แชร์

เจ้าจับปลาได้อย่างไร

ผู้เขียน: l3oonm@
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-06-16 02:41:05

ลู่เพ่ยห่มผ้าให้ลู่จื้อเสร็จแล้วจึงออกไปช่วยมารดาทำงานต่อ ผ้าห่มก็เอาเศษผ้ามาเย็บต่อกัน มันหนากว่าเสื้อผ้าที่ใส่อยู่นิดหน่อย นิดหน่อยที่หน่อยจริงๆ

จะด้วยฤทธิ์ยาหรือร่างกายที่อ่อนแอแบบลูกคุณก็ไม่รู้ ทำให้ลู่จื้อหลับไปทันที นางตื่นอีกครั้งก็ยามเว่ย (13.00-14.59น.) แล้ว

ถือว่าเป็นข่าวดีของบ้านรองที่ลู่จื้อฟื้นแล้ว ลู่จื้อที่ตื่นขึ้นมาก็รู้สึกเรี่ยวแรงกลับมาห้าส่วนจึงลุกขึ้นเดินสำรวจบ้านตนเอง

ถึงบ้านจะโทรมแทบจะพังแต่สะอาด รอบบ้านก็ไม่มีหญ้ารก มีแปลงผัก เรียกว่าผักมั้งเพราะมันแคระแกร็นเกินกว่าจะมองได้ออกว่าผักที่ปลูกไว้เรียกว่าอะไร

ด้านหลังบ้านมีแม่น้ำกว้างสองจั้งได้ (1จั้ง=3.33เมตร) หากเดินเลียบแม่น้ำไปประมาณสองลี้ ก็ถึงภูเขาที่ชาวบ้านหาของป่า ล่าสัตว์กัน

อย่างน้อยก็ได้ใช้ชีวิตเรียบง่ายอย่างที่เคยฝัน แต่ก่อนที่จะมีชีวิตแบบนั้นมันต้องมีเงินค่ะ ไหนจะซื้อที่ สร้างบ้าน ทำไร่ ทำสวน ค่าเมล็ดผัก พันธุ์ต้นไม้ ทุกอย่างมันต้องใช้เงิน

ลู่จื้อถึงกับกุมขมับ จะหาเงินจากไหน ชีวิตก่อนเงินเต็มบัญชี อยากได้สิ่งใดเพียงแค่โทรสั่งพ่อบ้านทุกอย่างก็เรียบร้อย แต่ตอนนี้ทุนไม่มี ร่างกายก็เหมือนจะละสังขารทุกเมื่อ ในเมื่อยังคิดไม่ออกก็เลิกคิด เข้าบ้านดีกว่า ร่างกายอ่อนแอเกินกว่าจะเดินต่อได้

ถึงบ้านนางเดินเข้าครัวเป็นอันดับแรกเพราะกองทัพต้องเดินด้วยท้อง แต่ทหารกำลังจะอดตาย ข้าวชั้นต่ำมีไม่ถึงครึ่งถัง แป้ง ธัญพืช มีอย่างละสองชั่งได้

น้ำมัน น้ำตาล เหลือ เหลือติดก้นไห เนื้อสัตว์ไม่มีเลย พระเจ้า นางที่เคยกินข้าวมื้อหนึ่งไม่ต่ำกว่า 1,000 หยวน (1หยวน=5บาท) ตอนนี้แม้แต่น้ำปลาในบ้านนี้ยังไม่มีเลย (ยุคนี้เขาใช้เกลือ)

ลู่จื้อเดินไปดูบิดาที่ห้อง เห็นว่าบิดายังหลับอยู่จึงหยิบตะกร้า และมีดพร้า เดินไปที่ริมแม่น้ำ ในเมื่ออยากมีชีวิตเรียบง่ายในชนบท นี่ไงได้ดั่งใจนึกแล้ว ก็ต้องสู้ (สู้กับอะไรลู่จื้อได้แต่นึกในใจ

ถึงร่างกายจะไม่พร้อม แต่ท้องที่ร้องดังกว่าเสียงนกร้อง นางจำต้องกัดฟันเดินไปหาของที่พอจะกินได้

อย่างน้อยสวรรค์ก็ยังเมตตา นางเจอจอมปลวกใต้ต้นไม้ใหญ่ใกล้ริมแม่น้ำ ลู่จื้อจึงใช้มีดขุดออกมา นางจะนำมาเป็นเหยื่อล่อปลา แม้ไม่เคยลงมือทำ แต่ก็เคยดูในโซเซียลมาบ้าง

