“เร็วหน่อยซินายตั้มเดี๋ยวตำรวจก็มาหรอก”
“เร็วแล้วเจ๊น้ำหวาน”
“นิ อย่ามาเรียกฉันว่าเจ๊นะ”
สาวโซดาเหลียวมองภาพชุลมุนหลังรถ สาวมั่นแต่งตัวเปรี้ยวด้วยเสื้อยืดตัวเล็กสีแดงสดกับกางเกงทรงทหารตัวใหญ่ กำลังเหวี่ยงถุงทะเลสี่ห้าถุงยัดใส่ท้ายรถและถุงใบเล็กใส่เบาะด้านหลังโดยมีคนขับรถหน้าตี่ลงไปช่วยก่อนรีบกระโดดขึ้นรถ เสียงแตรดังไล่หลังอยู่นานหลายนาที หญิงสาวที่นั่งเบาะหลังไขกระจกลงชะโงกหน้าออกไป
“รู้แล้วพี่...จะรีบไปรับเมียน้อยรึไง”
“เฮ้ย!เจ๊เดี๋ยวมันก็ไล่บี้ตูดรถผมหรอก”
“รถแกที่ไหนละ รีบ ๆ ออกรถเลย เดี๋ยวตำรวจมาไล่โดนใบสั่งอีกนะ ฉันไม่ช่วยจ่ายด้วยหรอก”
“อุตส่าห์มารับทั้งที พูดหวานๆสมชื่อน้ำหวานก็ไม่ได้”
“ช่วยไม่ได้ ฉันก็เป็นของฉันแบบนี้ อ้าวหนูโซดาวันนี้ไปเที่ยวไหนมาเหรอจ๊ะ”
“เปล่าค่ะ ไปอบรมเขียนนิยายมาค่ะ” โซดาตอบแล้วยิ้มแหยเหมือนจะเกรงหญิงสาวที่นั่งอยู่เบาะด้านหลังของรถ
“อ้อ!ที่ค่ายเทปR&Mใช่ไหม”
“ไม่ใช่ค่ะสำนักพิมพ์ยักษ์ใหญ่ในเครือบริษัทR&Mต่างหากละค่ะ”
“ก็นั้นแหละ ตึกเดียวกันนิ เป็นไงเจอพี่ปลายศรรึเปล่าได้ขอลายเซ็นไหม”
“เจอค่ะ แต่ไม่ได้ขอลายเซ็น” ‘ไม่ได้ขอคะ แต่โดยยัดเหยียดให้’ ประโยคหลังตอบในใจ แต่ เอ๊ะ! แล้วเผลอเอาหมวกใบนั้นไปทิ้งที่ไหนแล้วหว่า
“โธ่ ทำไมไม่ขอมาละ นี่ ๆ คราวหน้าพี่ฝากเสื้อพี่ไปให้พี่ปลายศรเซ็นให้หน่อยนะ จะได้เอาไปแขวนที่ร้านนะจ๊ะ” คนพูดไม่พูดเปล่ารีบค้นเสื้อยืดออกจากถุงแล้วยื่นส่งให้สาวโซดา
เด็กสาวทำหน้าแหย เพิ่งจะทำหมวกหายไปใบหนึ่ง แล้วจะยังให้ไปเอาลายเซ็นอีกเหรอ เฮ้อออออ
“พวกบ้าดารา” ชายหนุ่มคนเดียวในรถเอ่ยอย่างประชดประชัน “แล้วเบอร์โทรสาวพีอาร์กะพริตตี้ที่ให้ขออะได้ม่ะ”
“ไม่ได้ขอคะ”
“ว่าแต่คนอื่น”
