คนที่มองเห็นผมเพียงคนเดียวกลับไปลมไปเสียแล้ว
เฮ้อ!
เรื่องมันเริ่มต้นเมื่อราวๆ ครึ่งเดือนก่อน ขณะที่ผมกำลังพิมพ์ต้นฉบับอย่างบ้าคลั่งเพื่อให้ทันส่งงานประกวดนิยายของเวบไซต์แห่งหนึ่ง เดดไลน์คือส่งงานภายในเที่ยงคืน ผมคิดว่า...เอ่อ...คิดว่านะ คิดว่าใช้เมาท์คลิกส่งเมล์งานเรียบร้อยแล้วก็ตั้งใจลุกขึ้นไปหาอะไรกินเสียหน่อยแต่เหมือนร่างกายไร้เรี่ยวแรงร่วงผล็อยลงไปกองกับพื้น เหมือนได้หลับไปเต็มอิ่มแต่พอลืมตาขึ้นกลับพบว่าตัวเองอยู่หน้าอาคารแห่งหนึ่ง ผมก็ไม่รู้ว่ามาได้ยังไง และที่สำคัญคือไม่มีใครมองเห็นผม แม้ว่าจะพยายามส่งเสียงหรือไปสัมผัสอีกฝ่าย พวกเขาต่างเดินทะลุร่างของผมราวกับผมเป็นเพียงอากาศธาตุ และเมื่อผมพยายามตั้งสติสังเกตุสิ่งรอบตัวก็พบว่ามันไม่คุ้นตา และเมื่อเห็นข่าวในจอโทรทัศน์ขนาดใหญ่ที่หน้าตึกนั้นก็พบว่ามันเป็นปีพ.ศ.2533 พระเจ้า! ผมเป็นคนในปี พ.ศ.2567 แต่กลับย้อนเวลาอยู่ในปี พ.ศ.2533 แล้วที่ผมงงหนักที่สุดก็คือ ผมไม่รู้ว่าผมชื่ออะไรและเป็นใครนะสิ!
ย้อนเวลามาทั้งที่แต่ดันความจำเสื่อม และที่จำไม่ได้ก็มีแค่เรื่องของตัวเองเท่านั้น ขอขยายความเข้าใจอีกนิด คือผมจำชื่อตัวเองไม่ได้ บ้านช่องห้องหับอยู่ตรงไหนก็ไม่รู้ ครอบครัวญาติพี่น้องก็ไม่รู้อีก เอ่อ มันเหมือนเงาจางๆ ในหัว แต่ผมรู้ว่าที่ๆผมเคยอยู่เป็นยังไง เคยใช้ชีวิตแบบไหนมาก่อนก่อน แต่ทักษะอื่นของผมยังใช้ได้ดี ก็ผมมีทักษะเดียวคือการเป็นนักเขียนนิยายออนไลน์นี่แหละ เหมือนว่าผมจะไม่ได้ทำอย่างอื่นเลยนอกจากเขียนนิยายออนไลน์
อ่านนิยายย้อนยุคทะลุมิติหรือแนวระบบมาก็เยอะ พอมาเจอกับตัวเองก็ไปไม่ถูกเหมือนกัน ผมไม่รู้ว่าจะเรียกสิ่งที่ตัวเองเผชิญอยู่ว่าอะไร ถ้าเป็นนิยายแนวระบบก็คงมีคำสั่งให้ผมต้องทำตาม แต่นี่ก็ไม่มีเลย หรือผมตายไปแล้วเพราะสภาพผมในตอนนี้ก็คือร่างโปร่งใสที่ไม่มีใครมองเห็น ผมไม่ได้ล่องลอยเหมือนวิญญาณที่เห็นในละครหรือซีรีย์ แต่ทำไมผมถึงกลับมาอยู่ในอดีตได้ล่ะ หรือผมมีอะไรติดค้างอยู่ แต่...ถึงผมจะจำไม่ได้ว่าตัวเองอายุเท่าไหร่ แต่ดูแล้วหน้าตาไม่ได้แย่ของผมมันน่าจะแค่21-22ปีเองนะ ในขณะที่ผมครุ่นคิดว่าจะใช้ชีวิตแบบนี้ยังไงต่อไป(ดี) สายตาคู่หนึ่งก็จ้องมาทางผม แรกๆ ผมนึกว่าเธอคงมองไปคนข้างหลังเหมือนที่ผมเคยเข้าใจผิด แต่เธอมองที่ผม!
