บทที่ 6 แผนการ
เมื่อหลี่มี่โค้งคำนับฟางเหนียงเสร็จนางหันหลังเดินออกมา เทียนหลันเซ่อเองก็รีบเดินตามหลังนางมาติด ๆ เดินผ่านสวนดอกไม้เทียนหลันเซ่อคว้าแขนของนางให้หยุดเดินก่อนจะใช้แขนอีกข้างโอบกอดนางไว้ไม่ให้เดินต่อ
“นี่ท่านทำอันใดของท่านเจ้าคะ” หลี่มี่ตกใจที่จู่ ๆ เขาก็เข้ามาสวมกอดแถมแสดงสีหน้าเย้ายวนกวนประสาท
“แค่กอดเท่านี้จะเป็นไรไป เมื่อคืนนี้เราก็ผ่านค่ำคืนเร้าร้อนมาด้วยกัน เจ้าบอกท่านแม่ว่าอีกไม่นานเจ้าจะมีหลานให้ท่าน สงสัยคืนนี้ข้าต้องรีบพาเจ้าเข้าห้องตั้งแต่ฟ้าไม่มืดจะได้มีน้องให้อ้ายเยว่ในเร็ววัน” เพราะความอยากเอาชนะหลิวอี้เฟ่ยทำให้หลี่มี่เอ่ยออกไปอย่างลืมคิด จนท่านแม่ทัพเอ่ยมันออกมาแล้วอย่างนี้นางจะหาทางหลบหนีเขาอย่างไร
“เมื่อครู่… ที่ข้าเอ่ยออกไปเพราะอยากให้ท่านแม่สบายใจเท่านั้น ท่านแม่ทัพไม่เห็นต้องนำมาใส่ใจเลยเจ้าค่ะ อีกอย่างคืนนี้ข้าขอพักบ้างไม่ได้หรือเจ้าคะ? เนื้อตัวของข้าปวดระบมไปหมดแล้ว” เทียนหลันเซ่อแสยะยิ้มมุมปากครุ่นคิด ที่เขาทำเช่นนี้เพราะอยากแกล้งนางอยากรู้ว่านางจะแสดงได้อีกนานเท่าไหร่ถึงจะแสดงธาตุแท้ออกมา เขารับมือจากศัตรูมามากเพียงมองดูก็รู้ว่าศัตรูจะโจมตีเช่นไรแต่กับสตรีนางนี้เขาไม่รู้เลยว่านางจะทำเช่นไรต่อไป เขาเคยได้ยินเรื่องของนางจากปากของรองแม่ทัพอยู่บ่อยครั้ง บุตรสาวของเขาเป็นสตรีที่บอบบาง อ่อนหวานแม้กระทั่งสัตว์ตัวเล็ก ๆ นางยังไม่กล้าเหยียบ แถมยังไม่ค่อยเอ่ยวาจาสักเท่าไหร่ รองแม่ทัพจึงเป็นห่วงนางมากก่อนจะหมดลมหายใจเขาฝากฝังครั้งแล้วครั้งเล่าให้เทียนหลันเซ่อดูแลบุตรสาวของเขาด้วย แต่เมื่อเขาแต่งงานเข้ามาในคืนแรกนางก็เล่นงานเขาเสียแล้ว นางแตกต่างจากที่ได้ยินมามากโข นางทั้งเอ่ยวาจามีเล่ห์เหลี่ยมดื่มสุราเก่งยิ่งกว่าเขาที่เป็นท่านแม่ทัพเสียอีก หากผู้ใดรู้ว่าท่านแม่ทัพผู้ยิ่งใหญ่คออ่อนแถมยังถูกสตรีมอมเหล้าจนสลบไปไม่รู้เลยว่าจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน นางช่างหยามเขาเหลือเกินหากเป็นสตรีนางอื่นได้แต่งกับเขาล้วนต้องดีใจและยินดีที่จะเสนอกายให้เขาได้เชยชมแต่นางกลับพยายามไม่อยากรวมหอกับเขาทำให้เทียนหลันเซ่ออยากแกล้งนางและต้องรู้ให้ได้ว่านางทำเช่นนี้ทำไมกัน หากนางเสแสร้งว่าเขากับนางนั้นร่วมหอกันแล้วเขาเองจะแสดงตามที่นางต้องการเอง