หญิงสาวชะโงกหน้าข้ามเบาะรถมาแลบลิ้นใส่ชายหนุ่มที่ทำหน้าที่ขับรถ โซดาเผลอหัวเราะออกมา รถฮอนด้าซีวิคก็เคลื่อนฝ่าการจราจรติดขัดมาถึงที่หมายซึ่งเป็นห้องแถวเล็ก ๆ ย่านวงเวียนใหญ่ โซดาช่วยขนถุงทะเลที่ใส่เสื้อผ้าเผื่อจะนำไปขายลงจากรถ ตั้มต้องรีบเอารถกลับไปคืนที่อู่ก่อนจะนานผิดสังเกต จึงต้องเปลี่ยนแผนกันเล็กน้อย
“ไม่รีบกลับบ้านใช่ไหมโซดา”
“ค่ะ พี่ตั้มบอกพี่เบียร์แล้วว่าวันนี้โซดาจะอยู่กับพี่น้ำหวาน”
“ดีจ๊ะ เข้ามาบ้านก่อนนะ พี่ต้องเตรียมของอีกหลายอย่าง”
“ให้โซดาช่วยนะ”
โซดาอาสาด้วยไม่อยากรู้สึกว่าตัวเองไร้ประโยชน์ น้ำหวานยิ้มให้แทนคำตอบก่อนที่ทั้งคู่จะช่วยขนถุงใส่เสื้อผ้าเข้าบ้านพัก เธอเคยมาที่นี้แค่สามสี่ครั้งตั้งแต่ย้ายมาอยู่กับเบียร์ แต่เคยไปดูน้ำหวาน สาวมั่นแห่งแผงเสื้อโอเอซิส ณ สะพานพุทธแค่ครั้งเดียว
“น้ำหวาน” เป็นเพื่อนกับพี่ชายของเธออายุรุ่นราวคราวเดียวกับ “ตั้ม” ลูกชายคนเล็กแสนเกเรในสายตาของเจ้าของอู่รถผู้มีเชื้อสายเลือดมังกรจากแผ่นดินใหญ่ หญิงสาวเจ้าของบ้านหายไปเปลี่ยนเสื้อผ้า
โซดาจึงเดินสำรวจข้าวของในห้องแม้จะรกด้วยเศษผ้าหลากสี แต่เสื้อผ้าที่แขวนอยู่บนราวเหล็กและที่อยู่บนหุ่นดูสวยงามแปลกตากว่าที่โซดาเคยเห็นมา เบียร์เคยเล่าให้โซดาฟังว่า น้ำหวานหยุดเรียนหลังจากจบปวส.และมุ่งมั่นเอาดีด้านออกแบบเสื้อผ้า ลงทุนเปิดแผงขายเสื้อผ้าที่สะพานพุทธ เอาเสื้อยืดสีพื้นธรรมดามาประดับตบแต่งหรือเพ้นท์ลายใหม่จนสวยเท่ห์เด่นกว่าใคร แต่แบบเสื้อที่ตัวเองดีไซด์กลับขายไม่ค่อยจะออกอาจเป็นเพราะ หลุดโลกอย่างที่ตั้มเคยบอกไว้
“โซดาเอาเสื้อพี่ไปใส่บ้างไหม”
“เอ่อ..เกรงใจจังค่ะ”
โซดาสะดุ้งเมื่อถูกเรียกแบบไม่ตั้งตัว เธอหันกลับมามองพี่น้ำหวานที่ล้างเครื่องสำอางออกจนหมดเหลือเพียงสีชมพูอ่อน ๆ บนริมฝีปาก น้ำหวานเป็นสาวสวยอายุยี่สิบสองที่มีบุคลิกมาดมั่น ไม่ว่าจะสวมเสื้อผ้าชุดไหนก็ดูดีไปหมด ผมยาวถึงกลางหลังถูกกัดสีเป็นน้ำตาลประกายทองดัดเป็นลอนเหมือนระลอกคลื่นของน้ำในทะเลดูรับกับผิวสีน้ำผึ้งนวลเนียน
