อู๋ชิงซวนชะงักค้าง เด็กน้อยค่อย ๆ เอียงตัวกลับมายืนก้มหัว มือกุมกันที่ด้านหน้า สายตาจ้องมองที่ปลายเท้าตนเอง ไม่ใช่ว่าเธอไม่รู้ การเรียกแม่เลี้ยงว่าน้า ก็ไม่สมควรแล้ว นี่เธอยังเรียกว่าน้าอวบอีก
“น้าบอกว่า เธอไม่ได้อ้วน แค่อวบเฉย ๆ ไม่ให้หนูเรียกว่าน้าอ้วน หนูก็เลยเรียกว่าน้าอวบแทนค่ะ” ย่าสามหลุดหัวเราะออกมา น้าอวบเหรอ ตั้งแต่เกิดมาเธอก็เพิ่งเคยได้ยินนี่แหละ
“ซวนซวนหนูคิดว่าแม่เลี้ยงของหนูเป็นอย่างไรบ้าง เธอยังตีหนูอยู่หรือเปล่า เธอยังแอบเก็บของกินอยู่อีกหรือไม่” อู๋ชิงซวนก้มหน้าลง จึงเห็นว่าที่ตรงหน้าอกชุดกระโปรง ปักรูปเด็กผู้หญิงถือเค้ก บนก้อนเค้กมีเจ้าแมวส้มนอนเกียจคร้านอยู่หนึ่งตัว ลายปักมีเพียงแค่ด้ายเป็นเส้นบาง ๆ แต่กลับสวยงามและแปลกตา เธอไม่เคยเห็นใครมีชุดแบบนี้ ขนาดพี่เสี่ยวเจินยังอยากได้ นี่ไม่รวมเด็ก ๆ ในหมู่บ้านอีก
“น้าเหม่ยดีกับหนูมากค่ะ ชุดนี้เธอก็ตัดเย็บให้ เธอซื้อขนมให้หนูกิน ทำอาหารอร่อย ๆ เสื้อผ้าก็ซักจนได้กลิ่นหอม เธอไม่ตีหนูอีกเลย อ้อเธอสอนหนังสือหนูด้วยนะคะ”
“หืมสอนหนังสือเหรอ”
“ใช่ค่ะ เรียกว่าพินอิน ง่ายมากด้วย หนูชอบที่เธอเป็นแบบนี้ เธอใจดีมากเลยค่ะ”
“ถ้าเธอดีกับหนู หนูก็ควรจะดีกับเธอ คนเราน่ะซวนซวนไม่ชอบให้คนอื่นทำตัวแย่ ๆ กับเราหรอกนะ เมื่อก่อนเธอไม่ดีกับหนู หนูทำตัวไม่ดีกับเธอก็พอเข้าใจได้ แต่ทุกวันนี้เธอเปลี่ยนไปแล้วไม่ใช่เหรอ ไม่มีใครไม่เคยทำผิดหรอก”
“หนูรู้แล้วค่ะ หนูจะไม่เรียกเธอว่าน้าอวบอีก แต่พี่ชิงฮุยบอกว่า เธอไม่ใช่แม่หนู ถ้าหนูเรียกเธอว่าแม่ แม่ที่ให้กำเนิดหนูมาจะเสียใจและเกลียดหนู หนูกลัวแม่จะเกลียดหนู”
“จะแม่ที่ให้กำเนิดก็ดี แม่ที่เลี้ยงดูก็ดี คนที่สมควรเรียกแม่ก็ควรต้องเรียก ทวดไม่บังคับให้หนูเรียกน้าเหม่ยว่าแม่ในวันนี้ แต่หากวันหนึ่ง หนูรู้สึกรักเธอ และอยากให้เธออยู่กับหนูตลอดไป คำว่าแม่ก็จะออกมาจากใจจริง ๆ”
“อาเหม่ย! อาเหม่ยมาแล้ว” อู๋ชิงซวนหันไปมองตามเสียงที่ตะโกนของเจียงเจินเจิน กำลังจะวิ่งออกไปหา แต่แล้วเธอก็คิดได้ว่าทวดสามกำลังอบรม จึงไม่ควรออกไปอย่างนี้
“ไปเถอะ หนูรอน้าเหม่ยมาทั้งวันแล้วนี่” แน่นอนว่าย่าสามย่อมรู้ใจเด็กน้อย
“น้าเหม่ย น้ากลับมาแล้ว” ไป๋จ้าวเหม่ยรู้สึกเหมือนเด็กน้อยจะเสียงดังเป็นพิเศษ กำลังจะอ้าปากตอบ ก็เห็นร่างเล็ก ๆ วิ่งพรวดเข้ามาหา ตอนแรกคิดว่าจะเข้ามากอด ทว่ากลับหยุดที่ตรงหน้า และขยำเสื้อไปมาแทน
