แต่เด็กหญิงคนนั้นเหมือนจะตกใจจนเสียขวัญ เอาแต่ร้องไห้ร่ำร้องเสียงดังว่า “ข้าไม่ไปจากท่านแม่! ข้าไม่ไปจากท่านแม่!”เมิ่งชิ่นสีหน้าเย็นชา คิดไม่ถึงว่าความหวังดีของนางกลับได้มาเจอกับคนไม่รู้คุณคนเช่นนี้!ข้างล่างนั่นเต็มไปด้วยเศษหินและกิ่งไม้ ถ้าตกลงไปเกรงว่าคงไม่รอดต่อให้โชคดีรักษาครึ่งชีวิตไว้ได้ เกรงว่าก็คงจะเสียโฉมไปจนถึงขั้นพิการ แค่คิดนางก็ยังหวาดหวั่นไม่หาย“สิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครองจริงๆ จะต้องเป็นเพราะปกติทำบุญสั่งสมกุศลไว้มากเป็นแน่ ไม่อย่างนั้นถ้าเป็นคนอื่นตกลงไป ผลลัพธ์คงเลวร้ายสุดคาดคิด”เมิ่งฮูหยินดึงมือเมิ่งชิ่นมาตรวจดูอย่างละเอียดรอบหนึ่ง จิตใจสั่นสะท้าน แม้แต่ไหว้พระก็ไม่มีอารมณ์ไปแล้วจึงคิดจะลงจากเขาเมิ่งชิ่นได้ยินอย่างนั้นก็ล้วงยันต์คุ้มกายในอกเสื้อของตัวเองออกมาโดยสัญชาตญาณ แล้วก็พบว่ายันต์คุ้มกายที่เดิมทียังสมบูรณ์ดี ยามนี้กลับเป็นสีดำเหมือนถูกเผามากระนั้น...นางตกตะลึง เป็นรั่วเจินช่วยนางไว้!มิน่าเล่าเมื่อวานนางถึงกำชับให้ตนเองพกยันต์คุ้มกายติดตัวเอาไว้ คงทำนายไว้แล้วว่าวันนี้ตนเองจะประสบอันตราย ยันต์นี้...จะร้ายกาจเกินไปแล้ว!“ชิ่นเอ๋อร์ เจ้าเป็นอะไรไป?”
“หนึ่งในนั้นมีร้านค้าค่อนข้างใหญ่ ข้าใช้เปิดร้านขายผ้า บางกิจการยังดำเนินการอยู่ แต่มีอยู่สองร้านที่ไม่ได้ดำเนินกิจการชั่วคราว ข้าตั้งใจว่าจะเปิดร้านขายของว่าง”“ร้านค้าบนถนนฝานหรงเป็นของพวกเราหมดแล้ว?”ซ่งจิ่งเซินเบิกตากว้าง จากไปแค่พักเดียว ทำไมกิจการของครอบครัวตนเองที่เมืองหลวงจึงดีวันดีคืนขนาดนี้?“เรื่องนี้จะว่าไปแล้วก็ต้องขอบคุณพี่รอง” ซ่งรั่วเจินชี้ไปที่ซ่งอี้อัน “เป็นค่าชดเชยที่ได้รับมาเพราะพี่รองได้รับความเจ็บช้ำใจใหญ่หลวงยังไงล่ะ”ซ่งอี้อัน “...”ซ่งจิ่งเซินพลันเข้าใจแล้ว ตบบ่าซ่งอี้อันเบาๆ “พี่รอง อย่าเศร้าไปเลย คนทั่วไปไม่ได้รับค่าชดเชยเหมือนท่านหรอกนะ”ซ่งอี้อันปรายตามองเขา “ก็จริง อย่างไรก็คงไม่ถึงขั้นล้างผลาญ”ซ่งจิ่งเซิน “...”ซ่งรั่วเจินเห็นซ่งจิ่งเซินวางหลุมพรางดักตัวเองอีกแล้วก็แอบทำตัวลีบอย่างเงียบๆ เจ้าของร่างเดิมต่างหากที่เป็นพวกล้างผลาญที่สุดแล้ว!พอหันหน้ามาก็ได้ยินเฉินเซียงเอ่ยว่า “คุณหนู แม่นางอวิ๋นมาหาท่านเจ้าค่ะ”“ไป พวกเราไปดูกันเถอะ”ซ่งรั่วเจินไปหาอวิ๋นเนี่ยนชูด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม คิดว่าช่วงนี้ยุ่งเกินไป เรื่องในจวนเกิดต่อเนื่องเรื่องแล้วเรื่องเล
