สีหน้าเสิ่นหวยอันเย็นชา ท่าทีแข็งกร้าว อาจเพราะวันนี้ได้ซ่งปี้อวิ๋นหนุนหลังซ่งรั่วเจินเพ่งพินิจเสิ่นหวยอันตรงหน้า สมองใคร่ครวญตกลงคนผู้นี้มีฐานะเยี่ยงไร ท่าทีเย่อหยิ่งจองหองถึงเพียงนี้?“ทั้งสองท่านสามารถหลีกไปก่อนได้หรือไม่?” เจ้าของร้านอาหารเอ่ยปากกับพวกซ่งรั่วเจินสองคนอย่างอดไม่ได้สองพี่น้องสบตากันแวบหนึ่ง รับคำแล้ว“แม่นางซ่ง อันที่จริงข้าก็อยากขายร้านอาหารให้พวกท่าน แต่ข้าอับจนหนทางอย่างแท้จริง คุณชายเสิ่นท่านนั้นใกล้จะกลายเป็นราชบุตรเขยแล้ว”“หากไม่ขายให้พวกเขา ก็จะล่วงเกินองค์หญิงอย่างไม่ต้องสงสัย ข้าเป็นเพียงสามัญชน ไฉนเลยจะสามารถล่วงเกินได้?”เจ้าของร้านอาหารมองทางกู้หว่านเยว่อย่างอดไม่ได้ ไม่ว่าเป็นฝั่งใด เขาก็ล่วงเกินไม่ได้ล่วงเกินเสิ่นหวยอันก็คือล่วงเกินองค์หญิง ทว่าล่วงเกินซ่งรั่วเจินก็คือล่วงเกินฉู่อ๋อง เขาสามัญชนธรรมดาอยู่ตรงกลางรู้สึกลำบากใจอย่างแท้จริงเขากลับอยากขายให้สกุลซ่ง อย่างไรเสียสกุลซ่งก็เสนอราคาอย่างเป็นธรรม ตรงข้ามกันสกุลเสิ่น อาศัยว่าใกล้จะได้เป็นราชบุตรเขยจึงกดราคาจนแทบกระอักโลหิต กลับไม่กล้าพูดออกมาแม้ครึ่งประโยค“ราชบุตรเขย? ไม่รู้ว่าเป็นองค์
เสิ่นหวยอันเองก็คิดไม่ถึงเลยว่าความสัมพันธ์ระหว่างฉู่มู่เหยาและซ่งรั่วเจินจะดีถึงเพียงนี้ทั้งๆ ที่เขาได้ยินมาว่าฮองเฮาไม่ชอบซ่งรั่วเจิน อิงตามหลักการแล้ว ฉู่มู่เหยาเองก็สมควรไม่ชอบซ่งรั่วเจินถึงจะถูกนี่!“หม่อมฉันว่าแล้วเชียวเหตุใดระยะนี้ได้ยินว่าคุณชายเสิ่นจะได้เป็นราชบุตรเขย ที่แท้เขาก็มีบุญคุณต่อท่านนี่เอง!”“เพียงแต่หม่อมฉันยังไม่ได้ยินฝ่าบาทตรัสถึงเรื่องนี้มาก่อน หรือว่าตกลงกันแล้ว?”ซ่งรั่วเจินสบมองเสิ่นหวยอันตรงหน้า ภายในสายตาสะท้อนแววรังเกียจวูบหนึ่งโดยไม่เผยอารมณ์ใดผ่านทางสีหน้า เพียงมองผ่านหน้าตาของคนผู้นี้ก็สามารถมองออกแล้วว่าไม่ใช่คนดีอันใดเมื่อครู่ซ่งปี้อวิ๋นพูดไปทุกคำว่านางจะซื้อร้าน ทว่าบัดนี้ทั้งๆ ที่เสิ่นหวยอันเองก็ต้องการซื้อร้าน หรือพูดอีกอย่างคือ...สองคนนี้จะต้องไม่ธรรมดาทั้งๆ ที่ความสัมพันธ์ดีถึงเพียงนั้นแล้ว เสิ่นหวยอันกลับประกาศที่ภายนอกว่าตนกำลังจะได้เป็นราชบุตรเขย ก็เพื่อใช้อำนาจรังแกคนคนที่คิดพึ่งพาสตรีขึ้นสู่ตำแหน่งเช่นนี้ นางเคยเห็นมาไม่น้อย แต่คนที่ทางหนึ่งต้องการเกาะฉู่มูเหยาขึ้นสู่อำนาจ ทางหนึ่งยังปลอบแม่นางของเขา นี่ตกลงไปเอาความมั่นใจในตนเองม
