งานเลี้ยงเลิกราแล้วหลายคนนัดไปเที่ยวต่อ มีเพียงโซดาที่ได้แต่ยืนโบกมือลาหน้าตึกเช่นเคย วันนี้ไม่มีใครมารับ ตั้มตาหยีติดช่วยงานที่อู่ซ่อมรถ พี่ชายก็ทำงานที่ร้านอาหาร เธอเองก็ไม่อยากเป็นภาระให้เขาที่ต้องทำงานเหนื่อยเผื่อส่งเสียให้เธอร่ำเรียน งานพ่อครัวในร้านอาหารหรูหราแบบนั้น ทำให้เบียร์มีเวลาหยุดพักผ่อนไม่เหมือนคนอื่น แต่ละสัปดาห์จะเข้างานเป็นกะ อาทิตย์เข้ากะเช้า อาทิตย์หน้าเข้ากะบ่าย เพราะอย่างนี้ละมั้งพี่ชายสุดหล่อมาดเข้มของโซดาถึงยังไม่มีแฟนเสียที
เอานะ!ไม่เป็นไรหรอก สายรถเมล์ที่ต้องนั่งกลับบ้านก็จดไว้เรียบร้อยแล้ว แต่วันนี้ขอแวะร้านหนังสือก่อนกลับบ้าน เพิ่งบ่ายสองโมงกว่า รถราไม่ติดมากนักเพราะช่วงนี้ยังปิดเทอมใหญ่อยู่ เอ๊ะ! นั้นซิอีกไม่กี่วันกี่เดือนนะมหาวิทยาลัยจะเปิด เธอยกนิ้วขึ้นนับ วันนี้สิ้นเดือนเมษายนพอดี มหา’ลัยเปิดเดือนมิถุนายน ถ้าอย่างนั้นก็เหลือเวลาให้เธอเขียนนิยายอย่างจริงจังแค่เดือนกว่าเท่านั้นเอง ยังไงก็ต้องรักษาสัญญากับพี่ชายว่าเปิดเทอมเมื่อไหร่ต้องทุ่มเทเวลาให้กับการเรียนให้มากที่สุด แถมวันจันทร์หน้าก็ต้องเริ่มไปทำงานพิเศษที่ร้านหมูหยองอินเตอร์เนทแล้วด้วย
“ฉันจะต้องกลับมาที่นี่อีกแน่ ๆ แต่จะมาในฐานะนักเขียนพร้อมต้นฉบับนิยายเรื่องแรกของฉัน”
ยังไม่ทันที่เท้าจะก้าวไปไหน สายตาก็เหลือบไปเห็นชายหนุ่มร่างสูงโปร่ง เขาสวมแว่นทรงกลมกรอบเงินยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามเช่นทุกที โซดายิ้มให้นิดนึง ก่อนหมุนตัวกลับถึงจะหน้าตีดีแต่ไม่รู้เป็นพวกโรคจิตรึเปล่า เด็กสาวฝืนทำเป็นไม่ใส่ใจ นั้นซิใครจะมาใส่ใจผู้หญิงหน้าจืด ๆ อย่างเธอได้นะ เธอสะบัดหัวไปมาไล่ความคิดที่สับสนออกไป ก่อนถอนหายใจเฮือกและกระชับเป้ที่คล้องไหล่อยู่แล้วเดินไปสู่จุดหมายของวันนี้
ร้านหนังสือมีผู้คนเข้ามาเลือกหนังสือบางตา อาจเป็นเพราะยังเป็นช่วงเวลาทำงาน ผู้คนที่เข้ามาบ้างก็เข้ามาเพียงเพื่อหลบลมร้อนรับแอร์เย็นฉ่ำ บางคนเข้ามารอถึงเวลานัดหมายกับเพื่อนหรือคนรัก บางคนก็ตั้งหน้าตั้งตาอ่านหนังสือเหมือนจะให้จบเล่มโดยไม่ต้องเสียเงินแม้แต่ค่าเช่าหนังสือก็ตาม