ซ่งรั่วเจินสังเกตเห็นรอยตบบนใบหน้าอวิ๋นเนี่ยนชูก็รู้สึกโกรธแค้นแทนสหายสนิทใต้เท้าอวิ๋นลำเอียงรักพวกอวิ๋นซีหว่านสองแม่ลูกมาโดยตลอด แม้ว่าอวิ๋นเนี่ยนชูจะเป็นบุตรีภรรยาเอก แต่กลับไม่ได้รับความรักใคร่เอ็นดูเท่าอวิ๋นซีหว่านบัดนี้เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น พวกอวิ๋นซีหว่านหมายมั่นปั้นมือให้อวิ๋นเฉิงเจ๋อแต่งงานกับนางเดิมนั้นความสัมพันธ์ระหว่างอวิ๋นเฉินเจ๋อกับอวิ๋นเนี่ยนชูก็มีข้อจำกัดมากมายอยู่แล้ว ยามนี้มาเกิดเรื่องเช่นนี้อีกก็ยิ่งตึงมือกว่าชาติที่แล้วมากนัก“รั่วเจิน เจ้าว่าข้าควรทำอย่างไรดี?” อวิ๋นเนี่ยนชูดวงตาแดงเรื่อ “ในใจท่านพ่อไม่มีลูกสาวอย่างข้าอยู่ด้วยซ้ำ ในสายตาท่านพ่อ ข้า ญาติผู้พี่รวมถึงท่านแม่เทียบกับพวกนั้นไม่ได้เลยสักนิด!”“ญาติผู้พี่ของเจ้ารู้เรื่องนี้หรือไม่? เขามีท่าทีอย่างไร?”“ท่านพ่อเพิ่งมาพูดเรื่องนี้กับท่านแม่วันนี้ ญาติผู้พี่ออกไปข้างนอกยังไม่กลับมา คิดว่าคงยังไม่รู้”“ญาติผู้พี่กตัญญูมาโดยตลอด เขาคิดมาตลอดว่าถ้าไม่ได้ท่านพ่อท่านแม่รับเลี้ยงเขา แค่เขามีชีวิตก็ลำบากแล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการเรียนหนังสือหรือรับราชการ ข้ากลัวว่า...”อวิ๋นเนี่ยนชูลดสายตาลง นางพลันนึกเสี
“ข้ามิได้ใส่ใจเรื่องพวกนี้นักหรอก คนเหล่านั้นต่างพากันตัดสินข้าว่าไม่ดีเพียงเพราะเรื่องเล็กน้อยเช่นนี้ หากแต่งเข้าไปแล้วก็คงมิวายมีแต่จะเจ็บช้ำน้ำใจ ทว่าระยะนี้มารดาของข้าเอาแต่ทุกข์ใจกับเรื่องนี้อยู่ไม่คลาย”อวิ๋นเนี่ยนชูถอนหายใจ ใบหน้าเต็มด้วยความหมองหม่น “พวกเราก็ช่างโชคร้ายกันเสียจริงๆ เหตุใดอวิ๋นซีหว่านจึงต้องเป็นน้องสาวสายรองของข้าด้วย”“วันนี้เมื่อยามที่ข้าออกมายังได้ยินสาวใช้ของนางบอกมาว่าคืนนี้จะตระเตรียมมื้อพิเศษเอาไว้มากหน่อย ด้วยจะเชิญชวนญาติผู้พี่ของข้าไปพูดคุย เจ้าคิดว่าข้าจะนิ่งดูดายอยู่เพียงในห้องโดยมิทำสิ่งใดได้หรือ?”ซ่งรั่วเจินรู้ดีว่าเนี่ยนชูหาใช่ผู้ที่จะสะกดกลั้นระงับอารมณ์ของตนเอาไว้ได้ จึงกล่าว “เช่นนั้นมิสู้ไปถามญาติผู้พี่ของเจ้าโดยตรงเลยเล่า”“ให้ข้าน่ะหรือไปถามเขาโดยตรง?” อวิ๋นเนี่ยนชูชะงักงัน “แล้วข้าควรจะพูดว่าอย่างไรเล่า?”“เจ้าก็เพียงพูดออกไปอย่างที่ใจคิด บัดนี้สถานการณ์ก็มาถึงขั้นนี้เสียแล้ว หาได้มีสิ่งใดจำเป็นต้องปิดบังอีก”ซ่งรั่วเจินยักไหล่ “อวิ๋นซีหว่านเป็นน้องสาวสายรองของเจ้า นางก็ยังมีทาบทามหมั้นหมายบ้างแล้ว ทางบ้านของเจ้าเองคงตระเตรียมคู่ครอง