ด้วยความที่อยากใช้ชีวิตสโลว์ไลฟ์ วันๆ ของลู่จื้อจึงหมดไปกับการดูคอนเทนต์การใช้ชีวิตในชนบท นางก็พอจะจำได้บ้างว่าเขาทำกันเช่นไร

ลู่จื้อเทดินจอมปลวกที่ได้ไว้ริมแม่น้ำ นางนำตะกร้าไปแช่ในน้ำจนมิด ใส่ก้อนหินไว้ด้านล่างกันมันลอยไปกับน้ำแต่ก็กะน้ำหนักไว้แล้วว่าตอนยกขึ้นจะต้องยกไหว จากนั้นนางโยนดินจอมปลวกลงไปบริเวณตะกร้า แล้วก็รอเจ้าปลาน้อยมาตกหลุมพราง ระหว่างรอนั้น

“น้องเล็ก!!! เจ้าทำสิ่งใด ขึ้นมาเดี๋ยวนี้!!!” เสียงตวาดของลู่เพ่ยดังลั่นก่อนจะเห็นตัวเสียอีก

“ท่านพี่ เร็วเข้า มาช่วยข้าเร็ว” ลู่จื้อที่กำลังยกตะกร้าขึ้นเพราะตอนนี้มีปลาเข้ามาในตะกร้าสิบกว่าตัวแล้ว แต่นางยกขึ้นไปด้านบนไม่ไหว ลู่เพ่ยจึงรีบวิ่งเข้ามาช่วยนาง

“ปะ ปลา เจ้าจับได้อย่างไร” ลู่เพ่ยเป็นคนฉลาด เขาสงสัยตัวน้องสาวทันที ในหมู่บ้านแทบไม่มีชาวบ้านออกมาจับปลาเลยเพราะมันว่ายน้ำเร็วมาก แล้วไม่มีใครชอบกินเพราะมันเหม็นคาว

“ช่วยข้ายกขึ้นไปก่อนเร็ว”

ลู่จื้อขึ้นจากน้ำได้ก็นั่งลงกับพื้นหมดสภาพทันที ร่างกายนี้เหนื่อยง่ายเกินไปแล้ว

ลู่เพ่ยเห็นน้องสาวทั้งเปียกทั้งเหนื่อยจึงรีบพากลับบ้านทันที

“เดี๋ยวท่านพี่ ข้าขอเก็บผักริมแม่น้ำสักครู่” นางที่เห็นต้นหอม ตะไคร้ตั้งแต่แรกก็ไม่ลืมที่จะเก็บกลับบ้านเพื่อช่วยลดกลิ่นคาวของปลา

ลู่จื้อถึงบ้านก็รีบเข้าครัวทำอาหาร เพราะนางหิวจนจะเป็นลมอยู่แล้ว ลู่เพ่ยก็เข้ามาช่วยน้องสาวติดไฟย่างปลา ข้าวสารที่เหลือเพียงน้อยนิด นางจึงนำมาทำเป็นข้าวต้มปลา

อาหารมื้อนี้ของบ้านจางนับว่าดีที่สุดตั้งแต่ที่บิดาล้มป่วยลง

"ลู่จื้อ เจ้าจับปลาได้อย่างไร ปลาพวกนี้ว่ายน้ำเร็วยิ่งนัก" จินหรูถามบุตรสาวด้วยความสงสัย

“ท่านแม่ ข้าใช้จอมปลวกล่อมันเข้ามาในตะกร้าเจ้าค่ะ ตอนแรกข้าจะขุดหนอนในดิน (ไส้เดือน) แต่ข้าไม่มีแรงจะขุด" ลู่จื้อบอกวิธีหาปลาเพื่อให้ทุกคนไม่สงสัยมาก เพราะมันเป็นวิธีธรรมดาและไม่ได้มีของวิเศษจะสงสัยสิ่งใดได้

"ท่านพี่ ปลาพวกนี้ขายได้หรือไม่เจ้าคะ" วันนี้จับได้ตั้งหลายตัวหากแบ่งไปขายน่าจะพอซื้อข้าวสารมาติดบ้านได้

"ขายได้ ขายให้เหลาอาหารหม่านอี้ (พอใจ) หากยังไม่ตายได้ราคาดี"

นี้ยามซื่อ (09.00-10.59น.) ถ้าเดินเท้าไปขายในเมือง สิบลี้ ใช้เวลาครึ่งชั่วยาม (1ชั่วยาม=2ชั่วโมง) สภาพร่างกายก็ เห้อออ แต่ถ้าไม่ไปเย็นนี้ก็ไม่มีข้าวสารเหลือแล้ว