“ฉันกลับมาแล้ว ซวนซวนเป็นเด็กดีหรือเปล่าจ๊ะ”
“หนูเป็นเด็กดีค่ะ แต่คราวหน้าน้าเหม่ยให้หนูไปด้วยนะคะ” ไป๋จ้าวเหม่ยยกคิ้วขึ้น น้าเหม่ยอย่างนั้นเหรอ เอ๋...เกิดอะไรขึ้นทำไมเด็กน้อยถึงได้เปลี่ยนไป แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็เลือกที่จะไม่ถามออกไป ค่อยเป็นค่อยไปเถอะ
“ไปหาย่าสามกัน” ไป๋จ้าวเหม่ยยื่นมือไปจับมือเด็กน้อยเดินกลับเข้าไปในบ้าน
“โอ้ว...สะใภ้อู๋เธอได้กระต่ายมาด้วย แต่กระต่ายแก่มันเหนียวนะ ฮิฮิ โธ่เอ๊ย ช่างเป็นกระต่ายโง่เง่าที่หาเรื่องฆ่าตัวตาย เหมือนเธอวันก่อนไม่มีผิด เฮ้อ...” สงสัยเรื่องที่เธอเล่นพิลาทิสฟลายแล้วตกลงมาจะดังไปทั่วหมู่บ้านแล้ว และทุกคนก็คงคิดว่าเธอฆ่าตัวตายจริง ๆ เฮ้อ...ปากคนหนอปากคน
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะพี่สะใภ้เจียง แก่ไปหน่อยแต่อร่อยแน่ เดี๋ยวฉันทำมาให้พี่ลองชิมดูนะคะ”
“โอ๊ยอาหว่านเธออดอยากถึงกับต้องไปแย่งอาหารอาเหม่ยหรืออย่างไร อาเหม่ยเธออย่าไปสนใจพี่สะใภ้เธอเลย ทำให้อาเหวยและซวนซวนกินเถอะ กระต่ายตัวเดียวจะกินได้สักกี่คนกัน” สะใภ้เจียงถูกตำหนิก็ก้มหน้าลง ปกติย่าสามีไม่ค่อยอะไรกับใครนัก แต่หากเมื่อไรก็ตามที่เธอด่าไป๋จ้าวเหม่ยย่าสามีจะต้องออกมาปกป้องอีกฝ่ายตลอด
ไป๋จ้าวเหม่ยกล่าวขอบคุณย่าสาม และจูงมือซวนซวนจะกลับบ้าน ทว่าหูก็ได้ยินเสียงอ่านหนังสือของเจียงจุนพี่ชายของเจียงเจินเจินเสียก่อน เธอจึงหยุดและหันไปทางเด็กชายที่นั่งท่องตำราใต้ต้นไม้
“เสี่ยวจุนเขียนคำตอบเองเหรอ ตอบได้ดีนี่”
“จริงหรือครับ ปีนี้ผมจะต้องไปสมัครเรียนที่โรงเรียนมัธยมในอำเภอแล้ว ครูใหญ่เผยบอกให้ผมกลับมาทบทวนให้ดี เพราะผมมีรายชื่อในการสอบชิงทุน ถ้าสอบติดที่บ้านก็ไม่ต้องเสียเงินส่งเรียนแล้ว”
ดวงตาเด็กชายเป็นประกายขึ้นมา แต่แล้วก็สลดลงเช่นเดิม หากเขาไม่ได้ทุน เขาก็ไม่อาจเห็นแก่ตัวไปเรียนหนังสือแล้ว ค่าเล่าเรียนไม่ใช่ถูก ๆ
“เสี่ยวจุนของเราต้องสอบติดแน่ ๆ มาไหนให้อาเหม่ยดูหน่อย” ไป๋จ้าวเหม่ยปลดตะกร้าที่หลังลง เธอหยิบแบบฝึกหัดที่ครูใหญ่เผยออกข้อสอบให้กับเด็กชาย
“ข้อนี้เป็นการเปรียบเทียบทศนิยมของบวก เสี่ยวจุนต้องเอาตัวเลขมาเรียงกันคนละบรรทัด ที่สำคัญจุดทศนิยมต้องตรงกัน แล้วก็มาดูตัวเลขโดดแต่ละหลักก่อน ไม่ต้องสนใจจุดทศนิยม และดูว่าจำนวนใดของตัวเลขโดดที่มากกว่า จุดทศนิยมก็ย่อมมากกว่าตามไปด้วย เช่นข้อนี้เห็นไหมจ๊ะ”
ไป๋จ้าวเหม่ยหยิบดินสอมาเขียนที่กระดาษทด เธอค่อย ๆ ชี้ไปทีละตัว สอนวิธีการคิดคำนวณแบบง่าย ๆ ให้กับเด็กชาย เจียงจุนจ้องมองดวงตาเบิกโพลง
“ผมขอลองทำดูหน่อยครับ” หญิงสาวยื่นดินสอให้อีกฝ่าย นั่งดูเขาเขียนโจทย์เลขขึ้นมา และหาค่าจุดทศนิยม อันไหนที่ไม่ได้เธอก็ค่อย ๆ อธิบายช้า ๆ ผ่านไปเพียงสามข้อเจียงจุนก็ทำได้อย่างไม่ติดขัดแล้ว
“อาเหม่ยวิธีของอาเหม่ยดีจังเลยครับ คิดง่ายด้วย อาสอนวิชาภาษาจีนกับสังคมให้ผมด้วยได้ไหมครับ เดี๋ยวผมเอาสมุดมาแป๊บเดียว” เจียงจุนวิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว เพียงไม่นานก็กลับมาพร้อมกับสมุดภาษาจีน และสังคมจีน
“วันนี้อาจะสอนภาษาก่อน แต่วันพรุ่งนี้เสี่ยวจุนเอาหนังสือไปที่บ้านของอาได้ เดี๋ยวอาจะสอนให้รับรองการสอบคราวนี้รายชื่อเสี่ยวจุนจะต้องติดหนึ่งในห้าแน่ ๆ”
“จริงหรือครับ อาเหม่ยรับปากแล้วนะ”
“โอ๊ย! เสี่ยวจุนเด็กดีของแม่ อย่าไปรบกวนอาเหม่ยเขาเลย เขาออกจะยุ่ง” ความจริงสะใภ้หว่านไม่มั่นใจหรอกว่า สะใภ้อู๋จะมีความรู้ขนาดสอนหนังสือลูกชายเธอได้ ดูอย่างตัวเลขคำนวณนั้น เดี๋ยววันนี้เธอต้องแอบเอาไปให้ครูใหญ่เผยดูเสียก่อน ถ้าสอนอะไรผิด ๆ แล้วลูกเธอสอบไม่ติดจะทำยังไง เธอไม่เสี่ยงด้วยคนหรอก
“รบกวนหรือเปล่าครับ”
“ไม่รบกวนหรอกจ้ะ ซวนซวนของอาก็ต้องเรียนหนังสือเช่นกัน เจินเจินหนูไปเรียนด้วยกันได้นะ ไปพร้อมพี่ชายหนูเลย”
เสร็จเรื่องบ้านตระกูลเจียงแล้ว ไป๋จ้าวเหม่ยก็พาลูกเลี้ยงกลับมาที่บ้าน แหงนหน้าขึ้นมองบนท้องฟ้า แล้วก็ต้องรีบจัดการงานบ้านให้เสร็จ เดี๋ยวต้องทำกับข้าวอีก ล้างสมุนไพรอีก
“น้าไปทำกับข้าวเถอะ หนูกวาดบ้านเองค่ะ”
“เด็กดีของน้า ขอบใจหนูมากนะคะ” ไป๋จ้าวเหม่ยยื่นมือไปดึงแก้มเล็ก ๆ ที่เริ่มอวบอิ่มขึ้นมาบ้างแล้ว ทว่าอู๋ชิงซวนไม่เคยถูกจับแก้มแบบนี้ เธอทั้งเขินทั้งตกใจ จึงได้ปัดมือแม่เลี้ยงออก
“หนูไม่ใช่เด็กนะ”
“จ้า ๆ ซวนซวนของเราโตแล้ว” ทางบ้านตระกูลอู๋เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ
ทว่าบ้านตระกูลเจียงกลับไม่ใช่ ย่าสามเห็นหลานสะใภ้แย่งสมุดแบบฝึกหัดของเจียงจุนได้ก็ปั่นรถจักรยานออกไปจากบ้าน ก็พลันโมโหด่ากราดขึ้นมา ดูก็รู้ว่าหลานสะใภ้ไม่ได้คิดจะทำเรื่องดี ๆ ไม่ช่วยไม่ว่า แต่หากมาขวางทางการศึกษาของเจียงจุน เช่นนั้นก็อย่ามากล่าวหาว่าย่าสามีอย่างเธอใจร้าย
“ทวดครับแม่เอาแบบฝึกหัดผมไปไหน”
“เด็กดีไม่ต้องกลัวเดี๋ยวทวดจัดการให้ อาหนี่ย์ลูกสะใภ้ที่หล่อนเลือกมา เลอะเลือนอย่างนี้ หากทำให้เสี่ยวจุนเสียเรื่องอย่ากลัวที่ฉันจะให้อาอู่หย่าขาด”
“แม่คะรออาหว่านกลับมาฉันจะจัดการหล่อนเองค่ะ”
**********
ตอนที่ 26 สมุนไพรแพงขนาดนี้เลยเหรอไป๋จ้าวเหม่ยเปิดถุงกระดาษหยิบชุดที่หลิวชิงฮุยซื้อมาฝากซวนซวน เมื่อตอนเย็นแม่ดอกบัวขาวใต้ตมพยายามจะชวนเด็กน้อยคุยเล่น ทว่าซวนซวนก็ไม่ได้สนใจเท่าที่ควร เธอเอาเวลาไปคัดแยกพุทราจีนที่เก็บมาจากบนเขา พรุ่งนี้พ่อของเธอจะเอาไปขายให้หลิวชิงฮุยเห็นว่าเด็กน้อยไม่สนใจ จึงได้กลับไปอย่างพ่ายแพ้“ซวนซวนหนูมาดูชุดที่พี่ชิงฮุยซื้อมาฝาก สวยดีนะ ว้าวชุดนี้เหมือนชุดกะลาสีเรือเลย”“อะไรคือกะลาสีเรือคะ” เด็กน้อยละสายตาจากแบบฝึกหัดที่กำลังเขียนอยู่ หันมาเอียงคอถามตอนนี้เด็กน้อยไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นกับชุดใหม่อีกแล้ว อาจเป็นเพราะแม่เลี้ยงของเธอตัดให้จนครบเจ็ดวัน ไหนจะมีชุดที่เอาไว้ใส่ไปข้างนอก ชุดนอน ชุดใส่เล่น เต็มไปหมด อะไรที่ได้มามากพอก็ทำให้เธอหมดความสนใจ อีกอย่างชุดที่แม่เธอตัดก็สวยกว่าชุดที่วางขายมาก“ก็นี่ยังไงชุดที่มีคอปกข้างหลัง ชอบไหม ว่าไม่ได้หลิวชิงฮุยซื้อของดีมาให้เชียวนะ ผ้านุ่มเชียวใส่สบายตัวเลยละ”“ชอบค่ะ แต่ชอบชุดที่แม่ตัดเย็บให้มากกว่า เหมือนชุดนี้ไง ชุดนอนของหนู พ่อคะพ่อเห็นด้วยหรือเปล่า ชุดนอนที่แม่ทำสวยกว่าอีกเนอะ” อู๋ชิงซวนหมุนตัวหนึ่งรอบ ให้ดูชุดนอนก
ตอนที่ 25 สงสัยไป๋จ้าวเหม่ยพลาดไปแล้ว เธอพลาดอย่างไม่น่าให้อภัย ลืมไปได้อย่างไรว่าเริ่มเข้าสู่ฤดูฝนแล้ว เธอมองท้องฟ้าที่สายฝนโปรยปรายลงมาอย่างไม่ขาดสาย“เธอจะให้ฉันเอาสมุนไพรไปขายให้หรือเปล่า แต่เอาไปแบบไม่ตากแห้งมันจะขายได้ไหม ถ้าขายไม่ได้ก็ไม่เป็นไร เราเก็บเอาไว้ก่อน อบกับไฟก็แห้งเหมือนกันไม่ใช่เหรอ”“แบบสดมันก็ขายได้ ฉันไม่แน่ใจว่าราคามันจะดีเหมือนแห้งหรือเปล่าน่ะสิ” บอกตรง ๆ เรื่องราคาของ หรือค่าเงินในยุคนี้เธอไม่ค่อยรู้เลยด้วยซ้ำ ดูอย่างที่ว่าทุกอย่างในยุคนี้ ราคาถูก เต้าหู้ก้อนหนึ่งแค่หนึ่งเหมาเท่านั้น ผ้าสวย ๆ หนึ่งพับแค่หนึ่งหยวน แต่!...