“ข้าจะไม่ใส่ใจได้อย่างไร อ้ายเยว่เริ่มโตคงอยากมีน้องไว้เป็นเพื่อนวิ่งเล่นด้วยกัน หรือว่าข้าจะเปลี่ยนใจไม่ต้องรอตะวันตกดินแต่พาเจ้าไปที่ห้องยามนี้แทนดี” ดวงตาหลี่มี่กลมโตจ้องมองใบหน้าของเทียนหลันเซ่อคล้ายอ้อนวอนไม่ให้เขาทำอย่างที่เขาเอ่ยมา แต่แล้วจู่ ๆ มีทหารได้เดินเข้ามาหาทั้งสอง
“ขออภัยที่เข้ามาขัดความสุขของท่านแม่ทัพ” เทียนหลันเซ่อเห็นทหารเข้ามารีบปล่อยมือจากกายของเยิ่นเม่ยเม่ยก่อนจะหันไปทางทหารผู้นั้น
“ไม่เป็นไร ว่าแต่เจ้ามาหาข้ามีเรื่องอันใดหรือ?” น้ำเสียงนิ่งเรียบใบหน้าเข้มขรึมเปลี่ยนไปจากเมื่อครู่ราวกับคนละคนหันไปพูดคุยกับทหาร
“ที่หมู่บ้านทางด้านเหนือเกิดเรื่องขึ้นขอรับ ท่านเจ้าเมืองให้ข้ามาตามท่านแม่ทัพไปตรวจสอบดูสักหน่อย” ทหารเอ่ยออกมาพลางเงยหน้ามองมาทางเยิ่นเม่ยเม่ยเพราะเป็นเรื่องราชการมิอาจให้ผู้อื่นรู้ได้ ท่านแม่ทัพแค่มองดูก็รู้ว่าเขาหมายความว่าอย่างไรจึงหันกลับไปหาหลี่มี่ที่ยืนมองทั้งสองอยู่ เขาเดินเข้ามาใกล้ก้มลงกระซิบข้างหู
“เจ้ากลับไปรอที่ห้องเถิดหากเบื่อเดินเล่นไปก่อนเพื่อฆ่าเวลาก่อน แล้วข้าจะรีบกลับมา” หลี่มี่ดีใจที่ทหารมาตามท่านแม่ทัพออกไปจากนางได้ทันเวลา
“เจ้าค่ะ ไปนาน ๆ นะเจ้าคะไม่ต้องรีบกลับมา”
“ที่เจ้าเอ่ยมาเจ้าเอ่ยผิดใช่หรือไม่? เจ้าจะบอกว่าให้ข้ารีบกลับมาใช่หรือไม่? เช่นนั้นข้าจะรีบกลับมาหาเจ้าให้เร็วที่สุดไปกันเถิด” เขาบอกหลี่มี่ก่อนจะหันไปพูดกับทหารผู้นั้นพร้อมเดินจากนางไป
‘ใครอยากอยู่ร่วมห้องกับท่านกัน คนอะไรพูดเองเออเอง’ หลี่มี่บ่นในใจพลางเดินกลับไปทางเดิมที่นางมา
ห้องโถงของฟางเหนียง
“ท่านป้าเห็นมั้ยเจ้าคะ ว่านางเอ่ยออกมาเช่นไรเช่นนี้ข้าคงไม่มีสิทธิ์แล้ว หากนางตั้งภรรค์ให้แก่ท่านแม่ทัพจริง ๆ " หลิวอี้เฟ่ยโมโหโวยวายใส่ฮูหยินผู้เฒ่าอย่างเจ็บใจ