ครู่ก่อนนี้อวิ๋นเฉิงเจ๋อเพิ่งจะกลับไปได้ไม่นานก็พบท่านน้าเข้าเสียก่อน ท่านน้าจึงให้เขามารับญาติผู้น้องยังสกุลซ่งเขาเห็นสีหน้าอ่อนล้าของท่านน้า และยิ่งเมื่อได้รู้ว่าญาติผู้น้องถูกตบตีเข้าให้ ก็รู้ได้ในทันทีว่าเกิดเรื่องขึ้นแล้วหลังได้ฟังเรื่องราวทั้งหมดจากปากเด็กรับใช้แล้ว เขาก็แทบไม่อยากจะเชื่อว่าเมื่ออวิ๋นซีหว่านไม่อาจหาคู่ครองได้แล้วจะเกิดอุตริหันเหหาเขาขึ้นมาได้ทั้งที่ปกติแล้วอนุอวิ๋นมีแต่จะดูถูกดูแคลนเขา ครั้งเขายังเยาว์วัยก็ยังเคยเยาะเย้ยท่านน้าที่ไม่อาจให้กำเนิดบุตรชายได้จึงคิดอยากรับอุปการะเขาเป็นบุตรชายขึ้นมาจนท้ายที่สุดแล้วก็ไม่สำเร็จไม่ใช่หรือ?ยามนี้ชื่อเสียงย่อยยับลงแล้วจึงหวนนึกถึงเขาขึ้นมาหรืออย่างไร น่าขันสิ้นดี!ท่านน้าบอกเอาไว้ว่าไม่ว่าอย่างไรก็ไม่อาจให้เขาแต่งกับอวิ๋นซีหว่านได้ เขาเองก็เข้าใจดีว่าท่านน้าหวังดีต่อตนมากเพียงใด ทว่าเมื่อคิดอยากจะบอกปัดปฏิเสธกลับไม่ใช่เรื่องง่ายเลย สุดท้ายแล้ว...เหตุผลที่ท่านอาเขยรับอุปการะเขาไว้ก็เพราะเห็นแก่ท่านน้า บัดนี้เขาสามารถช่วยกู้สถานการณ์น่าคับข้องให้กับท่านอาเขยได้พอดิบพอดี ฝ่ายนั้นย่อมจะต้องคิดหาวิถีทางให้ตัวเขายอมตกป
อวิ๋นเนี่ยนชูยักไหล่ “สกุลซ่งเองก็มีรถม้า อีกทั้งแม้วันนี้ข้าจะพักอยู่ที่จวนสกุลซ่งมิได้กลับบ้าน ก็หาได้มีปัญหาใดไม่” นางสนิทสนมกับซ่งรั่วเจินตั้งแต่เยาวว์วัย ก่อนนี้ก็เคยพักค้างคืนที่จวนสกุลส่งอยู่บ้าง เพียงแต่ครั้นมีญาติผู้พี่มา นางก็คิดแต่จะหาโอกาสได้พบเจอเขาให้มากหน่อย โอกาสได้พักค้างคืนที่จวนสกุลซ่งจึงน้อยตามลงไป“เจ้าอยากให้คุณชายสามสกุลซ่งส่งเจ้ากลับไปอย่างนั้นหรือ?” อวิ๋นเฉิงเจ๋อเอ่ยถามเสียงเรียบ สิ่งที่อวิ๋นเนี่ยนชูคิดอยู่ตอนนี้มีเพียงถ้อยคำของซ่งรั่วเจินที่บอกเมื่อนางกลับไปแล้วให้เปิดอกเผยความในใจของตนต่อญาติผู้พี่ ทว่าก่อนนี้นางก็เคยรวบรวมความกล้าพูดบอกญาติผู้พี่ออกไปแล้วเช่นกัน ทว่าผลลัพธ์ก็คือการถูกปฏิเสธตอนนั้นเขาว่าอย่างไรแล้วนะ?ญาติผู้พี่ว่านางยังเยาว์อยู่นัก ยังไม่เข้าใจความหมายที่แท้จริงของการชอบพอใครสักคนบัดนี้นางมิใช่เด็กน้อยไร้เดียงสาอีกต่อไปแล้ว แม้นางจะพยายามติดสอยห้อยตาม ลองใจเขาไม่รู้กี่หลายต่อหลายครั้ง ทว่าสิ่งที่ได้รับก็มีแต่ท่าทีเย็นชาเป็นคำตอบกลัวก็แต่เพียงแม้คืนนี้จะพูดออกไปแล้ว ผลลัพธ์ก็ยังคงเหมือนเดิมอวิ๋นเฉิงเจ๋อเห็นทีอวิ๋นเนี่ยนชูคล้ายจะ
