“พี่ปกรณ์”
“อ้าว..น้องโซดาใช่ไหม มาเร็วจังนะค่ะ”
“ค่ะ พี่ปกรณ์ก็เหมือนกัน”
โซดาไม่ได้พูดอะไรอย่างที่ใจต้องการนัก แค่ได้ยืนข้าง ๆ แบบนี้หัวใจก็เต้นตูมตาม ปกรณ์เป็นหนุ่มมาดโรแมนติก ผมยาวสลวยประบ่าชอบสวมเสื้อผ้าฝ้ายสีด้ายดิบดูเป็นศิลปินโดยแท้ พูดจากับผู้หญิงก็คะ-ขาหวาน แค่นี้โซดาก็แทบเก็บอาการไม่อยู่แล้ว
ประตูลิฟต์เปิดออก โซดาก้าวเท้าเข้าไปก่อนตามด้วยปกรณ์และคนที่เธอไม่รู้จักอีกสองคน ขณะประตูกำลังจะปิด ร่างบอกบางของเด็กสาวผู้มีใบหน้าซีดเซียวราวคนป่วยก็ถือกล่องไวโอลินเข้ามาด้วยอีกคน
“แป้งร่ำมาเรียนดนตรีเหรอคะ” ปกรณ์เอ่ยถามพลางยื่นมือไปฉวยกล่องไวโอลินมาช่วยถืออย่างสนิทสนม
“ค่ะ” เด็กสาวยิ้มบาง ๆ และหว่านยิ้มหวานมาทางโซดาที่ยืนอยู่ด้านข้างปกรณ์
“แป้งร่ำหน้าซีด ๆ นะคะ เดี๋ยวพี่ไปส่งที่ห้องเรียนดนตรีดีกว่านะ”
“ไม่เป็นไรค่ะ แป้งไปเองได้ แป้งไม่ได้ป่วยอะไร”
“อย่าเลย ให้พี่ไปส่งดีกว่า ขืนเป็นอะไรไปพี่จะยิ่งโทษตัวเองมากขึ้นนะ”
“ค่ะ ก็ได้”
ไฟกระพริบที่ชั้นห้า ปกรณ์ก็พาเด็กสาวรุ่นราวคราวเดียวกับกับโซดาเดินหายไป เธอได้แต่ยืนซื่ออยู่ในนั้นเพียงลำพังรอคอยจนลิฟต์เคลื่อนที่ไปชั้นสิบเอ็ด ก่อนเข้าห้องรับรองเธอแอบแว้บเข้าไปยืนจ้องหน้าตัวเองในกระจก ทั้งผมเผ้าเสื้อผ้าดูมอมแมมไม่น่ารัก ช่างต่างจากผู้หญิงคนเมื่อครู่ดูเป็นคุณหนูเรียบร้อยน่ารักน่าทะนุถนอม
“ช่างเถอะ เกิดมาสวยได้แค่ไหนก็แค่นั้นแหละนะ โซดาเอ๊ย!!!”
โซดายิ้มกว้างให้กับตัวเองในกระจก เรียกความมั่นใจก่อนเข้าไปนั่งรอที่ห้องอบรม จะว่าไปแล้วในคอร์สนี้สมาชิกสิบหกชีวิต มีเธอเท่านั้นที่อายุน้อยที่สุดคือเพียงสิบเจ็ดปีเท่านั้น และสูงสุดคือคุณลุงวัยสี่สิบแปดแต่งตัวภูมิฐาน โซดาแอบได้ยินคนในกลุ่มคุยกันตอนพักทานของว่าง เดี๋ยวนี้เป็นเทรนใหม่ ใคร ๆ ก็มีพ๊อกเก็ตบุ๊คของตัวเองเขียนเองพิมพ์เองก็ได้ใช้เงินไม่กี่หมื่น เปิดตัวหรูหราจ้างบริษัทออกาไนเซอร์มาดีไซด์งานให้ก็ได้
ได้ยินเพียงแค่นี้โซดาก็มึนตึบ แต่เพราะมีปกรณ์ที่ค่อยให้คำแนะนำในการเขียน วางโครงเรื่องหลักโครงเรื่องรอง การสร้างนิสัยตัวละคร โอ๊ย!!! แค่นี้โซดาก็นั่งปลื้มจนตาหวานฉ่ำแล้ว ไม่สนใจแม้กระทั้งว่า ปลายศร จะมาบอกกลเม็ดในการเขียนให้รุ่งได้เพียงข้ามวัน
การอบรมดำเนินไปจวบจนถึงเวลาเลิก แต่โซดากลับถูกเรียกให้นั่งรอจนคนอื่นกลับไปหมดแล้ว ร่างสูงโปร่งเจ้าของผมยาวประบ่าก็เดินมาพร้อมรอยยิ้มที่ทำเอาโซดาแทบจะกรี๊ด!!!