ไม่รู้ก็ช่างเถอะ บัดนี้รู้แล้ว ย่อมไม่สามารถปล่อยให้ข่าวนี้หลุดรอดไปได้เสิ่นหวยอันได้ยินถ้อยคำนี้แล้วสีหน้าก็เปลี่ยนไป ครู่ต่อมามองซ่งรั่วเจินแวบหนึ่ง เขานับว่ามองออกแล้ว ฉู่มู่เหยาไม่เพียงมีความสัมพันธ์อันดีกับนางมาก ถึงขั้นยังเชื่อฟังคำพูดของนางอีกด้วยหากนางก่อกวนอยู่ตรงกลาง น่ากลัวว่าความยากที่เขาจะได้อยู่ร่วมกับฉู่มู่เหยาก็เพิ่มขึ้นมากบัดซบ! เหตุใดบังเอิญไปล่วงเกินผู้หญิงคนนี้ได้เล่า!“พี่สะใภ้ วันนี้เจ้ามาที่นี่ทำอันใด?” ฉู่มู่เหยาเอ่ยถาม“เล็งร้านอาหารร้านนี้ไว้จึงตั้งใจมาซื้อ ช่วงนี้หม่อมฉันเปิดร้านปิ้งย่าง ท่านรู้แล้วหรือไม่?” ซ่งรั่วเจินคลี่ยิ้มบางๆฉู่มู่เหยาพยักหน้า “วันนี้ตอนข้าออกจากบ้านบังเอิญได้ชิมปิ้งย่างของร้านเจ้า รสชาติยอดเยี่ยมมาก!”“ท่านตั้งใจให้คนไปซื้อหรือ?”ซ่งรั่วเจินแปลกใจ ทว่านางรู้ฉู่มู่เหยาเองก็ชอบสิ่งเหล่านี้ ก่อนหน้านี้ยามเปิดร้านเดิมทีก็อยากส่งไปให้นางชิม ทว่าได้รู้ว่านางบาดเจ็บ ฉู่อวิ๋นกุยจึงนำไปกินหมดแล้ว“วันนี้บังเอิญท่านน้าไปเข้าเฝ้าเสด็จแม่แล้วนำติดไปด้วย ตอนข้าไปพบเสด็จแม่ก็บังเอิญเห็นเข้า พวกเขายังชื่นชมว่าร้านของเจ้าเปิดได้ดีมากจริงๆ
“พูดเช่นนี้ วันนี้รั่วเจินมาก่อนกระนั้น?”ฉู่มู่เหยาขมวดคิ้ว แม้พูดว่ากำลังเอ่ยถาม แต่ภายในใจกลับเข้าใจเสิ่นหวยอันย่อมรู้ความคิดของฉู่มู่เหยา กระซิบเสียงแหบพร่า“องค์หญิง ข้าเล็งร้านอาหารนี้ไว้ตั้งนานแล้ว ท่านเองก็รู้สถานการณ์ของข้าภายในครอบครัว จึงอยากทำการค้ามาโดยตลอดเพื่อให้ทุกคนได้เห็นและชื่นชม”“บัดนี้ข้ามีเป้าหมายที่ชัดเจนแล้ว ดังนั้นแม้รู้ว่าคนในครอบครัวไม่เห็นด้วย แต่ยังหาเงินจากทั่วสารทิศ ร้านอาหารแห่งนี้เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับข้าในตอนนี้”สายตาเสิ่นหวยอันตกลงบนตัวฉู่มู่เหยา แม้ไม่ได้พูดความจริงอย่างชัดเจน แต่สายตาเปี่ยมความนัยลึกซึ้งกลับบ่งบอกทั้งหมดแล้วสิ่งที่เขาทำทั้งหมดล้วนเพื่อฉู่มู่เหยา“บางทีสิ่งที่ข้าพูดก่อนหน้านี้อาจไม่เหมาะสมนัก แต่สกุลซ่งกิจการใหญ่โต มีการค้าในเมืองหลวงทุกหนแห่ง ไม่รู้ว่าท่านสามารถช่วยขอความเห็นใจให้ข้าสักครั้ง ขอให้พวกเขามอบร้านอาหารแห่งนี้ให้ข้าได้หรือไม่?”ฉู่มู่เหยาขมวดคิ้ว สบสายตาของเสิ่นหวยอัน กลับพูดปฏิเสธไม่ออกซ่งจิ่งเซินเห็นเสิ่นหวยอันและฉู่มู่เหยาซุบซิบคุยกัน นี่จึงพูดว่า “เห็นชัดว่าคนผู้นี้อาศัยบารมีขององค์หญิง ข่าวลืออะ
