใด”
“เรื่องนี้ข้าเองก็ไม่รู้เช่นกัน แต่ข้าคิดว่าต้องเป็นฝีมือของคนที่ต้องการกำจัดข้าแน่ ๆ และในใจของข้ายามนี้มีเพียงคนสองคนที่ข้าเคลือบแคลงใจ”
“ผู้ใดหรือเพคะ”
“ไม่เป็นชินอ๋องก็เป็นชายารอง”
“ไม่น่าเชื่อนะเพคะว่าจะเป็นฝีมือของท่านชินอ๋องคราที่ได้ข่าวว่าพระชายายังไม่กลับจวนใบหน้าแววตาของท่านดูเหมือนจะเป็นห่วงพระชายาอยู่ไม่น้อย”
“เป็นห่วงหรือว่าแสดง ยามนี้มิอาจจะไว้ใจผู้ใดได้ต่อจากนี้เจ้าช่วยจับตาดูสาวใช้ที่เข้ามาในตำหนักนี้ให้ดีหากนางใดทำตัวมีพิรุธจับมาหาข้า”
“เพคะพระชายา”
ตำหนักหยุนซี
หานเฟยเยี่ยกลับที่ตำหนักรีบให้สาวใช้นำสารไปส่งมอบให้ท่านพ่อของนางเพื่อที่จะกำจัดเมิ่งซูเหยา สักพักนางได้ยินฝีเท้าเดินฉับไวกลับมานางคิดว่าเป็นสาวใช้ลืมสิ่งใด แต่ทว่าเมื่อเห็นคนที่เข้ามาเยือนใบหน้าของนางพลันคลี่ยิ้ม
“ท่านพี่หม่อมฉันคิดว่าท่านพี่จะอยู่กับพระชายานานกว่านี้เสียอีก พระชายาเป็นเช่นไรบ้างเพคะนางไปอยู่ที่ใดมาเหตุใดถึงได้เลื่อนเวลากลับจวน” หานเฟยเยี่ยเดินไปข้องแขนของจางอี้ซืออย่างเคยทำเหมือนทุกครั้ง
“นางก็คงทำตัวเถลไถลเช่นอย่างเคย เมื่อครู่นี้ข้าเห็นเจ้ายืนอยู่ตรงหน้าคงตกใจมากสินะที่ข้าไม่ได้มองเจ้าแต่เดินตรงไปหาพระชายาเอกก่อน”
“หม่อมฉันจะมีสิทธิ์อะไรนึกโกรธหรือน้อยใจท่านพี่อย่างนั้นหรือเจ้าคะ หม่อมฉันเป็นเพียงพระชายารองเป็นมาทีหลังหม่อมฉันเข้าใจเพคะที่ท่านพี่จะเป็นห่วงพระชายา”
“หานเฟยเยี่ยเจ้าช่างเป็นสตรีที่งดงามทั้งจิตใจและใบหน้าไม่เสียแรงที่เจ้าเป็นสตรีที่ข้ารัก ตอนนี้ข้าจะต้องไปหาเสี่ยวเออร์กับจิ้นเอ๋อเสียก่อนแล้วคืนนีข้าจะมานอนที่ตำหนักของเจ้าหวังวส่าคืนนี้เจ้าจะปรนนิบัติข้าเป็นอย่างดี” ทันทีที่หานเฟยเยี่ยได้ยินใบหน้าของนางแสดงความดีใจขึ้นมาจนเก็บไว้ไม่มิด
“ท่านพี่ข้าจะรอปรนนิบัตินะเจ้าคะ” จางอี้ซือยิ้มตอบก่อนจะก้าวเท้าเดินออกจากตำหนักเมื่อนั้นรอยยิ้มเมื่อครู่จางหายไปฉันพลันใบหน้าหลงเหลือเพียงความดุดันก่อนจะเรียกองครักษ์เงาของตนเองออกมา
“ถังอู่ฟงข้ามีเรื่องให้เจ้าไปจัดการ”