“เจ้าอย่าโมโหสิหลิวอี้เฟ่ย อย่างไรข้าก็ไม่ยอมให้เรื่องนี้เกิดขึ้นหรอกนะ เจ้าอย่าลืมสิว่าตำแหน่งฮูหยินของท่านแม่ทัพมีแต่เจ้าเท่านั้นที่คู่ควร ไม่ได้การข้าต้องรีบจัดการหาทางไม่ให้ทั้งสองได้ร่วมห้องอยู่ด้วยกัน เดิมทีแล้วเทียนหลันเซ่อเองก็มีห้องของตนเองเขาคงไม่ไปหานางในทุกคืนวัน ช่วงนี้อาจจะเป็นช่วงใหม่ ๆ เท่านั้น ข้าจะทำอย่างไรที่จะขัดขวางนะ” ฟางเหนียงครุ่นคิดลุกเดินไปมา จู่ ๆ หลิวอี้เฟ่ยก็คิดอะไรออก
“ท่านป้าเจ้าคะ นางเป็นเพียงบุตรสาวของท่านรองแม่ทัพมาที่เรือนนี้ด้วยตัวคนเดียว เช่นนี้เราหาสาวใช้ไปดูแลนางดีหรือไม่เจ้าคะ? หาสาวใช้ที่เป็นคนของเราเข้าไปสอดส่องคอยขัดขวางไม่ให้ทั้งสองอยู่ด้วยกัน จากนั้นก็ค่อยให้นางทำให้เยิ่นเม่ยเม่ยเชื่อใจแล้วค่อยคิดหาทางหักหลังนาง " ฟางเหนียงหันมามองใบหน้าของหลิวอี้เฟ่ยยิ้มกว้างอย่างมีหวัง เดินเข้ามาจับมือของนางทั้งสองข้างพร้อมเอ่ยเชยชมในความฉลาดนี้
“เจ้าฉลาดจริง ๆ สมแล้วที่ข้าชอบเจ้าเอาตามที่เจ้าเอ่ยมาเลย พวกเจ้าไปตามสาวใช้เด็กสาวรุ่นราวคราวเดียวกับฮูหยินมาให้หมด ข้าจะคัดเลือกสาวใช้ให้ไปดูแลฮูหยินคนใหม่” ฟางเหนียงยิ้มอย่างชั่วร้าย หากมีสาวใช้เป็นคนของนางแผนการที่จะกำจัดเยิ่นเม่ยเม่ยหาใช่เรื่องยาก
บทที่ 4 เขาคือคนที่ฉันคิดถึงมาตลอดไม่นานนักเซ่อเหลียนได้กลับมาพร้อมยาที่เขาตั้งใจไปซื้อมาให้เธอเขาเดินเข้ามาในห้องของหลี่มี่ได้ยินเสียงน้ำที่หยดลงพื้น เขาจึงเดินไปที่ห้องครัวของเธอเปิดตู้เย็นเพื่อดูของจะทำอาหารให้เธอได้กินเช้านี่แต่กลับไม่เห็นอาหารที่มีประโยชน์เลยมีเพียงอาหารสำเร็จรูปเท่านั้น"เธอใช้ชีวิตอย่างไรเนี้ยะ! ทำไมไม่มีอะไรกินเลย” เขาบ่นพึมพำอยู่หน้าตู้ก่อนจะคว้าอาหารสำเร็จรูปมาต้มให้เธอได้กินก่อนจะกินยาหลี่มี่อาบน้ำเสร็จเธอเดินออกมาจากห้องน้ำผมยังไม่แห้งดีกลิ่นสบู่อ่อน ๆ ออกมาจากเธอทำให้เขาหันไปมองเพราะตอนนี้เธอมายืนดูเขาอยู่“ทำอะไรเหรอ”“หาอะไรทำให้คุณกินนะสิ ทำไมไม่มีอะไรเลยนอกจากอาหารสำเร็จรูปแบบนี้”“เฮ้อ! นายไม่ต้องสนใจการอยู่การกินของฉันหรอกนะ มานี่ฉันมีเรื่องจะพูดกับนายมากมายเรื่องกินเอาไว้ก่อน” เธอดึงมือของเขาออกจากห้องครัวไปนั่งที่โซฟาเพื่อตกลงเรื่องที่เกิดขึ้น“เรื่องที่จะพูดคงไม่คิดผลักไสไล่ส่งผมหรอกนะ รู้มั้ยว่าคุณคือคนที่พรากความบริสุทธิ์ของผมไป” เซ่อเหลียนกลัวว่าเธอจะไม่ให้เขาได้เจอเธออีกเลยเอ่ยออกมาแบบนี้“เฮ้อ! ฉันไม่เข้าใจนายเลย เอาอย่างนี้หากเรื่องที่เก