‘โอ๊ย! อยากจะเป็นลม ผู้ชายอะไรยิ้มหวานชะมัด’
“รอนานไหมคะ น้องโซดา”
“ไม่นานเลยคะ”
‘รอไปถึงพรุ่งนี้ หนูก็รอได้เพื่อพี่ดุจตะวันของหนู’
ประโยคหลังได้แต่พูดในใจ ก่อนจะเอาแต่ก้มหน้าไม่กล้าสบตานักเขียนสุดปลื้มของโซดา
“คือ พี่ดูจากงานที่ผ่าน ๆ มาของน้องโซดาแล้ว น้องเป็นคนที่มีแววที่สุดในกลุ่ม” ปกรณ์เอ่ยด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน “แต่การจะสร้างนักเขียนขึ้นมาให้โดดเด่นได้ไม่ใช่แค่เขียนหนังสือดีเท่านั้น...น้องโซดาต้องมีภาพลักษณ์ที่ดีด้วย”
ถึงตอนนี้ โซดาแทบกลั้นใจรอฟังประโยคต่อไป และเหมือนอีกฝ่ายจะรู้จึงแกล้งดื่มน้ำทวงเวลาไว้ ก่อนจะเอ่ยต่อ
“น้องโซดาลองเขียนดูก่อนไหมคะ”
“ลองเขียน ยังไงคะ”
หว่า! เพิ่งเคยได้ยิน ในห้องอบรมไม่เห็นมีพูดถึง โซดาได้แต่ขมวดคิ้วงง ๆ
“ก็เขียนตามที่พี่แนะนำไงคะ เหมือนทำอาหารตามสั่ง ทำตามใจลูกค้า น้องโซดาก็เขียนนิยามตามที่พี่กำหนด เราต้องดูเรื่องการตลาดเป็นหลัก โซดาเขียนไปสักพักถ้าชื่อติด มีแฟนคลับเมื่อไหร่ ที่นี่โซดาอยากเขียนอะไรก็ได้ แต่ตอนนี้เขียนตามสั่ง ทำตามที่พี่บอกก่อน ดีไหมคะ พี่ว่านี่เป็นโอกาสที่ดีที่สุดสำหรับคนที่จะก้าวขึ้นมาเป็นนักเขียนแถวหน้านะคะ”
โซดาพยักหน้ารับอย่างไม่รู้ตัว ไม่รู้เพราะว่าเอาแต่มองหน้าปกรณ์ หรือเพราะน้ำเสียงรื่นหูฟังแล้วสบายใจรู้สึกถึงความจริงใจหรือเปล่านะ!