โซดาไล่สายตาดูหนังสือนิยายปกใหม่ของดุจตะวันเธอมีไม่ครบทุกเล่ม แต่อ่านมาเกือบหมดแล้วเพราะหาเช่ามาอ่านเมื่อครั้งที่อยู่ขอนแก่น หนังสือนิยายแบบนี้ในห้องสมุดของโรงเรียนไม่มีให้อ่าน พอเห็นหนังสือใบหน้าและรอยยิ้มอบอุ่นของเจ้าของนามปากกาที่เธอสุดปลื้ม ก็เผลอยิ้มคนเดียวอย่างไม่รู้ตัว เธอเลือกพลิกอ่านดูหนังสือเล่มใหม่ที่ออกมาอวดโฉมเรียงบนชั้น นึกอยากหาที่นั่งอ่านกับพื้นเหมือนทุกครั้ง แต่วันนี้เธอสวมกระโปรงยีนแต่งตัวตามที่พี่น้ำหวานแนะนำให้ทุกอย่าง ถึงแม้ตั้มจะชมว่าน่ารักแต่เธอกลับรู้สึกขัดเขินไม่เป็นตัวของตัวเองนัก
“แพงจังเลย รอก่อนนะพี่ดุจตะวัน ได้เงินจากทำงานพิเศษเมื่อไหร่จะมาซื้อไปนอนกอดด้วยทั้งคืนเลย”
โซดาบนพึมพำเบา ๆ ยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดูเวลา เธอยังไม่มีโทรศัพท์มือถือเป็นของส่วนตัว ถึงเบียร์บอกให้รอเงินเดือนออกจะซื้อให้ แม้จะอยากได้มากแค่ไหนแต่เธอก็อดเกรงใจไม่ได้อยู่ดี เย็นนี้พี่ชายให้ไปหาที่ทำงานและรอกลับบ้านพร้อมกัน บางทีมีขนมอร่อย ๆ หรืออาหารห่อใส่ถุงกลับมากินด้วย โซดาเดินมาตรงเคาน์เตอร์รอรับเป้ที่ฝากไว้ สายตาเธอก็ปะทะกับร่างสูงโปรงที่เริ่มคุ้นตา
‘ผู้ชายที่เจอหน้าตึกบริษัทR&Mบ่อย ๆ นิน่า… เขามาทำอะไรแถวนี้…หรือว่าจะตามมา’
โซดาหลบสายตาของเขาวูบ คงบังเอิญเสียมากกว่า ร้านหนังสือใหญ่อย่างนี้ใครจะเข้ามาเลือกหนังสือดี ๆ สักเล่มสองเล่มไม่เห็นแปลก เราไม่รู้จักกันเขาจะตามมาทำไม
เด็กสาวรู้สึกใจคอไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เธอกอดกระเป๋าเป้แน่นอย่างไม่รู้จะทำอะไรได้มากกว่านี้ และรีบออกจากร้านหนังสือตรงดิ่งขึ้นรถเมล์สายที่จะพาเธอมาหาพี่ชายที่ร้านชื่นบุรี เมื่อมาถึงที่หมาย โซดาเดินหลบเข้าหลังร้าน เธอรู้จักพนักงานที่นี่แต่จำชื่อได้ไม่กี่คน แต่เมื่อพี่ชายเดินออกหาก็เห็นน้องสาวยืนหน้าซีดผิดสังเกต
“เป็นอะไรรึเปล่า”
“เปล่าค่ะ เอ่อ พี่เบียร์มีอะไรให้โซดาช่วยไหม” เธอตอบอย่างตะกุกตะกักและฝืนยิ้มให้เป็นปรกติ
