มันคงไม่บังเอิญขนาดนั้นหรอกใช่ไหม แต่ว่านะ.. มาจากแคว้นโจว แถมยังเป็นตระกูลซู และยังเป็นพ่อค้านั่นอีก หัวใจเธอเต้นไม่เป็นจังหวะ
“แล้ว.. รู้หรือไม่ว่าคนที่จะมาเป็นใคร” เสียงของเหยาเหยาอ่อนลงแต่ซ่อนไม่มิดเลยว่ากำลังเครียด “เรื่องนั้นข้าเองก็ไม่รู้ขอรับ.. รู้แค่ว่าอีกสามวันเขาจะมารับของที่พวกเรารวบรวมไว้ ข้าตื่นเต้นจะแย่ ไม่เคยเห็นพ่อค้าใหญ่ตัวจริงมาก่อนเลยท่านพี่อาเหยา” เด็กหนุ่มยกมือทั้งสองข้างมาจับกันไว้แล้วแนบหน้าอก สีหน้าแสดงความพึงพอใจอย่างชายหนุ่มที่ฝันหวาน “ข้าว่าเขาน่าจะเป็นคนที่ใส่ชุดหรูขี่ม้าขาวมีข้ารับใช้เดินตามเป็นแถวแน่เลย” เหยาเหยาฝืนยิ้มบาง ๆ ในขณะที่ลมหายใจเธอเริ่มสั่นเครือ อีกสามวัน หากเป็นซูอวี่จริงเขาจะจำเธอได้หรือไม่ แล้วถ้าเขาจำได้เธอจะยังมีชีวิตอยู่ต่อหรือไม่ หรือว่าเขาจะฆ่าเธอซ้ำอีกครั้งด้วยมือของเขาเองหรือเปล่า สามวันผ่านไปอย่างรวดเร็วในความรู้สึกของเธอ เหยาเหยาหลบอยู่ในห้องไม้ด้วยหัวใจที่เต้นไม่เป็นจังหวะ เธอแนบดวงตาไปกับรอยร้าวของไม้เก่า แอบมองขบวนพ่อค้าที่เดินเรียงแถวกันเข้ามาในหมู่บ้าน เสื้อผ้าเรียบหรูแต่ไม่เวอร์วัง ข้างหลังมีเกวียนบรรทุกของมากมายและแน่นอน ว่าธงที่โบกสะบัดอยู่นั้นเป็นตราประทับของตระกูลซูจากแคว้นโจวที่สะท้อนกับแสงแดดเป็นประกาย ยิ่งตอกย้ำให้หัวใจของหญิงสาวหยุดเต้นไปชั่วขณะ “ใช่จริง ๆ ด้วย” สัญลักษณ์นั้นเป็นตราเดียวกับที่เธอเห็นในความทรงจำของร่างนี้ไม่ผิดแน่ แต่เมื่อเธอกวาดสายตาไปทั่วขบวนก็พบว่าคนที่เดินนำหน้าและดูเหมือนจะเป็นคนจัดการทั้งหมดนั้น คือชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่ง ใบหน้าของเขาเคร่งขรึมแต่ไม่เย็นชาเสียทีเดียว "หว่างตัน.. งั้นเหรอ" ชายคนนี้เป็นผู้ช่วยคนสนิทของซูอวี่ เรื่องฝีมือการเจรจาจัดได้ว่าหาใดเปรียบ แต่ที่มากกว่านั้นคือชายผู้นี้เคยเป็นอดีตนักฆ่าที่พ่ายแพ้ให้ซูอวี่และให้เขามาทำงานด้วย เหยาเหยาถอนหายใจอย่างโล่งอก อย่างน้อยผู้ที่มาก็ไม่ใช่ชายผู้นั้น ความกลัวที่บีบคั้นในอกเริ่มคลายลงทีละนิด “ดีแล้ว.. ดีจริง ๆ ที่ไม่มีเขา” เธอลุกขึ้นยืนแล้วหันหลังไปหยิบตะกร้าไม้เก่าขึ้นพาดแขน การหมกตัวอยู่แต่ในเรือนก็ไม่ใช่เรื่องที่ดีสักเท่าไหร่ จะออกไปช่วยคนในหมู่บ้านดูการขนย้ายสินค้าก็ไม่ได้ จึงตั้งใจจะออกไปเดินเล่นเงียบ ๆ ทางหลังหมู่บ้าน เธอเดินไปเรื่อย ๆ ผ่านแปลงงา กลิ่นหอมอ่อน ๆ จากดอกงาที่ยังไม่ถูกเก็บเกี่ยวลอยฟุ้ง ลมเย็นพัดเส้นผมพลิ้วเบา ๆ จนเธอเผลอยิ้ม “ต่อไปนี้จะขอเป็นแค่เหยาเหยาคนที่หลงมาโลกนี้ก็พอ” เธอเดินมาเรื่อย ๆ จนถึงลำธารใสที่ไหลพาดผ่านแนวป่า เสียงน้ำกระเซ็นพร้อมเสียงหัวเราะแผ่วเบาเรียกให้เธอหันไปมอง ตรงส่วนที่ไม่ได้ลึกมากแต่ก็ยังดูอันตรายนั้นพบเด็ก ๆ ชายหญิงคู่หนึ่ง มองจากสายตาแล้วอายุน่าจะราว ๆ ห้าหกขวบได้ ทั้งคู่ยืนหันหลังเล่นน้ำพร้อมร่างกายที่เปลือยเปล่าแต่เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะสดใส “ตายแล้ว! ลูกหลานบ้านไหนทำไมมาเล่นน้ำกันอยู่ตรงนี้ ไม่มีผู้ใหญ่เลยเหรอ” เธอรีบก้าวเข้าไปใกล้หมายจะเข้าไปเตือนเด็ก ๆ ให้ขึ้นจากน้ำก่อนจะเกิดอันตราย แต่ยังไม่ทันถึงตัวเสียงฝีเท้าเบา ๆ ดังขึ้นจากอีกฟากหนึ่งของลำธาร เธอหยุดชะงักหันขวับไปตามเสียงนั้น และในวินาทีนั้นเองที่เธอรู้สึกลึกซึ้งของคำว่าฟ้ากำลังถล่มดินกำลังทลายอยู่ตรงหน้าเธอ ร่างสูงในชุดสีเข้มเดินแทรกต้นไม้ออกมาช้า ๆ พร้อมผลไม้ในมือ ชายผู้มีใบหน้าคมเข้มเย็นชาราวกับน้ำแข็งขั้วโลก ใบหน้าที่เพียงแค่เห็นก็ทำให้เธอเย็นเฉียบไปถึงกระดูกสันหลัง “ซูอวี่..” เธอเบิกตากว้างลมหายใจสะดุด หัวใจเต้นกระหน่ำราวกับจะระเบิดออกมานอกอก ดวงตาคมของชายหนุ่มสบเข้ากับสายตาเธอในทันที ราวกับชะตากรรมนำพาให้พบกันไม่ว่าจะหลบไปไกลแค่ไหน จนเมื่อหญิงสาวได้สติ เธอรีบหันหลังเตรียมจะวิ่งหนีแบบสี่คูณร้อย แต่ยังไม่ทันจะได้ทำเช่นนั้น หมับ! มือหนาได้พุ่งมาคว้าข้อมือเธอเอาไว้ เขาออกแรงบีบแน่นจนเจ็บแปลบ “เจ้า..” เสียงเขาเย็นเฉียบ เย็นเสียยิ่งกว่าคืนที่เขาฆ่าเจ้าของร่างในคืนนั้นเสียอีก เหยาเหยาหันหน้าไปมองเขาเล็กน้อย สีหน้านั้นซีดเผือดไร้เลือดฝาด