“ทำไมมองพี่อย่างนั้นละ หรือว่าเราเป็นทอม”
“บ้าซิพี่น้ำหวาน โซดายังชอบผู้ชายอยู่นะ” โซดาทำเป็นงอนแต่เพื่อนพี่ชายหัวเราะร่า
“ก็พี่น้ำหวานสวย โซดาอยากสวยเหมือนพี่มั่ง” เด็กสาวเผลอคิดถึงรอยยิ้มอบอุ่นของนักเขียนในดวงใจ ถ้าเธอสวยหรือน่ารักกว่านี้ เขาต้องหันมามองเธอแน่ ๆ
“ใครว่าเราไม่สวยละ แค่…แต่งตัวไม่เป็นเท่านั้นเอง เอ๊ะถามแบบนี้แอบปิ๊งใครอยู่หรือเปล่า แบบคนกำลังมีความรัก”
“ไม่ใช่..คือ..โซดาอายนะ ไปอบรมมารู้สึกว่าตัวเองมอมแมมยังไงไม่รู้แบบ..บอกไม่ถูก มันมีแต่คนหรู ๆใช้มือถือดี ๆ เสื้อผ้าแพง ๆ ขับรถมาเรียนอะไรแบบนั้น”
“ไม่เอาซิ อย่าคิดแบบนั้น” น้ำหวานดึงแขนของโซดามานั่งใกล้ ๆ แล้วลูบผมช้าอย่างอ่อนโยนและเข้าใจความรู้สึกของอีกฝ่ายเป็นอย่างดี
“สิ่งของภายนอกอย่างนั่นมันก็เครื่องประดับที่ฉาบฉวย ตัวตนที่ดีงามของเราต่างหากที่จะ เปล่งประกายความเป็นตัวเราออกมา เพราะฉะนั้นต้องเรามั่นใจและภูมิใจในสิ่งที่เราเป็นต่างหาก แต่ไม่ต้องห่วงนะ อยู่กับดีไซด์เนอร์มือหนึ่งแห่งสะพานพุทธเจ้าของแผงเสื้อโอเอซิสสะอย่าง พี่น้ำหวานคนนี้จะเนรมิตให้หนูโซดาเป็นสาวสวยเอง”
“ขอบคุณค่ะ”
เด็กสาวยิ้มกว้าง นั้นซินะ สักวันหนึ่งคงมีใครมองเห็นตัวตนที่แท้จริงของเธอไม่ใช่เพียงแค่เสื้อผ้าเครื่องประดับภายนอก แต่เป็นตัวเธอที่แท้จริงต่างหาก แล้วโซดาก็นึกถึงเจ้าของสายตาอาวรณ์หลังแว่นทรงกลมกรอบเงินที่ได้สบตากัน หรือว่า เขาจะเห็นอะไรบางอย่างในตัวเธอที่พิเศษกว่าคนอื่นนะ
โซดาอยู่ในชุดเสื้อยืดสีน้ำตาลกับกระโปรงยีนยาวพอดีเข่าดูเข้ากับรองเท้าผ้าใบคู่เซอร์ที่สวมประจำ เธอยืนเหงา ๆ อยู่ในมิตติ้งเล็ก ๆ ที่จัดขึ้นหลังเสร็จการอบรม หลายคนต่างแลกเปลี่ยนเบอร์มือถือหรืออีเมล์กันสนุกสนาน คงมีแต่สาวน้อยโซดาที่ยืนอยู่มุมห้องตามลำพังกับจานคุกกี้ในมือ
...ไม่ว่ายังไงความรู้สึกเหงา ๆ มันก็ยังโอบกอดเธออยู่...
