“คุณส่งฉันมาตายรึเปล่าเนี่ย คุณรู้ไหมไอ้มาเฟียโรคจิตนั้นมันฆ่าคนเหมือนผักเหมือนปลาเลยรู้ไหม บอกฉันมาตรง ๆ ดีกว่าคุณต้องการข้อมูลอะไรกันแน่”
“หึ สาวน้อยใจเย็น ๆ มันไม่ฆ่าเธอหรอก เธอทำงานออกมาได้ด้วยดี ตอนนี้เธอมีชีวิตอยู่ถึงตอนนี้ก็น่าประหลาดใจแล้วไม่ใช่เหรอ”
“คุณเองก็บ้าไม่ต่างไปกับไอ้โรคจิตนั้นหรอก พี่สาวฉันล่ะ วันนี้ยังไงฉันก็ต้องได้คุย”
“เฮ้อ ฉันให้คุยแล้วกลับไปทำงานให้มันได้เรื่องด้วยล่ะ ก่อนที่ฉันจะหมดความอดทนและเป่าหัวพี่สาวเธอ”
“ไอ้เลว!!”
“อยากให้พี่สาวเธอตายเร็ว ๆ ก็ปากเก่งอีกสิ แนนนี่ส่งเสียงให้น้องสาวเธอได้ยินหน่อยสิ”
“นานา นานาน้องโอเคไหม” เสียงกระวนกระวายที่เต็มไปด้วยความเป็นห่วงส่งเสียงถาม
“นานาโอเคค่ะพี่แนน แล้วพี่ล่ะมันได้ทำอะไรพี่ไหม”
“ไม่ พี่โอเค ปล่อยนะ ขอให้ฉันคุยกับน้องอีกหน่อยเถอะ”
“พี่แนน! พี่แนน! ไม่ต้องเป็นห่วงนะ นานาจะช่วยพี่ออกมาเอง” เธอรีบบอกให้อีกฝ่ายไม่ต้องกังวล เพราะรู้ดีว่าพี่สาวเธอจะคิดมากและคอยเป็นห่วงเธออยู่ตลอดเวลา
“พี่น้องสมานฉันท์กันเหลือเกินนะ ฉันให้เวลาเธออีก 5 เดือน ถ้ายังไม่ได้ข้อมูลธุรกิจของมันทั้งหมด และแหล่งเก็บสินค้าของมันเธอเตรียมรับหัวพี่สาวของเธอได้เลยนานา”
“ไอ้...โธ่เว้ย” เธอกัดปากตัวเองที่เกือบจะหลุดคำด่าออกมา แต่ด้วยความที่กลัวว่าพี่จะตกอยู่ในอันตรายจึงเลือกสบถออกมาอย่างหัวเสียแทน
“เป็นเด็กดีล่ะ อีก 2 ฉันจะโทรเข้ามาถามความคืบหน้า ราตรีสวัสดิ์"
ตู๊ด ตู๊ด!!