“ดีค่ะ งั้นเรามาเริ่มงานชิ้นแรกเลยดีกว่านะคะ” ปกรณ์ยิ้มละมุมก่อนเปิดแฟ้มเอกสารและอธิบายงานอย่างละเอียดให้โซดาฟัง
หลังจากโทรศัพท์หาตั้มแล้ว โซดาออกมานั่งตากอากาศอยู่นอกตึกของบริษัท เธอไม่ค่อยถูกกับอากาศเย็น ๆ จากเครื่องปรับอากาศเท่าไหร่นัก เธอกอดแฟ้มงานรายละเอียดของงานชิ้นแรกไว้แน่นแนบอก นั่งที่โต๊ะม้าหินใกล้จุดนัดพบและอ่านสมุดบันทึกที่จดรายละเอียดของงานวันนี้ รู้สึกเหมือนมีประกายไฟในตัวเองยังไงไม่รู้ อยากกลับรีบกลับบ้านไปทำงานให้ปกรณ์
พี่เขาจะปลื้มแค่ไหนนะ ที่รู้ว่าโซดาทุมเทขนาดนี้
สายลมก็พัดมาวูบหนึ่งหอบเอากระดาษจดงานของสาวโซดาปลิวว่อนในอากาศ เธอรีบลุกขึ้นตามเก็บกระดาษจดงานจนไม่ทันดูว่ากระดาษแผ่นนั้นปลิวไปที่ถนนหน้าตึก เป็นจังหวะเดียวกับที่รถเก๋งยุโรปคันหรูเคลื่อนเข้ามาอย่างรวดเร็วพอดี เสียงเบรกดังลั่นจนยามที่อยู่บริเวณนั้นรีบวิ่งมาดู รถยนต์ยุโรปคันใหญ่จอดนิ่งสนิท โซดาได้แต่ยืนงงอยู่กลางถนน
“เป็นอะไรหรือเปล่าคะ”
“เปล่าค่ะ”
โซดาจำใบหน้าอ่อนหวานแต่ซีดเซียวของอีกฝ่ายได้ โดยเฉพาะเสียงพี่ปกรณ์ที่เรียกเธอว่า “แป้งร่ำ” เด็กสาวในรถยิ้มให้อย่างอ่านหวาน โซดาถอยหลบขึ้นทางเท้าให้รถยุโรปคันหรูแล่นผ่านไป
‘เฮ้อ..ไม่มีโอกาสได้นั่งแล้วยังจะเกือบโดนรถทับตายอีกแนะเรา’ โซดาพึมพำกับตัวเองเบา ๆ เดินกลับมาที่โต๊ะม้าหิน
แต่สายตากลับสะดุดกับชายร่างสูงโปร่งผู้สวมแว่นตาทรงกลมกรอบเงิน เขากำลังเดินตรงเข้ามาใกล้ จนหยุดยืนเผชิญหน้ากันห่างเพียงแค่มือเอื้อม ยิ่งทำให้โซดารู้สึกว่าตัวเธอเองนั้นตัวเล็กนิดเดียวเมื่อเทียบกับอีกฝ่ายยามที่มองอยู่อีกฝากของถนน
“โซดาจ๋า พี่ตั้มสุดหล่อมารับแล้วจ๊ะ”
โซดาหันไปตามเสียงเรียก คราวนี้ตั้มเอารถฮอนด้า ซีวิคสีน้ำเงินน้ำทะเลมารับ โซดาหันไปยิ้มแหย นึก ไปก็กลัวเจ้าของรถจะมาทวง อย่างที่พี่ชายเคยเล่าให้ฟังว่าตั้มชอบเอารถลูกค้าหรู ๆ ที่เข้าอู่แอบขับ ซิ่งอวดสาวยามค่ำคืน
“ไปก่อนนะคะ”
โซดาหันไปเอ่ยลาเบา ๆ ทั้งที่ไม่รู้ว่าชายแปลกหน้าเข้ามามีจุดประสงค์อะไร เธอรีบวิ่งไปฉวยเป้แล้วรีบวิ่งขึ้นรถที่ไม่รู้จักเจ้าของ ตั้มเสยผมสั้น ๆ สีน้ำน้ำตาลแดงพยายามจับแต่งให้ผมเป็นทรงแมวตะกุก โซดาพยายามเพ่งสายตามองจากกระจกรถ เธอรู้สึกเหมือนกับว่าสายตาหลังแว่นตาทรงกลมกรอบเงินนั่น
กำลังอ้อนวอนขอความช่วยเหลืออะไรบางอย่างจากเธอ...
