จวนตระกูลหลินหลังจากพวกหลินจือเยว่กลับมาแล้วก็รู้สึกเหมือนร่างกายจะแยกออกจากกันเป็นส่วนๆ อย่างไรอย่างนั้น โดยเฉพาะฮูหยินผู้เฒ่าหลินเดิมนางก็อายุไม่น้อยแล้ว แม้หลายปีนี้จวนตระกูลหลินจะค่อยๆ เสื่อมโทรมลง แต่นางก็มีชีวิตสุขสบายมาโดยตลอด ไม่เคยต้องตกระกำลำบากถึงเพียงนี้จนกระทั่งได้เข้าไปอยู่ในคุกครั้งนี้ ถูกขังในนั้นหนึ่งวันแล้วยังถูกนำตัวไปสอบสวนก็เสียขวัญจนปล่อยเบาราดตัวเองประกอบกับยังถูกกู้อวิ๋นเวยปาโคลนใส่จนเปรอะเปื้อนไปทั้งตัว ขณะนี้ทั่วร่างจึงส่งกลิ่นเหม็นคลุ้งชวนคลื่นเหียน“ท่านแม่ ท่านรีบไปอาบน้ำเถิดเจ้าค่ะ”ฉินซวงซวงถูกโบยจึงเจ็บระบมไปทั้งตัว แต่ก็ยังพยายามพูดแสดงความห่วงใยต่อฮูหยินผู้เฒ่าหลินอย่างเต็มที่เพียะ!ฮูหยินผู้เฒ่าหลินเงื้อมือตบฉาด ในที่สุดก็ไม่สามารถข่มกลั้นความเคียดแค้นทั้งมวลและความโกรธที่ต้องขายหน้าได้อีกต่อไป“ล้วนเป็นเพราะเจ้าที่ทำให้ข้าต้องตกอยู่ในสภาพนี้ ทำให้จือเยว่สูญเสียตำแหน่งราชการ ตอนนี้เจ้าคงพอใจแล้วสินะ?”“เจ้ามันตัวหายนะชัดๆ หลังจากจือเยว่ตบแต่งเจ้าเข้ามา ที่บ้านก็ไม่เคยได้อยู่อย่างสงบ ตอนนี้ไม่มียศศักดิ์อันใดอีกแล้ว ตระกูลหลินจะใช้ชีวิตต่
“ความฝันที่ข้าได้ฝันถึง บัดนี้ท่านคงเชื่อแล้วกระมัง?” ฉินซวงซวงเอ่ยถามหลินจือเยว่ชะงักไปเล็กน้อย “หรือเจ้าฝันอีกแล้ว?”ฉินซวงซวงพยักหน้า “ข้าฝันว่าอีกไม่กี่วัน ในพิธีล่าสัตว์ของเหล่าเชื้อพระวงศ์ องค์ชายใหญ่จะตกอยู่ในอันตราย”“ขอเพียงพวกเราเข้าช่วยองค์ชายใหญ่ได้ทันการณ์ ฮ่องเต้ย่อมต้องตอบแทนอย่างงาม ถึงยามนั้นแล้วท่านค่อยทูลขอให้ฮ่องเต้คืนตำแหน่งขุนนางให้กับท่าน ไหนจะยังมีตระกูลเซียวคอยช่วยเหลืออีก จะต้องกลับมายิ่งใหญ่เชิดหน้าชูตาได้แน่!”ได้ฟังเช่นนี้ ดวงตาของหลินจือเยว่ก็ทอประกายแสงขึ้นอีกครั้ง “ที่เจ้าพูดเป็นเรื่องจริงหรือ?”"ข้ามีหรือจะโกหกท่านได้? แต่เดิมข้าคิดว่าฝันนั้นเป็นแผนของซ่งรั่วเจินที่จงใจใช้เล่นงานข้า บัดนี้ข้าเชื่อแล้วว่าคงไม่ข้องเกี่ยวกับนางจริงๆ ทว่าเป็นฟ้าดินที่กำลังช่วยเหลือพวกเราอยู่!”“เรื่องเงินนั้นเป็นเพียงความบังเอิญ ยามที่พวกเราขุดสมบัติโชคร้ายที่พวกเขามาพบเข้า ส่วนฝันนี้ที่จริงเป็นฝันที่เกิดขึ้นยามที่ข้าถูกขังอยู่ในคุกแล้ว”“ยามนั้นเป็นโอกาสที่ดีงามที่สุด จะให้ใครพบเห็นมิได้โดยเด็ดขาด น่าเสียดายที่ข้าถูกกักขังอยู่ในคุกเช่นนี้ ทั้งยังไม่มีโอกาสจะพบหน้าเ