ร่างกายสั่นไหวเล็กน้อยแต่รู้สึกว่าเย็นวาบตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า 'เขาจะคิดว่าเราเป็นฮั่วเฉาซีไหมนะ ถ้าแกล้งว่าเป็นคนหน้าเหมือนเขาจะเชื่อหรือเปล่านะ' แต่ไม่ทันที่เธอจะได้ตั้งคำถามกับโชคชะตาซูอวี่ก็จ้องเธอเขม็ง “เหตุใดเจ้าถึงมาอยู่ที่นี่ ฮั่ว.. เฉา.. ซี” เสียงของเขาเอ่ยชื่อเต็มของเจ้าของร่างอย่างชัดถ้อยชัดคำ ดวงตาคู่นั้นเต็มไปด้วยไฟของความเคียดแค้นปะปนกับความตกใจและความสับสน เขาไม่เข้าใจว่าทำไมนางถึงยังมีชีวิตอยู่ เขาไม่มีวันลืมว่านางนั้นได้ตายจากไปแล้วด้วยยาพิษในคืนนั้น เหตุใดวันนี้นางถึงมายืนอยู่ที่นี่ ต่อหน้าเขา เหยาเหยาเบิกตาด้วยความตกใจขณะถูกดึงเข้าไปใกล้จนหน้าแทบชิดกับอกกว้างของชายตรงหน้า เขาไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก ไม่ถาม ไม่สบถ ไม่เอะอะ แต่ดวงตานั้นแสดงให้เห็นว่ากำลังรอคำตอบ “ปล่อย! ข้าไม่ใช่ใครที่ท่านคิด!” เหยาเหยาพยายามดิ้น ร้องโต้เสียงสั่น “ข้าชื่อเหยาเหยา! เป็นแค่คนปลูกงา ข้าไม่รู้จักคนที่ท่านพูดถึง ใครคือฮั่วอะไรนั่น ข้าไม่รู้จัก!”“ดีเจ้าค่ะ” เสียงหัวเราะของเด็กน้อยยังดังอยู่ในอ้อมแขน แต่แค่ครู่เดียวก็ถูกทำลายลงจากเค่อเค่อที่เดินมาทางด้านหลัง“คุณชายรอง.. ท่านผู้นำตระกูลซูมาเจ้าค่ะ” คำพูดนั้นทำเอาบรรยากาศดูอึดอัดขึ้นมาทันที เฉาซีที่เพิ่งหอมแก้มเด็ก ๆ อยู่ชะงักนิ่ง ดวงตาของเธอหันมองซูอวี่ที่ก็มีแววเคร่งเครียดไม่ต่างกัน ทั้งคู่สบตากันครู่หนึ่ง ก่อนที่ซูอวี่จะพยักหน้าเบา ๆ “ไปกันเถอะ” เขาเอ่ยพลางวางมือลงบนศีรษะของลูกแฝด“เจ้าทั้งสองต้องทำตัวดี ๆ รู้หรือไม่” สองเด็กน้อยพยักหน้า ยิ้มกว้าง“นี่หรือคือสิ่งที่เจ้าสร้างด้วยมือเปล่า” ชายชราพึมพำกับตัวเอง ขณะจับจ้องชิ้นงานประณีตตรงหน้า น้ำเสียงเจือด้วยความภาคภูมิใจแต่ท่าทางของท่านแม่กลับแตกต่างไปเล็กน้อย เธอยืนนิ่งสีหน้าราบเรียบ ไม่ได้เอ่ยชมแต่อย่างใด แม้จะไม่ตำหนิ แต่ความเย็นชาที่แผ่ออกมาก็สัมผัสได้ จากนั้นทั้งหมดจึงถูกเชิญเข้าไปยังโถงรับรองหลังร้าน ที่ประดับเรียบง่ายแต่ดูภูมิฐาน พวกท่านดูเหมือนมีเรื่องราวที่อยากจะเอ่ยออกมาแต่ก็ยากจะเอ่ยและไม่นานนักท่านผู้นำตระกูลก็ล้วงสิ่งหนึ่งออกมาจากแขนเสื้อเล็กก่อนจะวางไว้ตรงหน้าเขา กล่องไม้สีแดงที่ซูอวี่รู้ดีว่าด้านในนั้นมีตราป