“ไอ้เลว ไอ้ชาติชั่ว ไอ้ชาติหมา ไอ้ระยำ” เมื่อปลายสายตัดไปแล้วเธอจึงบันดาลโทสะที่เต็มไปด้วยความแค้นเคือง ถ้าคำแช่งคำด่าทำให้อีกฝ่ายตายได้ก็คงดี คนเลว ๆ จะได้หมดโลกสักที
ภายในความมืดสลัวที่ทุกคนกำลังทำงานตามหน้าที่ของตนเองนั้น มีร่างเล็กของหญิงสาวคนหนึ่งที่พยายามเดินหลบมุมท่ามกลางความมืดที่มีเพียงแสงจากสปอตไลน์สาดลงมาเล็กน้อย
เธอค่อย ๆ ย่องออกมาอย่างเบาที่สุด ขึ้นมาชั้นสามที่เป็นโซน Vip ก็ต้องชะงักเพราะชั้นนี้ลูกน้องชุดดำยืนเฝ้ากันแต่ละจุดเต็มไปหมด
“แม่งเอ๊ย” เธอสบถในใจเล็กน้อยและค่อย ๆ เดินกลับทางเดิมอย่างเงียบเชียบที่สุด
“นานาหายไปไหนพี่หาเราตั้งนาน” โรมเดินเข้ามาหาและฉีกยิ้มกว้าง
“พี่โรมจะใช้อะไรนานาค่ะ”
“ไปดูแลแขกโต๊ะนั้นที ดูแลดี ๆ เพราะโต๊ะนั้นทั้งกลุ่มเป็นเพื่อนบอสทั้งหมด”
“ค่ะ แล้วบอสจะลงมาไหมคะ”
“บอสก็นั่งอยู่ในกลุ่มนั่นแหละ เอาแก้วเหล้าบอสแยกไปด้วยล่ะ”
“ค่ะพี่โรม” เธอรับแก้วใบใหม่มาและเดินถอนหายใจเข้าไป เธอไม่รู้จะตีหน้าแบบไหนกับมาเฟียคนนั้นกับเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวาน
“สวัสดีครับคุณนานา” เป็นอีกครั้งที่คนเดิมเอ่ยทักทายเธอด้วยใบหน้าที่ยิ้มกรุ้มกริ่มและเจ้าเล่ห์ และมีสายตาคมจ้องมองมาที่เธอสบตาเข้าจนทำให้เสียวสันหลังไปทั้งตัว
“สวัสดีค่ะ นานาขออนุญาตรินวิสกี้ให้นะคะ”
“เชิญครับ” เป็นชิเอลอีกครั้งที่ยิ้มมาให้จนน่าหมั่นไส้ แต่รอยยิ้มนั้นกลับทำให้เขาดูดีอย่างเห็นได้ชัด
“ไซรัสมึงต้องระวังธุรกิจของมึงให้ดีนะ เพราะตอนนี้น่าจะมีจะมีหนูเข้ามาโดยที่เราไม่รู้ตัว”
หญิงสาวรินเหล้าไปและเงี่ยหูฟังไปกับการสนทนาที่มาเฟียหนุ่มพูด
“ใครมันจะมาลูบคมอย่างเฮียฟาริสว่ะ ถ้าไม่อยากตาย” ไซรัสเอ่ยถามอย่างสงสัยว่าไอ้คนที่เข้ามาทำให้ธุรกิจของเจ้าพ่อมาเฟียอย่างฟาริสเสียหายนี่มันไม่กลัวตายเลยรึไงกันถึงได้เข้ามาในถ้ำเสือได้
“นั่นนะสิเฮีย ใครจะกล้า” เวกัสเอ่ยเสริมทัพและจิบเหล้าของตัวเองต่อ
“เพราะแบบนี้ไงกูถึงได้เรียกพวกมึงมาเพราะมีคนมาลูบคมกูแล้ว” ฟาริสเอ่ยบอกและเงียบเสียงลงเมื่อเห็นร่างบางเข้ามารินเหล้าให้ตัวเองอีกครั้ง “เธอออกไปก่อนไป”
“ค่ะบอส” นานารับคำอย่างว่าง่ายและรีบเดินออกไป