ณ จวนสกุลฝานนายท่านฝานเมื่อได้ยินว่าฝานซืออิ๋งถูกขับไล่ออกจากสกุลซ่ง สีหน้าก็พลันแปรเปลี่ยน“ดูสิว่าเจ้าไปทำงามหน้าอะไรไว้! เดิมซ่งเยี่ยนโจวก็เจ็บกายสาหัสแล้ว กำลังต้องการการดูแลใกล้ชิดจากเจ้า เจ้าก็ควรเอาใจใส่ดูแลเขา คว้าใจเขาให้อยู่หมัด”“แต่เจ้ากลับดื้อดึงอยากจะกลับบ้านตนให้ได้ บุรุษคนใดจะทานทนได้?”“ตอนนี้เป็นอย่างไร ถูกขับไล่จนต้องหอบหนังสือหย่าร้างออกมา อับอายขายขี้หน้าสกุลฝานของเราจนสิ้น!”แม้จะกล่าวว่าเป็นการหย่าร้างสองฝ่ายมิใช่การขับไล่ภรรยาออก ทว่าสกุลฝานแต่ไหนแต่ไรก็เทียบสกุลซ่งไม่ติดคราแรกที่การแต่งงานถูกกำหนดขึ้น ก็ทำเอาผู้คนต่างพากันอิจฉาตาร้อนแม้ซ่งเยี่ยนโจวจะกลายเป็นคนพิการ ทว่าก็เฉกเช่นที่อูฐยังคงใหญ่กว่าม้า สกุลซ่งยังคงเป็นสกุลใหญ่มีหน้ามีตา จึงนับได้ว่าเป็นการแต่งงานที่ดีบัดนี้ถูกหย่าขาด เกรงว่าคนที่พากันอิจฉาในตอนแรกคงพากันหัวร่องอหายเป็นแน่แท้!“ท่านพ่อ เรื่องนี้โทษข้าได้ที่ไหน! หากไม่ใช่เพราะต้องช่วยเซี่ยงหรงใช้หนี้พนัน ข้าคงไม่ต้องมาตกอยู่ในสภาพเช่นนี้”“เดิมทีข้าก็ไม่ได้อยากลงนามหนังสือหย่าร้าง แต่เป็นท่านแม่ที่บอกให้ข้าลงนาม บัดนี้พวกท่านล้วนโทษแ
สองวันนี้เจ้าก็หลบซ่อนอยู่แต่ในเรือนไปก่อนแล้วกัน ยามนี้ข้าจะให้คนไปกระจายข่าว เอาให้คนเขารู้กันไปทั่วบ้านทั่วเมือง!””เพียงไม่กี่วันหรอก สกุลซ่งจะต้องมาขอร้องพวกเรา นอกจากเจ้าจะใช้หนี้พนันได้แล้ว จะเรียกเงินสักก้อนก็ไม่นับว่าเกินไป!”เมื่อฝานซืออิ๋งนึกไปถึงว่าสกุลซ่งจะต้องมารับนางกลับไป จิตใจก็พลันสดใสขึ้นมาทันควัน“ท่านแม่ช่างเก่งยิ่งนัก”เฉียนชิวเซียงโบกมือ “เจ้ารีบไปแต่งตัว เปลี่ยนอาภรณ์ให้สะอาสะอ้าน หน้าตาแต่งให้ซูบซีดเหนื่อยล้าสักหน่อย”“ประเดี๋ยวข้าจะพาเจ้าไปพบเหล่าฮูหยินทั้งหลาย ถึงยามนั้นก็บีบน้ำตาร้องไห้เสียหน่อย ทำตามจังหวะที่ข้าส่งให้ก็พอ เข้าใจหรือไม่?”เฉียนชิวเซียงรู้จักฮูหยินทรงอิทธิพลในเมืองหลวงอยู่ไม่น้อย อาศัยวาทศิลป์ช่างจำนรรจาและกมลสันดานใจกล้าลอยหน้าลอยตาของนาง จึงใกล้ชิดสนิทสนมกับพวกนางได้อย่างมีสุขตราบใดที่ยามนั้นเจ้าเสแสร้งน่าเวทนา พวกนางย่อมต้องสงสารเห็นใจ ชนิดที่ว่าแม้แต่สกุลซ่งก็ทำอะไรมไม่ได้! “ลูกเข้าใจแล้วเจ้าค่ะ!”ฝานซืออิ๋งดีใจยิ่งนัก รีบกลับไปยังห้องเพื่อผัดแป้งแต่งตัว เลือกเอาเสื้อผ้าที่ตนชอบออกมาจากสัมภาระที่ตนนำกลับมาด้วย สวมใส่เข้ากายอย่า