….
“เดี๋ยวแวะไปรับพี่น้ำหวานที่ประตูน้ำก่อนนะ”
“ได้ค่ะ โซดาไม่รีบไปไหน”
“ดีแล้ว แต่พี่บอกไอ้เบียร์ไว้แล้วละว่าจะพาโซดาเที่ยวก่อนเข้าบ้านนะ”
“จริงอ๊ะ จะพาไปไหนเหรอ”
“ก็…ไม่ไปไหนหรอก คือพอดีน้ำหวานมาซื้อเสื้อผ้าเข้าร้าน พี่มารับแล้วเดี๋ยวไปส่งที่สะพานพุทธก่อน แล้วพี่ต้องเอารถไปเก็บที่อู่ก่อนนะ”
“แหม..ดีจังเลยเป็นลูกชายเจ้าของอู่ซ่อมรถ อยากขับรถคันไหนก็ได้”
“มันก็ไม่ใช่อย่างนั้นหรอกโซดา อีกหน่อยเราก็จะเข้าใจอะไรมากกว่านี้ ชีวิตคนนะมันยิ่งกว่านิยายเป็นสิบเป็นร้อยเท่านะหนูน้อย”
โซดายิ้มบาง ๆ แล้วเสมองภาพทิวทัศน์นอกหน้าต่างรถเก๋งคันเท่ ขณะที่คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยก็ได้ยินเสียงตั้มคุยโทรศัพท์เสียงหวาน ชายหนุ่มหน้าตี่หันมายิ้มทะเล้นให้น้องสาวเพื่อนที่นั่งอยู่เบาะข้าง ๆ ก่อนที่จะค่อย ๆ เลี้ยวรถมาจอดที่ริมถนนที่พลุกพล่านไปด้วยผู้คนมากมาย โซดาแหงนหน้ามองดูห้างสรรพสินค้าขายส่งเสื้อผ้าชื่อดังย่านประตูน้ำ
“ตาบ้า!ทำอะไรนะ” โซดายกมือขึ้นปัดออกทันทีที่ได้สติ แต่อีกฝ่ายคว้ามือเล็ก ๆ ได้เขาออกแรงกระชากนิดเดียวร่างเล็ก ๆ ก็เซเข้ามาในวงแขน“โซดาตัวเล็กกว่าที่คิดเยอะเลยนะ ตอนเป็นผีจับตัวไม่ได้เหมือนอย่างนี้เลย”“บ้า...ตาบ้า ปล่อยนะ”โซดาดิ้นขลุกขลักในวงแขน ชายหนุ่มนึกสนุกยิ่งรัดร่างเข้าไว้แน่น พอดีเสียงสัญญาณในลิฟต์ดังขึ้นพร้อมประตูที่เปิดออก คนที่ยืนอยู่ด้านนอกจึงเห็นชายหนุ่มกอดรัดร่างเพรียวบางไว้ในวงแขน“เฮ้ย!ทำอะไรนั่นน้องสาวฉันนะเฟ้ย!”“ไม่มีอะไรค่ะพี่เบียร์” โซดารีบสลัดตัวออกจากวงแขน ซึ่งก็หลุดออกมาอย่างง่ายดาย เบียร์ทำท่าจะเข้ามามากระชากคอเสื้อสุดแดนแต่ตั้มก็ใช้แขนล็อกคอเพื่อนรักไว้ก่อน“น่า...นะ โซดาว่าไม่มีอะไรก็ไม่มีอะไรซิ ไป…หน้าที่นายดูแลอาหารการกิน ทางโน้นเลย...เอ้า! ท่านเจ้าภาพ เอ๊ยประธานบริษัทมาแล้ว หลีกทางหน่อยครับ”ตั้มหันไปยักคิ้วหลิวตาให้สุดแดนอย่างรู้ทัน เบียร์หงุดหงิดเดินมาที่ซุ้มอาหารบุฟเฟ่ย์ ซึ่งเวลานี้มีผู้คนเข้ามาในบริเวณชั้นหนึ่งของตึกเป็นที่สำหรับจัดงานเปิดตัวหนังสือและสำนักพิมพ์ในเครือบริษัท ซึ่งสำนักพิมพ์ ยักษ์เล็กที่จะเน้นให้โอกาสนักเข