“พี่ใหญ่ ไปขายปลากันเถิดเจ้าค่ะ หากเรารีบเข้าเมืองไปขายก็จะกลับถึงบ้านก่อนตะวันตกดิน จะได้ซื้อข้าว แป้งสาลีเจ้าค่ะ” สองพี่น้องรีบกินข้าวแล้วรีบออกเดินทางเข้าเมือง

กว่าลู่จื้อจะลากสังขารถึงประตูเมืองก็แวะพักไปถึงห้าครั้ง จากที่เดินครึ่งชั่วยามก็กลายเป็นเกือบชั่วยามกว่าจะถึง ยังดีที่เจ้าเมืองคนใหม่งดเก็บค่าเข้าเมืองหนึ่งปี เพราะทั้งคู่ไม่มีเงินมากันเลยสักแดงเดียว

ค่าเงิน

1 อิแปะ, เหวิน = 1 เหรียญทองแดง

1 ก้วน = 1,000 อิแปะ /เหวิน/เหรียญทองแดง

1 ตำลึงเงิน = 1ก้วน (พวง)

1 ตำลึงทอง = 10 ตำลึงเงิน

เสี่ยวเอ้อหน้าเหลาอาหารหม่านอี้ เห็นสองพี่น้องใส่เสื้อผ้าปะชุนทั้งตัวก็ไม่ได้ไล่หรือแสดงสีหน้ารังเกียจ

“พี่ชาย ไม่ทราบว่าที่นี่รับซื้อปลาหรือไม่ ปลาของข้ายังไม่ตายนะเจ้าคะ” ลู่จื้อเสนอขายสินค้า

“รับ รับ พวกเจ้ารอประเดี๋ยว ข้ารู้เพียงราคาปลาที่ตายแล้ว หากปลาที่ยังไม่ตายต้องให้หลงจู๊ตีราคาให้”

เสี่ยวเอ้อหน้าร้านหายไปหนึ่งเค่อ (15นาที) ก็พาชายร่างท้วมดูรู้เลยว่ากินดีอยู่ดีมาด้วย

“ไหนปลาเจ้าที่ยังไม่ตาย ข้าขอดูหน่อย เอ่อ ข้าหลงจู๊หาน”

“คารวะหลงจู๊หานขอรับ/เจ้าค่ะ “

"ดี ดี ดี ปลาพวกเจ้าสมบูรณ์มาก ตัวใหญ่อีกด้วย ข้ารับซื้อชั่งละยี่สิบอิแปะ พวกเจ้าพอใจหรือไม่"

ชั่งละ 20 อีแปะ ปลา1ตัวหนักเกือบ 2 ชั่ง (1ชั่ง=1.2กิโลกรัม)

“พวกข้าพอใจเจ้าค่ะ” สองพี่น้องสบตากันไม่นึกว่าปลาเป็นจะขายได้ราคาดีเพียงนี้ แล้วทั้งคู่นำปลามาเกือบสิบตัว ไม่เสียแรงที่แบกมาขาย (พี่ชายเป็นคนแบกมา)

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • ทะลุมิติมาเป็นสาวน้อยในหมู่บ้านหนานชุน   เข้าเมืองขายสมุนไพร

    “จื้อเออร์ เจ้าพูดว่าอย่างไรก่อนที่โสมจะหายไป” จางหมินถามบุตรี“ข้ากำลังเก็บโสมใส่ตะกร้าแล้วพูดว่า ข้านำไปเก็บก่อนนะเจ้าคะ”ลู่จื้อกำลังแสดงท่าทางตอนเก็บโสมให้ทุกคนดู โดยใช้แก้วน้ำที่วางบนโต๊ะของท่านพ่อถือไว้ด้วยแก้วน้ำในมือก็หายไปพอนางพูดว่าเก็บตอนนี้เป็นนางเองที่กระโดดตัวลอย ลู่เพ่ยก็หงายหลังล้มจากเก้าอี้ นางจินหรูก็กระโดดไปจับตัวจางหมินไว้ พอสงบสติอารมณ์กันได้แล้วจึงได้รู้ว่า ลูกสาวของตนมีบางสิ่งผิดปกติ“มันเกิดขึ้นได้อย่างไร” จินหรูพึมพำกับตัวเอง สติของนางล่องลอยไม่อยู่กับตัวแล้ว“จื้อเออร์ แขนของเจ้าไปโดนอะไรมา” จางหมินเห็นข้อมือลู่จื้อมีรอยเลือดที่แห้งแล้วอยู่“เอ่อ... ข้าโดนกิ่งไม้เกี่ยวตอนเข้าไปเก็บไก่ป่าเจ้าค่ะ” ลู่จื้อเพิ่งจะสังเกตเห็นข้อมือของตนมีรอยบาด ทั้งยังมีเลือดที่แห้งกรังแล้วอยู่ด้วย“เอ๊ะ” ตอนนี้นางรู้แล้วว่าของหายไปได้อย่างไรที่ข้อมือปรากฏกำไลวงที่พ่อบ้านให้นางก่อนจะไปอยู่หมู่บ้านชนบท แต่ทำไมไม่มีใครเห็น หรือนางจะเห็นเพียงแค่คนเดียวลู่จื้อลองกำหนดจิต แล้วคิดว่าให้โสมออกมา บนโต๊ะตรงหน้าก็ปรากฏตะกร้าโสมขึ้น“ปะ เป็น ไป ได้ อย่าง ไร” ลู่เพ่ย พูดตะกุกตะกักออกมา“ข้