ตอนที่ 27ความสำเร็จ“ใช่แล้ว! เราจะต้องหนีออกจากเรือนให้ท่านพ่อท่านแม่ตามหา” ว่าจบเด็กทั้งสองก็ลุกขึ้นพรวดพร้อมกัน ซูไป๋ฮวาหยิบผ้าคลุมไหล่ตัวเล็กมาคลุมหัวตัวเอง ส่วนซูไป๋จื้อคว้าขนมแห้งจากในกล่องซ่อนใส่กระเป๋าเสื้อ แอบ ๆ ย่องออกทางหลังเรือนด้วยความชำนาญเหมือนวางแผนไว้แล้วนับสิบครั้ง เสียงหัวเราะคิกคักดังแผ่วในขณะที่ประตูหลังบ้านเปิดออกผ่านไปนานเท่าไหร่ไม่รู้ จนเมื่อฮั่วเฉาซีนั่นกลับมาจากร้านในช่วงเย็นเห็นแต่เรือนว่างเปล่า“ไป๋ฮวา! ไป๋จื้อ!” เสียงของเธอดังลั่นจนซูอวี่ที่กำลังนับเครื่องประดับในห้องเก็บของสะดุ้ง รีบวิ่งออกมาอย่างร้อนใจ เฟยเฟยและเค่อเค่อที่เพิ่งซักผ้าและทำอาหารเสร็จก็วิ่งเข้ามาหน้าตั้ง จนทุกคนชุลมุนวุ่นวายไปหมด“เห็นหรือไม่พี่บอกแล้วว่าแบบนี้ได้ผล” ใต้พุ่มไม้หลังเรือน เด็กแฝดสองคนกำลังนั่งซุกหัวกระซิบกระซาบกันอย่างตื่นเต้น ดวงตาวาววับไม่ต่างจากขโมยตัวจิ๋ว“ท่านพี่ ดูสิ ไม่มีใครเห็นเลย ฮี่ ๆ ๆ” ไป๋ฮวาหัวเราะเสียงใส กำชายเสื้อคลุมไว้แน่นราวกับมันคือชุดพรางตัวชั้นดี“เงียบก่อน เดี๋ยวถูกจับได้” ไป๋จื้อยกนิ้วจุ๊ปาก ก่อนหยิบขนมแห้งในกระเป๋าเสื้อออกมาแบ่งกัน “เราต้องอยู่ให้ไ
และยังไม่ทันที่ทั้งสองจะได้พูดคุยกันมากกว่านั้น เสียงล้อเกวียนบดถนนหน้าร้านก็ดังขึ้น เฉาซีที่ยืนอยู่หันไปมอง ก็เห็นว่าสองแฝดน้อยนั้นวิ่งออกจากประตูราวลูกศร เด็กทั้งสองตะโกนเสียงดังอย่างตื่นเต้น“ท่านพ่อกลับมาแล้ว!” เสียงนั้นดังก้องไปทั้งซอยหน้าร้าน ซูอวี่ในชุดเดินทางสีน้ำหมึกยังไม่ทันก้าวพ้นเกวียน ก็ถูกเด็กน้อยสองคนสวมกอดแข้งกอดขาอย่างแน่นหนา นางเองก็เดินออกมาช้า ๆ สีหน้าแสดงความดีใจ “กลับมาแล้วหรือ”“ข้ากลับมาแล้ว” เขายิ้มแล้วพยักหน้า ก่อนจะหันไปโบกมือเรียกชายหนุ่มสามคนที่ลงจากรถม้าตามหลัง “นี่คือช่างฝีมือที่ข้าพามา เป็นคนที่ข้าไว้ใจ” เฉาซีทักทายอย่างสุภาพ “ยินดีต้อนรับเจ้าค่ะ ฝากตัวด้วยนะเจ้าคะ”หลังจากทักทายกันแล้วซูอวี่ก็เดินนำนางอ้อมไปทางหลังร้าน ซึ่งมีห้องหนึ่งที่จัดไว้สำหรับเก็บสินค้า และเมื่อเปิดหีบใบใหญ่ที่คนช่วยกันหิ้วลงมาวางเรียงตรงหน้า เฉาซีถึงกับกลืนน้ำลายเล็กน้อยเครื่องประดับภายในหีบแต่ละชิ้นราวกับเป็นสิ่งของจากวังหลวง ทองคำขัดเงา ไข่มุกสีชมพูเรื่อ รูปทรงประหลาดแปลกตา แต่กลับดูงามจับใจมีทั้งกำไลที่ฝังพลอยสีเขียวมรกต ลวดลายเป็นรูปเถาวัลย์พันกันอย่างประณีต ต่างหูที่หย
ตอนที่ 26เจียงฮวาเธอโค้งตัวเล็กน้อย ก่อนจะเหลือบตามองหญิงสาวที่มาด้วย รูปร่างสูงเพรียว ผิวขาวเนียนราวหยก ใบหน้ารูปไข่ประดับด้วยเครื่องประดับคุ้นตา ท่วงท่าหยิ่งทะนงแต่สง่างามไม่เกินงาม และเมื่อมองชัด ๆ ก็ยิ่งทำให้เธอเบิกตากว้าง“เฉาซี” องค์ชายหลี่ซิวเจินกล่าวด้วยรอยยิ้มบาง“ข้าพาแขกคนสำคัญมาชมร้านของเจ้า” เขาหันไปทางหญิงสาวแล้วแนะนำต่อ“นางคือคุณหนูเซี่ย เซี่ยหวานหว่าน บุตรีคนโตแห่งจวนแม่ทัพตะวันออก เจ้าน่าจะพบนางแล้วใข่หรือไม่.. ข้าเคยเอ่ยกับนางว่ามีร้านเครื่องประดับของสหายที่มีรสนิยมแปลกใหม่ นางจึงอยากมาชมด้วยตนเอง”“เป็นเกียรติยิ่งนักที่คุณหนูเซี่ยมาเยือน ไม่ทราบว่าเครื่องประดับชุดนั้นเป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะ”“ข้าชอบมาก งดงามยิ่งนัก”“เชิญท่านทั้งสองด้านในก่อนดีกว่าเจ้าค่ะ” เซี่ยหวานหว่านมองเฉาซีอย่างพินิจครู่หนึ่ง ก่อนจะพยักหน้าช้า ๆหลังจากที่พาทั้งสองมาด้านใน สตรีสูงศักดิ์ได้นั่งลงอย่างสง่างามบนเบาะนุ่มในห้องรับรองด้านหลัง นิ้วเรียวเคาะเบา ๆ บนขอบโต๊ะลายไม้หอม ก่อนจะเอ่ยเสียงนุ่มด้วยแววตาเป็นประกาย“แม่นางเฉาฉี.. สินค้าหน้าร้านข้าดูหมดแล้ว แต่ข้าอยากชมสิ่งที่ยังไม่เผยต่อผู้ใด เจ้
หลังจากผ่านสนามรักอันร้อนระอุ ฮั่วเฉาซีได้เอนศีรษะพิงอกเขาอย่างเหนื่อยอ่อน ปลายนิ้วลูบวนบนแผงอกเขาอย่างเผลอไผล ชายหนุ่มกอดเธอไว้แน่นมือข้างหนึ่งลูบเรือนผมของเธอเบา ๆ“หากร้านขายดีเช่นนี้อีกไม่ถึงครึ่งเดือน ของที่มีอยู่คงหมดแน่” เขาพูดเสียงแผ่ว ดวงตาทอดมองเพดานไม้เหนือหัวอย่างครุ่นคิด“ข้าไม่มีความรู้ด้านการทำเครื่องประดับเลย จึงจำเป็นต้องเดินทางไปพบพ่อค้าในต่างเมือง ข้ารู้จักช่างฝีมือดีอยู่หลายคน หากเราได้ตัวพวกเขามาช่วยร้านเราจะต้องดีขึ้นเป็นแน่” เฉาซีเลื่อนสายตาขึ้นไปสบตาเขาช้า ๆ “ท่านจะออกเดินทางอีกหรือ” เขาหันมามองเธอแล้วยิ้มบาง ๆ ส่งให้ “ไปเพียงไม่นาน ข้าอยากให้ร้านนี้มีของดีมาขายอย่างต่อเนื่อง ข้าอยากเห็นเจ้ามีความสุขกับที่นี่” เฉาซีเงียบไปอึดใจ ก่อนจะเอ่ยขึ้นเสียงเบา“ซูอวี่.. หากข้าต้องการตัวอาเซี่ยท่านให้ข้าได้หรือไม่” เขาขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยถาม“อาเซี่ยงั้นหรือ เจ้าหมายถึงทาสผู้นั้นที่อยู่บนเรือใช่หรือไม่”“ใช่” เธอพยักหน้า “ในตอนที่อยู่ใต้ท้องเรือ ข้าเห็นแบบเครื่องประดับที่นางเคยวาด มันละเอียดและสวยงามมาก หากได้ฝึกอีกหน่อยนางจะสามารถเป็นนักออกแบบของเราได้” เขานิ่งไ
ตอนที่ 25สตรีสูงศักดิ์หลังจากผ่านมื้ออาหาร นางได้พาเด็ก ๆ ขึ้นไปชั้นบนปล่อยให้พวกเขาเข้านอนในห้องฝั่งขวา และหลังจากแน่ใจว่าทุกอย่างเรียบร้อย เธอจึงส่งสัญญาณให้พี่เลี้ยงดูแลต่อสองเท้าเดินลงบันไดมาอย่างแผ่วเบา ภายใต้แสงจันทร์สลัวที่สาดผ่านหน้าต่าง เธอก้าวเข้ามาในโถงชั้นล่างที่เต็มไปด้วยหีบสินค้าต่างแคว้นกลิ่นหอมจากไม้หอมจาง ๆ ลอยมาแตะปลายจมูก ก่อนที่สองเท้าจะหยุดหน้าหีบใบหนึ่งที่ตั้งอยู่ใกล้มุมผนัง เมื่อเปิดฝากล่องช้า ๆ แล้วแสงสีมุกก็สะท้อนแวววาวขึ้นมาทันทีไข่มุกจากแคว้นฉินที่ขาวนวลเหมือนหิมะ ก่อนจะเอื้อมไปเปิดหีบอีกใบที่ด้านในบรรจุมุกดำลึกจากทะเลทางใต้ ก่อนจะเปิดหีบอีกใบที่มีมุกสีชมพูอ่อนจากแคว้นเว่ย นางหยิบทุกอย่างมาวางเรียง ต่างหู สร้อย กำไล และปิ่นปักผมมาจัดเรียงแล้วพิจารณา“แม้จะดูแปลกตาไปหน่อย แต่เมื่ออยู่รวมกันกลับงดงามเพียงนี้เชียวหรือ” นางพิจารณาอยู่เพียงครู่ ก็นำสินค้าชุดนั่นไปวางลงบนชั้นโชว์สูงสุดตรงหน้าร้านแสงเทียนที่ส่องกระทบทำให้เครื่องประดับยิ่งดูโดดเด่น ขณะที่เธอกำลังถอยหลังดูผลงานอย่างพอใจนั้นก็สัมผัสได้ถึงอ้อมแขนอบอุ่นที่สวมกอดเธอจากด้านหลังโดยไม่ให้ตั้งตัวแต่เพ