ซ่งปี้อวิ๋นเห็นซ่งรั่วเจินถึงขั้นรับปากแล้ว รู้สึกดีใจอย่างอดไม่ได้ สายตากลับโหดเหี้ยมคล้ายอาบยาพิษช่างเป็นนางแพศยาโดยแท้!พวกเขาดีชั่วอย่างไรก็เป็นญาติกัน เมื่อครู่ยามนางเอ่ยปาก ซ่งรั่วเจินไม่ยอมถอยเลยแม้แต่น้อย ทว่าเพียงฉู่มู่เหยาเอ่ยปาก ก็รับปากในทันทีทันใด นี่คือกำลังตบหน้านางอย่างแท้จริง!เสิ่นหวยอันกลับไม่สบอารมณ์ เขาสังเกตเห็นความนัยในคำพูดของซ่งรั่วเจิน ทว่าอีกฝ่ายพูดถึงเพียงนี้แล้ว เขาทำได้เพียงยิ้มรับหลังออกจากร้านอาหาร ซ่งรั่วเจินและซ่งจิ่งเซินขอแยกออกไปก่อนเพื่อหาร้านอาหารที่เหมาะสมแห่งอื่นในละแวกใกล้เคียงนี้ต่อ“น้องหญิงห้า เจ้าไม่ตามไปดูกับพวกเขาหรือ?”“ไอ้คนหน้าตาไม่น่าไว้ใจคนนั้น เพียงมองปราดเดียวก็รู้ว่าไม่ใช่คนดีอะไร หากเกิดแผนชั่วอันใดขึ้นมา ข้าคิดว่าเจ้าจะห้ามไว้เสียอีก”ซ่งจิ่งเซินเลิกคิ้ว สายตาตกลงบนเงาร่างของสามคนทางด้านหลังที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกล “ซ่งปี้อวิ๋นและคนผู้นั้นมีความสัมพันธ์ไม่ธรรมดา ระยะก่อนข้าเคยพบโดยบังเอิญ ยังคิดว่าพวกเขาจะแต่งงานกันเสียอีก”“เสิ่นหวยอันย่อมต้องการสู่ขอองค์หญิงกลับไป บัดนี้ใช่ว่าไม่มีโอกาส กำลังคิดหาทางทำให้มู่เหยาชอบเขา ย
เห็นว่าเพียงฉู่จวินถิงเข้ามาก็พูดเข้าประเด็นถึงเรื่องนี้ ไม่คิดพูดอ้อมค้อม ฮองเฮาเกิดความรู้สึกสับสนขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก“บัดนี้ภายในสายตาเจ้ายังมีข้าเสด็จแม่คนนี้อยู่หรือไม่?”“ที่ผ่านมาเจ้ามักมาเยี่ยมเยียนเสด็จแม่ แต่วันนี้ดูเถอะ นอกจากมาหาครั้งก่อนหลังเพิ่งกลับมา ก็แทบไม่เห็นตัวเจ้าอีก คงไม่ใช่ว่าเสด็จแม่ไม่อนุญาตเจ้าเรื่องงานแต่งนี้ เจ้าก็ไม่ต้องการแม้แต่เสด็จแม่แล้วกระมัง?”ภายในเสียงฮองเฮาเจือความขุ่นเคืองหลายส่วน นางให้ความสำคัญต่อลูกชายคนนี้ที่สุด ไม่รู้ว่าทุ่มเทกับเขาไปมากน้อยเพียงใด ปรากฏว่าบัดนี้กลับดีนัก ถึงขั้นห่างเหินกับนางเพราะแม่นางคนหนึ่งฉู่อวิ๋นกุ่ยทางด้านข้างได้ยินท่าทีผ่านคำพูดของเสด็จแม่ รับรู้ได้ว่าต่อจากนี้จะต้องระบายความทุกข์ใจออกมาแน่ เอ่ยปากอย่างอดไม่ได้“เสด็จแม่ เสด็จพี่กตัญญูต่อท่านมาโดยตลอด หลังกลับมาแล้วก็งานยุ่ง นี่ถึงมาน้อยครั้งนัก แต่เสด็จพี่ก็นำของขวัญกลับมาให้เสด็จแม่ไม่น้อย นั่นล้วนเลือกมาด้วยความตั้งใจพ่ะย่ะค่ะ”ฮองเฮาเหล่มองฉู่อวิ๋นกุยแวบหนึ่ง รู้ว่าพวกเขาสองพี่น้องมีความสัมพันธ์อันดีต่อกัน ปกติก็มักช่วยเหลืออีกฝ่ายนางยังไม่ทันพูดอันใด อว