“ไม่หรอก รอตรงนี้แหละ เดี๋ยวจะหาอะไรให้กิน จะอ่านหนังสือหรือทำอะไรค่อยพี่ก่อนก็ได้”
“พี่เบียร์ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก”
โซดาทำเป็นหยิบสมุดบันทึกออกมาเหมือนจะเขียนหนังสือ พี่ชายลูบผมเบา ๆ ก่อนเดินหายเข้าไปในห้องครัว เธอรู้สึกผ่อนคลายขึ้นมากเมื่อจิตใจกลับสู่สภาวะปกติ เธอก็นั่งดูสิ่งที่เคลื่อนไหวในห้องครัวที่กว้างเท่ากว่าห้องนอนของเธอด้วยซ้ำไป
ทุกคนดูวุ่นวายกับหน้าที่ของตนเองแต่ก็ทำงานกันอย่างเป็นระบบอย่างไม่น่าเชื่อ จวบจนถึงเวลาเลิกงาน ท่าทางเขาอ่อนเพลียอย่างมาก โซดาจึงอาสาช่วยหิ้วถุงขยะไปวางไว้ที่ถังขยะข้างหลังร้าน แต่ยังไม่ทันจะทำงานเสร็จ สายตาของเธอก็ผสานกับสายตาอ่อนโยนปนเหงาหลังแว่นตาทรงกลมคู่นั้น
“คุณตามฉันมาเหรอ” โซดาเผลอตะโกนออกมาด้วยความตกใจ
“เอ่อ...คือผม...ผม...คุณมองเห็นผมใช่ไหม”
“จะบ้าเหรอ ไม่ใช่แมวนะจะได้มองไม่เห็น”
“คุณมองเห็นผมจริง ๆ ด้วย” ชายหนุ่มแปลกหน้ายิ้มกว้างและสืบเท้าเข้ามาใกล้ แต่โซดาถอยหลังหนีจนตัวเธอชนถังขยะและล้มลง
“เอ๊ะ! รึว่าจะพวกโรคจิต อย่าเข้ามาใกล้ฉันนะ”
“เปล่าครับ ไม่ใช่ครับ คือ…ว่า ผม...ผม...”
“ใครก็ได้ช่วยด้วยค่ะ คนโรคจิตจะลวนลามค่ะ พี่เบียร์ พี่เบียร์ช่วยโซดาด้วย”
เด็กสาวตะโกนโหวกเหวกโวยวายลั่น พี่ชายเปิดประตูหลังร้านออกมาได้ยินเสียงน้องสาวพอดีจึงรีบวิ่งมาหาน้องที่นั่งหมดสวยอยู่ข้างถังขยะ
“พี่เบียร์ช่วยด้วย ไอ้โรคจิตนี่ตามโวดามาตั้งแต่เลิกเรียนแล้ว” โซดาผวาเข้ากอดพี่ชายแน่น
“อะไร ใครที่ไหนโซดา ทำใจดี ๆ ก่อน” พี่ชายโอบไหล่น้องสาวอย่างปกป้อง
“ก็ไอ้หมอนี่ไง” เธอชี้นิ้วไปที่ชายแปลกหน้ายืนอยู่ ต่หน้ายังซบอกพี่ชาย เพื่อนพนักงานสองสามคนที่ได้ยินเสียงออกมายืนดูด้วยความเป็นห่วง
“ใจเย็น ๆ มองหน้าพี่แล้วค่อย ๆ เล่าให้พี่ฟังว่าเกิดอะไรขึ้น” น้ำเสียงของพี่ชายทำให้โซดาค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นสบตา แววตาอาทรและห่วงใยทำให้เธอหายตื่นตระหนก
“มีคนตามโซดามาตั้งแต่เสร็จมิตติ้งแล้วค่ะ โซดาเห็นเค้าที่ร้านหนังสือก็ยังไม่แน่ใจแต่เมื่อกี้โซดาก็เห็นเขาตอนที่เอาขยะมาทิ้ง”