มันกลับแพงยิ่งกว่าในยุคของเธอเสียอีก อาจเพราะค่าเงินมันไม่เท่ากันกระมัง“จะดีไม่ดียังไงก็ต้องขายไม่ใช่เหรอ เอาไว้หมดหน้าฝน ฉันจะขึ้นไปเก็บสมุนไพรพวกนี้ให้เธอเอง ถึงตอนนั้นเธอก็จะได้เงินเท่าเดิมแล้ว”ไป๋จ้าวเหม่ยพยักหน้าแกน ๆ ยังไงก็ต้องทำตามที่อู๋เหวยบอกนั่นแหละ เพราะนี่ก็สองวันแล้ว หากไม่รีบขายสมุนไพรของเธอก็คงจะเหี่ยวหมดราคาแน่ ๆ เห็ดหลินจือเธอสามารถเก็บเอาไว้ขายทีหลังได้ แต่โสมคนกับโสมซานซีและสมุนไพรอื่น ๆ คงต้องขายออกไป รวมทั้งพุทราแห้งด้ว
ตอนที่ 24 ออกตามหากว่าจะปลอบให้เด็กน้อยหยุดร้องไห้ ร่างอวบ ๆ ของเธอก็หนาวสั่น เธอรีบล้วงเข้าไปในตะกร้าสมุนไพร หยิบกลักไม้ขีดออกมา รวบเศษกิ่งไม้ใบไม้แห้ง ๆ ที่ถูกลมปลิวพัดมากระจุกอยู่ในถ้ำ และจุดไฟให้ความอบอุ่น“ซวนซวนหนูใส่เสื้อทับด้วยหรือเปล่าจ๊ะ”“ใส่ค่ะ”“ดีเลย ตอนนี้หนูถอดเสื้อผ้าออกมาก่อน เหลือเพียงแค่กางเกงชั้นในและเสื้อกล้ามก็พอ เอาออกมาอังไฟให้แห้งก่อน” อู๋ชิงซวนรีบถอดชุดออกมา รวมทั้งถุงเท้ารองเท้าทั้งหมด กางเกงในของเด็กน้อยเป็นทรงสามเหลี่ยม ที่แม่เลี้ยงตัดเย็บให้ และเสื้อกล้ามก็เป็นเสื้อที่ปิดถึงแค่เหนือสะดือ แต่เพราะที่นี่มีเพียงเธอสองคน เด็กหญิงจึงไม่อาย“รอน้าอยู่ตรงนี้แป๊บเดียว น้าจะไปเอากิ่งไม้ ถึงจะเปียกแต่ก็ดีกว่าไม่มีเลย” กำลังจะก้าวขาออกไป ทว่ามือเล็กก็ดึงเอาไว้ก่อน“น้าไปตรงนี้เอง หนูนั่งมองออกไปก็เห็น”“ไม่ใช่น้า” เด็กหญิงทำปากยู่ราวกับเป็ดตัวน้อยแสนงอนอย่างนั้น ไป๋จ้าวเหม่ยหลุดขำออกมา พลางยื่นมือไปบีบปากแหลม ๆ นั่น“เอาละ ๆ แม่ผิดไปแล้ว ต้องโทษที่แม่สมองไม่ดี ทำให้ลืมเสียได้ ซวนซวนน้อยไม่โกรธแม่นะคะลูก”“ไม่โกรธค่ะ แม่รีบไปรีบมานะคะ หนูนั่งผิงไฟตรงนี้ แต่แม่ถอดเส
ตอนที่ 23 ติดถ้ำเปรี้ยง! เสียงสายฟ้าร้องลั่นสั่นสะเทือน สายฝนกระหน่ำลงมาราวกับฟ้าถล่ม หญิงสาวโหนตัวอยู่ที่บนหน้าผา เธอกัดฟันปีนขึ้นไป แต่เพราะน้ำฝนที่สาดลงมาทำให้มือที่เกาะลื่น ร่างอวบร่วงพรืดลงไป มือเล็กรีบจิกเล็บลงที่ซอกหิน จนเล็บหักสิบนิ้วสื่อถึงหัวใจ ทว่าความเจ็บปวดไม่เท่ากับความหวาดกลัว คนตายมาแล้วหนึ่งครั้ง ย่อมไม่อยากตายอีก