นางที่เป็นน้าได้เห็นแล้วก็ชอบมากนัก!“นี่เจ้ากำลังขู่ข้า?” ฮองเฮาพูดอย่างเหลือจะเชื่อ“ลูกไม่ได้ขู่ ที่พูดไปก็คือความจริงพ่ะย่ะค่ะ”สีหน้าฉู่จวินถิงจริงจัง สุ้มเสียงจริงใจ “อันที่จริงไม่ขอปิดบังเสด็จแม่ เริ่มแรกเป็นลูกชอบรั่วเจิน เดิมทีนางก็ไม่ยินดีเข้ามาข้องเกี่ยว”“ชาตินี้ลูกไม่เคยชอบแม่นางคนหนึ่งมาก่อน หลังได้รู้จักนางแล้วถึงคิดว่าอดีตที่ผ่านมามีส่วนหนึ่งขาดไป”“ลูกทุ่มเทพยายามอย่างหนัก นี่ถึงทำให้นางยอมมอบโอกาสให้ได้”สีหน้าฮองเฮาแข็งทื่อดุจเหล็ก ก่อนหน้านี้ฉู่จวินถิงเองก็เคยพูดเช่นนี้ ทว่านางไม่เชื่อแม่นางคนใดจะปฏิเสธโอกาสอันดีเช่นนี้?ยิ่งไม่ต้องพูดว่าจวินถิงดีไปหมดทุกอย่าง เป็นที่หมายปองของแม่นางมากมายภายในเมืองหลวง หวังว่าจะได้แต่งงานกับเขา เกียรติยศนี้ตกลงที่ซ่งรั่วเจิน ไฉนเลยนางจะไม่เต็มใจ?“เสด็จแม่ เพียงเพราะลูกเป็นลูกชายของท่าน ท่านถึงคิดว่าข้าดีมาก”“ผลัดเปลี่ยนตำแหน่งกัน หากท่านเป็นรั่วเจิน สกุลซ่งไม่ขาดเงินทอง ปกติดื่มกินสวมใส่ล้วนเป็นของดีที่สุด มิหนำซ้ำบิดาและพี่ชายล้วนอยู่ในราชสำนัก มีความสามารถอย่างมาก”“ไม่ว่านางแต่งกับใคร ชีวิตก็ไม่มีวันย่ำแย่ มีบิดาพี
“เดิมทีข้าก็ไม่ดีอะไร เพียงแต่เสด็จแม่คิดว่าข้าดีก็เท่านั้น ดูท่าแล้ว บางทีข้าอาจเหมาะกับการอยู่เพียงคนเดียว”“อันที่จริงหลายปีที่ผ่านมาข้าอยู่คนเดียวก็ดีมากนัก เดิมทีก็ไม่ควรคาดหวังอะไร ที่ควรพยายามข้าก็พยายามแล้ว สรุปคือหากไม่สำเร็จก็ไม่เสียใจ”ใบหน้าฉู่จวินถิงปรากฏรอยยิ้ม เสียงเรียบเฉยอย่างมาก เพียงแต่รอยยิ้มนั้นในสายตาของฮองเฮา ไม่ว่ามองอย่างไรก็คือกำลังฝืนเหตุใดกลายเป็นเช่นนี้ไปได้?เดิมทีลู่หมิ่นฮุ่ยคิดว่าไม่เป็นไร ทว่าได้ฟังดูก็เริ่มเชื่อ ด้วยเงื่อนไขของแม่นางซ่ง เดิมทีก็ไม่จำเป็นต้องหาคู่ครองจริงๆ“ก่อนหน้านี้ข้าก็เคยพูดไปแล้ว แม่นางซ่งมีความสามารถถึงเพียงนี้ เจ้าจะต้องคว้าเอาไว้ให้ดีๆ เหตุใดถึงกลายเป็นเช่นนี้ไปได้?”“หลายปีมานี้เจ้าล้วนอยู่อย่างโดดเดี่ยว เดิมทีก็ไม่มีประสบการณ์เกี้ยวพาสตรี หนำซ้ำหน้าตายังเย็นชา ทำให้แม่นางตกใจกลัววิ่งหนีไปก็ไม่แปลกใจเลยสักนิด”“เจ้ารีบพูดเถอะ ใช่หรือไม่ว่าทะเลาะกันรุนแรง ยังมีทางแก้หรือไม่?”ฉู่จวินถิงส่ายหน้าและพูดว่า “ท่านน้า ข้ารู้แต่ไหนแต่ไรมาท่านดีต่อข้ามาก เรื่องนี้ข้าพยายามจนถึงที่สุดแล้ว”“นั่นจะได้อย่างไร? ได้ผู้ที่ทุกคนต่าง