“แล้วไอ้หมอนั้นไปไหนแล้ว พี่จะจัดการมันปล่อยไว้ไม่ได้หรอกไอ้พวกนี้ ถึงโซดาจะปลอดภัยแต่มันอาจไปทำอันตรายคนอื่นได้ ภัยสังคมชัด ๆ” เบียร์ขบกรามแน่นด้วยความโมโห
“นั่น...นั่นไง มันยังยืนอยู่ตรงหน้าข้างหลังเพื่อนพี่ไง”
“ไหน ตรงไหน”
เพื่อนพนักงานของพี่ชายทำหน้างุนงงมองหน้ากัน เลิกลั่ก พี่ชายมองตามนิ้วมือของน้องสาวก็เห็นเพียงเพื่อนพนักงานในร้านอาหารด้วยกันที่เพิ่งเดินตามมาทีหลัง
“ไม่ใช่พี่สองคนนี่ ก็ผู้ชายที่ยืนอยู่ข้างหลังไง คนที่ใส่แว่นกลม ๆ เสื้อฟ้า ๆ นะ” โซดาโวยวายเสียงดังทำไมเธอถูกมองด้วยสายตาประหลาดแบบนี้นะ
“พี่ไม่เห็นมีใครเลย”
“มีซิค่ะพี่เบียร์”
“ตรงนี้มีคนยืนอยู่แค่สี่คนเท่านั้น”
โซดาชี้หน้าผู้ชายที่ยืนยิ้มแหย ๆ ตรงนั้นแต่เหมือนเขาเป็นอากาศธาตุที่ไม่มีใครเห็น เอ๊ะ!ไม่มีใครเห็น ผู้ชายตัวโตออกปานนั้นไม่มีใครเห็น
“พี่ว่าเรามีกันแค่สี่คนเท่านั้นเหรอค่ะ” โซดาหันมาถามพี่ชายด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
“ใช่ ก็มีพี่กับโซดาแล้วก็เพื่อนพี่ที่เป็นพนักงานเสิร์ฟอีกสองคนเท่านั้น”
“ไม่จริ๊งงง”
โซดาอ้าปากค้างแต่ไม่มีเสียงใดหลุดออกมา เอ๊ะสิ่งที่คนอื่นมองไม่เห็นแต่มีบางคนเท่านั้นที่มองเห็นแบบนี้ และที่สำคัญถ้าไม่ใช่คน..ก็ต้องเป็น…ผ...ผ..ผี
“ตาบ้า!ทำอะไรนะ” โซดายกมือขึ้นปัดออกทันทีที่ได้สติ แต่อีกฝ่ายคว้ามือเล็ก ๆ ได้เขาออกแรงกระชากนิดเดียวร่างเล็ก ๆ ก็เซเข้ามาในวงแขน“โซดาตัวเล็กกว่าที่คิดเยอะเลยนะ ตอนเป็นผีจับตัวไม่ได้เหมือนอย่างนี้เลย”“บ้า...ตาบ้า ปล่อยนะ”โซดาดิ้นขลุกขลักในวงแขน ชายหนุ่มนึกสนุกยิ่งรัดร่างเข้าไว้แน่น พอดีเสียงสัญญาณในลิฟต์ดังขึ้นพร้อมประตูที่เปิดออก คนที่ยืนอยู่ด้านนอกจึงเห็นชายหนุ่มกอดรัดร่างเพรียวบางไว้ในวงแขน“เฮ้ย!ทำอะไรนั่นน้องสาวฉันนะเฟ้ย!”“ไม่มีอะไรค่ะพี่เบียร์” โซดารีบสลัดตัวออกจากวงแขน ซึ่งก็หลุดออกมาอย่างง่ายดาย เบียร์ทำท่าจะเข้ามามากระชากคอเสื้อสุดแดนแต่ตั้มก็ใช้แขนล็อกคอเพื่อนรักไว้ก่อน“น่า...นะ โซดาว่าไม่มีอะไรก็ไม่มีอะไรซิ ไป…หน้าที่นายดูแลอาหารการกิน ทางโน้นเลย...