  • ทะลุมิติมาเป็นสาวน้อยในหมู่บ้านหนานชุน   หายไปไหนแล้ว

    สองพี่น้องกินข้าวแล้วพักผ่อนกันก่อน ลู่จื้อ บอกพี่ชายว่าวันนี้ยามเว่ย (13.00-14.59น.) นางจะชวนพี่ชายขึ้นเขาเผื่อมีโชคจะได้มีเงินพาท่านพ่อไปหาหมอเสียที หากช้าเกินไปขาข้างที่บาดเจ็บนางกลัวจะพิการเสียก่อนลู่จื้อนึกถึงนิยายที่นางเคยอ่าน หากขึ้นเขาต้องได้ของดีติดไม้ติดมือกลับบ้านอย่างแน่นอน ลู่เพ่ยกับลู่จื้อสะพายตะกร้าพร้อมมีดพร้าขึ้นหลังออกจากบ้านไปแม้ในใจลู่เพ่ยยังไม่อยากให้น้องสาวทำงานหนักเช่นนี้ แต่เมื่อนึกถึงขาของผู้เป็นบิดา ตัวเขาก็เห็นด้วยกับนางทันทีตีนเขาไม่มีของให้เก็บได้เลย เพราะชาวบ้านส่วนมากก็ขึ้นเขามาเก็บของป่ากัน ลู่จื้อเลยชวนพี่ชายเดินเข้าไปในป่าชั้นกลาง ป่าชั้นกลางนั้นไม่ค่อยมีชาวบ้านเข้ามากันสักเท่าใดนัก เพราะมีหมูป่าหลงเข้ามาหากินอยู่ประจำหากมิใช่พรานป่าก็ไม่มีผู้ใดที่คิดจะเข้า หากถูกมันทำร้ายเข้า มีหวังคงได้ตายมากกว่าจะมีชีวิตรอดแต่ไม่ใช่ลู่จื้อ นางอยากจะเจอหมูป่าสักตัว แต่ตลอดทางเดินมีเพียงเห็ด กับผักป่าเท่านั้น เมื่อเดินไปอีกนิด พุ่มไม้ข้างทางก็สั่นไหว ลู่จื้อเลยหยิบมีดพร้าแล้วขว้างออกไป ลู่เพ่ยที่กำลังเก็บเห็ดเพลินๆ รีบวิ่งมาหาน้องสาว“ท่านพี่ ดูนี่สิ “ลู่จื้อยกไ