ฉู่จวินถิงสังเกตเห็นอารมณ์ที่เปลี่ยนไปของซ่งรั่วเจิน ไหวพริบบ่งบอกว่ามีปัญหาซ่งรั่วเจินส่ายหน้าเบาๆ “เพียงแต่ได้ยินจงเฟยพูดเรื่องบูชาเซียนโบตั๋นจึงรู้สึกแปลกอยู่บ้าง ไม่รู้ว่าใช่เซียนโบตั๋นที่หม่อมฉันรู้จักหรือไม่”นางเคยได้ยินเรื่องเซียนโบตั๋นมาก่อน เป็นสิ่งที่สตรีบูชาจริง เซียนบุปผา มีสรรพคุณช่วยคืนความอ่อนเยาว์ เพียงแต่ภายในนี้กลับมีเคล็ดลับบางอย่าง ทำให้คนเสพติดอย่างง่ายดาย สุดท้ายลุ่มหลงจนยากจะถอนตัวขึ้นมาได้ ไม่ใช่เรื่องที่ดีหากเป็นคนฝีมือโหดเหี้ยม ก็สามารถใช้ของสิ่งนี้แลกเปลี่ยนโชคชะตาได้ น่ากลัวอย่างมากจงเฟยมีสมบัติล้ำค่าเช่นนี้ ตนเองเก็บไว้บูชาเองก็พอ ทว่านางกลับนำมามอบให้ฮองเฮา แปลกเกินไปแล้วกระมัง“พูดให้ฟังเถอะ”ฉู่จวินถิงกลับไม่รีบร้อนจากไป เอียงหูฟัง รอฟังคำพูดของว่าที่ฮูหยินอย่างอารมณ์ดีแท้จริงแล้ว ไม่ว่าเจินเอ๋อร์พูดอะไร เขาล้วนอยากฟัง“หม่อมฉันเคยเห็นเซียนโบตั๋นมาก่อน ทำให้สตรีงดงามอ่อนเยาว์ผ่านการบูชาอาหาร หากจริงใจมากเพียงพอ ยังสามารถใช้เลือดเป็นเครื่องบูชาได้ ผลลัพธ์ดีมากนัก”“เพียงแต่จะทำให้สตรีลุ่มหลง กลายเป็นรีบร้อนอยากได้ผลลัพธ์ จากนั้นยากจะถอนตัวขึ
วังหลังวันนี้ซ่งรั่วเจินและฉู่จวินถิงเข้าวังไปขอบพระทัยความเมตตาด้วยกัน คิดไม่ถึงเลยว่าจะได้เห็นความครึกครื้นทั้งภายในภายนอกตำหนักของฮองเฮายังไม่ทันเข้าไปก็ได้ยินเสียงตวนเฟยดังออกมาจากภายใน“ระยะนี้น้องหญิงจงเฟยงดงามมากขึ้นเรื่อยๆ แล้ว คนเองก็สดใสมีชีวิตชีวามากเป็นพิเศษ ผิวพรรณขาวเปล่งปลั่ง ข้าถามนางว่าใช้เคล็ดลับอะไร นางก็ไม่ยอมบอกข้า ต่อมาข้ายังเห็นด้วยตนเอง”ตวนเฟยมองเซียนโบตั๋นข้างห้องบรรทมของฮองเฮาแวบหนึ่ง สายตาสะท้อนแววละโมบ“ที่แท้นางก็ตั้งใจขอเซียนโบตั๋นจากพระผู้ทรงศีล เพื่อรักษาความเยาว์วัยของสตรี ทำให้งดงามมีเสน่ห์!”เพียงถ้อยคำนี้พูดออกมา สนมคนอื่นก็ตาร้อนผ่าว ความเปลี่ยนแปลงของจงเฟยในระยะนี้ พวกนางล้วนเห็นอยู่ในสายตา ฝ่าบาทเองก็ประทับค้างแรมกับจงเฟยที่นั่นติดต่อกันหลายคืน ใครจะไม่อิจฉากันเล่า?สนมภายในวังมีไม่น้อย พวกเขาทำเพื่อให้ได้รับความโปรดปรานจากฝ่าบาท ปกติทำทุกวิธี ก็ไม่แน่ว่าจะได้ผลบัดนี้ได้เห็นจงเฟยได้รับความโปรดปรานมากขึ้นทุกที แต่ละคนร้อนใจจนแทบทนไม่ไหว“เดิมทีคิดว่าจงเฟยจะซ่อนไว้ คิดไม่ถึงเลยว่ายังมอบให้ฮองเฮาอีกด้วย น้องหญิงจงเฟยจริงใจต่อฮองเอาจริงๆ!