“ทำหน้าไม่สนุกเลยนะคะ”
“พี่ปกรณ์” โซดาถึงกับสะดุ้งเมื่อร่างสูงโปร่งของนักเขียนสุดปลื้มมาทักทายพร้อมยื่นแก้วน้ำหวานสีแดงสดใสให้เธอ
“คิดอะไรอยู่ มีเรื่องไม่สบายใจอะไรหรือเปล่า”
“เปล่าค่ะ โซดาคิดเรื่องงานที่พี่ปกรณ์ให้ทำค่ะ” พูดเอาหน้าไปอย่างนั้นแหละ อย่างน้อยเขาจะได้รู้ว่าเธอปลื้มเขามากแค่ไหน
“ไม่ต้องรีบร้อนหรอก ค่อย ๆ คิดค่อย ๆ ทำอย่าเค้นเผื่อจะเขียนงาน ให้รู้สึกจากภายในแล้วค่อยจรดปลายปากกาเขียนเป็นเรื่อง ไม่ต้องห่วงนะ พวกพี่ ๆ ที่นี่ยินดีและรออ่านผลงานของน้องโซดาว่าที่นักเขียนหน้ามือใหม่ในอนาคต”
“ค่ะพี่ปกรณ์”
โซดายิ้มปลื้มตัวแทบจะลอยติดเพดาน
ปกรณ์ขอตัวไปถ่ายรูปกับคนอื่น ๆ พอดีกับที่ประตูห้องเปิดต้อนรับร่างของไอดอลหนุ่มสุดฮิตแห่งยุค ปลายศรเดินเข้ามาทักทายกับคนอื่นด้วยท่าทางวางตัวเหมือนเคย โซดานึกอยากแหวะท่าทางแบบนี้ แต่พึ่งนึกอะไรบางสิ่งได้ ก็รีบหยิบเสื้อยืดในกระเป๋าเป้แล้วจำใจเดินเข้าไปขอลายเซ็น‘ขนาดหมวกยังทำหาย ไม่รู้เสื้อจะทำหายเพราะไม่ใส่ใจหรือเปล่านะ’
“นี่ถ้าน้องไม่ได้อบรมคอร์สนี่พี่คงไม่ให้ลายเซ็นของพี่อยู่บนเสื้อน้องแน่ ๆ ยกเว้นแต่บนปกซีดีหรือปกหนังสือของพี่เท่านั้น”
“ค่ะ ต้องขอบคุณพี่ปลายหักเอ๊ยปลายศรมาก ๆ ที่กรุณานะคะ”
โซดาใช้นิ้วหยิบเสื้อยืดขึ้นมาด้วยท่าทางขยะแขยงนิด ๆ เมื่อดารานักร้องหนุ่มเจ้าของหนังสือเบสเซลเลอร์ของร้านหนังสือชั้นนำ ในเครือสำนักพิมพ์ยักษ์ใหญ่เป็นสายส่งหนังสือเดินจากไปแล้ว
‘อย่าทำหายอีกนะโซดา ไม่งั้นแกโดนพี่น้ำหวานดุแน่ ๆ’
“ตาบ้า!ทำอะไรนะ” โซดายกมือขึ้นปัดออกทันทีที่ได้สติ แต่อีกฝ่ายคว้ามือเล็ก ๆ ได้เขาออกแรงกระชากนิดเดียวร่างเล็ก ๆ ก็เซเข้ามาในวงแขน“โซดาตัวเล็กกว่าที่คิดเยอะเลยนะ ตอนเป็นผีจับตัวไม่ได้เหมือนอย่างนี้เลย”“บ้า...ตาบ้า ปล่อยนะ”โซดาดิ้นขลุกขลักในวงแขน ชายหนุ่มนึกสนุกยิ่งรัดร่างเข้าไว้แน่น พอดีเสียงสัญญาณในลิฟต์ดังขึ้นพร้อมประตูที่เปิดออก คนที่ยืนอยู่ด้านนอกจึงเห็นชายหนุ่มกอดรัดร่างเพรียวบางไว้ในวงแขน“เฮ้ย!ทำอะไรนั่นน้องสาวฉันนะเฟ้ย!”“ไม่มีอะไรค่ะพี่เบียร์” โซดารีบสลัดตัวออกจากวงแขน ซึ่งก็หลุดออกมาอย่างง่ายดาย เบียร์ทำท่าจะเข้ามามากระชากคอเสื้อสุดแดนแต่ตั้มก็ใช้แขนล็อกคอเพื่อนรักไว้ก่อน“น่า...