บทที่ 3 ฉันจะรับผิดชอบเองเมื่อพาเธอเข้านอนเขาได้จัดแจงนำกระเป๋าของเธอวางไว้บนโต๊ะหัวเตียง สายตาของเขาจ้องมองรอบ ๆ ห้องของหลี่มี่เห็นรูปที่เธอสั่งวาดช่างเหมือนเขาเหลือเกิน ยิ่งทำให้เขาดีใจที่เธอไม่เคยลืมเขาแม้แต่น้อย“ดีใจจังเลยที่เธอไม่เคยลืมฉัน ...คงเสียใจมากสินะที่กลับมาทั้งอย่างนี้ เธอเป็นคนเปลี่ยนแปลงทุกอย่างในชีวิตของฉัน ขอบคุณนะหลี่มี่” เขาหันมามองเธอที่หลับอยู่บนเตียงอย่างไม่รู้เรื่องรู้ราว ก่อนที่เขาจะกลับบ้านของตัวเองได้เข้าไปนั่งข้างเธอยื่นมือไปลูบหน้าของเธอย่างอ่อนโยน“ดูสิไม่ว่าตอนนั้นหรือตอนนี้เธอยังคงงดงามเช่นเดิม” เขาลูบหน้าของเธอก่อนจะลุกเพื่อกลับบ้านแต่แล้วหลี่มี่กลับจับมือของเขาเอาไว้แน่นละเมอออกมาเสียงแผ่วเบา“อย่าไปนะ อย่าจากฉันไป อึก อึก ฉันเหงาเหงามากเหลือเกิน” แม้ว่าเธอจะไม่ลืมตาแต่น้ำตาของเธอไหลรินออกมาอย่างช้า ๆ“เธอใช้ชีวิตโดยที่ไม่มีใครมาตลอดอย่างนั้นเหรอ แล้วอย่างนี้ฉันจะหักห้ามใจตัวเองไม่ให้อยากโอบกอดเธอได้อย่างไร” เซ่อเหลียนใช้มืออีกข้างเช็ดหยาดน้ำตาให้หลี่มี่ส่วนมืออีกข้างของเขาตอนนี้ถูกเธอกอดเอาไว้แน่น เขาพยายามแกะมือของเธอออกอย่างแผ่วเบากลัวว่าเธอจะตื
บทที่ 2 เจอกันอีกครั้งหลังจากที่เขาได้ขึ้นชื่อว่าเป็นนักเขียนจึงได้รู้ว่าอีกไม่กี่วันจะมีการรับรางวัลมีรายชื่อของนักเขียนหลี่มี่ที่เขาต้องการพบ เซ่อเหลียนจึงตั้งใจจะไปพบเธอให้ได้ เขาเฝ้ารอการพบเจอจนกระทั่งได้เห็นเธอขึ้นไปบนเวทีรับรางวัล ใบหน้าของเธอช่างเหมือนเยิ่นเม่ยเม่ยอย่างไรอย่างนั้น ตอนที่เธอพูดถึงหนังสือเรื่องนี้ที่ทำให้เธอได้รับรางวัลในครั้งนี้ เขายิ่งมั่นใจว่าเธอคือคนที่เขาตามหา"นิยายเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ฉันรักมาก ๆ ไม่ว่าจะเป็นตัวละครทุกเหตุการณ์ที่ฉันบรรจงแต่งออกมาแต่ละบทความฉันใช้ความรู้สึกของฉันเขียนไปด้วย