“ท่านพี่ เรื่องมิได้ง่ายดายเช่นนั้น วันนี้ข้าเพียงแค่พูดขึ้นมาก็ถูกท่านแม่บอกปัดเสียแล้ว ท่านพ่อเองก็โกรธมากยิ่งนัก”“ท่านเองก็ใช่ว่าจะมิรู้ว่าอวิ๋นซีหว่านและมารดาของนางเจ้าแผนการมากเพียงใด บัดนี้นางยังมิอาจแต่งออกไปมิได้ ย่อมจะต้องทำทุกวิถีทางให้ได้พึ่งใบบุญจากท่าน หากถึงเวลานั้นแล้ว...” สายตาของอวิ๋นเฉิงเจ๋อจรดลงบนใบหน้าของอวิ๋นเนี่ยนชู แม้เมื่อเวลาผ่านไปจะทำให้อาการบวมช้ำลดน้อยลงแล้ว ทว่าก็ยังคงปรากฏร่องรอยให้เห็นอยู่จางๆ “ใบหน้าของเจ้ายังเจ็บอยู่หรือไม่?”อวิ๋นเนี่ยนชูชะงักไปเล้กน้อย ก่อนมือจะเผลอยกขึ้นแตะจับใบหน้าของตนโดยไม่รู้ตัว ก่อนแววตาจะหมองหม่นลง“ข้ามิเป็นไร รั่วเจินทายาให้ข้าแล้ว พรุ่งนี้คงจะหายดีแล้วเจ้าค่ะ” ดวงตาของอวิ๋นเฉิงเจ๋อเข้มข้นด้วยอารมณ์ ทว่าน้ำเสียงกลับนุ่มนวลอ่อนโยนเป็นยิ่ง “ต่อไปเจ้ามิจำเป็นต้องออกหน้ารับแทน เจ็บตัวมามิคุ้มกันหรอก”“ท่านพี่ ท่านไม่อยากให้ข้าไปยุ่งเรื่องของท่านหรือ?” อวิ๋นเนี่ยนชูโพล่งถามอวิ๋นเฉิงเจ๋อหัวเราะเบาๆ “แม่นางเช่นเจ้าบาดเจ็บบนใบหน้ามิใช่นับเป็นเรื่องใหญ่หลวงหรอกหรือ? เรื่องเช่นนี้หากจะต้องพูดก็ต้องให้ข้าเป็นฝ่ายไปพูด บุรุ
“ซื้อให้ข้าหรือ?” กัวเยว่หลินเปิดตลับชาดออกดูด้วยความสงสัย “ไยจึงคล้ายถูกเปิดใช้แล้วเสียมากกว่า”“ชาดทาแก้มนี้ข้าตั้งใจซื้อให้กับเจ้า ข้าเกิดอยากรู้ขึ้นมาจึงได้แตะต้องไปบ้างแล้ว มือเปรอะเปื้อนไปด้วยเลยทีเดียว” ฉินจื้อหย่วนยิ้มเสียจนหน้าบาน ก่อนหยิบเอากล่องผ้าไหมจากลิ้นชักข้างเคียงส่งให้ไป “นี่ก็เป็นของขวัญที่ข้าตั้งใจซื้อให้เจ้าเช่นกัน เจ้าลองดูสิว่าถูกใจหรือไม่?”กัวเยว่หลินรับกล่องผ้าไหมมาเปิดออกดู เมื่อเปิดออกแล้วก็พบปิ่นทองใหม่เอี่ยมด้ามหนึ่ง ใบนหน้าของนางก็พลันผุดพรายรอยยิ้มออกมา “ก็นับว่าท่านยังพอมีสำนึกดีอยู่บ้าง!”ขณะที่ฉินจื้อหย่วนและน้องชายต่างกำลังยินดีกับการกลับมาของภรรยาตน ก็พลันได้ยินข่าวว่าทั้งครอบครัวฉินซวงซวงจะมาเยือน ใบหน้าก็เปลี่ยนสีแทบจะทันที“ว่ากระไรนะ?”“มิใช่เพียงคุณหนูเท่านั้นขอรับที่กลับมา กระทั่งเหล่าพี่ป้าน้าอาและหลินฮูหยินก็ยังมาด้วยแล้ว”“บ่าวไปสอบถามมาบ้างแล้ว ได้ยินว่าคุณหนูสกุลซ่งไปทวงหนี้สินยังจวนตระกูลหลิน เมื่อเห็นว่าสกุลหลินมิอาจคืนเงินให้ได้ก็ยึดบ้านของพวกเขาไปขอรับ”ทันทีที่คำพูดนี้หลุดออกมา ฉินเจิงและกู้อวิ๋นเวยก็รู้สึกเหมือนโลกทั้งใบมื