เอ้า! ท่านเจ้าภาพ เอ๊ยประธานบริษัทมาแล้ว หลีกทางหน่อยครับ”ตั้มหันไปยักคิ้วหลิวตาให้สุดแดนอย่างรู้ทัน เบียร์หงุดหงิดเดินมาที่ซุ้มอาหารบุฟเฟ่ย์ ซึ่งเวลานี้มีผู้คนเข้ามาในบริเวณชั้นหนึ่งของตึกเป็นที่สำหรับจัดงานเปิดตัวหนังสือและสำนักพิมพ์ในเครือบริษัท ซึ่งสำนักพิมพ์ ยักษ์เล็กที่จะเน้นให้โอกาสนักเข
ยาไอซ์จัดเป็นยาเสพติดที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทประเภทที่ 1 ตาม พ.ร.บ ยาเสพติดปี 2522 ลักษณะของเม็ดยาเป็นผลึกคล้ายน้ำแข็งเป็นที่มา ของชื่อยาไอซ์ ความบริสุทธ์ของยาค่อนข้างสูง ออกฤทธิ์แรงกว่ายาบ้ามากจึงมีคนเรียกว่าหัวยาบ้า การนำไปใช้ โดยการละลายน้ำแล้วฉีดเข้าเส้นบางคนนำไปเผาแล้วสูดดมควันเหมือนการเสพยาบ้า ยาตัวนี้ทำให้อารมณ์เคลิบเคลิ้มสนุกสนานสดชื่นกระปรี้กระเปร่า ยาไอซ์ลักษณะทั้งโครงสร้างและการออกฤทธิ์คล้ายยาบ้า แต่มีข้อแตกต่างตรงที่หลังเสพยาไอซ์จะมีความสดชื่นมีชีวิตชีวาไม่ซูบโทรมเหมือนยาบ้า คนที่เสพยานี้มักจะดูไม่ออกเพราะหน้าตาจะเบิกบานไม่เหมือนคนเสพยาทั่วๆ ไป ยาตัวนี้ไม่ได้มีแพร่หลายกันทั่วไปเนื่องจากหายากและราคาค่อนข้างแพงมักจะใช้กันในสังคมไฮโซทั้งหลาย’ชายหนุ่มลดหนังสือพิมพ์ลงและวางไว้บนโต๊ะก่อนระบายลมหายใจเบา ๆ เขานึกถึงเหตุการณ์เมื่อประมาณสี่เดือนก่อน ซึ่งเป็นช่วงที่เขาเพิ่งกลับจากเมืองนอก ได้ไม่นานและเริ่มเข้ามาดูแลงานในบริษัทแทนผู้เป็นพ่อซึ่งต้องปลดเกษียรตัวเองด้วยสภาพร่างกายที่อ่อนแอเพราะโหมงานอย่างหนัก วันนั้นเขาตรวจสอบของบัญชีรายรับ-จ่ายและเห็นความผิดปกต
และเมื่ออ่านมากก็อยากเป็นนักเขียน เขามักเอาตัวเองไปอยู่ในโลกของนิยาย เรื่องแล้วเรื่องเล่า เขาคิดเสมอว่า ถ้าวันหนึ่งที่เขาไม่อยู่บนโลกนี้ ก็ยังเหลือ ‘นิยาย’ ที่เขาเขียนทิ้งไว้แทนตัวเขา อาจใครสักคนมาอ่านเจอเรื่องเหล่านี้ เรื่องสุดท้ายที่เขาเขียน คือเรื่อง ‘ทะลุมิติไปเป็นนักเขียนนิยายยุค 90’s’ เขาได้แรงบันดาลใจมากจากคุณน้านักอ่านท่านหนึ่งที่มักเข้ามาอ่านนิยายของเขาและคอยคอมเม้นต์ให้กำลังใจเสมอ ดวงจิตของชายหนุ่มกวาดตามองไปรอบกาย