และที่สำคัญซวนซวนอยู่คนเดียว! ไม่รู้เด็กคนนั้นจะกลัวแค่ไหน ป่านนี้ไม่ใช่ร้องไห้ขี้มูกโป่งไปแล้วเหรอ“ฉันก็ว่าแล้ว โชคดีมันจะมาง่าย ๆ ได้ยังไง ได้โสมได้เห็ด แต่เกือบตกเขา ไม่ได้ฉันจะตายไม่ได้ซวนซวนรออยู่” เธอจะบ่นออกมาไม่ได้ ใบหูแว่วได้ยินเสียงร้องของเด็กน้อย ถึงจะรู้ว่าตอนนี้คงเป็นจิตใจเธอที่ปรุงแต่งไปเอง แต่กระนั้นพอได้คิดว่าเจ้าตัวเล็กนั่นกำลังร้องไห้ เธอก็ยิ่งจิกเล็บเข้าไปในซอกหิน กัดฟันปีนป่ายขึ้นมาอย่างทุลักทุเล ดีที่ครั้งนี้เธอเลือกลงเขาด้านที่มีหน้าผาบังลม หากลงที่เดิมเธอคงตกตายไปแล้วไป๋จ้าวเหม่ยรีบวิ่งไปแกะเชือกที่มัดกับต้นไม้ใหญ่ จากนั้นก็วิ่งไปหาอู๋ชิงซวนที่ถ้ำหิน ริมฝีปากก็ตะโกนร้องบอกว่า “ซวนซวนน้ามาแล้ว” ไปตลอดทางทางด้านอู๋ชิงซวนหลังจากที่ฝ
ตอนที่ 22 ความคิดของอู๋เหวยวันนี้ก็เหมือนเช่นทุกวัน สองหญิงสาวเดินออกมาส่งชายหนุ่มคนเดียวของบ้านเหมือนเป็นกิจวัตรประจำวันไปแล้ว ทว่าหลายวันมานี้อู๋เหวยมักจะอิดออดไม่ยอมรีบขี่รถออกไปเร็วเหมือนเดิม เช่นเดียวกับตอนนี้ ดูเหมือนว่าตั้งแต่ไป๋จ้าวเหม่ยเข้าโรงพยาบาลก็ผ่านมาหลายเดือนแล้ว แม่กับน้องของเธอไม่ได้มาขอเงินอีก แล้วผู้หญิงคนนี้ก็ไม่ได้ส่งเงินไปเช่นกัน แปลกเหลือเกิน มีแต่ความแปลกเต็มไปหมด“ซวนซวนพ่อไปทำงานแล้วนะ”“ค่ะ...พ่อขี่รถดี ๆ นะคะ อย่าหักโหมนะหนูกับน้าเป็นห่วง” อู๋ชิงซวนเอ่ยถ้อยคำห่วงใยให้กับพ่อตนเอง หากเป็นเมื่อก่อนเธอก็อยากตามไปด้วย ทว่าเดี๋ยวนี้ เธออยากอยู่เรียนหนังสือ และเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ จากน้าเหม่ยมากกว่า“ขอบคุณครับ ซวนซวนเป็นเด็กดีอย่าดื้ออย่าซน เชื่อฟังน้าเหม่ยของลูกให้มาก ๆ นะ” สายตาอู๋เหวยเหลือบไปมองคนที่ยืนหมุนคอกระดูกลั่นดังกร๊อบ ๆ ก็ขมวดคิ้วขึ้น ไม่ใช่เพราะเธอออกกำลังกายแปลก ๆ นั่นหรือไงและใช่ไป๋จ้าวเหม่ยยังคงออกกำลังกายท่าแปลก ๆ ของเธอทุกวันเหมือนเดิม ตอนแรกเขาคิดว่าคนอ้วนอย่างเธอจะล้มเลิกกลางคัน แต่สามเดือนที่ผ่านมาก็พิสูจน์แล้วว่า ไป๋จ้าวเหม่ยเอาจริง ทั้งอ