ฉู่จวินถิงสังเกตเห็นอารมณ์ที่เปลี่ยนไปของซ่งรั่วเจิน ไหวพริบบ่งบอกว่ามีปัญหาซ่งรั่วเจินส่ายหน้าเบาๆ “เพียงแต่ได้ยินจงเฟยพูดเรื่องบูชาเซียนโบตั๋นจึงรู้สึกแปลกอยู่บ้าง ไม่รู้ว่าใช่เซียนโบตั๋นที่หม่อมฉันรู้จักหรือไม่”นางเคยได้ยินเรื่องเซียนโบตั๋นมาก่อน เป็นสิ่งที่สตรีบูชาจริง เซียนบุปผา มีสรรพคุณช่วยคืนความอ่อนเยาว์ เพียงแต่ภายในนี้กลับมีเคล็ดลับบางอย่าง ทำให้คนเสพติดอย่างง่ายดาย สุดท้ายลุ่มหลงจนยากจะถอนตัวขึ้นมาได้ ไม่ใช่เรื่องที่ดีหากเป็นคนฝีมือโหดเหี้ยม ก็สามารถใช้ของสิ่งนี้แลกเปลี่ยนโชคชะตาได้ น่ากลัวอย่างมากจงเฟยมีสมบัติล้ำค่าเช่นนี้ ตนเองเก็บไว้บูชาเองก็พอ ทว่านางกลับนำมามอบให้ฮองเฮา แปลกเกินไปแล้วกระมัง“พูดให้ฟังเถอะ”ฉู่จวินถิงกลับไม่รีบร้อนจากไป เอียงหูฟัง รอฟังคำพูดของว่าที่ฮูหยินอย่างอารมณ์ดีแท้จริงแล้ว ไม่ว่าเจินเอ๋อร์พูดอะไร เขาล้วนอยากฟัง“หม่อมฉันเคยเห็นเซียนโบตั๋นมาก่อน ทำให้สตรีงดงามอ่อนเยาว์ผ่านการบูชาอาหาร หากจริงใจมากเพียงพอ ยังสามารถใช้เลือดเป็นเครื่องบูชาได้ ผลลัพธ์ดีมากนัก”“เพียงแต่จะทำให้สตรีลุ่มหลง กลายเป็นรีบร้อนอยากได้ผลลัพธ์ จากนั้นยากจะถอนตัวขึ
วังหลังวันนี้ซ่งรั่วเจินและฉู่จวินถิงเข้าวังไปขอบพระทัยความเมตตาด้วยกัน คิดไม่ถึงเลยว่าจะได้เห็นความครึกครื้นทั้งภายในภายนอกตำหนักของฮองเฮายังไม่ทันเข้าไปก็ได้ยินเสียงตวนเฟยดังออกมาจากภายใน“ระยะนี้น้องหญิงจงเฟยงดงามมากขึ้นเรื่อยๆ แล้ว คนเองก็สดใสมีชีวิตชีวามากเป็นพิเศษ ผิวพรรณขาวเปล่งปลั่ง ข้าถามนางว่าใช้เคล็ดลับอะไร นางก็ไม่ยอมบอกข้า ต่อมาข้ายังเห็นด้วยตนเอง”ตวนเฟยมองเซียนโบตั๋นข้างห้องบรรทมของฮองเฮาแวบหนึ่ง สายตาสะท้อนแววละโมบ“ที่แท้นางก็ตั้งใจขอเซียนโบตั๋นจากพระผู้ทรงศีล เพื่อรักษาความเยาว์วัยของสตรี ทำให้งดงามมีเสน่ห์!”เพียงถ้อยคำนี้พูดออกมา สนมคนอื่นก็ตาร้อนผ่าว ความเปลี่ยนแปลงของจงเฟยในระยะนี้ พวกนางล้วนเห็นอยู่ในสายตา ฝ่าบาทเองก็ประทับค้างแรมกับจงเฟยที่นั่นติดต่อกันหลายคืน ใครจะไม่อิจฉากันเล่า?สนมภายในวังมีไม่น้อย พวกเขาทำเพื่อให้ได้รับความโปรดปรานจากฝ่าบาท ปกติทำทุกวิธี ก็ไม่แน่ว่าจะได้ผลบัดนี้ได้เห็นจงเฟยได้รับความโปรดปรานมากขึ้นทุกที แต่ละคนร้อนใจจนแทบทนไม่ไหว“เดิมทีคิดว่าจงเฟยจะซ่อนไว้ คิดไม่ถึงเลยว่ายังมอบให้ฮองเฮาอีกด้วย น้องหญิงจงเฟยจริงใจต่อฮองเอาจริงๆ!