  • ทะลุมิติมาเป็นสาวน้อยในหมู่บ้านหนานชุน   เอาปลาไปขาย

    หลงจู๊ให้เสี่ยวเอ้อนำไปชั่งปลาหนักทั้งหมดยี่สิบสองชั่ง ได้เงินสี่ร้อยสี่สิบอิแปะ หลงจู๊หานให้มาสี่ร้อยห้าสิบอิแปะ แล้วยังย้ำว่าหากมีอีกให้ทั้งสองนำมาขายได้ตลอดอย่าดูถูกเงิน 450 อิแปะเชียว ค่าแรงในเมืองวันละ 30อิแปะ ข้าวสารชั้นเลวจินละ 25 อิแปะ (1จิน=500กรัม) ข้าวสารชั้นดีจินละ 40 อิแปะ น้ำตาลสารจินละ 40 อิแปะ เกลือจินละ 50 อิแปะ แป้งสาลีจินละ 20 อิแปะสองพี่น้องรับเงินมาก็รีบไปซื้อข้าวสาร แป้ง ทันที เพราะกลัวจะกลับถึงบ้านมืด ลู่จื้อซื้อข้าวชั้นเลวสามจิน ชั้นดีสองจิน น้ำตาล เกลือ อย่างละจิน แป้งสาลีห้าจิน จ่ายไปทั้งสิ้นสามร้อยสี่สิบห้าอิแปะ ลู่เพ่ยถึงกับปาดเหงื่อ น้องสาวใช้เงินเก่งจริงๆลู่จื้อเหลือเงินหนึ่งร้อยห้าอิแปะ จึงซื้อเนื้อหมูกลับบ้าน“เถ้าแก่ เนื้อหมูขายอย่างไรเจ้าคะ”“เนื้อหมูจินละยี่สิบอิแปะ มันหมูจินละสิบห้าอิแปะ เจ้าอยากได้แบบใดเล่า”“ข้าขอเนื้อหมูสองจิน มันหมูสามจิน กระดูกขายเท่าใดเจ้าคะ”“กระดูกสองท่อนนี้ ข้าไม่คิดเจ้าซื้อเยอะค่ายกให้แล้วกัน” กระดูกหมูส่วนมากเถ้าแก่จะเก็บไว้ให้สุนัข หากมีคนขอซื้อก็จะขายถูกๆ เพียงห้าอิแปะเท่านั้นหากลู่จื้อนางรู้ว่านางได้แย่งกระดูกสุนัข

  • ทะลุมิติมาเป็นสาวน้อยในหมู่บ้านหนานชุน   เจ้าจับปลาได้อย่างไร

    ลู่เพ่ยห่มผ้าให้ลู่จื้อเสร็จแล้วจึงออกไปช่วยมารดาทำงานต่อ ผ้าห่มก็เอาเศษผ้ามาเย็บต่อกัน มันหนากว่าเสื้อผ้าที่ใส่อยู่นิดหน่อย นิดหน่อยที่หน่อยจริงๆจะด้วยฤทธิ์ยาหรือร่างกายที่อ่อนแอแบบลูกคุณก็ไม่รู้ ทำให้ลู่จื้อหลับไปทันที นางตื่นอีกครั้งก็ยามเว่ย (13.00-14.59น.) แล้วถือว่าเป็นข่าวดีของบ้านรองที่ลู่จื้อฟื้นแล้ว ลู่จื้อที่ตื่นขึ้นมาก็รู้สึกเรี่ยวแรงกลับมาห้าส่วนจึงลุกขึ้นเดินสำรวจบ้านตนเองถึงบ้านจะโทรมแทบจะพังแต่สะอาด รอบบ้านก็ไม่มีหญ้ารก มีแปลงผัก เรียกว่าผักมั้งเพราะมันแคระแกร็นเกินกว่าจะมองได้ออกว่าผักที่ปลูกไว้เรียกว่าอะไรด้านหลังบ้านมีแม่น้ำกว้างสองจั้งได้ (1จั้ง=3.33เมตร) หากเดินเลียบแม่น้ำไปประมาณสองลี้ ก็ถึงภูเขาที่ชาวบ้านหาของป่า ล่าสัตว์กันอย่างน้อยก็ได้ใช้ชีวิตเรียบง่ายอย่างที่เคยฝัน แต่ก่อนที่จะมีชีวิตแบบนั้นมันต้องมีเงินค่ะ ไหนจะซื้อที่ สร้างบ้าน ทำไร่ ทำสวน ค่าเมล็ดผัก พันธุ์ต้นไม้ ทุกอย่างมันต้องใช้เงินลู่จื้อถึงกับกุมขมับ จะหาเงินจากไหน ชีวิตก่อนเงินเต็มบัญชี อยากได้สิ่งใดเพียงแค่โทรสั่งพ่อบ้านทุกอย่างก็เรียบร้อย แต่ตอนนี้ทุนไม่มี ร่างกายก็เหมือนจะละสังขารทุกเมื่อ ใ