ผมมั่นใจว่าเธอเห็นผม! ในเวลานี้ไม่มีอะไรน่าตื่นเต้นไปกว่านี้อีกแล้ว และนั้นแหละ ผมถึงได้พยายามเข้าใกล้เธอ แต่ดูว่าเธอเองไม่รู้ว่าผมเป็นสิ่งที่คนอื่นมองไม่เห็น โธ่! อย่าเรียกผมว่าผีสิ คือแบบ ผมยังทำใจไม่ได้ว่าตัวเองตายแล้ว เอ๊ะ ผมอาจจะยังไม่ตายก็ได้นะ
“คุณตามฉันมาเหรอ”
“เอ่อ...คือผม...ผม...คุณมองเห็นผมใช่ไหม”
“จะบ้าเหรอ ไม่ใช่แมวนะจะได้มองไม่เห็น”
“คุณมองเห็นผมจริง ๆ ด้วย”
“เอ๊ะ! รึว่าจะพวกโรคจิต อย่าเข้ามาใกล้ฉันนะ”
“เปล่าครับ ไม่ใช่ครับ คือ…ว่า ผม...ผม...”
“ใครก็ได้ช่วยด้วยค่ะ คนโรคจิตจะลวนลามค่ะ พี่เบียร์ พี่เบียร์ช่วยโซดาด้วย”
ผมพยายามจะอธิบาย แต่คุณเธอไม่ฟังเอาเสียเลย พี่ชายเธอมาก็ไม่เห็นผมอีกเท่านั้นแหละ เธอถึงกับร้องกรี๊ดออกมาและเป็นลมไป
ความรู้สึกผิดแล่นพุ่งตรงหัวใจ เป็นวิญญาณแล้วทำไมยังรู้สึกอีก ผมได้ขอโทษเธอและมองพี่ชายเธอที่แตกตื่นอุ้มน้องสาวเข้าไปด้านใน ผมเกรงใจก็เลยรออยู่ด้านนอกปล่อยให้พี่ชายได้ดูแลน้องสาวจนคนเป็นพี่ที่ทำงานมาทั้งวันเหนื่อยล้าผล็อยหลับไป
การถูกห่วงใยนี่ดีจริงๆ
ผมเคยมีพี่น้องหรือเปล่านะ
ใจผมรู้สึกอิจฉาขึ้นมานิดๆ หรือว่าผมจะเป็นลูกคนเดียว หรือเพราะความเป็นนักเขียนของผมทำให้ผมไม่ได้มีปฏิสัมพันธ์กับคนในครอบครัว การมีผมอยู่หรือไม่มีนั้น อาจไม่ได้ส่งผลอะไรกับพวกเขาเลยก็ได้
อ๊ะ! ผู้หญิงคนนั้นฟื้นแล้ว
เด็กสาวกระพริบตาถี่ๆ เพื่อปรับโฟกัส เมื่อภาพรางๆ ของร่างสูงโปร่งยืนอยู่มุมห้องชัดเจนว่าเป็นใบหน้าของชายหนุ่มปริศนาผู้สวมแว่นทรงกลมกรอบสีเงิน โซดาอ้าปากเกือบส่งเสียงกรี๊ด แต่ชายหนุ่มยกมือจุ๊ปากเป็นสัญญาณให้เงียบ ๆ แล้วชี้นิ้วมายังร่างชายหนุ่มอีกคนที่นั่งหลับศีรษะพิงผนังห้องด้วยท่าทางอ่อนล้า
“พี่เบียร์”
“ฮืม...” คนเป็นพี่ทำพึมพำอย่างัวเงีย “อ้าว ตื่นแล้วเหรอโซดา เป็นยังไงบ้าง”
“พี่เบียร์นั่งเฝ้าโซดาทั้งคืนเลยเหรอ”
“ก็ทำไงได้ละมีน้องสาวคนเดียวให้เป็นห่วงนิน่า” ผู้เป็นพี่เอื้อมมือมาโยกศีรษะน้องสาวเบา ๆ