“บัดนี้ข้าและองค์หญิงเพียงแต่มีปัญหากันเล็กน้อยเท่านั้น รอข้าไปอธิบายให้ชัดเจน ทั้งหมดย่อมกลับมาเป็นเหมือนเดิม”เสิ่นหวยอันพูดอย่างมีเหตุผล ชนิดที่ว่าหน้าตายังเผยแววลำพองใจ “เจ้าคิดดูให้ดี หากเปลี่ยนเป็นคนอื่น ก่อเรื่องพรรค์นี้ขึ้นมา ป่านนี้คงไม่มีชีวิตอยู่แล้ว”“ส่วนข้า ก็แค่ถูกโบย สามารถฟื้นฟูกลับมาได้อย่างว่องไว หรือเจ้าไม่เข้าใจความหมายกันเล่า?”“ตกลงเจ้าจะพูดอะไร?” เสิ่นจวินเจ๋อหรี่ตาลง สังเกตเห็นปัญหาแล้ว เสิ่นหวยอันมั่นใจในตนเองเกินไป“เหตุที่องค์หญิงทำเช่นนี้ ก็เพราะหึงหวงเท่านั้น” เสิ่นหวยอันหัวเราะเบาๆ ลูบแต่งผมและพูด “องค์หญิงมีจิตปฏิพัทธ์ต่อข้า เพียงแต่เห็นซ่งปี้อวิ๋นอยู่ข้างกายข้ามาโดยตลอด เข้าใจผิดคิดว่าข้าและนางมีความสัมพันธ์กัน นี่ถึงเป็นเช่นนี้”“ระหว่างสตรีย่อมหนีไม่พ้นความหึงหวง นี่คือเรื่องธรรมดาอย่างมาก เพียงแต่องค์หญิงอารมณ์รุนแรงอยู่บ้าง นี่ถึงโบยข้า”“หากไม่รัก นางก็คงไม่โมโหถึงเพียงนี้ เจ้าเข้าใจหรือไม่?”เสิ่นจวินเจ๋อชะงักไปในทันใด ครู่ต่อมาคิดว่าสายตาของฉู่มู่เหยาไม่น่าจะแย่ถึงเพียงนี้ เพียงแต่ลองคิดดูแล้วเขาก็เริ่มไม่มั่นใจเพราะเสิ่นหวยอันมั่นใจในตน
ได้ยินคำพูดของอวิ๋นเฉิงเจ๋อ ภายในสายตาอวิ๋นเนี่ยนชูเปี่ยมความแปลกใจ มากที่สุดคือต้องการรู้เหตุผลทั้งหมดตกลงเป็นเพราะอะไร?เพราะเหตุใดหลายปีมานี้ ทั้งๆ ที่นางแสดงความชอบของตนออกมาไม่ใช่เพียงครั้งเดียว ทว่าญาติผู้พี่กลับหลบเลี่ยงนางมาโดยตลอด นางต้องการคำตอบหนึ่ง กลับไม่ได้รับทั้งๆ ที่ดีต่อนางถึงเพียงนี้ ทั้งๆ ที่ภายในใจมีนางมาโดยตลอด เพราะเหตุใดจึงเป็นเช่นนี้?อวิ๋นเฉิงเจ๋อเอ่ยปากพูดเสียงขมปร่า นี่ถึงพูดความคิดที่เก็บซ่อนไว้ภายในใจตลอดหลายปีมานี้ออกมา...อวิ๋นเนี่ยนชูได้ยินทั้งหมดนี้ สายตาสะท้อนแววเหลือจะเชื่อ ยากจะเชื่อได้ว่าทั้งหมดนี้ถึงขั้นยังมีเรื่องที่นางไม่รู้มากถึงเพียงนี้“ดังนั้น...พวกเราไม่ใช่ญาติพี่น้องแท้ๆ?”อวิ๋นเนี่ยนชูเผยสีหน้าตกตะลึงพรึงเพริด นี่คือเรื่องที่นางไม่เคยรู้ หลายปีมานี้ญาติผู้พี่ก็ไม่เคยพูดมาก่อนอวิ๋นเฉิงเจ๋อพยักหน้า “ปีนั้นข้าถูกทิ้งไว้ที่ประตูเรือนด้านหลัง หากไม่ใช่ท่านแม่ใจดีรับเลี้ยงข้า ข้าคงตายไปตั้งนานแล้ว...”หลายปีมานี้เขาเคยคิดอยู่หลายค่ำคืน บิดามารดาแท้ๆ ของเขาเป็นใคร เหตุใดต้องทิ้งเขา บางครั้งก็เกลี้ยกล่อมตนเอง คิดถึงปัญหาเหล่านี้ไปล้วนไ
เพียงเอ่ยปาก โทสะทั้งหมดก็พรั่งพรูออกมาแล้วความเจ็บปวดและอึดอัดใจที่สั่งสมอยู่ภายในใจล้วนระเบิดออกมาในเวลานี้อวิ๋นเฉิงเจ๋อได้ยินอวิ๋นเนี่ยนชูพูดเช่นนี้เป็นครั้งแรก มองนางตวาดถามไล่เรียงตนเอง ภายในใจเปี่ยมความรู้สึกผิด“ขอโทษ ล้วนเป็นความผิดของข้า”เห็นสายตาเปี่ยมความรู้สึกผิดของฝ่ายชาย อวิ๋นเนี่ยนชูตาแดงขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว “เดิมทีทั้งหมดนี้ก็เป็นความผิดของท่านอยู่แล้ว! เหตุใดท่านไม่บอกข้าเร็วสักหน่อย ท่านรู้ว่าหลายปีมานี้ข้าฝืนได้ลำบากมากเพียงใดหรือไม่?”