“ไอ้โรมเรื่องไปถึงไหนแล้ว” ทันทีที่ชายหนุ่มเรียกชื่อ โรมที่แอบอยู่ในมุมมืดก็ยิ้มและเดาะลิ้นเดินเข้ามา
“ก็น่าสงสัยสุด ๆ ไปเลยนะสิวะ”
“น่าสงสัยอะไรกันพี่โรม” ชิเอลถามด้วยความสงสัย เพราะจะว่าไปโรมก็แอบไปทำอะไรไม่สมเป็นเขาเลย เพราะคลั่งล่าสุดเห็นอยู่คลับเฮ้าส์
“แอบไปทำงานให้ไอ้ริสไง”
“อ๋อเป็นผู้ชายขายน้ำนะเหรอพี่โรม ฮ่า ฮ่า” ชิเอลนั่งหัวเราะท้องคัดท้องแข็งถึงว่าทำไมถึงไปอยู่ที่นั่นได้เพราะแอบไปทำงานโดยไม่บอกนี่เอง
“ฟาริสกูว่าพอแล้วมั้งที่ให้ไอ้โรมไปสืบนะ” ไซรัสเอ่ยขึ้นมาเพราะแอบเป็นห่วงเพื่อนถ้าคนทางบ้านรู้หัวใจคงได้วายกันพอดีลูกชายทายาทพันล้านเพียงคนเดียวแต่ไปเต้นรูดเสาร์จับป้าแก่ ๆ กิน
“กูใช้ให้มันไปทำที่ไหนล่ะ มันไปของมันเอง กูบอกให้มันหยุดมันฟังที่ไหน” ฟาริสโต้กลับเพราะเขาเองก็บอกแล้วว่าไม่ต้องเข้าไปแต่โรมเข้าไปเอง
“เหอะ! แปลว่ามึงชอบใช่ไหมไอ้โรม”
“กูมีอะไรให้เสียหายล่ะ มันสนุกด้วยไง” โรมพูดอย่างสบายใจไม่ได้เดือดร้อนใจเหมือนกับที่เพื่อนเป็นห่วง
“เออยังก็ระวังตัวไว้ไอ้โรม แล้วงานที่วานล่ะ” ฟาริสถามเสียงขรึมและมองไปรอบ ๆ ว่ามีใครอยู่แถวนี้ไหม
“อืม น้องเขาแอบมองอยู่ตลอดเลยสงสัยคงชอบมึงล่ะมั้ง”
“ไอ้โรมกูให้มึงมาทำงานที่นี่เพื่อสนุกรึไง เอาจริงเอาจังสักทีสิวะ” ฟาริสดุพร้อมกับเอาปืนมาวางไว้บนโต๊ะ ถ้าขืนโรมยังเล่นไม่เลิกเขาจะเอาปืนเป่าปากมันแทน เพื่อนก็เพื่อเถอะ
“เขามองมึงจริง แต่มองแบบไม่ได้อยากกิน มองแบบมึงเป็นเหยื่อ”
“แล้วมันต่างกันยังไงพี่โรม คือเขามองเพราะเขาชอบเฮียฟาริสใช่ไหม”
“ไม่ใช่ แต่น้องเขามองแบบพร้อมที่จะกระสวกไส้นะสิ” เมื่อชิเอลได้ยินในสิ่งที่โรมบอกก็หลุดขำออกมา
“เหอะ เหอะ ปกติมีแต่คนกลัวถ้ามองเฮียแบบนั้น ส่วนมากผู้หญิงมองเพราะเขาแอบชอบและอยากจับเฮียกิน แต่มองแบบต้องการกระสวกนี้ ฮ่า ฮ่า เฮียระวังเขาให้ดีล่ะเผลอ ๆ โดนมีดปักกลางอกตายทำไง”
“ไอ้กัสปากมึงน่าเอาปืนจ่อปากแล้วยิงสักสองสามนัดไม่ให้วิญญาณมึงได้ไปผุดไปเกิดเลยไอ้เวร”
“ล้อเล่นครับเฮีย” ปากบอกว่าล้อเล่นแต่กลับนั่งหัวเราะกับชิเอลอย่างสนุกสนาน