พรึบ!! เสียงกะโดดมาจากบนหลังคานั่งลงคุกเข่าต่อหน้าชินอ๋องผู้เป็นนาย
“เชิญท่านบัญชาคำสั่งมาได้เลยพะย่ะค่ะ”
“วันที่พระชายาเมิ่งซูเหยาออกจากจวนไปผู้ใดคือสารถีนำพาไปเรือนสกุลเมิ่งและเกิดอันใดขึ้นระหว่างทาง แล้วรีบรายงานข้าโดยด่วน”
“น้อมรับคำสั่งพะย่ะค่ะ” ถังอู่ฟงรับคำสั่งกระโดดขึ้นบนหลังคาหายไปจากที่ตรงนั้นก่อนที่บ่าวรับใช้ในเรือนจะมาเห็น ยามนี้จิตใจของจางอี้ซือร้อนรนสั่นไหวไม่คิดว่าเรื่องครานี้จะทำให้พระชายาเอกที่เคยอ่อนโยนยอมอยู่เงียบ ๆ ไม่เรียกร้องสิ่งใดถึงกับเอ่ยปากขอหย่าในครั้งนี้ แต่ทว่าเขามิอาจจะปล่อยให้นางไปจากตนเองได้ เพราะที่ผ่านมาเขารักนางและบุตรทั้งสองยิ่งกว่าชีวิตทว่าการที่เขาเฉยชาเมินนางตลอดมาเพราะความปลอดภัยของนางและบุตรไม่คิดเลยว่าขนาดเขาไม่สนใจและเฉยชาถึงเพียงนี้ยีงมีเรื่องมากมายเกิดขึ้นได้ อย่างไรจางอี้ซือจะทำทุกวิถีทางเพื่อปกป้องนางและสายเลือดของเขาให้ได้
บทที่ 21 คลี่คลายตำหนักมู่หลันเมิ่งซูเหยาเมื่อได้ยินเรื่องทั้งหมดถึงกับตกใจไม่น้อย เสียงซุบซิบนินทาของสาวใช้ในจวนที่พูดถึงเรื่องหานเฟยเยี่ย ไม่เว้นแม้แต่เหมยหลง“หม่อมฉันละสะใจจริง ๆ เพคะที่ตระกูลหานถูกลงโทษอย่างสาสมต่อจากนี้พระชายาก็ไม่ต้องเกรงกลัวผู้ใดอีกแล้ว ไม่มีผู้ใดมาปองร้ายท่านอีกต่อไป”“นั่นสิ แม้จะรู้สึกสะใจแต่ก็ใจหายไม่น้อยเลยล่ะ ”“ท่านชินอ๋องปราดเปรียวเก่งกาจจริง ๆ เพคะที่ยอมใจแข็งกัดฟันยอมใต้เท้าหานเพื่อปกป้องพระชายา ท่านคงรักพระชายามากไม่เช่นนั้นคงไม่อดทนเย็นชาต่อพระชายาเช่นนี้ รักแท้เป็นอย่างนี้สินะหวังว่าวันหนึ่งหม่อมฉันจะได้พบเจอความรักดี ๆ เช่นนี้บ้าง”เมิ่งซูเหยาได้ยินคำพูดของเหมยหลงพลางครุ่นคิดเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ ไม่ว่าจะเป็นคำพูดของเขาที่เคยบอกนางเอาไว้ สายตาที่นางเห็นคราวนั้นคงเป็นเรื่องจริงมิใช่นางตาฝาดไป‘เรื่องทั้งหมดเป็นเพราะเขาปกป้องข้ากับลูกทั้งสองคน เขาคงเจ็บปวดใจไม่น้อยสินะเมิ่งซูเหยาตัวจริงหากยังอยู่คงจะดีท่านจะได้รู้ว่าชินอ๋องสามีของท่านรักท่านเพียงใด แต่ทำไมเพียงแค่นึกถึงจิตใจของข้าถึงได้สั่นไหวเช่นนี้ ’ เมิ่งซูเหยาคิดในใจเดินไปที่หน้าต่างจ้