นะ โซดาว่าไม่มีอะไรก็ไม่มีอะไรซิ ไป…หน้าที่นายดูแลอาหารการกิน ทางโน้นเลย...เอ้า! ท่านเจ้าภาพ เอ๊ยประธานบริษัทมาแล้ว หลีกทางหน่อยครับ”ตั้มหันไปยักคิ้วหลิวตาให้สุดแดนอย่างรู้ทัน เบียร์หงุดหงิดเดินมาที่ซุ้มอาหารบุฟเฟ่ย์ ซึ่งเวลานี้มีผู้คนเข้ามาในบริเวณชั้นหนึ่งของตึกเป็นที่สำหรับจัดงานเปิดตัวหนังสือและสำนักพิมพ์ในเครือบริษัท ซึ่งสำนักพิมพ์ ยักษ์เล็กที่จะเน้นให้โอกาสนักเข
ยาไอซ์จัดเป็นยาเสพติดที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทประเภทที่ 1 ตาม พ.ร.บ ยาเสพติดปี 2522 ลักษณะของเม็ดยาเป็นผลึกคล้ายน้ำแข็งเป็นที่มา ของชื่อยาไอซ์ ความบริสุทธ์ของยาค่อนข้างสูง ออกฤทธิ์แรงกว่ายาบ้ามากจึงมีคนเรียกว่าหัวยาบ้า การนำไปใช้ โดยการละลายน้ำแล้วฉีดเข้าเส้นบางคนนำไปเผาแล้วสูดดมควันเหมือนการเสพยาบ้า ยาตัวนี้ทำให้อารมณ์เคลิบเคลิ้มสนุกสนานสดชื่นกระปรี้กระเปร่า ยาไอซ์ลักษณะทั้งโครงสร้างและการออกฤทธิ์คล้ายยาบ้า แต่มีข้อแตกต่างตรงที่หลังเสพยาไอซ์จะมีความสดชื่นมีชีวิตชีวาไม่ซูบโทรมเหมือนยาบ้า คนที่เสพยานี้มักจะดูไม่ออกเพราะหน้าตาจะเบิกบานไม่เหมือนคนเสพยาทั่วๆ ไป ยาตัวนี้ไม่ได้มีแพร่หลายกันทั่วไปเนื่องจากหายากและราคาค่อนข้างแพงมักจะใช้กันในสังคมไฮโซทั้งหลาย’ชายหนุ่มลดหนังสือพิมพ์ลงและวางไว้บนโต๊ะก่อนระบายลมหายใจเบา ๆ เขานึกถึงเหตุการณ์เมื่อประมาณสี่เดือนก่อน ซึ่งเป็นช่วงที่เขาเพิ่งกลับจากเมืองนอก ได้ไม่นานและเริ่มเข้ามาดูแลงานในบริษัทแทนผู้เป็นพ่อซึ่งต้องปลดเกษียรตัวเองด้วยสภาพร่างกายที่อ่อนแอเพราะโหมงานอย่างหนัก วันนั้นเขาตรวจสอบของบัญชีรายรับ-จ่ายและเห็นความผิดปกต
และเมื่ออ่านมากก็อยากเป็นนักเขียน เขามักเอาตัวเองไปอยู่ในโลกของนิยาย เรื่องแล้วเรื่องเล่า เขาคิดเสมอว่า ถ้าวันหนึ่งที่เขาไม่อยู่บนโลกนี้ ก็ยังเหลือ ‘นิยาย’ ที่เขาเขียนทิ้งไว้แทนตัวเขา อาจใครสักคนมาอ่านเจอเรื่องเหล่านี้ เรื่องสุดท้ายที่เขาเขียน คือเรื่อง ‘ทะลุมิติไปเป็นนักเขียนนิยายยุค 90’s’ เขาได้แรงบันดาลใจมากจากคุณน้านักอ่านท่านหนึ่งที่มักเข้ามาอ่านนิยายของเขาและคอยคอมเม้นต์ให้กำลังใจเสมอ ดวงจิตของชายหนุ่มกวาดตามองไปรอบกาย เขาเข้าใจแล้วว่าเขาหายไปที่ไหนมา เขาไปอยู่ในเรื่องเล่าของคุณน้านักอ่านท่านนั้น สำหรับคนอื่นมันอาจเป็นแค่นิยาย แต่สำหรับบ้างคน ตัวละครในนั้นมีตัวตนจริงในอดีตที่ผ่านมา สายลมอ่อนโยนพัดผ่าน ทั้งที่อยู่ในห้องที่ปิดหน้าต่าง ราวกับสัมผัสแผ่วเบาเพื่อบอกลากัน ชายหนุ่มหันไปที่หน้าต่าง แสงสว่างจางๆ สาดเข้ามา เขายิ้มและเผชิญกับการจากลาอย่างกล้าหาญ มันเป็นเรื่องที่เขาและคนในครอบครัวเตรียมตัวเตรียมใจรับมือกันมานานแล้ว “พ่อครับ แม่ครับ ขอบคุณที่ดูแลผม พี่ครับฝากดูแลพ่อกับแม่ด้วย ไม่ต้องเป็นห่วงผมนะ ผมสบายดี ไม่ทรมานอีกแล้ว”
“รู้สึกว่าจะฟื้นเร็วกว่าที่คิดนะ”“อะไรนะคะ พี่ปกรณ์พูดอะไรออกมา” เด็กสาวตกตะลึงกับสิ่งที่ได้ยิน แต่อีกฝ่ายกลับหมุนตัวไปหยิบกล้องดิจิตอลขึ้นมาบันทึกการเคลื่อนไหวเด็กสาวตรงหน้า “พี่ปกรณ์เพี้ยนไปแล้วเหรอค่ะ พี่คิดอะไรอยู่”“ความจริงพี่ก็ไม่อยากทำแบบนี้...แต่นี้คงเป็นวิธีเดียวที่จะทำให้แป้งร่ำอยู่ภายใต้การควบคุมของพี่ได้ พี่จะได้ช่วยดูแลทุกอย่างในบริษัทฯได้อย่างเต็มที”ยังไม่ทันที่แป้งร่ำจะเข้าใจในความหมายที่อีกฝ่ายพูด มือที่ว่างจากการควบคุมกล้องดิจิตอลก็กระชากเสื้อของเธอออกจนเห็นบราเซียลูกไม้สีขาวบริสุทธิ์ “พี่ปกรณ์!” แป้งร่ำกรี๊ดร้องสุดเสียง เมื่อมือแข็งแกร่งพยายามกระชากเสื้อผ้าเธอออก พร้อมกับขึ้นคร่อมร่างเธอที่นอนดิ้นพยายามปิดป้องร่างกายที่เกือบจะเปลือยเปล่า “อย่ามาแสดงท่าอย่างนี้กับฉัน!” ปกรณ์เผลอตะคอกออกมาสุดเสียง ไม่เหลือแววตาอ่อนโยนที่เคยเห็น หน้ากากของเขาแตกละเอียดเหลือเพียงใบหน้าที่แท้จริงของซาตาน เขาใช้มือแข็งแรงปานคีมเหล็กเข้าบีบคอเล็ก ๆ ของแป้งร่ำเด็กสาวดิ้นทุรนทุรายเจ็บปวดจนน้ำตาไหล ทั้งที่ฝืนกลั้นไม่ให้อีกฝ่ายรู้สึกถึงความเจ็บปวดที่ได้รับ“เธอมันก็เหมื