“ระวังไว้ไม่เสียหายนะฟาริส เพราะน้องเขาชอบใช้สายตาสอดส่อง กูสังเกตมาตั้งแต่น้องเขาขึ้นมาข้างบนแล้ว ปกติถ้าใช้ให้ใครขึ้นไปหามึงจะต้องกลัวกันจนตัวสั่น แต่น้องกับดีใจถึงแม้พยายามปกปิดไม่ให้กูรู้ก็เถอะ แต่กูดูออก และอีกอย่างกูใช้ให้ลูกน้องกูไปสืบมาเพิ่มเติม มึงรู้ไหมกูเจออะไร”
“อะไร”
“น้องเขาอายุแค่ 18 แต่ทำบัตรปลอมว่าอายุ 20 และอีกอย่างน้องใช้ชื่อปลอมเข้ามาทำงาน”
“ฮ่า ฮ่า เด็กน้อยเล่นกูซะแล้ว ไอ้เชี่ย” ฟาริสนั่งหัวเราะชอบใจ ต่างจากคนอื่นที่มองหน้ากันอย่างกังวลเพราะกลัวสาวน้อยนั้นตาย
-------------------------------------------
พร้อมให้น้องกระสวกไส้ไหมคะพี่ฟ้าริส แต่ขอบอกเลยนะว่าน้องด่าเก่ง ^^
เป็นเวลาหลายวันแล้วที่หญิงสาวทำตัวเหินห่าง ถ้าวันไหนเขาเดินออกจากห้องเธอมักจะกลับขึ้นไปบนห้องตัวเองแทน อาหารที่เธอมักทำให้ตอนนี้เธอก็ไม่ทำคงโกรธเกลียดเขามากสินะ“คุณแนน อย่าเพิ่งไปครับ”ขาเรียวหยุดอยู่กับที่เมื่อได้ยินเสียงทุ้มเอ่ยเรียก ปกติเขามักจะส่งเสียงเย็นชาให้ได้ยิน แต่วันนี้กลับอ่อนลงให้เธอแปลก ๆ หรือเขารู้สึกผิดกับเธออย่างงั้นเหรอ“คุณได้กินยารึยัง”เหอะ! ฉันคิดเพ้อฝันอะไรอยู่ อยากได้ยินคำว่าขอโทษจากปากเขาว่างั้น ตอนแรกหลงคิดว่าเขาจะเอ่ยขอโทษ แต่กลับมาถามว่ากินยารึยัง สารเลวจริง ๆ“กินแล้ว คุณไม่ต้องกังวลหรอก เพราะฉันก็ไม่ได้โง่” เธอตอบกลับเสียงเย็นชาและเลือกเดินขึ้นห้องไป“เดี๋ยวก่อนครับ” เมธาวิ่งเข้ามาจับข้อมือเล็กให้เธอหันมาเผชิญหน้า และก็ได้เห็นน้ำตาที่ไหลออกมาจากบนหน้าสวยจนเขาทำอะไรไม่ถูกเพราะไม่ถูกกับน้ำตาของผู้หญิง“มีอะไรอีก ฉันอยากจะขึ้นห้องแล้ว”“ผมขอโทษสำหรับเรื่องคืนนั้น” ร่างสูงเอ่ยออกมาอย่างสำนึกผิด อีกอย่างเขาเป็นคนแสดงออกไม่เป็น เขารู้สึกผิดจริง ๆ แต่หน้ากลับเย็นชาทำเป็นแต่หน้านิ่ง ไม่รู้เธอจะให้อภัยไหม และอีกอย่างตนไม่ใช่คนที่ทำอะไรผิดแล้วจะชิ่ง“ทำไมไม่ขอโทษ