เมื่อถึงเวลามื้อกลางวัน ซ่งรั่วเจินก็ได้พบกับหลิ่วเฟยเยี่ยนนับแต่นักต้มตุ๋นที่ว่าเป็นผู้มีวิชาถูกเปิดโปง แม้ว่าสกุลหลิ่วจะยืนยันว่าพวกเขาก็ถูกหลอกเช่นกัน แต่ก็ยังถูกผู้คนมากมายสงสัยอย่างไรก็เป็นคนเชิญเขามาเอง จะบอกว่าไม่รู้เรื่องอะไรเลย ก็ยากที่พวกเขาจะทำใจเชื่อได้ลง และต้นสายปลายเหตุผู้ริเริ่มของเรื่องนี้ ผู้ที่เชิญนักต้มตุ๋นมาเองอย่างหลิ่วเฟยเยี่ยนย่อมตกเป็นเป้าโจมตีเป็นธรรมดา ไม่เพียงถูกสกุลหลิ่วต่อว่า กระทั่งการใช้ชีวิตในสกุลซุนก็ไม่ได้สบายนัก“รั่วเจิน ข้าไม่ได้อยากตำหนิเจ้า ถึงแม้เจ้าจะถอนหมั้นแล้ว ก็ไม่ควรยุแยงให้พี่ชายกับพี่สะใภ้หย่ากัน!”หลิ่วเฟยเยี่ยนพยายามเกลี้ยกล่อมอย่างอ่อนโยน “เจ้ากับพี่ชายก็โตกันแล้ว เดิมทีพี่ชายรองกับพี่ชายสามของเจ้าก็ควรจะแต่งงานไปตั้งนานแล้ว”“ทว่าพวกเจ้ากลับเลือกจะรอบิดากับพี่ใหญ่กลับมาจากสนามรบ ดูสิว่าเป็นอย่างไร ตอนนี้เจ้ากับอี้อันก็ต่างถอนหมั้นกันหมด ทั้งบ้านมีเพียงเยี่ยนโจวที่เป็นฝั่งเป็นฝาแล้ว ทว่าสุดท้ายก็ยังมาจบที่หย่าร้าง”“เรื่องที่จ้าวซูหว่านกับฉินเซี่ยงเหิงไร้แม่สื่อแม่ชักนำสมรส แอบอยู่กินกันลับๆ ล่อๆ กระทั่งลูกก็ยังมีแล้ว คงลือก
“ฝานฮูหยินเล่าว่าตั้งแต่รั่วเจินถอนหมั้นไป นิสัยใจคอก็เปลี่ยนไปมาก ทำครอบครัววุ่นวายไร้ความสงบสุข ทั้งยังจองล้างจองผลาญซืออิ๋ง ยุให้รําตําให้รั่วไปทั่ว…”นางพร่ำพูดไปก็ลังเลไป “ดังนั้นเยี่ยนโจวจึงได้หย่าร้างกับซืออิ๋ง”หลิ่วหรูเยียนยิ่งฟังก็ยิ่งโกรธ “คนสกุลนี้ช่างไร้ยางอายเสียจริง เมื่อก่อนบุกมาร้องห่มร้องไห้อ้อนวอนขอให้ช่วยใช้หนี้พนันฝานเซี่ยงหรงไปก็หลายครา”“ช่วยไปหลายครั้งแล้วยังพอว่า บัดนี้กลับราวหลุมดำไร้ก้นก็มิปาน คิดใช้สกุลซ่งของเราเป็นถุงเงินพวกเขาเสียแล้ว พอไม่ให้เข้าหน่อยท่าทีก็พลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือ ราวกับอะไรที่ผิดพลั้งก็ล้วนเป็นเพราะพวกเรา!”“พี่หญิง ข้าได้ยินมาว่าฝานเซี่ยงหรงติดการพนันอย่างหนัก ติดหนี้คนเขาไว้ไม่น้อย หรือจะเป็นท่านที่คอยช่วยเขาใช้คืนมาโดยตลอด?”หลิ่วเฟยเยี่ยนสีหน้าเปลี่ยนเล็กน้อย ก่อนหน้านี้นางก็เคยได้ยินมาบ้าง ทั้งยังแอบหัวเราะเยาะที่พี่สาวตนนับญาติกับคนพรรค์นั้นเข้าแล้ว ก็จะมีแต่ปัญหาเข้ามาไม่รู้จบกระทั่งได้ยินเรื่องนี้เข้า จึงพลันกระวนกระวายขึ้นมาหรือสกุลฝานจะได้ผลประโยชน์จากสกุลซ่งไปไม่น้อย?“ตอนนี้เจ้ายังคิดว่าพวกเขาเป็นญาติที่ดีอยู่หรื
