"อย่างคิดโป้ปลด เพราะข้าเองก็ไม่รู้ว่าจะยั้งมือไม่ฆ่าเจ้าได้นานแค่ไหน" ซูอวี่พูดด้วยน้ำเสียงเย็นก่อนจะปรายตามองเธอด้วยหางตา
"ในเมื่อเจ้าหนีความตายมาได้หนึ่งครั้ง ข้าก็จะให้โอกาสเจ้าหนึ่งครั้ง เจ้าต้องกลับไปกับข้า ไปชดใช้ในสิ่งที่เจ้าเคยก่อไว้" "ข้าไม่อยากกลับไป" เหยาเหยาพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่ดังฟังชัด แต่นอกจากที่เขาไม่รับฟังแล้ว เขายังไม่สนใจคำพูดนั้นของเธออีกด้วย "อ่อ.. ข้าเชื่อว่าอย่างไรเจ้าก็จะกลับไป เพราะข้ามีหลายร้อยพันวิธีที่จะพาสตรีน่ารังเกียจเช่นเจ้ากลับไป" ซูอวี่โน้มตัวลงไปเล็กน้อยก่อนจะอุ้มลูกแฝดทั้งสองขึ้นมาอุ้มเอาไว้ "หรือเจ้าจะลองดูก็ได้นะเฉาซี.. ว่าข้าสามารถทำอะไรกับหมู่บ้านเล็ก ๆ แห่งนี้ที่ช่วยชีวิตเจ้าเอาไว้ได้บ้าง" และสุดท้ายแล้วเหยาเหยาก็ต้องยอมรับชะตากรรม เพราะซูอวี่ข่มขู่ว่าหากเธอไม่กลับไปเขาจะทำให้หมู่บ้านนี้จะกลายเป็นทะเลเพลิง ‘ไอ้คนไร้มนุษยธรรม!’ หลังจากนั้นเพียง 3 ชั่วยาม กองคาราวานพ่อค้าก็เตรียมพร้อมที่จะออกเดินทางกลับ ซูอวี่เข้าไปคุยกับหัวหน้าหมู่บ้านและบอกกับเขาว่าความจริงแล้วสตรีที่พวกเขาช่วยชีวิตนั้น เป็นทาสที่เขาซื้อมาทำงานในเรือพ่อค้า แต่ก่อนนี้มีโจรปล้นระหว่างทางทำให้ทาสนั้นหนีตายและหายไปกันหลายคน "เรื่องเป็นอย่างนั้นหรือแม่หนูอาเหยา" ท่านตาหัวหน้าหมู่บ้านเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน "เอ่อ.. คือ.." เหยาเหยามองหน้าซูอวี่สลับกับหัวหน้าหมู่บ้านนิ่ง ๆ "เจ้าค่ะ.. เป็นอย่างที่คุณชายรองซูกล่าวมาเจ้าค่ะ" "เข้าใจแล้ว.. อย่างนั้นก็โชคดี" หลังจากนั้นซูอวี่ก็สั่งลูกน้องให้ประจำที่เตรียมออกเดินทาง โดยมีเธอเดินตามเขาไปช้า ๆ ด้วยหัวใจที่ห่อเหี่ยวจนมาถึงรถม้าคันหนึ่ง “ท่านพ่อ ๆ ท่านแม่เป็นผีเหรอขอรับ” คำถามไร้เดียงสาของเด็กน้อยที่ยังไม่เข้าใจโลกนี้ทำให้บรรยากาศรอบ ๆ ดูอ่อนโยนลงไปมาก “ท่านแม่ของลูกเป็นคน ไม่ใช่ผี” ซูอวี่กล่าวด้วยน้ำเสียงที่อบอุ่นราวกับว่าเขากำลังตอบคำถามที่ธรรมดาที่สุดในชีวิต น้ำเสียงที่เขาใช้กับลูก ๆ ช่างแตกต่างจากที่พูดกับเธอเสียเหลือเกิน ซูอวี่อุ้มฝาแฝดขึ้นไปนั่งบนรถม้าอย่างนิ่มนวล