ตอนที่ 21 คนคนหนึ่งจะเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้เลยเหรออู๋เหวยเอาข้าวของที่ไป๋จ้าวเหม่ยซื้อมาใส่ตะกร้าหน้ารถตัวเอง ที่ใส่ไม่หมดก็ห้อยเอาไว้ เขามองข้าวของที่เต็มรถ ก็พอจะรู้ว่าเธอหมดไปหลายหยวน ชายหนุ่มรู้ว่าหญิงสาวได้เงินมาจากการขายสมุนไพร เพราะหลายวันที่ผ่านมา เขาก็เห็นแล้วว่าเธอวุ่นวายอยู่กับสมุนไพรเหล่านั้น แต่เขาไม่รู้ว่ามันจะขายได้ราคาดีเพียงใด“ซวนซวนหนูมาซ้อนท้ายพ่อดีไหมคะ น้าเหม่ยของลูกจะได้ไม่หนัก”“พ่อคะ!...หนูตัวไม่หนักเสียหน่อยจริงไหมคะน้าเหม่ย”“จริงจ้ะ ซวนซวนของพวกเราหุ่นดีขนาดนี้จะหนักได้ยังไง หนูมาซ้อนท้ายน้าเหมือนเดิมดีกว่า พ่อหนูถือของเต็มรถแล้ว” ไป๋จ้าวเหม่ยเห็นว่าอู๋เหวยรับหน้าที่ขนของแล้ว ดังนั้นเธอจึงรับหน้าที่บรรทุกคนไปเอง ทว่ายังไม่ทันที่เด็กหญิงจะได้ตอบ เสียงรีบร้อนของคนบางคนก็ตะโกนออกมาก่อนที่เจ้าตัวจะมาถึงเสียอีก“ซวนซวนหนูอยากมาซ้อนรถของพี่ชิงฮุยหรือเปล่าจ๊ะ ป้าพี่ส่งจดหมายมาจากเซี่ยงไฮ้ มีเรื่องสนุก ๆ เยอะเลย พี่เล่าให้ฟังดีไหมจ๊ะ” หลิวชิงฮุยเห็นทั้งสามกำลังจะไปอยู่แล้ว เธอก็รีบจูงรถจักรยานตามมา ในใจนึกโมโหตั้งแต่ที่กินอาหารข้างในแล้ว มีเพียงแค่เธอที่ชวนคุย พี่เห
ตอนที่ 20 เงินก้อนแรกไป๋จ้าวเหม่ยพาอู๋ชิงซวนแวะซื้อของที่ต้องการตามร้านต่าง ๆ ธัญพืชและข้าวสารที่อู๋เหวยซื้อไปคราวก่อนยังเหลือเยอะไม่จำเป็นต้องซื้อเพิ่ม จริง ๆ เนื้อหมูเธอไปซื้อกับย่าสามเป็นประจำ แต่วันนี้ออกมาข้างนอกแล้ว เธอก็คิดว่าต้องซื้อเนื้อสามชั้นไปคืนไอ้ขี้เก๊กนั่นเสียหน่อย ต่อไปนี้จะได้มาบ่นไม่ได้แล้ว ว่าเธอแอบกินหมู!“น้าเหม่ยยังจะซื้ออะไรอีกคะ นี่มันก็เยอะมากแล้วเสียดายเงินออกค่ะ”“ไม่เป็นไรพวกเราไม่ได้ซื้อบ่อย ๆ และไม่ต้องเสียดาย เงินนี้น้าหามาได้ ไม่ใช่เงินพ่อหนูจ้ะ”“หนูรู้ค่ะว่าน้าขายสมุนไพรได้ แต่หนูก็เสียดายอยู่ดี” อู๋ชิงซวนปวดใจเป็นอย่างมาก เธอต้องเตือนน้าเหม่ยสักหน่อย ว่าไม่ควรใช้เงินมากเกินไป มีเงินควรต้องเก็บสิ“ซวนซวนเราไปร้านขนมกัน ดูสิมีขนมแบบใหม่ ๆ มาลงด้วย พวกเราไปซื้อกัน เดี๋ยววันนี้น้าจะซื้อลูกอมห่อใหญ่กลับไปด้วย เอาไว้ไปเป็นรางวัลให้กับนักเรียนสามคนแรกของน้าดีไหม”ความจริงแล้วเธอไม่อยากเป็นแม่ค้าขายสมุนไพรหรอก เธออยากเป็นครู แต่เพราะในยุคนี้ไป๋อ้วนไม่มีวุฒิการศึกษา ดังนั้นเธอจึงสมัครเป็นครูไม่ได้ และก็ไม่อาจเปิดโรงเรียนสอนหนังสือได้เช่นกัน หากทะลุไปยุคโบรา