“ในเมื่อท่านไม่พูดมาโดยตลอด เหตุใดไม่เก็บเอาไว้ชั่วชีวิตเล่า?”น้ำตานางไหลลงมา ตลอดหลายปีมานี้ไม่ตอบรับความรู้สึกนาง นี่ทุกข์ใจมากเพียงใด?นางอยากบริภาษเขาแรงๆ อยากทุบตีเขา ชนิดที่ว่าอยากไม่สนใจเขาอีก ทำให้เขาเสียใจภายหลังไปชั่วชีวิตเพียงแต่ ยามได้เห็นของเหล่านั้นที่เขาซ่อนไว้ภายในห้อง รวมถึงภาพเหมือนของนางที่วาดไว้นับไม่ถ้วนยามค่ำคืน นางก็อยากร้องให้อย่างอดไม่ได้...“เป็นความผิดของข้าเอง ทั้งหมดล้วนเป็นความผิดของข้า เจ้าตีข้าด่าข้าโทษข้า ล้วนสมควรทั้งสิ้น”อวิ๋นเฉิงเจ๋อสืบเท้าขึ้นไปข้างหน้าหนึ่งก้าว ภายในสายตาเปี่ยมความเอ็
“อะไรนะ?” อวิ๋นเนี่ยนชูชะงัก ภายในสายตาสะท้อนความตกตะลึงทั้งๆ ที่ตลอดมาล้วนเป็นนางตอแยญาติผู้พี่หากไม่ใช่เพราะหลายปีมานี้นางทำเช่นนี้มาโดยตลอด คาดว่าญาติผู้พี่ก็คงไม่ชอบนาง ทว่าได้ยินคำพูดของมารดาแล้ว เหตุใดญาติผู้พี่ถึงผลักทั้งหมดนี้ลงบนศีรษะของเขาเล่า?“เฉิงเจ๋อพูดว่าเขาพยายามสอบสร้างผลงานก็เพื่อจะได้คู่ควรกับเจ้า จะได้มีโอกาสสู่ขอเจ้า”“หากเปลี่ยนเป็นในอดีต ข้าจะต้องไม่เห็นด้วยที่พวกเจ้าคบหากัน บัดนี้ผ่านเรื่องมามากถึงเพียงนี้ ความคิดของแม่ก็เปลี่ยนไปไม่น้อย”“หากเจ้าชอบเฉิงเจ๋อจริง ข้าเองก็ไม่คัดค้าน แต่หากเจ้าไม่ชอบ...”สีหน้าจางเหวินสับสน ก่อนหน้านี้เคยเห็นท่าทางของเด็กทั้งสอง ไม่ว่ามองอย่างไรเนี่ยนชูก็ไม่คล้ายไม่ชอบเฉิงเจ๋อ“ข้าชอบญาติผู้พี่เจ้าค่ะ” อวิ๋นเนี่ยนชูตอบอย่างไม่ลังเล “ข้าชอบญาติผู้พี่มาโดยตลอด”มองเห็นท่าทางมุ่งมั่นของลูกสาว จางเหวินรู้สึกเอือมระอาระคนโชคดีอยู่บ้าง “ช่างแล้วๆ น้ากู้ของเจ้าพูดถูกแล้ว ลูกหลานมีความสุขของลูกหลาน พวกเจ้าคบหากันก็เป็นพวกเจ้าสร้างขึ้น”“แม้ว่าปีนั้นเฉิงเจ๋อทำไม่ถูก ไม่สมควรเกิดความคิดต่อเจ้า แต่ข้าล้วนเห็นความพยายามของเขาตลอดหลา
ยิ่งไปกว่านั้น ขอเพียงเขาพยายาม เขาเชื่อว่าตนเองจะต้องมีอนาคตแน่ตระกูลตกต่ำ บิดามารดาจากไปก่อนวัยอันควร เดิมทีเขาก็เป็นเด็กกำพร้าคนหนึ่ง ไม่แน่ว่าอาจตายที่ข้างถนนตั้งนานแล้ว บัดนี้ไม่เพียงมีข้าวกิน มีเสื้อผ้าสวมใส่ ท่านน้ายังเชิญอาจารย์มาสอนหนังสือเขา เขาไม่มีวันอกตัญญูเขาคิด...รออีกหน่อย รอจนเขามีความสามารถ รอจนเขาฉายแววโดดเด่น บางทีอาจมีโอกาสขอท่านน้าแต่งงานกับเนี่ยนชูทว่า ขณะเขากำลังตรากตรำร่ำเรียนอยู่นั้น ในที่สุดก็ได้รับคำชมจากอาจารย์ ได้เข้าเรียนที่สำนักศึกษาหลวง อาจารย์ของสำนักศึกษาหลวงเองก็ชื่นชมว่าเขาจะต้องมีโอกาสสอบผ่านขุนนางแน่ ตอนเขาคิดว่าตนเองอาจจะสามารถตอบรับความรู้สึกของเนี่ยนชูได้ กลับได้ยินท่านน้าและแม่นมพูดสนทนากันที่แท้...เขาไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของบิดามารดาลูกของมารดาตายไปตั้งนานแล้ว ส่วนเขาคือเด็กที่วันนั้นถูกทิ้งไว้หน้าประตูเรือนด้านหลังของมารดาเดิมทีมารดาก็ยากจะยอมรับความเจ็บปวดได้ อีกทั้งยังสงสารเขา หมอพูดว่าร่างกายนางเสียหาย ภายภาคหน้ายากจะมีลูกได้อีก นี่ถึงรับอุปการะเขา ประกาศต่อโลกภายนอกว่าเขาเป็นลูกของตนเขาเป็นแค่เด็กถูกทิ้งคนหนึ่ง เศษสวะที่ไม่ยอมหนาว