ก่อนที่มือเล็ก ๆ ของแฝดน้องจะดึงชายเสื้อของพี่ชายเอาไว้แน่น สายตาของเธอมองออกไปข้างนอกอย่างหวาดผวา ในตอนที่ซูอวี่หันหลังเตรียมจะเดินออกจากรถม้าเสียงของซูไป๋จื้อดังขึ้นจากด้านหลัง “ท่านพ่อขอรับ! เอ่อ.. เสี่ยวซูเหมือนจะไม่อยากให้ท่านแม่ขึ้นมานั่งด้วย.. ขอรับ” เด็กชายพูดออกมาด้วยน้ำเสียงอ้อมแอ้ม มือเล็กข้างหนึ่งกุมมือของน้องสาวไว้แน่นขณะที่มืออีกข้างจิกเนื้อตัวเอง ชายหนุ่มหันไปยิ้มให้กับลูกชายเล็กน้อยแล้วหันไปมองเสี่ยวซู เขาค่อย ๆ ยกมือลูบผมของลูกสาวอย่างอ่อนโยน ก่อนจะหันไปใช้มือหนาแกะมือของลูกชายที่จิกเนื้อออกอย่างระมัดระวัง “งั้นหรือ.. เสี่ยวซู.. ลูกคิดอย่างนั้นหรือ” เขาถามด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความอ่อนโยนและใจเย็น เพราะรู้ดีว่าลูกสาวนั้นขี้กลัวมากแค่ไหน “ดะ.. ได้หรือไม่เจ้าคะ” เสี่ยวซูหรือก็คือซูไป๋ฮวาถามออกมาด้วยเสียงเบาหวิว ขณะที่เธอมองไปทางผู้เป็นพ่อด้วยสายตามีความคาดหวัง ซูอวี่นิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่เรียกได้ว่าดังและฟังชัด “งั้นก็ได้! เพื่อลูก ๆ ของพ่อแล้วมีหรือจะไม่ได้” เขาพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่นก่อนจะหันไปสั่งลูกน้องคนสนิท “หว่างตัน! ให้นางไปนั่งบนรถม้าขนงา” “แต่รถม้านั่น..” หัวหน้าผู้ติดตามของเขาพูดออกมาด้วยน้ำเสียงลังเล ก่อนที่จะหยุดไปเมื่อได้ยินคำตอบของซูอวี่ “ถ้านางไม่ยอมก็มัดแขนมัดขาแล้วโยนขึ้นไปซะ!” “เข้าใจแล้วขอรับ”“ดีเจ้าค่ะ” เสียงหัวเราะของเด็กน้อยยังดังอยู่ในอ้อมแขน แต่แค่ครู่เดียวก็ถูกทำลายลงจากเค่อเค่อที่เดินมาทางด้านหลัง“คุณชายรอง.. ท่านผู้นำตระกูลซูมาเจ้าค่ะ” คำพูดนั้นทำเอาบรรยากาศดูอึดอัดขึ้นมาทันที เฉาซีที่เพิ่งหอมแก้มเด็ก ๆ อยู่ชะงักนิ่ง ดวงตาของเธอหันมองซูอวี่ที่ก็มีแววเคร่งเครียดไม่ต่างกัน ทั้งคู่สบตากันครู่หนึ่ง ก่อนที่ซูอวี่จะพยักหน้าเบา ๆ “ไปกันเถอะ” เขาเอ่ยพลางวางมือลงบนศีรษะของลูกแฝด“เจ้าทั้งสองต้องทำตัวดี ๆ รู้หรือไม่” สองเด็กน้อยพยักหน้า ยิ้มกว้าง“นี่หรือคือสิ่งที่เจ้าสร้างด้วยมือเปล่า” ชายชราพึมพำกับตัวเอง ขณะจับจ้องชิ้นงานประณีตตรงหน้า