“พี่ไปนอนที่ห้องเถอะ เอ๊ะ เช้าแล้วนี่…พี่เบียร์ต้องไปทำงาน”
“ไม่เป็นไรวันนี้พี่อยู่เป็นเพื่อนเราก็ได้ เดี๋ยวโทรไปลางานสักวันคงไม่เป็นไร”
“พี่เบียร์…”
โซดารู้สึกผิดที่ทำให้พี่ชายต้องเป็นห่วงจนเสียงานเสียการขนาดนี้ เมื่อคืนเธอโวยวายเหมือนคนบ้าจนพี่ชายเป็นห่วง กระทั้งนั่งแท็กซี่กลับมาถึงบ้านเธอก็ไม่ยอมให้พี่ชายอยู่ห่างตัว จนไม่รู้ว่าเผลอหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่
เธอหันไปมองร่างสูงโปร่งที่ยืนอยู่มุมห้องราวกับอากาศธาตุ ขณะที่พี่ชายลุกขึ้นบิดตัวไปมาไล่ความเมื่อยล้าจากการหลับผิดที่ผิดท่า สายตาอ่อนโยนหลังแว่นตาทรงกลมผสานกับเด็กสาวผู้เป็นคนเดียวที่มองเห็นชายแปลกหน้าคนนี้
“บ่เป็นหยัง!!! โซดาไม่เป็นไรแล้ว พี่ไม่ต้องห่วงหรอก สงสัยโซดาจะเพี้ยนคิดพล็อตนิยายฆาตกรรมจนเพ้อนะคะ ก็...แนวฆาตกรรมสยองขวัญ แบบว่าแนวพระเอกเป็นฆาตกรกำลังมาแรง”
เด็กสาวเท้าสะเอวอ้าปากกว้างหัวเราะเสียงดังด้วยมาดที่คิดว่าพี่ชายเห็นจะนึกขำ
“จริงนะ ถ้าไม่เป็นอะไรพี่จะได้ไปทำงาน”
“จริงค่ะ ขอโทษนะคะที่ทำให้พี่เบียร์เป็นห่วง”
เบียร์พยักหน้ารับก่อนลุกขึ้น เดินทะลุผ่านร่างสูงโปร่งของชายหนุ่มในเสื้อเชิ้ตสีฟ้าอ่อนไปเปิดประตูห้องและก้าวเท้าออกไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ไม่ทันเห็นสายตาตกตะลึงของน้องสาวที่นั่งตัวแข็งหมดแรงอยู่บนเตียงจนไม่กล้าขยับไปไหน
โซดาหลับหูหลับตายกมือไหว้ไม่สนใจอะไรแล้ว ก็เธอไม่อยากให้พี่ชายเป็นห่วงมากกว่า ตั้งแต่เมื่อคืนแล้วที่เธอยืนยันว่าเห็นชายหนุ่มคนนี้ยืนอยู่ต่อหน้าต่อตา แต่ใครต่อใครกลับมองไม่เห็นจนเหมือนเธอเองนั้นแหละที่เหมือน “ผีเข้า”เสียเอง
“เอ่อ...คุณครับ…คุณ”
“ไปที่ชอบ ๆ เด๋อคะ หนูจะทำบุญอุทิศส่วนกุศลถวายสังฆทานไปให้ นะโมนะสะ..อ่า..อะไรหว่า อัตตาหิอัตโนนาโธ”
“คุณครับที่คุณท่องมันแปลว่าตนเป็นที่พึ่งแห่งตนนะครับ”