เขาเข้าใจแล้วว่าเขาหายไปที่ไหนมา เขาไปอยู่ในเรื่องเล่าของคุณน้านักอ่านท่านนั้น สำหรับคนอื่นมันอาจเป็นแค่นิยาย แต่สำหรับบ้างคน ตัวละครในนั้นมีตัวตนจริงในอดีตที่ผ่านมา สายลมอ่อนโยนพัดผ่าน ทั้งที่อยู่ในห้องที่ปิดหน้าต่าง ราวกับสัมผัสแผ่วเบาเพื่อบอกลากัน ชายหนุ่มหันไปที่หน้าต่าง แสงสว่างจางๆ สาดเข้ามา เขายิ้มและเผชิญกับการจากลาอย่างกล้าหาญ มันเป็นเรื่องที่เขาและคนในครอบครัวเตรียมตัวเตรียมใจรับมือกันมานานแล้ว “พ่อครับ แม่ครับ ขอบคุณที่ดูแลผม พี่ครับฝากดูแลพ่อกับแม่ด้วย ไม่ต้องเป็นห่วงผมนะ ผมสบายดี ไม่ทรมานอีกแล้ว”
“รู้สึกว่าจะฟื้นเร็วกว่าที่คิดนะ”“อะไรนะคะ พี่ปกรณ์พูดอะไรออกมา” เด็กสาวตกตะลึงกับสิ่งที่ได้ยิน แต่อีกฝ่ายกลับหมุนตัวไปหยิบกล้องดิจิตอลขึ้นมาบันทึกการเคลื่อนไหวเด็กสาวตรงหน้า “พี่ปกรณ์เพี้ยนไปแล้วเหรอค่ะ พี่คิดอะไรอยู่”“ความจริงพี่ก็ไม่อยากทำแบบนี้...แต่นี้คงเป็นวิธีเดียวที่จะทำให้แป้งร่ำอยู่ภายใต้การควบคุมของพี่ได้ พี่จะได้ช่วยดูแลทุกอย่างในบริษัทฯได้อย่างเต็มที”ยังไม่ทันที่แป้งร่ำจะเข้าใจในความหมายที่อีกฝ่ายพูด มือที่ว่างจากการควบคุมกล้องดิจิตอลก็กระชากเสื้อของเธอออกจนเห็นบราเซียลูกไม้สีขาวบริสุทธิ์ “พี่ปกรณ์!” แป้งร่ำกรี๊ดร้องสุดเสียง เมื่อมือแข็งแกร่งพยายามกระชากเสื้อผ้าเธอออก พร้อมกับขึ้นคร่อมร่างเธอที่นอนดิ้นพยายามปิดป้องร่างกายที่เกือบจะเปลือยเปล่า “อย่ามาแสดงท่าอย่างนี้กับฉัน!” ปกรณ์เผลอตะคอกออกมาสุดเสียง ไม่เหลือแววตาอ่อนโยนที่เคยเห็น หน้ากากของเขาแตกละเอียดเหลือเพียงใบหน้าที่แท้จริงของซาตาน เขาใช้มือแข็งแรงปานคีมเหล็กเข้าบีบคอเล็ก ๆ ของแป้งร่ำเด็กสาวดิ้นทุรนทุรายเจ็บปวดจนน้ำตาไหล ทั้งที่ฝืนกลั้นไม่ให้อีกฝ่ายรู้สึกถึงความเจ็บปวดที่ได้รับ“เธอมันก็เหมื