น้ำเสียงเจือด้วยความภาคภูมิใจแต่ท่าทางของท่านแม่กลับแตกต่างไปเล็กน้อย เธอยืนนิ่งสีหน้าราบเรียบ ไม่ได้เอ่ยชมแต่อย่างใด แม้จะไม่ตำหนิ แต่ความเย็นชาที่แผ่ออกมาก็สัมผัสได้ จากนั้นทั้งหมดจึงถูกเชิญเข้าไปยังโถงรับรองหลังร้าน ที่ประดับเรียบง่ายแต่ดูภูมิฐาน พวกท่านดูเหมือนมีเรื่องราวที่อยากจะเอ่ยออกมาแต่ก็ยากจะเอ่ยและไม่นานนักท่านผู้นำตระกูลก็ล้วงสิ่งหนึ่งออกมาจากแขนเสื้อเล็กก่อนจะวางไว้ตรงหน้าเขา กล่องไม้สีแดงที่ซูอวี่รู้ดีว่าด้านในนั้นมีตราป
ตอนที่ 27ความสำเร็จ“ใช่แล้ว! เราจะต้องหนีออกจากเรือนให้ท่านพ่อท่านแม่ตามหา” ว่าจบเด็กทั้งสองก็ลุกขึ้นพรวดพร้อมกัน ซูไป๋ฮวาหยิบผ้าคลุมไหล่ตัวเล็กมาคลุมหัวตัวเอง ส่วนซูไป๋จื้อคว้าขนมแห้งจากในกล่องซ่อนใส่กระเป๋าเสื้อ แอบ ๆ ย่องออกทางหลังเรือนด้วยความชำนาญเหมือนวางแผนไว้แล้วนับสิบครั้ง เสียงหัวเราะคิกคักดังแผ่วในขณะที่ประตูหลังบ้านเปิดออกผ่านไปนานเท่าไหร่ไม่รู้ จนเมื่อฮั่วเฉาซีนั่นกลับมาจากร้านในช่วงเย็นเห็นแต่เรือนว่างเปล่า“ไป๋ฮวา! ไป๋จื้อ!” เสียงของเธอดังลั่นจนซูอวี่ที่กำลังนับเครื่องประดับในห้องเก็บของสะดุ้ง รีบวิ่งออกมาอย่างร้อนใจ เฟยเฟยและเค่อเค่อที่เพิ่งซักผ้าและทำอาหารเสร็จก็วิ่งเข้ามาหน้าตั้ง จนทุกคนชุลมุนวุ่นวายไปหมด“เห็นหรือไม่พี่บอกแล้วว่าแบบนี้ได้ผล” ใต้พุ่มไม้หลังเรือน เด็กแฝดสองคนกำลังนั่งซุกหัวกระซิบกระซาบกันอย่างตื่นเต้น ดวงตาวาววับไม่ต่างจากขโมยตัวจิ๋ว“ท่านพี่ ดูสิ ไม่มีใครเห็นเลย ฮี่ ๆ ๆ” ไป๋ฮวาหัวเราะเสียงใส กำชายเสื้อคลุมไว้แน่นราวกับมันคือชุดพรางตัวชั้นดี“เงียบก่อน เดี๋ยวถูกจับได้” ไป๋จื้อยกนิ้วจุ๊ปาก ก่อนหยิบขนมแห้งในกระเป๋าเสื้อออกมาแบ่งกัน “เราต้องอยู่ให้ไ
และยังไม่ทันที่ทั้งสองจะได้พูดคุยกันมากกว่านั้น เสียงล้อเกวียนบดถนนหน้าร้านก็ดังขึ้น เฉาซีที่ยืนอยู่หันไปมอง ก็เห็นว่าสองแฝดน้อยนั้นวิ่งออกจากประตูราวลูกศร เด็กทั้งสองตะโกนเสียงดังอย่างตื่นเต้น“ท่านพ่อกลับมาแล้ว!” เสียงนั้นดังก้องไปทั้งซอยหน้าร้าน ซูอวี่ในชุดเดินทางสีน้ำหมึกยังไม่ทันก้าวพ้นเกวียน ก็ถูกเด็กน้อยสองคนสวมกอดแข้งกอดขาอย่างแน่นหนา นางเองก็เดินออกมาช้า ๆ สีหน้าแสดงความดีใจ “กลับมาแล้วหรือ”“ข้ากลับมาแล้ว” เขายิ้มแล้วพยักหน้า ก่อนจะหันไปโบกมือเรียกชายหนุ่มสามคนที่ลงจากรถม้าตามหลัง “นี่คือช่างฝีมือที่ข้าพามา เป็นคนที่ข้าไว้ใจ” เฉาซีทักทายอย่างสุภาพ “ยินดีต้อนรับเจ้าค่ะ ฝากตัวด้วยนะเจ้าคะ”หลังจากทักทายกันแล้วซูอวี่ก็เดินนำนางอ้อมไปทางหลังร้าน ซึ่งมีห้องหนึ่งที่จัดไว้สำหรับเก็บสินค้า และเมื่อเปิดหีบใบใหญ่ที่คนช่วยกันหิ้วลงมาวางเรียงตรงหน้า เฉาซีถึงกับกลืนน้ำลายเล็กน้อยเครื่องประดับภายในหีบแต่ละชิ้นราวกับเป็นสิ่งของจากวังหลวง ทองคำขัดเงา ไข่มุกสีชมพูเรื่อ รูปทรงประหลาดแปลกตา แต่กลับดูงามจับใจมีทั้งกำไลที่ฝังพลอยสีเขียวมรกต ลวดลายเป็นรูปเถาวัลย์พันกันอย่างประณีต ต่างหูที่หย
ตอนที่ 26เจียงฮวาเธอโค้งตัวเล็กน้อย ก่อนจะเหลือบตามองหญิงสาวที่มาด้วย รูปร่างสูงเพรียว ผิวขาวเนียนราวหยก ใบหน้ารูปไข่ประดับด้วยเครื่องประดับคุ้นตา ท่วงท่าหยิ่งทะนงแต่สง่างามไม่เกินงาม และเมื่อมองชัด ๆ ก็ยิ่งทำให้เธอเบิกตากว้าง“เฉาซี” องค์ชายหลี่ซิวเจินกล่าวด้วยรอยยิ้มบาง“ข้าพาแขกคนสำคัญมาชมร้านของเจ้า” เขาหันไปทางหญิงสาวแล้วแนะนำต่อ“นางคือคุณหนูเซี่ย เซี่ยหวานหว่าน บุตรีคนโตแห่งจวนแม่ทัพตะวันออก เจ้าน่าจะพบนางแล้วใข่หรือไม่.. ข้าเคยเอ่ยกับนางว่ามีร้านเครื่องประดับของสหายที่มีรสนิยมแปลกใหม่ นางจึงอยากมาชมด้วยตนเอง”“เป็นเกียรติยิ่งนักที่คุณหนูเซี่ยมาเยือน ไม่ทราบว่าเครื่องประดับชุดนั้นเป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะ”“ข้าชอบมาก งดงามยิ่งนัก”“เชิญท่านทั้งสองด้านในก่อนดีกว่าเจ้าค่ะ” เซี่ยหวานหว่านมองเฉาซีอย่างพินิจครู่หนึ่ง ก่อนจะพยักหน้าช้า ๆหลังจากที่พาทั้งสองมาด้านใน สตรีสูงศักดิ์ได้นั่งลงอย่างสง่างามบนเบาะนุ่มในห้องรับรองด้านหลัง นิ้วเรียวเคาะเบา ๆ บนขอบโต๊ะลายไม้หอม ก่อนจะเอ่ยเสียงนุ่มด้วยแววตาเป็นประกาย“แม่นางเฉาฉี.. สินค้าหน้าร้านข้าดูหมดแล้ว แต่ข้าอยากชมสิ่งที่ยังไม่เผยต่อผู้ใด เจ้