  • ทะลุมิติมาเป็นสาวน้อยในหมู่บ้านหนานชุน   มีชีวิตอีกครั้ง

    “จื้อเออร์ ตื่นเถิดลูก ลูกนอนนานเกินไปแล้ว แม่จะขาดใจแล้วลูก ฮืออ”ใคร ใครเป็นแม่ ใครเป็นลูกใคร ลู่จื้องงไปหมด ถ้าหากตอนนี้เธออยู่โรงพยาบาลแล้วแม่มาจากไหน เธอเป็นเด็กกำพร้า แม่บุญธรรมเสียไปตั้งนานแล้ว แล้วนี่แม่ไหนเธอไม่ได้อยู่ในบ้านเด็กกำพร้า ทั้งยังไม่ใช่บ้านที่อยู่กับพ่อบุญธรรมอีกด้วย ลู่จื้อสับสนจนหัวแทบจะระเบิด ร่างกายก็ปวดร้าวจนอยากจะกรีดร้องออกมา เธออยากตะโกนถามว่าเกิดอะไรขึ้นกับเธอกันแน่“ท่านแม่ ท่านกินข้าวเสียหน่อย หากท่านเป็นอันใดน้องเล็กจะต้องเสียใจเป็นแน่”เสียงของเด็กหนุ่มที่ พูดขึ้นมา ยิ่งทำให้ลู่จื้อมึนงงจับต้นชนปลายไม่ถูกน้องเล็กใคร ฉันเหรอ ฉันมีพี่ชายด้วยเหรอ นี่มันเรื่องบ้าอะไร ใครแอบอ้างเป็นญาติฉัน แล้วพูดจาแปลกๆ ทำไม หรือมีกองถ่ายที่โรงพยาบาลลู่จื้อพยายามลืมตา แต่มันลืมไม่ขึ้น เธออยากจะส่งสัญญาณให้พวกเขารู้ว่าเธอรับรู้แล้วยังไม่ตาย แต่เธอทำอะไรไม่ได้เลยระหว่างนั้นความทรงจำของทรงเดิมก็ทะลักเข้ามาในสมองจนเธอแทบจะอยากหมดสติไปอีกรอบ เพราะมันปวดหัวแทบจะระเบิดออกมา เมื่อสงบสติแล้วประมวลผลจึงรู้ว่าทำไมร่างเดิมถึงได้อาการหนักจนวิญญาณหลุดออกไปแล้วเป็นเธอที่เข้ามาแทนจา

  • ทะลุมิติมาเป็นสาวน้อยในหมู่บ้านหนานชุน   ถ้าต้องตาย ก็ตายให้หมด

    ลู่จื้อ อาศัยอยู่ในไต้หวัน เธอเป็นเจ้าของกาสิโนขนาดใหญ่ ที่ส่งต่อมาจากพ่อบุญธรรมที่รับเธอมาเลี้ยงจากบ้านเด็กกำพร้า แม้ไม่ได้ให้ความรักอย่างที่คนในครอบครัวมอบให้ แต่ความรู้ เงินทองพ่อบุญธรรมก็ให้เธออย่างเต็มเปี่ยมหลังจากที่พ่อบุญธรรมเธอโดนลอบสังหารกิจการทั้งหมดจึงตกเป็นของเธอ เธอมีลูกน้องนับพันคนที่ต้องดูแล เบื้องหลังของกาสิโนไม่ได้มีแต่สิ่งบันเทิงใจแบบฉากหน้าที่เห็น การแกร่งแย่งช่วงชิงทางธุรกิจทำให้เธอต้องระวังตัวอย่างมาก เธอใช้ชีวิตหวาดระแวงอย่างอยู่ทุกวันยิ่งสูงก็ยิ่งหนาว บรรดาญาติพี่น้องของบิดาต่างก็หาโอกาสลอบสังหารเธออยู่ทุกวี่วัน แม้จะรอดพ้นมาได้ในทุกครั้งแต่โชคคงไม่ได้ดีเช่นนี้ทุกวันเธอตัดสินใจแบ่งมรดกทั้งหมดให้ญาติพี่น้องของพ่อบุญธรรม ถึงคนพวกนั้นจะถนัดใช้เงินมากกว่าบริหารเธอก็ไม่สนแล้ว เธออยากออกไปใช้ชีวิตที่เรียบง่าย แบบที่เธอฝัน ตลอดชีวิตของเธอโดนฝึกให้ดูแลกิจการ แม้กระทั่งฝึกให้ฆ่าคนก็ต้องทำพ่อบุญธรรมได้เขียนพินัยกรรมยกกิจการให้กับลู่จื้อและพี่น้องของตน แต่จะยกให้ก็ต่อเมื่อลู่ จื้อเลือกทางเดินชีวิตใหม่ที่จะไม่สานต่อกิจการแล้วลู่จื้อ เบื่อชีวิตที่ต้องคอยระวังหลังตลอดจึง

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status