โซดาสะดุ้งแล้วเงยหน้าขึ้นมองผู้บุกรุก เขายิ้มบางแล้วสืบเท้าเข้ามาใกล้ ก่อนทรุดตัวลงนั่งที่เก้าอี้ข้างเตียงนอน ที่เมื่อครู่เบียร์ใช้เป็นที่นั่งหลับเฝ้าน้องสาวคนเดียวที่แสนห่วงใย
“น่าอิจฉาจังนะครับ...ที่มีพี่ชายที่รักและห่วงใยคุณมากขนาดนี้”
น้ำเสียงอ่อนโยนทำให้โซดารู้สึกผ่อนคลายลง ดู ๆ ไปแล้วก็ไม่มีท่าทางมีพิษมีภัยอะไร ถ้าเจอกันในสภาพปกติกว่านี้เขาคงเป็นชายหนุ่มที่ดูดีกว่านี้ไม่น้อยทีเดียว
“ผมต้องขอโทษมาก ๆ ที่ทำให้คุณตกใจขนาดนี้ แต่ผมไม่มีเจตนาร้ายอะไรนะครับ”
“แล้วมาเฮ็ดหยัง เอ๊ย!” เวลาตกใจเผลอออกซาวด์แทรกทุกที “ฉันไม่ใช่คนมีเซนส์ทางวิญญาณนะ หรือจะให้ฉันเป็นร่างทรง”
“ไม่ใช่ครับ คือ…ผมก็ไม่รู้จะอธิบายยังไง” วิญญาณหนุ่มเกาหัวแกรก ๆ นี่ถ้าเจอในสภาวะปกติกว่านี้ มีหวังโซดาใจละลายแล้ว
“เอาเป็นว่าคุณเป็นคนเดียวที่มองเห็นผมก็แล้วกัน”
“หมายความว่าไง ฉันเป็นคนเดียวที่มองเห็นคุณ”
“ตาบ้า!ทำอะไรนะ” โซดายกมือขึ้นปัดออกทันทีที่ได้สติ แต่อีกฝ่ายคว้ามือเล็ก ๆ ได้เขาออกแรงกระชากนิดเดียวร่างเล็ก ๆ ก็เซเข้ามาในวงแขน“โซดาตัวเล็กกว่าที่คิดเยอะเลยนะ ตอนเป็นผีจับตัวไม่ได้เหมือนอย่างนี้เลย”“บ้า...ตาบ้า ปล่อยนะ”โซดาดิ้นขลุกขลักในวงแขน ชายหนุ่มนึกสนุกยิ่งรัดร่างเข้าไว้แน่น พอดีเสียงสัญญาณในลิฟต์ดังขึ้นพร้อมประตูที่เปิดออก คนที่ยืนอยู่ด้านนอกจึงเห็นชายหนุ่มกอดรัดร่างเพรียวบางไว้ในวงแขน“เฮ้ย!ทำอะไรนั่นน้องสาวฉันนะเฟ้ย!”“ไม่มีอะไรค่ะพี่เบียร์” โซดารีบสลัดตัวออกจากวงแขน ซึ่งก็หลุดออกมาอย่างง่ายดาย เบียร์ทำท่าจะเข้ามามากระชากคอเสื้อสุดแดนแต่ตั้มก็ใช้แขนล็อกคอเพื่อนรักไว้ก่อน“น่า...นะ โซดาว่าไม่มีอะไรก็ไม่มีอะไรซิ ไป…หน้าที่นายดูแลอาหารการกิน ทางโน้นเลย...เอ้า! ท่านเจ้าภาพ เอ๊ยประธานบริษัทมาแล้ว หลีกทางหน่อยครับ”ตั้มหันไปยักคิ้วหลิวตาให้สุดแดนอย่างรู้ทัน เบียร์หงุดหงิดเดินมาที่ซุ้มอาหารบุฟเฟ่ย์ ซึ่งเวลานี้มีผู้คนเข้ามาในบริเวณชั้นหนึ่งของตึกเป็นที่สำหรับจัดงานเปิดตัวหนังสือและสำนักพิมพ์ในเครือบริษัท ซึ่งสำนักพิมพ์ ยักษ์เล็กที่จะเน้นให้โอกาสนักเข