“บัดนี้ข้าและองค์หญิงเพียงแต่มีปัญหากันเล็กน้อยเท่านั้น รอข้าไปอธิบายให้ชัดเจน ทั้งหมดย่อมกลับมาเป็นเหมือนเดิม”เสิ่นหวยอันพูดอย่างมีเหตุผล ชนิดที่ว่าหน้าตายังเผยแววลำพองใจ “เจ้าคิดดูให้ดี หากเปลี่ยนเป็นคนอื่น ก่อเรื่องพรรค์นี้ขึ้นมา ป่านนี้คงไม่มีชีวิตอยู่แล้ว”“ส่วนข้า ก็แค่ถูกโบย สามารถฟื้นฟูกลับมาได้อย่างว่องไว หรือเจ้าไม่เข้าใจความหมายกันเล่า?”“ตกลงเจ้าจะพูดอะไร?” เสิ่นจวินเจ๋อหรี่ตาลง สังเกตเห็นปัญหาแล้ว เสิ่นหวยอันมั่นใจในตนเองเกินไป“เหตุที่องค์หญิงทำเช่นนี้ ก็เพราะหึงหวงเท่านั้น” เสิ่นหวยอันหัวเราะเบาๆ ลูบแต่งผมและพูด “องค์หญิงมีจิตปฏิพัทธ์ต่อข้า เพียงแต่เห็นซ่งปี้อวิ๋นอยู่ข้างกายข้ามาโดยตลอด เข้าใจผิดคิดว่าข้าและนางมีความสัมพันธ์กัน นี่ถึงเป็นเช่นนี้”“ระหว่างสตรีย่อมหนีไม่พ้นความหึงหวง นี่คือเรื่องธรรมดาอย่างมาก เพียงแต่องค์หญิงอารมณ์รุนแรงอยู่บ้าง นี่ถึงโบยข้า”“หากไม่รัก นางก็คงไม่โมโหถึงเพียงนี้ เจ้าเข้าใจหรือไม่?”เสิ่นจวินเจ๋อชะงักไปในทันใด ครู่ต่อมาคิดว่าสายตาของฉู่มู่เหยาไม่น่าจะแย่ถึงเพียงนี้ เพียงแต่ลองคิดดูแล้วเขาก็เริ่มไม่มั่นใจเพราะเสิ่นหวยอันมั่นใจในตน
ได้ยินคำพูดของอวิ๋นเฉิงเจ๋อ ภายในสายตาอวิ๋นเนี่ยนชูเปี่ยมความแปลกใจ มากที่สุดคือต้องการรู้เหตุผลทั้งหมดตกลงเป็นเพราะอะไร?เพราะเหตุใดหลายปีมานี้ ทั้งๆ ที่นางแสดงความชอบของตนออกมาไม่ใช่เพียงครั้งเดียว ทว่าญาติผู้พี่กลับหลบเลี่ยงนางมาโดยตลอด นางต้องการคำตอบหนึ่ง กลับไม่ได้รับทั้งๆ ที่ดีต่อนางถึงเพียงนี้ ทั้งๆ ที่ภายในใจมีนางมาโดยตลอด เพราะเหตุใดจึงเป็นเช่นนี้?อวิ๋นเฉิงเจ๋อเอ่ยปากพูดเสียงขมปร่า นี่ถึงพูดความคิดที่เก็บซ่อนไว้ภายในใจตลอดหลายปีมานี้ออกมา...อวิ๋นเนี่ยนชูได้ยินทั้งหมดนี้ สายตาสะท้อนแววเหลือจะเชื่อ ยากจะเชื่อได้ว่าทั้งหมดนี้ถึงขั้นยังมีเรื่องที่นางไม่รู้มากถึงเพียงนี้“ดังนั้น...พวกเราไม่ใช่ญาติพี่น้องแท้ๆ?”อวิ๋นเนี่ยนชูเผยสีหน้าตกตะลึงพรึงเพริด นี่คือเรื่องที่นางไม่เคยรู้ หลายปีมานี้ญาติผู้พี่ก็ไม่เคยพูดมาก่อนอวิ๋นเฉิงเจ๋อพยักหน้า “ปีนั้นข้าถูกทิ้งไว้ที่ประตูเรือนด้านหลัง หากไม่ใช่ท่านแม่ใจดีรับเลี้ยงข้า ข้าคงตายไปตั้งนานแล้ว...”หลายปีมานี้เขาเคยคิดอยู่หลายค่ำคืน บิดามารดาแท้ๆ ของเขาเป็นใคร เหตุใดต้องทิ้งเขา บางครั้งก็เกลี้ยกล่อมตนเอง คิดถึงปัญหาเหล่านี้ไปล้วนไ
เพียงเอ่ยปาก โทสะทั้งหมดก็พรั่งพรูออกมาแล้วความเจ็บปวดและอึดอัดใจที่สั่งสมอยู่ภายในใจล้วนระเบิดออกมาในเวลานี้อวิ๋นเฉิงเจ๋อได้ยินอวิ๋นเนี่ยนชูพูดเช่นนี้เป็นครั้งแรก มองนางตวาดถามไล่เรียงตนเอง ภายในใจเปี่ยมความรู้สึกผิด“ขอโทษ ล้วนเป็นความผิดของข้า”เห็นสายตาเปี่ยมความรู้สึกผิดของฝ่ายชาย อวิ๋นเนี่ยนชูตาแดงขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว “เดิมทีทั้งหมดนี้ก็เป็นความผิดของท่านอยู่แล้ว! เหตุใดท่านไม่บอกข้าเร็วสักหน่อย ท่านรู้ว่าหลายปีมานี้ข้าฝืนได้ลำบากมากเพียงใดหรือไม่?”