“พี่หญิง ข้าได้ยินว่าพี่เขยกับเซียงอ๋องมีสายสัมพันธ์อันดีต่อกันมานาน ท่านช่วยเป็นคนกลางพูดสร้างความสมานฉันท์ให้พวกเราดีหรือไม่?”ภายในสายตาหลิ่วเฟยเยี่ยนเจือความร้อนใจยิ่งยวด อีกเป้าหมายหนึ่งที่นางมาที่นี่ในวันนี้ก็คือเรื่องนี้แล้ว“พี่เขยของเจ้ากับเซียงอ๋องรู้จักกันในราชสำนักเพียงเท่านั้น มิได้พบกันเป็นการส่วนตัวมากมายอะไร” “ยิ่งไปกว่านั้น บัดนี้เขาไม่อยู่ ข้ากับเซียงอ๋องและพระชายาเซียงอ๋องก็ไม่เคยติดต่อกัน เช่นนี้แล้วจะสามารถช่วยอะไรได้?”หลิ่วหรูเยียนเผยสีหน้าเอือมระอา ท่าทีแม้มีใจแต่ก็ไร้กำลัง“พี่หญิง ท่านไม่สามารถนั่งนิ่งดูดายได้นะ ท่านเห็นฮั่นเฟยเติบโตมา หากจวนเซียงอ๋องตัดสินใจกล่าวโทษลงมา พวกเราจะแบกรับไหวได้อย่างไร?”หลิ่วเฟยเยี่ยนมีสีหน้าร้อนใจ จวนเซียงอ๋องฐานะสูงศักดิ์ ซื่อจื่อน้อยยังเป็นลูกคนเดียวของเซียงอ๋องและพระชายาเซียงอ๋องอีกด้วยคนทั้งเมืองหลวงต่างรู้กันอย่างถ้วนทั่ว เซียงอ๋องและพระชายาเซียงอ๋องรักกันหวานซึ้ง ปีนั้นเพื่อให้ได้อยู่ร่วมกับพระชายาเซียงอ๋อง เซียงอ๋องปฏิเสธสมรสพระราชทานจากอดีตฮ่องเต้ นำพาให้อดีตฮ่องเต้กริ้วหนักเซียงอ๋องกลับยึดมั่นในพระชายาเซียงอ๋
ซ่งรั่วเจินและหลิ่วหรูเยียนยังเดินไม่ถึงห้องก็ได้ยินว่าคนกลับไปแล้ว จึงเดินกลับมากินมื้อกลางวันร่วมกัน“ท่านแม่ เซียงอ๋องกับพระชายาเซียงอ๋องรักซื่อจื่อน้อยมาก ได้ยินมาว่าระยะนี้มีคนไปเยี่ยมเยียนจวนเซียงอ๋องไม่ขาดสาย” “ญาติผู้น้องทำร้ายซื่อจื่อน้อยในช่วงเวลาสำคัญนี้ เซียงอ๋องไม่มีวันปล่อยไปอย่างง่ายดาย ท่านไม่เข้าไปข้องเกี่ยวนั้นถูกแล้ว”ซ่งอี้อันเผยสีหน้าจริงจัง แท้จริงแล้วท่านน้าเองก็ไม่ใช่ญาติที่ดี เพียงน่าเสียดายเป็นน้องสาวแท้ๆ ของมารดา ไม่สามารถตัดขาดความสัมพันธ์ได้“พวกเจ้าวางใจ แม่ไม่เลอะเลือน”หลิ่วหรูเยียนเห็นลูกๆ ห่วงใยตนเพียงนี้ รู้สึกอบอุ่นใจ “ผ่านเรื่องมามากมาย แม่เองก็เข้าใจแล้ว สกุลฝานก็คือตัวอย่าง” “ดีต่อพวกเขาอย่างไรก็ไม่มีประโยชน์ พวกเจ้าเองก็คิดว่าเมื่อก่อนแม่ตามใจน้ามากเกินไป” “ทั้งๆ ที่นางมาเพื่อหาผลประโยชน์ แต่ก็ไม่เคยห้าม”“เดิมทีข้าคิดว่าข้าและน้าของพวกเจ้าเติบโตมาด้วยกัน อีกทั้งยังเป็นพี่สาว ต่อให้รู้ว่าหลายปีมานี้นางไม่ค่อยสำรวมตน ก็ยังเลือกปกป้องนาง” “ทว่านับตั้งแต่เรื่องนักต้มตุ๋นเป็นต้นมา ข้าเองก็เข้าใจแล้ว”สายตาหลิ่วหรูเยียนลึกล้ำ แท้จริงแล้ว