เมื่อตัวละครมีความสุขฉันก็มีความสุขหากเมื่อไหร่ที่ตัวละครฉันเสียใจฉันเองก็เสียใจไม่น้อยร้องไห้จนไม่เป็นอันทำอะไร ฉันไม่คิดเลยว่านิยายของฉันเรื่องนี้จะเป็นที่ยอมรับของทุกคน ขอบคุณนะคะสำหรับรางวัลนี้และขอบคุณที่ให้โอกาสนักเขียนตัวน้อยได้มาโลดแล่นในวงการนี้ฉันขอสัญญาจะตั้งใจเขียนนิยายออกมาให้ดีที่สุด ขอบคุณค่ะ" รอยยิ้มแววตาที่เขาคุ้นเคยแม้กระทั่งน้ำเสียงของเธอเขาจดจำได้ทุกอย่าง น้ำตาแห่งความดีใจได้หลั่งไหลออกมา เขาที่นั่งอยู่ด้านหลังสุดรีบเช็ดน้ำตาหัวใจของเขาเต้นแรงตึกตั
บทที่ 1 ทะลุมิติ"เฮือก!!! " ชายนอนอยู่บนเตียงลืมตาตื่นขึ้นมาอย่างงงวย มองซ้ายมองขวาต้องตกใจเข้าไปใหญ่ สถานที่ที่ไม่คุ้นเคยช่างแปลกตายิ่งนัก แม้แต่เตียงที่นอนอยู่ก็มิใช่เตียงที่เขานอนในทุกวัน"ที่นี่ที่ใดกัน!! หรือว่าข้าถูกศัตรูลักพาตัวมา ไม่ได้การแล้วข้าต้องรีบหาทางออกไปจากที่นี่ต้องหาผู้บงการในครั้งนี้เพื่อจัดการให้สิ้นซาก" เทียนหลันเซ่อลุกขึ้นจากเตียงมองพนังสีขาวเป็นห้องสี่เหลี่ยมเดินสำรวจก่อนจะเปิดประตูค่อย ๆ ย่องเพื่อหลบหนีเขาเดินออกมาต้องตกใจมากกว่าเดิม ด้านนอกมีสิ่งแปลกประหลาดมากกมาย เขามองซ้ายมองขวาไม่พบเจอผู้คนเขามองเห็นโต๊ะที่ไม่เคยเห็นจึงนั่งลงเพื่อครุ่นคิดแต่แล้วเขากลับนั่งทับรีโมททำให้ทวีต่อหน้าได้เปิดขึ้นเสียงดัง ทีวีได้ฉายข่าวเทียนหลันเซ่อไม่เคยเห็นเขาตะโกนออกมาเสียงดังด้วยความตกใจ"นั่นใครกัน!! ออกมามาเดี๋ยวนี้นะ เจ้าเป็นใคร" เขาชี้นิวไปด้านหน้าทีวีพลางกระโดดขึ้นโซฟา จู่ ๆ มีหญิงชราเดินเข้ามาในมือถือทัพทีใบหน้าคิ้วขมวด"อะไรของแกกันห่ะ!!! ตื่นมาโวยวายเช่นนี้ได้อย่างไร เวรกกรรมอะไรของฉันมีลูกโตขนาดนี้แล้วแต่ยังต้องคอยหาเลี้ยงอีก " เทียนหลันเซ่อคิ้วขมวดอย่างสงสัยสตรีด้าน
บทที่ 55 นักเขียนหน้าใหม่หลี่มี่ได้ถูกรับเชิญให้ไปรับรางวัลนักเขียนหน้าใหม่ที่ประสบความสำเร็จในงานเลี้ยงฉลองนักเขียนดัง ๆ ระดับแถวหน้าของประเทศ เธอแต่งหน้าอยู่ที่กระจกแม้เวลาผ่านไปหนึ่งปีแต่เธอยังคงคิดถึงเทียนหลันเซ่อพระเอกนิยายตัวเองไม่จางหายเขาไม่เคยหายไปจากใจของเธอเลย