“ในเมื่อท่านไม่พูดมาโดยตลอด เหตุใดไม่เก็บเอาไว้ชั่วชีวิตเล่า?”น้ำตานางไหลลงมา ตลอดหลายปีมานี้ไม่ตอบรับความรู้สึกนาง นี่ทุกข์ใจมากเพียงใด?นางอยากบริภาษเขาแรงๆ อยากทุบตีเขา ชนิดที่ว่าอยากไม่สนใจเขาอีก ทำให้เขาเสียใจภายหลังไปชั่วชีวิตเพียงแต่ ยามได้เห็นของเหล่านั้นที่เขาซ่อนไว้ภายในห้อง รวมถึงภาพเหมือนของนางที่วาดไว้นับไม่ถ้วนยามค่ำคืน นางก็อยากร้องให้อย่างอดไม่ได้...“เป็นความผิดของข้าเอง ทั้งหมดล้วนเป็นความผิดของข้า เจ้าตีข้าด่าข้าโทษข้า ล้วนสมควรทั้งสิ้น”อวิ๋นเฉิงเจ๋อสืบเท้าขึ้นไปข้างหน้าหนึ่งก้าว ภายในสายตาเปี่ยมความเอ็
“อะไรนะ?” อวิ๋นเนี่ยนชูชะงัก ภายในสายตาสะท้อนความตกตะลึงทั้งๆ ที่ตลอดมาล้วนเป็นนางตอแยญาติผู้พี่หากไม่ใช่เพราะหลายปีมานี้นางทำเช่นนี้มาโดยตลอด คาดว่าญาติผู้พี่ก็คงไม่ชอบนาง ทว่าได้ยินคำพูดของมารดาแล้ว เหตุใดญาติผู้พี่ถึงผลักทั้งหมดนี้ลงบนศีรษะของเขาเล่า?“เฉิงเจ๋อพูดว่าเขาพยายามสอบสร้างผลงานก็เพื่อจะได้คู่ควรกับเจ้า จะได้มีโอกาสสู่ขอเจ้า”“หากเปลี่ยนเป็นในอดีต ข้าจะต้องไม่เห็นด้วยที่พวกเจ้าคบหากัน บัดนี้ผ่านเรื่องมามากถึงเพียงนี้ ความคิดของแม่ก็เปลี่ยนไปไม่น้อย”“หากเจ้าชอบเฉิงเจ๋อจริง ข้าเองก็ไม่คัดค้าน แต่หากเจ้าไม่ชอบ...”สีหน้าจางเหวินสับสน ก่อนหน้านี้เคยเห็นท่าทางของเด็กทั้งสอง ไม่ว่ามองอย่างไรเนี่ยนชูก็ไม่คล้ายไม่ชอบเฉิงเจ๋อ“ข้าชอบญาติผู้พี่เจ้าค่ะ” อวิ๋นเนี่ยนชูตอบอย่างไม่ลังเล “ข้าชอบญาติผู้พี่มาโดยตลอด”มองเห็นท่าทางมุ่งมั่นของลูกสาว จางเหวินรู้สึกเอือมระอาระคนโชคดีอยู่บ้าง “ช่างแล้วๆ น้ากู้ของเจ้าพูดถูกแล้ว ลูกหลานมีความสุขของลูกหลาน พวกเจ้าคบหากันก็เป็นพวกเจ้าสร้างขึ้น”“แม้ว่าปีนั้นเฉิงเจ๋อทำไม่ถูก ไม่สมควรเกิดความคิดต่อเจ้า แต่ข้าล้วนเห็นความพยายามของเขาตลอดหลา
ยิ่งไปกว่านั้น ขอเพียงเขาพยายาม เขาเชื่อว่าตนเองจะต้องมีอนาคตแน่ตระกูลตกต่ำ บิดามารดาจากไปก่อนวัยอันควร เดิมทีเขาก็เป็นเด็กกำพร้าคนหนึ่ง ไม่แน่ว่าอาจตายที่ข้างถนนตั้งนานแล้ว บัดนี้ไม่เพียงมีข้าวกิน มีเสื้อผ้าสวมใส่ ท่านน้ายังเชิญอาจารย์มาสอนหนังสือเขา เขาไม่มีวันอกตัญญูเขาคิด...รออีกหน่อย รอจนเขามีความสามารถ รอจนเขาฉายแววโดดเด่น บางทีอาจมีโอกาสขอท่านน้าแต่งงานกับเนี่ยนชูทว่า ขณะเขากำลังตรากตรำร่ำเรียนอยู่นั้น ในที่สุดก็ได้รับคำชมจากอาจารย์ ได้เข้าเรียนที่สำนักศึกษาหลวง อาจารย์ของสำนักศึกษาหลวงเองก็ชื่นชมว่าเขาจะต้องมีโอกาสสอบผ่านขุนนางแน่ ตอนเขาคิดว่าตนเองอาจจะสามารถตอบรับความรู้สึกของเนี่ยนชูได้ กลับได้ยินท่านน้าและแม่นมพูดสนทนากันที่แท้...เขาไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของบิดามารดาลูกของมารดาตายไปตั้งนานแล้ว ส่วนเขาคือเด็กที่วันนั้นถูกทิ้งไว้หน้าประตูเรือนด้านหลังของมารดาเดิมทีมารดาก็ยากจะยอมรับความเจ็บปวดได้ อีกทั้งยังสงสารเขา หมอพูดว่าร่างกายนางเสียหาย ภายภาคหน้ายากจะมีลูกได้อีก นี่ถึงรับอุปการะเขา ประกาศต่อโลกภายนอกว่าเขาเป็นลูกของตนเขาเป็นแค่เด็กถูกทิ้งคนหนึ่ง เศษสวะที่ไม่ยอมหนาว