ยาไอซ์จัดเป็นยาเสพติดที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทประเภทที่ 1 ตาม พ.ร.บ ยาเสพติดปี 2522 ลักษณะของเม็ดยาเป็นผลึกคล้ายน้ำแข็งเป็นที่มา ของชื่อยาไอซ์ ความบริสุทธ์ของยาค่อนข้างสูง ออกฤทธิ์แรงกว่ายาบ้ามากจึงมีคนเรียกว่าหัวยาบ้า การนำไปใช้ โดยการละลายน้ำแล้วฉีดเข้าเส้นบางคนนำไปเผาแล้วสูดดมควันเหมือนการเสพยาบ้า ยาตัวนี้ทำให้อารมณ์เคลิบเคลิ้มสนุกสนานสดชื่นกระปรี้กระเปร่า ยาไอซ์ลักษณะทั้งโครงสร้างและการออกฤทธิ์คล้ายยาบ้า แต่มีข้อแตกต่างตรงที่หลังเสพยาไอซ์จะมีความสดชื่นมีชีวิตชีวาไม่ซูบโทรมเหมือนยาบ้า คนที่เสพยานี้มักจะดูไม่ออกเพราะหน้าตาจะเบิกบานไม่เหมือนคนเสพยาทั่วๆ ไป ยาตัวนี้ไม่ได้มีแพร่หลายกันทั่วไปเนื่องจากหายากและราคาค่อนข้างแพงมักจะใช้กันในสังคมไฮโซทั้งหลาย’ชายหนุ่มลดหนังสือพิมพ์ลงและวางไว้บนโต๊ะก่อนระบายลมหายใจเบา ๆ เขานึกถึงเหตุการณ์เมื่อประมาณสี่เดือนก่อน ซึ่งเป็นช่วงที่เขาเพิ่งกลับจากเมืองนอก ได้ไม่นานและเริ่มเข้ามาดูแลงานในบริษัทแทนผู้เป็นพ่อซึ่งต้องปลดเกษียรตัวเองด้วยสภาพร่างกายที่อ่อนแอเพราะโหมงานอย่างหนัก วันนั้นเขาตรวจสอบของบัญชีรายรับ-จ่ายและเห็นความผิดปกต
และเมื่ออ่านมากก็อยากเป็นนักเขียน เขามักเอาตัวเองไปอยู่ในโลกของนิยาย เรื่องแล้วเรื่องเล่า เขาคิดเสมอว่า ถ้าวันหนึ่งที่เขาไม่อยู่บนโลกนี้ ก็ยังเหลือ ‘นิยาย’ ที่เขาเขียนทิ้งไว้แทนตัวเขา อาจใครสักคนมาอ่านเจอเรื่องเหล่านี้ เรื่องสุดท้ายที่เขาเขียน คือเรื่อง ‘ทะลุมิติไปเป็นนักเขียนนิยายยุค 90’s’ เขาได้แรงบันดาลใจมากจากคุณน้านักอ่านท่านหนึ่งที่มักเข้ามาอ่านนิยายของเขาและคอยคอมเม้นต์ให้กำลังใจเสมอ ดวงจิตของชายหนุ่มกวาดตามองไปรอบกาย เขาเข้าใจแล้วว่าเขาหายไปที่ไหนมา เขาไปอยู่ในเรื่องเล่าของคุณน้านักอ่านท่านนั้น สำหรับคนอื่นมันอาจเป็นแค่นิยาย แต่สำหรับบ้างคน ตัวละครในนั้นมีตัวตนจริงในอดีตที่ผ่านมา สายลมอ่อนโยนพัดผ่าน