แม้กระทั่งน้ำเสียงหรือใบหน้าเธอยังคงจำได้ดีแต่ทว่าตอนนี้เธอไม่ได้ร้องไห้เหมือนที่ผ่านมาเธอกลับยิ้มออกมาอย่างสุขใจ "เทียนหลันเซ่อปานนี้ท่านจะเป็นอย่างไรนะ รู้หรือไม่ว่าฉันคิดถึง วันนี้เป็นวันที่ฉันประสบความสำเร็จถ้ามีท่านอยู่เคียงข้างคงจะดี เอ๊ะ! แต่เดี๋ยวสิยังไงทุกวันนี้ฉันก็มีเทียนหลันเซ่ออยู่ข้างกายอยู่แล้ว วันนี้เราไปรับรางวัลด้วยกันนะ" หลี่มี่หยิบหนังสือของตัวเองพร้อมถือออกจากห้องไปพร้อม ๆ กัน ฝั่งด้านเทียนหลันเซ่อหลังจากที่เขากลับมาจากทะเลวันนั้น เยิ่นเม่ยเม่ยดูอ่อนโยนมากกว่าเดิมวาจานิสัยไม่เหมือนเดิมแถมยังเหมือนสตรีที่สูงส่งแต่ก็นับว่าเป็นเรื่องที่ดีแต่เหตุใดความรู้สึกของเขาเสมือนว่ามีบางสิ่งบางอย่างขาดหายไป วันนี้เขามายืนจ้องมองดวงจันทร์ที่ลอยอยู่บนฟากฟ้าลมเย็นกระทบกาย จู่ ๆ รอยยิ้มใบหน้าที่เขาคิดถึงก็ปรากฎข
บทที่ 54 ลาจากด้วยความรักเทียนหลันเซ่อจ้องมองสตรีตรงหน้าอย่างสุขใจ ขอบคุณสวรรค์ที่ส่งเขาย้อนเวลามาอีกครั้ง หากเป็นเช่นดั่งอดีตเขาก็คงไม่มีทางรู้ว่ามีสตรีที่เขารักและรักเขามาเพียงใด นางเข้ามาเติมเต็มทุกอย่างในชีวิตของเขาจริง ๆ หลี่มี่วางมือของเทียนหลันเซ่อพร้อมหันหลังไปมองพลุที่ยังคงถูกจุดอีกหลายดอกบนท้องฟ้า น้ำทะเลไหลมาสัมผัสที่เท้าจนหลี่มี่ต้องก้มมองดูแต่แล้วหัวใจของนางต้องหล่นวูบเมื่อบัดนี้ไม่ใช่แค่เท้าหรือขาของนางที่เลือนรางตอนนี้บนตัวของนางก็เริ่มเลือนรางขึ้นมาเรื่อย ๆ นางไม่เข้าใจทำไมคนอื่นไม่เห็นเหมือนนางหรือมีเพียงแค่นางผู้เดียวที่เห็นความเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้ นางไม่รู้เลยว่าจะเกิดอะไรขึ้นแค่คิดนางก็ใจหายรีบหันไปมองหน้าของเทียนหลันเซ่ออย่างลึกซึ้งอีกครั้ง "ท่านพี่เจ้าคะ วันนี้ข้าอยากให้ท่านสัมผัสตัวข้าช่วยมอบจูบที่ลึกซึ้งให้ข้าได้หรือไม่เจ้าคะ""ได้สิทำไมข้าจะให้เจ้าไม่ได้แค่เพียงจูบ" พูดจบเทียนหลันเซ่อโอบกอดหลี่มี่ก้มลงประทับจูบที่นุ่มนวลหอมหวานแต่ทว่านางกลับรู้สึกเสียใจ เพราะหากเป็นอย่างที่นางคิดนี่จะเป็นจูบสุดท้ายที่นางจะได้รับจากเขา ทั้งสองจูบกันท่ามกลางแสงพลุที่ส่องประ