ซ่งรั่วเจินพยักหน้า “ข้าเคยไม่สนับสนุนเจ้าตั้งแต่ยามใด? แต่ไหนแต่ไรมาข้าล้วนสนับสนุนการตัดสินใจของเจ้า”ก่อนหน้านี้นางทำนายมาก่อนแล้ว ภายในเรื่องนี้มีเงื่อนงำซ่อนอยู่มากมาย อวิ๋นเฉิงเจ๋ออ่อนแอเกินไปสำหรับเรื่องนี้ ไม่มีความรับผิดชอบมากเพียงพอเพียงแต่ หากไม่เคยผ่านความทุกข์ของผู้อื่น ก็ไม่สามารถตัดสินตามใจได้อวิ๋นเฉิงเจ๋อกลายเป็นเช่นนี้ ย่อมหนีไม่พ้นประสบการณ์ที่เขาเคยเจอมาในช่วงหลายปีมานี้เรื่องเดียวกัน บางคนมีความรับผิดชอบที่แข็งแกร่งมาก ไม่ได้รับผลกระทบใด แต่บางคนคิดอ่านอย่างละเอียด ยากจะสามารถรับได้ใต้หล้ากว้างใหญ่ รวมทุกสรรพสิ่งไว้แล้ว ทั้งหมดล้วนเกิดขึ้นเพราะตนเอง นางย่อมไม่วู่วามสอดมือเข้าไปอวิ๋นเนี่ยนชูยิ้มกว้าง “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ไม่ว่าผลลัพธ์เป็นเช่นไรข้าก็ไม่ใส่ใจแล้ว หากไม่พูดเรื่องนี้ออกมา ข้าจะต้องเสียใจภายหลังแน่”“ตอนนี้ท่านป้าจ้างกำลังอยู่กับท่านแม่ข้า รอกลับไปแล้วค่อยหาโอกาสพูดเถอะ”ซ่งรั่วเจินจิกนิ้วทำนาย ภายในสายตาเผยแววประหลาดใจ เปลี่ยนคำพูด “ดูท่าแล้ว เจ้าไม่จำเป็นต้องพูดออกจากปากของตนแล้วล่ะ”อวิ๋นเนี่ยนชูสงสัย “หมายความว่าอะไร?”“ญาติผู้พี่เจ้าพูด
ตอนนั้นสมองของนางขาวโพลน ชนิดที่ว่ายังเจือความขุ่นเคืองระคนเขินอายอีกด้วย คิดว่าญาติผู้พี่จำคนผิดไปจนกระทั่งได้ยินเขาพูดพึมพำชื่อของนางไม่หยุด ได้เห็นน้ำตาเจืออยู่ในสายตาของเขา ความรู้สึกของนางก็ซับซ้อนขึ้นมาจากนั้น นางประคองญาติผู้พี่เข้าห้อง ได้ยินเขาพูดพึมพำภายในความฝัน เรียกชื่อของนางเบาๆตอนจากมา นางชนเข้ากับหนังสือบนโต๊ะของเขาโดยไม่ทันระวัง ตอนหยิบของขึ้นมา จู่ๆ ก็ได้พบภาพวาดของตนถูกซ่อนไว้ด้านในบนภาพวาดนั้นเป็นนางสวมใส่ชุดที่ไปฟังเรื่องเล่านางเปิดลิ้นชักของโต๊ะเขียนหนังสือตัวนั้นออกดู พบว่าภายในล้วนเป็นภาพวาดของนางไม่เพียงแค่นางในตอนนี้ ยังมีนางในอดีต ทั้งหมดล้วนวาดเองกับมือของญาติผู้พี่คิดดูอย่างละเอียดแล้ว ตอนเด็กนางยังเคยไปที่ห้องของญาติผู้พี่ ต่อมาหลังความรักผลิบานในหัวใจก็ชอบไปหาญาติผู้พี่เพียงแต่จู่ๆ อยู่มาวันหนึ่ง ญาติผู้พี่บอกนางด้วยท่าทางเคร่งขรึมอย่างมาก นางเป็นหญิงสาวแล้ว ไม่สามารถเข้าห้องผู้ชายตามสะดวกได้ นางถึงเข้ามาน้อยครั้งทว่าชั่วขณะได้เห็นภาพวาดมากมายนี้ นางถึงเข้าใจอย่างชัดเจน เหตุใดญาติผู้พี่ไม่ให้นางเข้าห้องเพราะภายในห้องของเขามีของมากมายที