“คราวหน้าคงได้มาสนุกอย่างนี้อีกนะ” แป้งร่ำยิ้มบาง ๆ แล้วโบกมือลาเพื่อน ๆ คนอื่น ๆ“เราเดินไปส่งนะ” โซดาลุกขึ้นยืนและยื่นมือออกไปให้มือเรียวเล็กจับก่อนลุกขึ้นยืน ผีหนุ่มมองภาพนั้นด้วยรอยยิ้มรู้สึกอิ่มข้างในใจอยากบอกไม่ถูก เด็กสาวสองคนเดินจูงมือกันไปที่ต้นถนนจุดที่นัดคนขับรถไว้ รถเก๋งยุโรปคันหรูเคลื่อนมาใกล้ แป้งร่ำไม่อยากเร่งเท้านักแต่รู้ว่าบริเวณนี้จอดรถนานไม่ได้เธอจึงจำใจเดินไปที่รถ“โชคดีนะ วันนี้สนุกมากเลย”“เช่นกันจ๊ะโซดา”ประตูเปิดออกก่อนที่มือของแป้งร่ำจะเอื้อมไปจับ แต่ร่างเล็ก ๆ ก็ถูกกระชากเข้าไปในรถอย่างรวดเร็ว โซดาตกใจกับภาพที่เห็นรีบกระโจนพุงตัวเข้าไปในรถทันที มือใครบางคนในรถเอื้อมมือออกมาปิดประตูรถอย่างรวดเร็วจนไม่ทันมีใครในบริเวณนั้นสังเกตเห็นสิ่งผิดปกติ รถเคลื่อนตัวออกไปพอดีกับที่ เบียร์ก้าวลงมาจากรถแท็กซี่ที่เข้ามาจอดแทนที่รถยุโรปที่พุ่งตัวออกอย่างรวดเร็ว“ช่วยด้วย! นายวุ่นวาย!” ผีหนุ่มร่างโปร่งใสยืนหันรีหันขวางอยู่ท่ามกลางผู้คนที่ไม่มีใครมองเห็นตัวเขา และไม่ทันสังเกตเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น นายวุ่นวายมองหาร่างของเบียร์ รีบวิ่งไปตะโก
“เด็กโง่ๆนั่นนะเหรอ...อีกหน่อยก็เป็นเหมือนอุ้ม-อั้มอะไรนั้นอีกหรอก ให้เป็นghost writerดีๆไม่ชอบอย่างขึ้นมาประกาศตัวให้โลกรู้จัก เชอะ! ฝันไปเถอะ..สภาพพิการอย่างนั้นใครเค้าจะชื่นชม หมดยุคสมัยนักเขียนไส้แห้งกินอุดมคติกันแล้ว ลองไม่ใช่ปกรณ์หรือปลายศร หนังสือที่ไหนจะขายออกได้หลักแสนเล่มแบบนี้บ้าง” “เอานะ..เดี๋ยวพี่ปั้นเด็กใหม่ก่อน หลอกทำสัญญาให้เรียบร้อยก่อน เด็กนี่ก็ใช้ได้มีแววดีสั่งงานอะไรก็ทำได้ตามสั่งอย่างกับทำอาหารตามสั่งแนะเหมาะกับการทำงานเป็นGhost writerให้เรา”“ชื่ออะไรนะ โซดาเหรอ ปลื้มพี่ดุจตะวันน่าดูนี่นะ ถ้ารู้ว่าตัวจริงเป็นแค่ผู้หญิงพิการสาวเอ๋อออทิสติกละก็..จะเป็นยังไงนะ” ‘ ดุจตะวัน ’ คงมาจากชื่อจริงของพี่อุ้มนี่เอง พี่อุ้มก็คือนักเขียน‘ ดุจตะวัน ’ ตัวจริง ที่เธอปลื้มแล้วเด็กใหม่โง่ๆที่คิดแค่ทำอะไรก็ได้ให้ใกล้ชิดแวดวงนักเขียนก็พอก็คงเป็นเธอซินะ “โซดา!” นายวุ่นวายกระซิบเบา ๆ ที่ข้างหู เขาเองก็รับรู้ความเจ็บปวดที่เธอมีและยิ่งนึกเจ็บใจตัวเองที่ไม่สามารถจะเอื้อมมือไปกุมมือเล็ก ๆ ที่สั่นระริก ปวดใจยิ่งนักที่ไม่สามารถปลอบใจและให้กำลังใจผู้หญิงตัวเล็กๆคนนี้ได้ โง่ให้พ