ยาไอซ์จัดเป็นยาเสพติดที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทประเภทที่ 1 ตาม พ.ร.บ ยาเสพติดปี 2522 ลักษณะของเม็ดยาเป็นผลึกคล้ายน้ำแข็งเป็นที่มา ของชื่อยาไอซ์ ความบริสุทธ์ของยาค่อนข้างสูง ออกฤทธิ์แรงกว่ายาบ้ามากจึงมีคนเรียกว่าหัวยาบ้า การนำไปใช้ โดยการละลายน้ำแล้วฉีดเข้าเส้นบางคนนำไปเผาแล้วสูดดมควันเหมือนการเสพยาบ้า ยาตัวนี้ทำให้อารมณ์เคลิบเคลิ้มสนุกสนานสดชื่นกระปรี้กระเปร่า ยาไอซ์ลักษณะทั้งโครงสร้างและการออกฤทธิ์คล้ายยาบ้า แต่มีข้อแตกต่างตรงที่หลังเสพยาไอซ์จะมีความสดชื่นมีชีวิตชีวาไม่ซูบโทรมเหมือนยาบ้า คนที่เสพยานี้มักจะดูไม่ออกเพราะหน้าตาจะเบิกบานไม่เหมือนคนเสพยาทั่วๆ ไป ยาตัวนี้ไม่ได้มีแพร่หลายกันทั่วไปเนื่องจากหายากและราคาค่อนข้างแพงมักจะใช้กันในสังคมไฮโซทั้งหลาย’ชายหนุ่มลดหนังสือพิมพ์ลงและวางไว้บนโต๊ะก่อนระบายลมหายใจเบา ๆ เขานึกถึงเหตุการณ์เมื่อประมาณสี่เดือนก่อน ซึ่งเป็นช่วงที่เขาเพิ่งกลับจากเมืองนอก ได้ไม่นานและเริ่มเข้ามาดูแลงานในบริษัทแทนผู้เป็นพ่อซึ่งต้องปลดเกษียรตัวเองด้วยสภาพร่างกายที่อ่อนแอเพราะโหมงานอย่างหนัก วันนั้นเขาตรวจสอบของบัญชีรายรับ-จ่ายและเห็นความผิดปกต
และเมื่ออ่านมากก็อยากเป็นนักเขียน เขามักเอาตัวเองไปอยู่ในโลกของนิยาย เรื่องแล้วเรื่องเล่า เขาคิดเสมอว่า ถ้าวันหนึ่งที่เขาไม่อยู่บนโลกนี้ ก็ยังเหลือ ‘นิยาย’ ที่เขาเขียนทิ้งไว้แทนตัวเขา อาจใครสักคนมาอ่านเจอเรื่องเหล่านี้ เรื่องสุดท้ายที่เขาเขียน คือเรื่อง ‘ทะลุมิติไปเป็นนักเขียนนิยายยุค 90’s’ เขาได้แรงบันดาลใจมากจากคุณน้านักอ่านท่านหนึ่งที่มักเข้ามาอ่านนิยายของเขาและคอยคอมเม้นต์ให้กำลังใจเสมอ ดวงจิตของชายหนุ่มกวาดตามองไปรอบกาย เขาเข้าใจแล้วว่าเขาหายไปที่ไหนมา เขาไปอยู่ในเรื่องเล่าของคุณน้านักอ่านท่านนั้น สำหรับคนอื่นมันอาจเป็นแค่นิยาย