“คุณปล่อยฉันนะ” ร่างเล็กเมื่อริมฝีปากเป็นอิสระจึงร้องส่งเสียงให้เขาออกไป“อื้อ..” ร่างหนาไม่ฟังเขาเพียงปรือตาขึ้นมาเล็กน้อยอาจด้วยพิษไข้จึงทำอะไรโดยไม่รู้ตัว“คุณ นี่ฉันเองนะ ปล่อยได้แล้ว” แนนร้องตะโกนบอกพยายามดิ้นหนี แต่ยิ่งดิ้นเหมือนยิ่งไปกระตุ้นให้เขามีอารมณ์มากขึ้น เพราะรู้สึกได้ถึงตรงนั้นที่นู่นเด่นและแข็งกำลังทิ่มตรงหว่างขาของเธอมือแกร่งดั่งคีมเหล็กเข้ามากระชากชุดนอนของหญิงสาวออก เขากระชากและดึงออกอย่างแรงเมื่อคนตัวเล็กพยายามดิ้นหนีอีกครั้ง“ปล่อยฉันนะ คุณเมธาได้ยินฉันไหม นี่ฉันเอง”“หุบปากสักที รำคาญ” เสียงแหบพร่าเอ่ยขึ้น และเข้ามาฉกริมฝีปากอวบอิ่มจูบอีกครั้งอย่างหื่นกระหายมือหนาหยาบกร้านเข้ามาสัมผัสผิวเรียบเนียนทีละจุดและมาหยุดที่อกอวบคู่สวย เขาไม่รอช้าบีบขยี้จนแทบแหลกคามือ และใช้ฟันกัดเบา ๆ ที่ปทุมถันที่เริ่มแข็งเป็นไต ลิ้นร้อนปาดเลียวนไปมาและดูดเข้าปากเหมือนเด็กน้อยที่หิวกระหาย“อือ อึก ไม่เอา อย่าทำฉันนะ” ด้วยแรงที่สู้เขาไม่ได้เลยอยู่ใต้อาณัติอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง เธอพยายามสู้กับแรงเขาแล้วแต่ไม่สามารถเอาชนะได้เลย และตอนนี้เขากำลังจับเธอแหกขาออกกว้าง“ไม่นะ เมธา ไม่”สวบ!
“เมื่อคืนขอโทษด้วยนะคะ ฉันไม่ได้ตั้งใจที่จะพูดยังงั้นออกไป”ทันทีที่เห็นชายหนุ่มเดินลงมาแนนจึงรีบพุ่งตัวเข้าไปหาและเอ่ยขอโทษออกมาอย่างสำนึกผิด เธอชงกาแฟดำและขนมปังปิ้งวางไว้ให้เขาตามด้วยไข่คนที่มีเบคอนทอดกรอบวางอยู่ด้านข้างส่งกลิ่นหอมฉุยออกมาเรียกน้ำลาย“อืม” ชายหนุ่มขานรับสั้น ๆ ในลำคอและจิบกาแฟดำเข้าปากพร้อมกับกัดขนมปังทานไปเงียบ ๆ และเอ่ยขอตัวไปทำงานแบบที่เขาทำเป็นประจำ“วันนี้ฉันจะทำกับข้าวรอนะคะ”เมธาหยุดเดินและหันมามองด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง แต่เขาไม่พูดอะไรแค่มองแบบนั้นและเดินออกไป“เฮ้อ~~ สงสัยกลัวดอกพิกุลร่วงออกจากปาก พูดลากันสักคำก็ได้ ไม่ใช่เดินออกไปเฉย ๆ” เธอบ่นตามหลังเพราะไม่กล้าบ่นต่อหน้าเพราะเมื่อคืนสร้างวีรกรรมไว้แล้ว ถ้าจะสร้างต่อคงไม่ดี เพราะเธอยังอยากให้น้องปลอดภัยจากคนของโทมัสตกเย็นจวบจนถึงเวลาสี่ทุ่มเธอก็ยังไม่เห็นชายหนุ่มกลับมา ตั้งใจทำอาหารรอไว้อย่างดิบดีแต่กลับไม่เห็นเจ้าตัวกลับมาเสียที เธอตัดสินใจเก็บอาหารเข้าตู้เย็น พอเคลียร์อะไรเสร็จตั้งใจจะขึ้นห้องแต่ได้ยินเสียงรถขับเข้ามาจึงยืนอยู่รอ เผื่อเขายังไม่ได้ทานข้าวมาเธอจะเตรียมอุ่นให้“ทำไมสภาพคุณเป็นอย่างงั้นล่ะคะ”