“คราวหน้าคงได้มาสนุกอย่างนี้อีกนะ” แป้งร่ำยิ้มบาง ๆ แล้วโบกมือลาเพื่อน ๆ คนอื่น ๆ“เราเดินไปส่งนะ” โซดาลุกขึ้นยืนและยื่นมือออกไปให้มือเรียวเล็กจับก่อนลุกขึ้นยืน ผีหนุ่มมองภาพนั้นด้วยรอยยิ้มรู้สึกอิ่มข้างในใจอยากบอกไม่ถูก เด็กสาวสองคนเดินจูงมือกันไปที่ต้นถนนจุดที่นัดคนขับรถไว้ รถเก๋งยุโรปคันหรูเคลื่อนมาใกล้ แป้งร่ำไม่อยากเร่งเท้านักแต่รู้ว่าบริเวณนี้จอดรถนานไม่ได้เธอจึงจำใจเดินไปที่รถ“โชคดีนะ วันนี้สนุกมากเลย”“เช่นกันจ๊ะโซดา”ประตูเปิดออกก่อนที่มือของแป้งร่ำจะเอื้อมไปจับ แต่ร่างเล็ก ๆ ก็ถูกกระชากเข้าไปในรถอย่างรวดเร็ว โซดาตกใจกับภาพที่เห็นรีบกระโจนพุงตัวเข้าไปในรถทันที มือใครบางคนในรถเอื้อมมือออกมาปิดประตูรถอย่างรวดเร็วจนไม่ทันมีใครในบริเวณนั้นสังเกตเห็นสิ่งผิดปกติ รถเคลื่อนตัวออกไปพอดีกับที่ เบียร์ก้าวลงมาจากรถแท็กซี่ที่เข้ามาจอดแทนที่รถยุโรปที่พุ่งตัวออกอย่างรวดเร็ว“ช่วยด้วย! นายวุ่นวาย!” ผีหนุ่มร่างโปร่งใสยืนหันรีหันขวางอยู่ท่ามกลางผู้คนที่ไม่มีใครมองเห็นตัวเขา และไม่ทันสังเกตเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น นายวุ่นวายมองหาร่างของเบียร์ รีบวิ่งไปตะโก
“เด็กโง่ๆนั่นนะเหรอ...อีกหน่อยก็เป็นเหมือนอุ้ม-อั้มอะไรนั้นอีกหรอก ให้เป็นghost writerดีๆไม่ชอบอย่างขึ้นมาประกาศตัวให้โลกรู้จัก เชอะ! ฝันไปเถอะ..สภาพพิการอย่างนั้นใครเค้าจะชื่นชม หมดยุคสมัยนักเขียนไส้แห้งกินอุดมคติกันแล้ว ลองไม่ใช่ปกรณ์หรือปลายศร หนังสือที่ไหนจะขายออกได้หลักแสนเล่มแบบนี้บ้าง” “เอานะ..เดี๋ยวพี่ปั้นเด็กใหม่ก่อน หลอกทำสัญญาให้เรียบร้อยก่อน เด็กนี่ก็ใช้ได้มีแววดีสั่งงานอะไรก็ทำได้ตามสั่งอย่างกับทำอาหารตามสั่งแนะเหมาะกับการทำงานเป็นGhost writerให้เรา”“ชื่ออะไรนะ โซดาเหรอ ปลื้มพี่ดุจตะวันน่าดูนี่นะ ถ้ารู้ว่าตัวจริงเป็นแค่ผู้หญิงพิการสาวเอ๋อออทิสติกละก็..จะเป็นยังไงนะ” ‘ ดุจตะวัน ’ คงมาจากชื่อจริงของพี่อุ้มนี่เอง พี่อุ้มก็คือนักเขียน‘ ดุจตะวัน ’ ตัวจริง ที่เธอปลื้มแล้วเด็กใหม่โง่ๆที่คิดแค่ทำอะไรก็ได้ให้ใกล้ชิดแวดวงนักเขียนก็พอก็คงเป็นเธอซินะ “โซดา!” นายวุ่นวายกระซิบเบา ๆ ที่ข้างหู เขาเองก็รับรู้ความเจ็บปวดที่เธอมีและยิ่งนึกเจ็บใจตัวเองที่ไม่สามารถจะเอื้อมมือไปกุมมือเล็ก ๆ ที่สั่นระริก ปวดใจยิ่งนักที่ไม่สามารถปลอบใจและให้กำลังใจผู้หญิงตัวเล็กๆคนนี้ได้ โง่ให้พ