ฉู่จวินถิงสังเกตเห็นอารมณ์ที่เปลี่ยนไปของซ่งรั่วเจิน ไหวพริบบ่งบอกว่ามีปัญหาซ่งรั่วเจินส่ายหน้าเบาๆ “เพียงแต่ได้ยินจงเฟยพูดเรื่องบูชาเซียนโบตั๋นจึงรู้สึกแปลกอยู่บ้าง ไม่รู้ว่าใช่เซียนโบตั๋นที่หม่อมฉันรู้จักหรือไม่”นางเคยได้ยินเรื่องเซียนโบตั๋นมาก่อน เป็นสิ่งที่สตรีบูชาจริง เซียนบุปผา มีสรรพคุณช่วยคืนความอ่อนเยาว์ เพียงแต่ภายในนี้กลับมีเคล็ดลับบางอย่าง ทำให้คนเสพติดอย่างง่ายดาย สุดท้ายลุ่มหลงจนยากจะถอนตัวขึ้นมาได้ ไม่ใช่เรื่องที่ดีหากเป็นคนฝีมือโหดเหี้ยม ก็สามารถใช้ของสิ่งนี้แลกเปลี่ยนโชคชะตาได้ น่ากลัวอย่างมากจงเฟยมีสมบัติล้ำค่าเช่นนี้ ตนเองเก็บไว้บูชาเองก็พอ ทว่านางกลับนำมามอบให้ฮองเฮา แปลกเกินไปแล้วกระมัง“พูดให้ฟังเถอะ”ฉู่จวินถิงกลับไม่รีบร้อนจากไป เอียงหูฟัง รอฟังคำพูดของว่าที่ฮูหยินอย่างอารมณ์ดีแท้จริงแล้ว ไม่ว่าเจินเอ๋อร์พูดอะไร เขาล้วนอยากฟัง“หม่อมฉันเคยเห็นเซียนโบตั๋นมาก่อน ทำให้สตรีงดงามอ่อนเยาว์ผ่านการบูชาอาหาร หากจริงใจมากเพียงพอ ยังสามารถใช้เลือดเป็นเครื่องบูชาได้ ผลลัพธ์ดีมากนัก”“เพียงแต่จะทำให้สตรีลุ่มหลง กลายเป็นรีบร้อนอยากได้ผลลัพธ์ จากนั้นยากจะถอนตัวขึ
วังหลังวันนี้ซ่งรั่วเจินและฉู่จวินถิงเข้าวังไปขอบพระทัยความเมตตาด้วยกัน คิดไม่ถึงเลยว่าจะได้เห็นความครึกครื้นทั้งภายในภายนอกตำหนักของฮองเฮายังไม่ทันเข้าไปก็ได้ยินเสียงตวนเฟยดังออกมาจากภายใน“ระยะนี้น้องหญิงจงเฟยงดงามมากขึ้นเรื่อยๆ แล้ว คนเองก็สดใสมีชีวิตชีวามากเป็นพิเศษ ผิวพรรณขาวเปล่งปลั่ง ข้าถามนางว่าใช้เคล็ดลับอะไร นางก็ไม่ยอมบอกข้า ต่อมาข้ายังเห็นด้วยตนเอง”ตวนเฟยมองเซียนโบตั๋นข้างห้องบรรทมของฮองเฮาแวบหนึ่ง สายตาสะท้อนแววละโมบ“ที่แท้นางก็ตั้งใจขอเซียนโบตั๋นจากพระผู้ทรงศีล เพื่อรักษาความเยาว์วัยของสตรี ทำให้งดงามมีเสน่ห์!”เพียงถ้อยคำนี้พูดออกมา สนมคนอื่นก็ตาร้อนผ่าว ความเปลี่ยนแปลงของจงเฟยในระยะนี้ พวกนางล้วนเห็นอยู่ในสายตา ฝ่าบาทเองก็ประทับค้างแรมกับจงเฟยที่นั่นติดต่อกันหลายคืน ใครจะไม่อิจฉากันเล่า?สนมภายในวังมีไม่น้อย พวกเขาทำเพื่อให้ได้รับความโปรดปรานจากฝ่าบาท ปกติทำทุกวิธี ก็ไม่แน่ว่าจะได้ผลบัดนี้ได้เห็นจงเฟยได้รับความโปรดปรานมากขึ้นทุกที แต่ละคนร้อนใจจนแทบทนไม่ไหว“เดิมทีคิดว่าจงเฟยจะซ่อนไว้ คิดไม่ถึงเลยว่ายังมอบให้ฮองเฮาอีกด้วย น้องหญิงจงเฟยจริงใจต่อฮองเอาจริงๆ!