หลังจากผ่านสนามรักอันร้อนระอุ ฮั่วเฉาซีได้เอนศีรษะพิงอกเขาอย่างเหนื่อยอ่อน ปลายนิ้วลูบวนบนแผงอกเขาอย่างเผลอไผล ชายหนุ่มกอดเธอไว้แน่นมือข้างหนึ่งลูบเรือนผมของเธอเบา ๆ“หากร้านขายดีเช่นนี้อีกไม่ถึงครึ่งเดือน ของที่มีอยู่คงหมดแน่” เขาพูดเสียงแผ่ว ดวงตาทอดมองเพดานไม้เหนือหัวอย่างครุ่นคิด“ข้าไม่มีความรู้ด้านการทำเครื่องประดับเลย จึงจำเป็นต้องเดินทางไปพบพ่อค้าในต่างเมือง ข้ารู้จักช่างฝีมือดีอยู่หลายคน หากเราได้ตัวพวกเขามาช่วยร้านเราจะต้องดีขึ้นเป็นแน่” เฉาซีเลื่อนสายตาขึ้นไปสบตาเขาช้า ๆ “ท่านจะออกเดินทางอีกหรือ” เขาหันมามองเธอแล้วยิ้มบาง ๆ ส่งให้ “ไปเพียงไม่นาน ข้าอยากให้ร้านนี้มีของดีมาขายอย่างต่อเนื่อง ข้าอยากเห็นเจ้ามีความสุขกับที่นี่” เฉาซีเงียบไปอึดใจ ก่อนจะเอ่ยขึ้นเสียงเบา“ซูอวี่.. หากข้าต้องการตัวอาเซี่ยท่านให้ข้าได้หรือไม่” เขาขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยถาม“อาเซี่ยงั้นหรือ เจ้าหมายถึงทาสผู้นั้นที่อยู่บนเรือใช่หรือไม่”“ใช่” เธอพยักหน้า “ในตอนที่อยู่ใต้ท้องเรือ ข้าเห็นแบบเครื่องประดับที่นางเคยวาด มันละเอียดและสวยงามมาก หากได้ฝึกอีกหน่อยนางจะสามารถเป็นนักออกแบบของเราได้” เขานิ่งไ
ตอนที่ 25สตรีสูงศักดิ์หลังจากผ่านมื้ออาหาร นางได้พาเด็ก ๆ ขึ้นไปชั้นบนปล่อยให้พวกเขาเข้านอนในห้องฝั่งขวา และหลังจากแน่ใจว่าทุกอย่างเรียบร้อย เธอจึงส่งสัญญาณให้พี่เลี้ยงดูแลต่อสองเท้าเดินลงบันไดมาอย่างแผ่วเบา ภายใต้แสงจันทร์สลัวที่สาดผ่านหน้าต่าง เธอก้าวเข้ามาในโถงชั้นล่างที่เต็มไปด้วยหีบสินค้าต่างแคว้นกลิ่นหอมจากไม้หอมจาง ๆ ลอยมาแตะปลายจมูก ก่อนที่สองเท้าจะหยุดหน้าหีบใบหนึ่งที่ตั้งอยู่ใกล้มุมผนัง เมื่อเปิดฝากล่องช้า ๆ แล้วแสงสีมุกก็สะท้อนแวววาวขึ้นมาทันทีไข่มุกจากแคว้นฉินที่ขาวนวลเหมือนหิมะ ก่อนจะเอื้อมไปเปิดหีบอีกใบที่ด้านในบรรจุมุกดำลึกจากทะเลทางใต้ ก่อนจะเปิดหีบอีกใบที่มีมุกสีชมพูอ่อนจากแคว้นเว่ย นางหยิบทุกอย่างมาวางเรียง ต่างหู สร้อย กำไล และปิ่นปักผมมาจัดเรียงแล้วพิจารณา“แม้จะดูแปลกตาไปหน่อย แต่เมื่ออยู่รวมกันกลับงดงามเพียงนี้เชียวหรือ” นางพิจารณาอยู่เพียงครู่ ก็นำสินค้าชุดนั่นไปวางลงบนชั้นโชว์สูงสุดตรงหน้าร้านแสงเทียนที่ส่องกระทบทำให้เครื่องประดับยิ่งดูโดดเด่น ขณะที่เธอกำลังถอยหลังดูผลงานอย่างพอใจนั้นก็สัมผัสได้ถึงอ้อมแขนอบอุ่นที่สวมกอดเธอจากด้านหลังโดยไม่ให้ตั้งตัวแต่เพ