แต่สำหรับบ้างคน ตัวละครในนั้นมีตัวตนจริงในอดีตที่ผ่านมา สายลมอ่อนโยนพัดผ่าน ทั้งที่อยู่ในห้องที่ปิดหน้าต่าง ราวกับสัมผัสแผ่วเบาเพื่อบอกลากัน ชายหนุ่มหันไปที่หน้าต่าง แสงสว่างจางๆ สาดเข้ามา เขายิ้มและเผชิญกับการจากลาอย่างกล้าหาญ มันเป็นเรื่องที่เขาและคนในครอบครัวเตรียมตัวเตรียมใจรับมือกันมานานแล้ว “พ่อครับ แม่ครับ ขอบคุณที่ดูแลผม พี่ครับฝากดูแลพ่อกับแม่ด้วย ไม่ต้องเป็นห่วงผมนะ ผมสบายดี ไม่ทรมานอีกแล้ว”
“รู้สึกว่าจะฟื้นเร็วกว่าที่คิดนะ”“อะไรนะคะ พี่ปกรณ์พูดอะไรออกมา” เด็กสาวตกตะลึงกับสิ่งที่ได้ยิน แต่อีกฝ่ายกลับหมุนตัวไปหยิบกล้องดิจิตอลขึ้นมาบันทึกการเคลื่อนไหวเด็กสาวตรงหน้า “พี่ปกรณ์เพี้ยนไปแล้วเหรอค่ะ พี่คิดอะไรอยู่”“ความจริงพี่ก็ไม่อยากทำแบบนี้...แต่นี้คงเป็นวิธีเดียวที่จะทำให้แป้งร่ำอยู่ภายใต้การควบคุมของพี่ได้ พี่จะได้ช่วยดูแลทุกอย่างในบริษัทฯได้อย่างเต็มที”ยังไม่ทันที่แป้งร่ำจะเข้าใจในความหมายที่อีกฝ่ายพูด มือที่ว่างจากการควบคุมกล้องดิจิตอลก็กระชากเสื้อของเธอออกจนเห็นบราเซียลูกไม้สีขาวบริสุทธิ์ “พี่ปกรณ์!” แป้งร่ำกรี๊ดร้องสุดเสียง เมื่อมือแข็งแกร่งพยายามกระชากเสื้อผ้าเธอออก พร้อมกับขึ้นคร่อมร่างเธอที่นอนดิ้นพยายามปิดป้องร่างกายที่เกือบจะเปลือยเปล่า “อย่ามาแสดงท่าอย่างนี้กับฉัน!” ปกรณ์เผลอตะคอกออกมาสุดเสียง ไม่เหลือแววตาอ่อนโยนที่เคยเห็น หน้ากากของเขาแตกละเอียดเหลือเพียงใบหน้าที่แท้จริงของซาตาน เขาใช้มือแข็งแรงปานคีมเหล็กเข้าบีบคอเล็ก ๆ ของแป้งร่ำเด็กสาวดิ้นทุรนทุรายเจ็บปวดจนน้ำตาไหล ทั้งที่ฝืนกลั้นไม่ให้อีกฝ่ายรู้สึกถึงความเจ็บปวดที่ได้รับ“เธอมันก็เหมื
“คราวหน้าคงได้มาสนุกอย่างนี้อีกนะ” แป้งร่ำยิ้มบาง ๆ แล้วโบกมือลาเพื่อน ๆ คนอื่น ๆ“เราเดินไปส่งนะ” โซดาลุกขึ้นยืนและยื่นมือออกไปให้มือเรียวเล็กจับก่อนลุกขึ้นยืน ผีหนุ่มมองภาพนั้นด้วยรอยยิ้มรู้สึกอิ่มข้างในใจอยากบอกไม่ถูก เด็กสาวสองคนเดินจูงมือกันไปที่ต้นถนนจุดที่นัดคนขับรถไว้ รถเก๋งยุโรปคันหรูเคลื่อนมาใกล้ แป้งร่ำไม่อยากเร่งเท้านักแต่รู้ว่าบริเวณนี้จอดรถนานไม่ได้เธอจึงจำใจเดินไปที่รถ“โชคดีนะ วันนี้สนุกมากเลย”“เช่นกันจ๊ะโซดา”ประตูเปิดออกก่อนที่มือของแป้งร่ำจะเอื้อมไปจับ แต่ร่างเล็ก ๆ ก็ถูกกระชากเข้าไปในรถอย่างรวดเร็ว โซดาตกใจกับภาพที่เห็นรีบกระโจนพุงตัวเข้าไปในรถทันที มือใครบางคนในรถเอื้อมมือออกมาปิดประตูรถอย่างรวดเร็วจนไม่ทันมีใครในบริเวณนั้นสังเกตเห็นสิ่งผิดปกติ รถเคลื่อนตัวออกไปพอดีกับที่ เบียร์ก้าวลงมาจากรถแท็กซี่ที่เข้ามาจอดแทนที่รถยุโรปที่พุ่งตัวออกอย่างรวดเร็ว“ช่วยด้วย! นายวุ่นวาย!” ผีหนุ่มร่างโปร่งใสยืนหันรีหันขวางอยู่ท่ามกลางผู้คนที่ไม่มีใครมองเห็นตัวเขา และไม่ทันสังเกตเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น นายวุ่นวายมองหาร่างของเบียร์ รีบวิ่งไปตะโก
“เด็กโง่ๆนั่นนะเหรอ...อีกหน่อยก็เป็นเหมือนอุ้ม-อั้มอะไรนั้นอีกหรอก ให้เป็นghost writerดีๆไม่ชอบอย่างขึ้นมาประกาศตัวให้โลกรู้จัก เชอะ! ฝันไปเถอะ..สภาพพิการอย่างนั้นใครเค้าจะชื่นชม หมดยุคสมัยนักเขียนไส้แห้งกินอุดมคติกันแล้ว ลองไม่ใช่ปกรณ์หรือปลายศร หนังสือที่ไหนจะขายออกได้หลักแสนเล่มแบบนี้บ้าง” “เอานะ..เดี๋ยวพี่ปั้นเด็กใหม่ก่อน หลอกทำสัญญาให้เรียบร้อยก่อน เด็กนี่ก็ใช้ได้มีแววดีสั่งงานอะไรก็ทำได้ตามสั่งอย่างกับทำอาหารตามสั่งแนะเหมาะกับการทำงานเป็นGhost writerให้เรา”“ชื่ออะไรนะ โซดาเหรอ ปลื้มพี่ดุจตะวันน่าดูนี่นะ ถ้ารู้ว่าตัวจริงเป็นแค่ผู้หญิงพิการสาวเอ๋อออทิสติกละก็..จะเป็นยังไงนะ” ‘ ดุจตะวัน ’ คงมาจากชื่อจริงของพี่อุ้มนี่เอง พี่อุ้มก็คือนักเขียน‘ ดุจตะวัน ’ ตัวจริง ที่เธอปลื้มแล้วเด็กใหม่โง่ๆที่คิดแค่ทำอะไรก็ได้ให้ใกล้ชิดแวดวงนักเขียนก็พอก็คงเป็นเธอซินะ “โซดา!” นายวุ่นวายกระซิบเบา ๆ ที่ข้างหู เขาเองก็รับรู้ความเจ็บปวดที่เธอมีและยิ่งนึกเจ็บใจตัวเองที่ไม่สามารถจะเอื้อมมือไปกุมมือเล็ก ๆ ที่สั่นระริก ปวดใจยิ่งนักที่ไม่สามารถปลอบใจและให้กำลังใจผู้หญิงตัวเล็กๆคนนี้ได้ โง่ให้พ