“บัดนี้ข้าและองค์หญิงเพียงแต่มีปัญหากันเล็กน้อยเท่านั้น รอข้าไปอธิบายให้ชัดเจน ทั้งหมดย่อมกลับมาเป็นเหมือนเดิม”เสิ่นหวยอันพูดอย่างมีเหตุผล ชนิดที่ว่าหน้าตายังเผยแววลำพองใจ “เจ้าคิดดูให้ดี หากเปลี่ยนเป็นคนอื่น ก่อเรื่องพรรค์นี้ขึ้นมา ป่านนี้คงไม่มีชีวิตอยู่แล้ว”“ส่วนข้า ก็แค่ถูกโบย สามารถฟื้นฟูกลับมาได้อย่างว่องไว หรือเจ้าไม่เข้าใจความหมายกันเล่า?”“ตกลงเจ้าจะพูดอะไร?” เสิ่นจวินเจ๋อหรี่ตาลง สังเกตเห็นปัญหาแล้ว เสิ่นหวยอันมั่นใจในตนเองเกินไป“เหตุที่องค์หญิงทำเช่นนี้ ก็เพราะหึงหวงเท่านั้น” เสิ่นหวยอันหัวเราะเบาๆ ลูบแต่งผมและพูด “องค์หญิงมีจิตปฏิพัทธ์ต่อข้า เพียงแต่เห็นซ่งปี้อวิ๋นอยู่ข้างกายข้ามาโดยตลอด เข้าใจผิดคิดว่าข้าและนางมีความสัมพันธ์กัน นี่ถึงเป็นเช่นนี้”“ระหว่างสตรีย่อมหนีไม่พ้นความหึงหวง นี่คือเรื่องธรรมดาอย่างมาก เพียงแต่องค์หญิงอารมณ์รุนแรงอยู่บ้าง นี่ถึงโบยข้า”“หากไม่รัก นางก็คงไม่โมโหถึงเพียงนี้ เจ้าเข้าใจหรือไม่?”เสิ่นจวินเจ๋อชะงักไปในทันใด ครู่ต่อมาคิดว่าสายตาของฉู่มู่เหยาไม่น่าจะแย่ถึงเพียงนี้ เพียงแต่ลองคิดดูแล้วเขาก็เริ่มไม่มั่นใจเพราะเสิ่นหวยอันมั่นใจในตน
ได้ยินคำพูดของอวิ๋นเฉิงเจ๋อ ภายในสายตาอวิ๋นเนี่ยนชูเปี่ยมความแปลกใจ มากที่สุดคือต้องการรู้เหตุผลทั้งหมดตกลงเป็นเพราะอะไร?เพราะเหตุใดหลายปีมานี้ ทั้งๆ ที่นางแสดงความชอบของตนออกมาไม่ใช่เพียงครั้งเดียว ทว่าญาติผู้พี่กลับหลบเลี่ยงนางมาโดยตลอด นางต้องการคำตอบหนึ่ง กลับไม่ได้รับทั้งๆ ที่ดีต่อนางถึงเพียงนี้ ทั้งๆ ที่ภายในใจมีนางมาโดยตลอด เพราะเหตุใดจึงเป็นเช่นนี้?อวิ๋นเฉิงเจ๋อเอ่ยปากพูดเสียงขมปร่า นี่ถึงพูดความคิดที่เก็บซ่อนไว้ภายในใจตลอดหลายปีมานี้ออกมา...อวิ๋นเนี่ยนชูได้ยินทั้งหมดนี้ สายตาสะท้อนแววเหลือจะเชื่อ ยากจะเชื่อได้ว่าทั้งหมดนี้ถึงขั้นยังมีเรื่องที่นางไม่รู้มากถึงเพียงนี้“ดังนั้น...พวกเราไม่ใช่ญาติพี่น้องแท้ๆ?”อวิ๋นเนี่ยนชูเผยสีหน้าตกตะลึงพรึงเพริด นี่คือเรื่องที่นางไม่เคยรู้ หลายปีมานี้ญาติผู้พี่ก็ไม่เคยพูดมาก่อนอวิ๋นเฉิงเจ๋อพยักหน้า “ปีนั้นข้าถูกทิ้งไว้ที่ประตูเรือนด้านหลัง หากไม่ใช่ท่านแม่ใจดีรับเลี้ยงข้า ข้าคงตายไปตั้งนานแล้ว...”หลายปีมานี้เขาเคยคิดอยู่หลายค่ำคืน บิดามารดาแท้ๆ ของเขาเป็นใคร เหตุใดต้องทิ้งเขา บางครั้งก็เกลี้ยกล่อมตนเอง คิดถึงปัญหาเหล่านี้ไปล้วนไ
เพียงเอ่ยปาก โทสะทั้งหมดก็พรั่งพรูออกมาแล้วความเจ็บปวดและอึดอัดใจที่สั่งสมอยู่ภายในใจล้วนระเบิดออกมาในเวลานี้อวิ๋นเฉิงเจ๋อได้ยินอวิ๋นเนี่ยนชูพูดเช่นนี้เป็นครั้งแรก มองนางตวาดถามไล่เรียงตนเอง ภายในใจเปี่ยมความรู้สึกผิด“ขอโทษ ล้วนเป็นความผิดของข้า”เห็นสายตาเปี่ยมความรู้สึกผิดของฝ่ายชาย อวิ๋นเนี่ยนชูตาแดงขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว “เดิมทีทั้งหมดนี้ก็เป็นความผิดของท่านอยู่แล้ว! เหตุใดท่านไม่บอกข้าเร็วสักหน่อย ท่านรู้ว่าหลายปีมานี้ข้าฝืนได้ลำบากมากเพียงใดหรือไม่?”