บทที่ 20 จับกบฏหลังจากนั้นเมิ่งซูเหยาพาร่างกายที่สั่นเทากลับเข้างานเทศกาลไปหาบุตรทั้งสองและชักชวนกันกลับจวนอ้างว่าตนเองรู้สึกไม่ค่อยสบาย และไม่มีผู้ใดที่ขัดคำสั่งเพราะยามนี้เด็ก ๆ ก็เหน็ดเหนื่อยอยากจะเข้าบรรทมแล้วเมื่อมาถึงตำหนักเมิ่งซูเหยาทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้อย่างหมดแรงเมื่อครู่นี้นางแสร้งทำเป็นเข้มแข็งต่อหน้าทุกคนไม่แสดงว่านางเองก็หวาดกลัวไม่น้อยกลิ่นคาวเลือดที่คละคลุ้งเมื่อครู่ยังติดจมูกนางกลับมาที่จวน จนเหมยหลงผิดสังเกตและสงสัยว่าเมื่อครู่พระชายาหายตัวไปที่ใดมา แถมยังกลับมาด้วยใบหน้าซีดเซียว“พระชายาไม่สบายตรงไหนหรือไม่เพคะ ใบหน้าของพระชายาซีดเซียว แล้วเมื่อครู่ท่านออกไปที่ใดมา”“เหมยหลงข้าไม่รู้ว่าสิ่งที่ข้าทำลงไปถูกหรือผิด ข้าสั่งให้ทหารลงมือฆ่าคน หากมีคนตามเจอข้าจะถูกลงโทษหรือไม่”“พระชายาสั่งให้ทหารลงดาบฆ่าคนหรือเพคะ แล้วคนผู้นั้นเป็นผู้ใดกันเพคะ”“ก็สารถีที่พาข้าไปเรือนตระกูลเมิ่ง วันนี้ข้าเห็นเขาที่งานเทศกาลจึงตามไปเพื่อสอบถามความจริง ตอนนั้นข้าเองก็ไม่เข้าใจตัวเองเช่นเดียวกันทำไมถึงได้โมโหจนสั่งทหารไปเช่นนั้น ตอนนี้ข้ากลัวกลัวเหลือเกิน” ร่างบางเริ่มเอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นเ
บทที่ 19 เดินเที่ยวงานอีกฝั่งของเรือนตอนนี้ตะวันคล้อยต่ำลงทุกคนต่างพากันกินอาหารกลางวันด้วยกันพร้อมหน้าพร้อมตาจางอี้ซือจึงขอตัวกลับจวน“วันนี้ข้าต้องขอบคุณท่านใต้เท้าหานที่ต้อนรับข้าเป็นอย่างดี ข้ามารบกวนเวลาของท่านมากแล้วขอตัวกลับจวนก่อนแล้วกัน องค์ชายสามข้าขอให้ท่านเดินทางปลอดภัยขอให้พระชายาทรงสุขภาพแข็งแรงพะย่ะค่ะ”“นั่นสิมิใช่แค่ท่านชินอ๋องที่มารบกวนเวลาท่านพ่อตา ข้าเองก็มาตั้งแต่เช้าตรู่ เจ้าเองก็เดินทางปลอดภัยเช่นเดียวกัน” องค์ชายสามเอ่ยขึ้นมา“กระหม่อมผู้เป็นบิดาไม่เคยคิดว่าการที่ราชบุตรเขยทั้งสองมาเยือนที่เรือนเป็นการรบกวนเวลา