ทั้งที่อยู่ในห้องที่ปิดหน้าต่าง ราวกับสัมผัสแผ่วเบาเพื่อบอกลากัน ชายหนุ่มหันไปที่หน้าต่าง แสงสว่างจางๆ สาดเข้ามา เขายิ้มและเผชิญกับการจากลาอย่างกล้าหาญ มันเป็นเรื่องที่เขาและคนในครอบครัวเตรียมตัวเตรียมใจรับมือกันมานานแล้ว “พ่อครับ แม่ครับ ขอบคุณที่ดูแลผม พี่ครับฝากดูแลพ่อกับแม่ด้วย ไม่ต้องเป็นห่วงผมนะ ผมสบายดี ไม่ทรมานอีกแล้ว”
“รู้สึกว่าจะฟื้นเร็วกว่าที่คิดนะ”“อะไรนะคะ พี่ปกรณ์พูดอะไรออกมา” เด็กสาวตกตะลึงกับสิ่งที่ได้ยิน แต่อีกฝ่ายกลับหมุนตัวไปหยิบกล้องดิจิตอลขึ้นมาบันทึกการเคลื่อนไหวเด็กสาวตรงหน้า “พี่ปกรณ์เพี้ยนไปแล้วเหรอค่ะ พี่คิดอะไรอยู่”“ความจริงพี่ก็ไม่อยากทำแบบนี้...แต่นี้คงเป็นวิธีเดียวที่จะทำให้แป้งร่ำอยู่ภายใต้การควบคุมของพี่ได้ พี่จะได้ช่วยดูแลทุกอย่างในบริษัทฯได้อย่างเต็มที”ยังไม่ทันที่แป้งร่ำจะเข้าใจในความหมายที่อีกฝ่ายพูด มือที่ว่างจากการควบคุมกล้องดิจิตอลก็กระชากเสื้อของเธอออกจนเห็นบราเซียลูกไม้สีขาวบริสุทธิ์ “พี่ปกรณ์!” แป้งร่ำกรี๊ดร้องสุดเสียง เมื่อมือแข็งแกร่งพยายามกระชากเสื้อผ้าเธอออก พร้อมกับขึ้นคร่อมร่างเธอที่นอนดิ้นพยายามปิดป้องร่างกายที่เกือบจะเปลือยเปล่า “อย่ามาแสดงท่าอย่างนี้กับฉัน!” ปกรณ์เผลอตะคอกออกมาสุดเสียง ไม่เหลือแววตาอ่อนโยนที่เคยเห็น หน้ากากของเขาแตกละเอียดเหลือเพียงใบหน้าที่แท้จริงของซาตาน เขาใช้มือแข็งแรงปานคีมเหล็กเข้าบีบคอเล็ก ๆ ของแป้งร่ำเด็กสาวดิ้นทุรนทุรายเจ็บปวดจนน้ำตาไหล ทั้งที่ฝืนกลั้นไม่ให้อีกฝ่ายรู้สึกถึงความเจ็บปวดที่ได้รับ“เธอมันก็เหมื
“คราวหน้าคงได้มาสนุกอย่างนี้อีกนะ” แป้งร่ำยิ้มบาง ๆ แล้วโบกมือลาเพื่อน ๆ คนอื่น ๆ“เราเดินไปส่งนะ” โซดาลุกขึ้นยืนและยื่นมือออกไปให้มือเรียวเล็กจับก่อนลุกขึ้นยืน ผีหนุ่มมองภาพนั้นด้วยรอยยิ้มรู้สึกอิ่มข้างในใจอยากบอกไม่ถูก เด็กสาวสองคนเดินจูงมือกันไปที่ต้นถนนจุดที่นัดคนขับรถไว้ รถเก๋งยุโรปคันหรูเคลื่อนมาใกล้ แป้งร่ำไม่อยากเร่งเท้านักแต่รู้ว่าบริเวณนี้จอดรถนานไม่ได้เธอจึงจำใจเดินไปที่รถ“โชคดีนะ วันนี้สนุกมากเลย”“เช่นกันจ๊ะโซดา”ประตูเปิดออกก่อนที่มือของแป้งร่ำจะเอื้อมไปจับ แต่ร่างเล็ก ๆ ก็ถูกกระชากเข้าไปในรถอย่างรวดเร็ว โซดาตกใจกับภาพที่เห็นรีบกระโจนพุงตัวเข้าไปในรถทันที มือใครบางคนในรถเอื้อมมือออกมาปิดประตูรถอย่างรวดเร็วจนไม่ทันมีใครในบริเวณนั้นสังเกตเห็นสิ่งผิดปกติ รถเคลื่อนตัวออกไปพอดีกับที่ เบียร์ก้าวลงมาจากรถแท็กซี่ที่เข้ามาจอดแทนที่รถยุโรปที่พุ่งตัวออกอย่างรวดเร็ว“ช่วยด้วย! นายวุ่นวาย!” ผีหนุ่มร่างโปร่งใสยืนหันรีหันขวางอยู่ท่ามกลางผู้คนที่ไม่มีใครมองเห็นตัวเขา และไม่ทันสังเกตเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น นายวุ่นวายมองหาร่างของเบียร์ รีบวิ่งไปตะโก
“เด็กโง่ๆนั่นนะเหรอ...อีกหน่อยก็เป็นเหมือนอุ้ม-อั้มอะไรนั้นอีกหรอก ให้เป็นghost writerดีๆไม่ชอบอย่างขึ้นมาประกาศตัวให้โลกรู้จัก เชอะ! ฝันไปเถอะ..สภาพพิการอย่างนั้นใครเค้าจะชื่นชม หมดยุคสมัยนักเขียนไส้แห้งกินอุดมคติกันแล้ว ลองไม่ใช่ปกรณ์หรือปลายศร หนังสือที่ไหนจะขายออกได้หลักแสนเล่มแบบนี้บ้าง” “เอานะ..เดี๋ยวพี่ปั้นเด็กใหม่ก่อน หลอกทำสัญญาให้เรียบร้อยก่อน เด็กนี่ก็ใช้ได้มีแววดีสั่งงานอะไรก็ทำได้ตามสั่งอย่างกับทำอาหารตามสั่งแนะเหมาะกับการทำงานเป็นGhost writerให้เรา”“ชื่ออะไรนะ โซดาเหรอ ปลื้มพี่ดุจตะวันน่าดูนี่นะ ถ้ารู้ว่าตัวจริงเป็นแค่ผู้หญิงพิการสาวเอ๋อออทิสติกละก็..จะเป็นยังไงนะ” ‘ ดุจตะวัน ’ คงมาจากชื่อจริงของพี่อุ้มนี่เอง พี่อุ้มก็คือนักเขียน‘ ดุจตะวัน ’ ตัวจริง ที่เธอปลื้มแล้วเด็กใหม่โง่ๆที่คิดแค่ทำอะไรก็ได้ให้ใกล้ชิดแวดวงนักเขียนก็พอก็คงเป็นเธอซินะ “โซดา!” นายวุ่นวายกระซิบเบา ๆ ที่ข้างหู เขาเองก็รับรู้ความเจ็บปวดที่เธอมีและยิ่งนึกเจ็บใจตัวเองที่ไม่สามารถจะเอื้อมมือไปกุมมือเล็ก ๆ ที่สั่นระริก ปวดใจยิ่งนักที่ไม่สามารถปลอบใจและให้กำลังใจผู้หญิงตัวเล็กๆคนนี้ได้ โง่ให้พ