“ในเมื่อท่านไม่พูดมาโดยตลอด เหตุใดไม่เก็บเอาไว้ชั่วชีวิตเล่า?”น้ำตานางไหลลงมา ตลอดหลายปีมานี้ไม่ตอบรับความรู้สึกนาง นี่ทุกข์ใจมากเพียงใด?นางอยากบริภาษเขาแรงๆ อยากทุบตีเขา ชนิดที่ว่าอยากไม่สนใจเขาอีก ทำให้เขาเสียใจภายหลังไปชั่วชีวิตเพียงแต่ ยามได้เห็นของเหล่านั้นที่เขาซ่อนไว้ภายในห้อง รวมถึงภาพเหมือนของนางที่วาดไว้นับไม่ถ้วนยามค่ำคืน นางก็อยากร้องให้อย่างอดไม่ได้...“เป็นความผิดของข้าเอง ทั้งหมดล้วนเป็นความผิดของข้า เจ้าตีข้าด่าข้าโทษข้า ล้วนสมควรทั้งสิ้น”อวิ๋นเฉิงเจ๋อสืบเท้าขึ้นไปข้างหน้าหนึ่งก้าว ภายในสายตาเปี่ยมความเอ็
“อะไรนะ?” อวิ๋นเนี่ยนชูชะงัก ภายในสายตาสะท้อนความตกตะลึงทั้งๆ ที่ตลอดมาล้วนเป็นนางตอแยญาติผู้พี่หากไม่ใช่เพราะหลายปีมานี้นางทำเช่นนี้มาโดยตลอด คาดว่าญาติผู้พี่ก็คงไม่ชอบนาง ทว่าได้ยินคำพูดของมารดาแล้ว เหตุใดญาติผู้พี่ถึงผลักทั้งหมดนี้ลงบนศีรษะของเขาเล่า?“เฉิงเจ๋อพูดว่าเขาพยายามสอบสร้างผลงานก็เพื่อจะได้คู่ควรกับเจ้า จะได้มีโอกาสสู่ขอเจ้า”“หากเปลี่ยนเป็นในอดีต ข้าจะต้องไม่เห็นด้วยที่พวกเจ้าคบหากัน บัดนี้ผ่านเรื่องมามากถึงเพียงนี้ ความคิดของแม่ก็เปลี่ยนไปไม่น้อย”“หากเจ้าชอบเฉิงเจ๋อจริง ข้าเองก็ไม่คัดค้าน แต่หากเจ้าไม่ชอบ...”สีหน้าจางเหวินสับสน ก่อนหน้านี้เคยเห็นท่าทางของเด็กทั้งสอง ไม่ว่ามองอย่างไรเนี่ยนชูก็ไม่คล้ายไม่ชอบเฉิงเจ๋อ“ข้าชอบญาติผู้พี่เจ้าค่ะ” อวิ๋นเนี่ยนชูตอบอย่างไม่ลังเล “ข้าชอบญาติผู้พี่มาโดยตลอด”มองเห็นท่าทางมุ่งมั่นของลูกสาว จางเหวินรู้สึกเอือมระอาระคนโชคดีอยู่บ้าง “ช่างแล้วๆ น้ากู้ของเจ้าพูดถูกแล้ว ลูกหลานมีความสุขของลูกหลาน พวกเจ้าคบหากันก็เป็นพวกเจ้าสร้างขึ้น”“แม้ว่าปีนั้นเฉิงเจ๋อทำไม่ถูก ไม่สมควรเกิดความคิดต่อเจ้า แต่ข้าล้วนเห็นความพยายามของเขาตลอดหลา
ยิ่งไปกว่านั้น ขอเพียงเขาพยายาม เขาเชื่อว่าตนเองจะต้องมีอนาคตแน่ตระกูลตกต่ำ บิดามารดาจากไปก่อนวัยอันควร เดิมทีเขาก็เป็นเด็กกำพร้าคนหนึ่ง ไม่แน่ว่าอาจตายที่ข้างถนนตั้งนานแล้ว บัดนี้ไม่เพียงมีข้าวกิน มีเสื้อผ้าสวมใส่ ท่านน้ายังเชิญอาจารย์มาสอนหนังสือเขา เขาไม่มีวันอกตัญญูเขาคิด...รออีกหน่อย รอจนเขามีความสามารถ รอจนเขาฉายแววโดดเด่น บางทีอาจมีโอกาสขอท่านน้าแต่งงานกับเนี่ยนชูทว่า ขณะเขากำลังตรากตรำร่ำเรียนอยู่นั้น ในที่สุดก็ได้รับคำชมจากอาจารย์ ได้เข้าเรียนที่สำนักศึกษาหลวง อาจารย์ของสำนักศึกษาหลวงเองก็ชื่นชมว่าเขาจะต้องมีโอกาสสอบผ่านขุนนางแน่ ตอนเขาคิดว่าตนเองอาจจะสามารถตอบรับความรู้สึกของเนี่ยนชูได้ กลับได้ยินท่านน้าและแม่นมพูดสนทนากันที่แท้...เขาไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของบิดามารดาลูกของมารดาตายไปตั้งนานแล้ว ส่วนเขาคือเด็กที่วันนั้นถูกทิ้งไว้หน้าประตูเรือนด้านหลังของมารดาเดิมทีมารดาก็ยากจะยอมรับความเจ็บปวดได้ อีกทั้งยังสงสารเขา หมอพูดว่าร่างกายนางเสียหาย ภายภาคหน้ายากจะมีลูกได้อีก นี่ถึงรับอุปการะเขา ประกาศต่อโลกภายนอกว่าเขาเป็นลูกของตนเขาเป็นแค่เด็กถูกทิ้งคนหนึ่ง เศษสวะที่ไม่ยอมหนาว