ตอนที่ 19 อร่อยจนแสงออกปากหลังจากปิดร้านซ่อมรถ ไป๋จ้าวเหม่ยก็ไล่สองพ่อลูกไปอาบน้ำเหมือนเช่นเคย ส่วนตนเองก็มาจัดการสตูกระต่ายที่เคี่ยวเอาไว้ตั้งแต่บ่าย กระต่ายตัวนี้อาจจะแก่ไปสักหน่อย แต่ก็พอเอามาประทังชีวิตได้ ในยุคที่ยังไม่เจริญอย่างนี้จะเลือกกินก็ไม่ได้หรอก อดตายแน่ ๆ ในขณะที่ไป๋จ้าวเหม่ยกำลังเตรียมอาหาร อู๋เหวยก็แอบถามความกับลูกสาวที่บ่ออาบน้ำด้านหลังบ้าน“ซวนซวนน้าอวบของลูก ยังตีลูกอีกหรือเปล่า เธอแย่งอาหารลูกเหรอ” อู๋เหวยพยายามมองหาร่องรอยจากร่างกายของลูกในตอนที่อาบน้ำให้ลูก แต่ก็ไม่เห็น“ไม่ค่ะพ่อ น้าเหม่ยดีมาก แล้วพ่อก็ห้ามเรียกว่าน้าอวบแล้ว เพราะทวดสามบอกว่า เราไม่ควรเรียกเธอว่าอ้วนหรืออวบมันไม่ดี”“อ่าใช่แล้ว พ่อผิดไปแล้ว ต่อไปนี้จะไม่เรียกน้าเหม่ยของลูกว่าอ้วนหรืออวบอีกดีไหมคะ”“ดีค่ะ พ่อคะ น้าเหม่ยเก็บสมุนไพรมาเยอะแยะเลย เธอบอกว่าเอาไว้ขายแล้วจะซื้อผ้ามาตัดชุดให้กับหนู เธอสอนหนังสือหนูด้วยนะคะ พรุ่งนี้พี่เสี่ยวจุนกับพี่เจินเจินก็จะมาเรียนที่บ้านเราด้วย ถ้าน้าเหม่ยดีกับหนูแบบนี้ตลอดไปก็คงดี”“อ่านั่นน่ะสิ พ่อว่าเธอจะต้องดีกับเราตลอดไปนั่นแหละ ซวนซวนน่ารักขนาดนี้ เธอจะไม่ร
ตอนที่ 18 เหตุผลที่อ้วนอู๋เหวยกลับมาถึงบ้านในเวลาเดิม ทว่าเมื่อเขาจอดรถที่ในบ้าน กลับไม่เห็นเงาร่างเล็ก ๆ ของลูกสาววิ่งเข้ามากอด หลายวันแล้วที่ซวนซวนไม่ได้กอดเขา รอต้อนรับเขากลับบ้าน หรือว่าเขาควรจะชินได้แล้ว แต่ก็ไม่ชินเสียที“ซวนซวนพ่อกลับมาแล้ว” ครั้นเมื่อเดินเข้าไปถึง เขาก็ได้ยินเสียงท่องหนังสือของลูกสาว และเสียงละมุนที่คอยบอกเวลาที่ซวนซวนท่องผิด คำพูดของไป๋จ้าวเหม่ยไม่มีคำไหนที่จะด่า หรือตำหนิ มีแต่ค่อย ๆ บอกค่อย ๆ สอน“ไป๋จ้าวเหม่ยรู้หนังสือตั้งแต่เมื่อไรกัน” ชายหนุ่มหยุดฟังอยู่พักใหญ่ ก็ได้ยินเสียงเรียกจากทางหน้าบ้าน เป็นหลิวชิงฮุยอีกแล้ว และคราวนี้หญิงสาวสองคนที่อยู่หลังบ้านก็ได้ยินเช่นกัน“พ่อหนูมาแล้ว เอาไว้ท่องต่อกลางคืนก็ได้ ไปหาพ่อหนูเถอะ น้าล้างสมุนไพรอีกแป๊บเดียวเดี๋ยวจะตามออกไป”“ได้ค่ะ” อู๋ชิงซวนวิ่งออกไปข้างนอก อู๋เหวยได้ยินเสียงฝีเท้า ก็ย่อตัวอ้าแขนออกร่างเล็กกระโจนเข้ามากอด พร้อมกับที่คนเป็นพ่ออุ้มขึ้นมา เหวี่ยงหมุนตัวไปมา เขากดจมูกลงจูบที่หน้าผากเล็ก สูดลมหายใจเข้า กลิ่นของลูก อ้อมกอดของลูก เป็นการเพิ่มพลังชีวิตให้เขาเป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเหนื่อยแค่ไหน ไม่ว่าจะท้อ