จะมาเยือนที่เรือนตระกูลหานเมื่อไหร่นับเป็นวาสนาของตระกูลพะย่ะค่ะ”“เช่นนั้นข้าเองก็ขอให้ท่านสุขภาพแข็งแรง ข้าต้องขอพาพระชายากลับวังหลวงเสียก่อนป่านนี้องค์ชายตัวน้อยคงโยเยหามารดา ” องค์ชายสามเอ่ยพลางโอบบ่าของพระชายาตนเองเดินไปที่เกี้ยวเพื่อเดินทางกลับวังหลวง ชินอ๋องกับใต้เท้าหานก้มโค้งลงเพื่ออำลา ก่อนที่จางอี้ซือจะเดินทางกลับจวนเช่นเดียวกันระหว่างทางกลับจวนใบหน้าของหานเฟยเยี่ยดูมีความสุขมากกว่าตอนที่เดินทางมาทำให้จางอี้ซือสังเกตได้อย่างง่ายดาย“พระชายา
บทที่ 18 เจอหลักฐานชิ้นสำคัญฝั่งด้านถังอู่ฟงเขาลอบเข้ามาด้านหลังเรือนรีบเดินไปที่ห้องทำงานของใต้เท้าโชคดีที่เขาเคยมาที่นี่แล้วหลายครั้งทำให้รู้หนทางว่าไปทางใด“ใต้เท้ากำชับพวกเจ้าให้ตรวจตราให้ดี แต่วันนี้มีองค์ชายสามกับท่านชินอ๋องมาคงไม่มีผู้ใดอุกอาจเข้ามาหรอกน่า เจ้าเองก็เหนื่อยมากเช่นกันมิใช่หรือ? ไปหาอะไรกินกันเถอะ”“นั่นสิ ไปเพียงชั่วครู่คงไม่เป็นอะไรหรอกกระมั่ง” บ่าวรับใช้ที่เดินตรวจตราอยู่พูดคุยกันเสียงดังพร้อมชักชวนกันไปหาอะไรกิน ทำให้ถังอู่ฟงโล่งใจเพราะความปลอดภัยละหลวมทำให้เขาทำการได้ง่ายเมื่อเห็นว่ายามนี้ไม่มีผู้ใดเขารีบย่องเข้าไปที่ห้องของท่านใต้เท้าซอกหาหนังสือลงนามและจัดวางของทุกอย่างให้เป็นเช่นเดิมเหมือนไม่มีผู้ใดเข้ามาด้านใน ไม่ว่าจะหาตรงไหนก็ไม่พบเจอเหลือเพียงที่เดียวที่เขายังไม่ได้หาคือห้องเคารพบรรพบุรุษ เมื่อหาที่นี่ไม่พบถังอู่ฟงเปลี่ยนเป้าหมายรีบจ้องมองด้านนอกไม่เห็นบ่าวในเรือนรีบปลีกตัวออกมาและลัดเลาะไปที่ห้องเคารพบรรพบุรุษของตระกูลหานฝั่งด้านหานเฟยเยี่ยนางเดินออกมารับลมด้านนอกจ้องมองหน้าท้องของพี่สาวที่กำลังใหญ่อย่างอิจฉานางพึ่งคลอดบุตรคนแรกไปไม่นานก็ตั้งครรภ์อี
บทที่ 17 เยือนเรือนใต้เท้าหานฝั่งด้านหานเฟยเยี่ยนางตื่นขึ้นมามองหาจางอี้ซือมีเพียงความว่างเปล่ากับคราบน้ำกามที่นางร่วมรักกันเมื่อคืนอย่างสุขสม"ท่านพี่ออกไปที่ใดแต่เช้าทั้ง ๆ ที่เมื่อคืนเล่นสนุกกับข้าทั้งคืน ดูสิคราบน้ำรักของท่านพี่เต็มที่นอนไปหมด ครั้งนี้ข้าต้องตั้งครรภ์แน่ ๆ " นางยิ้มอย่างเบิกบานไม่นานเสียงสาวใช้ได้เข้ามาด้านใน"พระชายาเพคะท่านชินอ๋องฝากบอกพระชายาว่าวันนี้จะพาพระชายาไปเยี่ยมท่านใต้เท้าหานฉิงถิงที่เรือนให้พระชายาเตรียมตัวรอเพคะ" ไป๋ลี่ซูเดินเข้ามาแจ้งเมื่อเห็นว่านายหญิงของตนตื่น"ท่านพี่เอ่ยเช่นนั้นหรือ ? ดีเช่นกันนานแล้วที่ข้าไม่ได้กลับเรือนพร้อมท่านพี่ เจ้าช่วยเตรียมน้ำให้ข้าทีข้าจะล้างตัวเสียหน่อย""เพคะ"จางอี้ซือตื่นแต่เช้าแม้ว่าเมื่อคืนนี้เขายังอยากนอนกอดร่างบางของเมิ่งซูเหยาทั้งคืนแต่มิอาจทำเช่นนั้นได้จึงลุกขึ้นมาใกล้สว่าง เพราะเขายังมีเรื่องสำคัญให้ต้องไปจัดการ หากเรื่องทุกอย่างผ่านพ้นไปด้วยดีเขาจะนอนกอดนางเท่าไหร่ย่อมได้“ถังอู่ฟงวันนี้เจ้าเดินทางไปที่เรือนใต้เท้าหานด้วยกัน ระหว่างที่ข้าเข้าไปด้านในเจ้าจงตามหาให้ได้ว่าหนังสือลงนามของใต้เท้าอยู่ที่ใด เมื่อคร
บทที่16 ปลดปล่อย"นี่ท่านเป็นบ้าไปแล้วอย่างนั้นหรือ? ปล่อยนะเพคะ" เมิ่งซูเหยากล่าวพลางใช้มือดันอกของเขาให้ปล่อยนางออกจากอ้อมแขนครั้นนั้นนางได้ยินเสียงหัวใจที่เต้นแรงอีกทั้งลมหายใจของเขาที่เริ่มเต้นถี่ระรัวและติดขัด"เกิดอะไรขึ้นทำไมสีหน้าของท่านถึงแดงเช่นนี้""ทำไมจู่ ๆ เกิดเป็นห่วงข้าขึ้นมาหรือไง " เขาเอ่ยพลางเดินย่างเท้าไปที่ห้องบรรทมของเมิ่งซูเหยา"ที่หม่อมฉันเอ่ยถามเพราะสงสัยหรือว่าท่านไม่สบายทำอะไรที่ไม่เคยเห็นมาก่อนเช่นนี้อีกด้วย เมื่อไหร่จะปล่อยหม่อมฉันเพคะ ""เมื่อถึงเตียงนอน" เขาพูดออกมาหน้าตาเฉยแต่ทว่าใจของเมิ่งซูเหยากลับกลายเป็นฝ่ายที่เต้นแรงระรัว นางไม่รู้และคาดเดาไม่ได้เลยว่าชายคนนี้ต้องการอะไรกันแน่"ท่านมีแผนอันใดมาทำเช่นนี้กับข้า ข้าไม่ใจสั่นหรือรู้สึกดีกับท่านหรอกนะ""อย่างนั้นต้องลองดู " เอ่ยจบเขาวางกายของนางลงเตียงหนานุ่มจับปลายคงมนของนางให้เชิดขึ้นเล็กน้อยก่อนจะก้มลงจูบที่ริมฝีปากของนางอย่างนุ่มนวล เมิ่งซูเหยาเบิกตาโพลงโตด้วยความตกใจคิดไม่ถึงว่าเขาจะทำเช่นนี้ นางรีบใช้มือดันอกของเขาให้ออกจากตนเองทันที"นี่ท่านมันเป็นบ้าไปแล้วจริง ๆ มาทำสิ่งสกปรกกับข้าเช่นนี้ได้ยังไ