ซ่งรั่วเจินพยักหน้า “ข้าเคยไม่สนับสนุนเจ้าตั้งแต่ยามใด? แต่ไหนแต่ไรมาข้าล้วนสนับสนุนการตัดสินใจของเจ้า”ก่อนหน้านี้นางทำนายมาก่อนแล้ว ภายในเรื่องนี้มีเงื่อนงำซ่อนอยู่มากมาย อวิ๋นเฉิงเจ๋ออ่อนแอเกินไปสำหรับเรื่องนี้ ไม่มีความรับผิดชอบมากเพียงพอเพียงแต่ หากไม่เคยผ่านความทุกข์ของผู้อื่น ก็ไม่สามารถตัดสินตามใจได้อวิ๋นเฉิงเจ๋อกลายเป็นเช่นนี้ ย่อมหนีไม่พ้นประสบการณ์ที่เขาเคยเจอมาในช่วงหลายปีมานี้เรื่องเดียวกัน บางคนมีความรับผิดชอบที่แข็งแกร่งมาก ไม่ได้รับผลกระทบใด แต่บางคนคิดอ่านอย่างละเอียด ยากจะสามารถรับได้ใต้หล้ากว้างใหญ่ รวมทุกสรรพสิ่งไว้แล้ว ทั้งหมดล้วนเกิดขึ้นเพราะตนเอง นางย่อมไม่วู่วามสอดมือเข้าไปอวิ๋นเนี่ยนชูยิ้มกว้าง “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ไม่ว่าผลลัพธ์เป็นเช่นไรข้าก็ไม่ใส่ใจแล้ว หากไม่พูดเรื่องนี้ออกมา ข้าจะต้องเสียใจภายหลังแน่”“ตอนนี้ท่านป้าจ้างกำลังอยู่กับท่านแม่ข้า รอกลับไปแล้วค่อยหาโอกาสพูดเถอะ”ซ่งรั่วเจินจิกนิ้วทำนาย ภายในสายตาเผยแววประหลาดใจ เปลี่ยนคำพูด “ดูท่าแล้ว เจ้าไม่จำเป็นต้องพูดออกจากปากของตนแล้วล่ะ”อวิ๋นเนี่ยนชูสงสัย “หมายความว่าอะไร?”“ญาติผู้พี่เจ้าพูด
ตอนนั้นสมองของนางขาวโพลน ชนิดที่ว่ายังเจือความขุ่นเคืองระคนเขินอายอีกด้วย คิดว่าญาติผู้พี่จำคนผิดไปจนกระทั่งได้ยินเขาพูดพึมพำชื่อของนางไม่หยุด ได้เห็นน้ำตาเจืออยู่ในสายตาของเขา ความรู้สึกของนางก็ซับซ้อนขึ้นมาจากนั้น นางประคองญาติผู้พี่เข้าห้อง ได้ยินเขาพูดพึมพำภายในความฝัน เรียกชื่อของนางเบาๆตอนจากมา นางชนเข้ากับหนังสือบนโต๊ะของเขาโดยไม่ทันระวัง ตอนหยิบของขึ้นมา จู่ๆ ก็ได้พบภาพวาดของตนถูกซ่อนไว้ด้านในบนภาพวาดนั้นเป็นนางสวมใส่ชุดที่ไปฟังเรื่องเล่านางเปิดลิ้นชักของโต๊ะเขียนหนังสือตัวนั้นออกดู พบว่าภายในล้วนเป็นภาพวาดของนางไม่เพียงแค่นางในตอนนี้ ยังมีนางในอดีต ทั้งหมดล้วนวาดเองกับมือของญาติผู้พี่คิดดูอย่างละเอียดแล้ว ตอนเด็กนางยังเคยไปที่ห้องของญาติผู้พี่ ต่อมาหลังความรักผลิบานในหัวใจก็ชอบไปหาญาติผู้พี่เพียงแต่จู่ๆ อยู่มาวันหนึ่ง ญาติผู้พี่บอกนางด้วยท่าทางเคร่งขรึมอย่างมาก นางเป็นหญิงสาวแล้ว ไม่สามารถเข้าห้องผู้ชายตามสะดวกได้ นางถึงเข้ามาน้อยครั้งทว่าชั่วขณะได้เห็นภาพวาดมากมายนี้ นางถึงเข้าใจอย่างชัดเจน เหตุใดญาติผู้พี่ไม่ให้นางเข้าห้องเพราะภายในห้องของเขามีของมากมายที