ซ่งรั่วเจินพยักหน้า “ข้าเคยไม่สนับสนุนเจ้าตั้งแต่ยามใด? แต่ไหนแต่ไรมาข้าล้วนสนับสนุนการตัดสินใจของเจ้า”ก่อนหน้านี้นางทำนายมาก่อนแล้ว ภายในเรื่องนี้มีเงื่อนงำซ่อนอยู่มากมาย อวิ๋นเฉิงเจ๋ออ่อนแอเกินไปสำหรับเรื่องนี้ ไม่มีความรับผิดชอบมากเพียงพอเพียงแต่ หากไม่เคยผ่านความทุกข์ของผู้อื่น ก็ไม่สามารถตัดสินตามใจได้อวิ๋นเฉิงเจ๋อกลายเป็นเช่นนี้ ย่อมหนีไม่พ้นประสบการณ์ที่เขาเคยเจอมาในช่วงหลายปีมานี้เรื่องเดียวกัน บางคนมีความรับผิดชอบที่แข็งแกร่งมาก ไม่ได้รับผลกระทบใด แต่บางคนคิดอ่านอย่างละเอียด ยากจะสามารถรับได้ใต้หล้ากว้างใหญ่ รวมทุกสรรพสิ่งไว้แล้ว ทั้งหมดล้วนเกิดขึ้นเพราะตนเอง นางย่อมไม่วู่วามสอดมือเข้าไปอวิ๋นเนี่ยนชูยิ้มกว้าง “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ไม่ว่าผลลัพธ์เป็นเช่นไรข้าก็ไม่ใส่ใจแล้ว หากไม่พูดเรื่องนี้ออกมา ข้าจะต้องเสียใจภายหลังแน่”“ตอนนี้ท่านป้าจ้างกำลังอยู่กับท่านแม่ข้า รอกลับไปแล้วค่อยหาโอกาสพูดเถอะ”ซ่งรั่วเจินจิกนิ้วทำนาย ภายในสายตาเผยแววประหลาดใจ เปลี่ยนคำพูด “ดูท่าแล้ว เจ้าไม่จำเป็นต้องพูดออกจากปากของตนแล้วล่ะ”อวิ๋นเนี่ยนชูสงสัย “หมายความว่าอะไร?”“ญาติผู้พี่เจ้าพูด
ตอนนั้นสมองของนางขาวโพลน ชนิดที่ว่ายังเจือความขุ่นเคืองระคนเขินอายอีกด้วย คิดว่าญาติผู้พี่จำคนผิดไปจนกระทั่งได้ยินเขาพูดพึมพำชื่อของนางไม่หยุด ได้เห็นน้ำตาเจืออยู่ในสายตาของเขา ความรู้สึกของนางก็ซับซ้อนขึ้นมาจากนั้น นางประคองญาติผู้พี่เข้าห้อง ได้ยินเขาพูดพึมพำภายในความฝัน เรียกชื่อของนางเบาๆตอนจากมา นางชนเข้ากับหนังสือบนโต๊ะของเขาโดยไม่ทันระวัง ตอนหยิบของขึ้นมา จู่ๆ ก็ได้พบภาพวาดของตนถูกซ่อนไว้ด้านในบนภาพวาดนั้นเป็นนางสวมใส่ชุดที่ไปฟังเรื่องเล่านางเปิดลิ้นชักของโต๊ะเขียนหนังสือตัวนั้นออกดู พบว่าภายในล้วนเป็นภาพวาดของนางไม่เพียงแค่นางในตอนนี้ ยังมีนางในอดีต ทั้งหมดล้วนวาดเองกับมือของญาติผู้พี่คิดดูอย่างละเอียดแล้ว ตอนเด็กนางยังเคยไปที่ห้องของญาติผู้พี่ ต่อมาหลังความรักผลิบานในหัวใจก็ชอบไปหาญาติผู้พี่เพียงแต่จู่ๆ อยู่มาวันหนึ่ง ญาติผู้พี่บอกนางด้วยท่าทางเคร่งขรึมอย่างมาก นางเป็นหญิงสาวแล้ว ไม่สามารถเข้าห้องผู้ชายตามสะดวกได้ นางถึงเข้ามาน้อยครั้งทว่าชั่วขณะได้เห็นภาพวาดมากมายนี้ นางถึงเข้าใจอย่างชัดเจน เหตุใดญาติผู้พี่ไม่ให้นางเข้าห้องเพราะภายในห้องของเขามีของมากมายที