ร่างสูงกำยำบังคับหัวเรือเข้ามาจอดเทียบท่า สายตาคมมองไปในพื้นน้ำและท่ามกลางความมืด ตอนนี้แค่รอเวลาเพียงเท่านั้นปัง!ปัง!ปากหยักคลี่ยิ้มเมื่อทุกอย่างกำลังเป็นไปตามแผน เมธารีบเดินออกมาเมื่อได้ยินเหล่าลูกน้องส่งเสียงร้องโหวกเหวกโวยวาย“กูจัดการเอง” เสียงแข็งกระด้างและใหญ่เอ่ยบอกและชี้ให้เหล่าลูกหาบกระโดดลงไปเพื่อเอาชีวิตรอด“แล้วกัปตันล่ะ ถ้ามันยิงกัปตันขึ้นมาพวกเราจะทำยังไง”“พวกมันไม่ยิงหรอก พวกมึงหนีเอาชีวิตรอดก่อนเถอะ”“ครับ” เมื่อเห็นเหล่าลูกจ้างหนีออกไปกันจนหมดแล้วเขาก็เดินออกมาเพื่อเผชิญหน้ากับผู้ที่เข้ามาเยือน“นี่คือของทั้งหมดใช่ไหม” หนึ่งในแก๊งที่เข้ามาปล้นเอ่ยถามเสียงหยัน“เออ รีบ ๆ เข้าเถอะก่อนที่บอสใหญ่จะมา ถ้ามาตัวใครตัวมันก็แล้วกัน และถ้าใครโดนจับได้กูแนะนำให้พวกมึงฆ่าตัวตายซะถ้าไม่อยากทรมาน"“นี่เงินที่นายแบบนั้นสั่งให้เอามาให้ ครั้งหน้ามีงานอีกกูจะติดต่อไป” มือหนารับเงินปึกใหญ่ที่บรรจุอยู่ในซองกระดาษมาถือเอาไว้“อืม รีบเข้าเถอะก่อนที่ลูกเรือคนอื่นจะเห็น เมื่อกี้กูเพิ่งไล่ให้ไปอีกทางไม่รู้มันจะย้อนกลับมาไหม”“เออ เร่งมือเข้า เอาเรือมาเทียบท่าเร็ว” เพราะด้วยวันนี้ไม่มีเรื
หลายเดือนมาแล้วที่เธอได้อยู่กับคนหน้านิ่งเหมือนเป็นคนไม่มีอารมณ์ใด ๆ ผ่านใบหน้า นอกจากความเย็นชา“หน้าผมมันมีอะไรติดรึไงครับถึงได้เอาแต่มอง”เสียงพูดติดรำคาญถามแต่ตายังคงมองไปข้างหน้า ที่ทั้งเขาและเธอออกมาห้างเพื่อซื้อของใช้จำเป็น และพวกอาหารสดและแห้ง ปกติเขาชอบซื้อกินมากกว่า แต่พอมีผู้หญิงคนนี้เข้ามากลับกลายเป็นต้องเลิกซื้ออาหารข้างนอกกิน เพราะเธอคนนี้จะทำอาหารไว้รอเขาตลอด จนมันกลายเป็นความเคยชินไปแล้ว“ฉันมองเพราะหน้าคุณมันหล่อละมั้งค่ะ” แนนตอบกลับหน้าตาย ส่วนเมธาก็หน้าตายไม่แพ้กัน“เหอะ!!” เมธาหัวเราะออกมาเพราะรู้ว่าหญิงสาวประชด“ตอนนี้สถานการณ์อีกฝั่งยังไม่คลี่คลายดีเหรอคะ”“ทำไม”“ฉันอยากไปอยู่กับน้องแค่สองคนแล้วค่ะ มัวแต่อยู่กับคุณแบบนี้ฉันเกรงใจ”“เกรงใจหรืออึดอัดกันแน่”หึ รู้ดีอีก อุตส่าห์เก็บความรู้สึกเอาไว้อย่างดีแล้วแท้ ๆ“เกรงใจสิคะ จะมาอึดอัดอะไรล่ะ บ้านหลังตั้งใหญ่โต ข้าวก็ไม่ต้องซื้อกินสบายจะตาย ใช่ไหมละคะ”เหอะ! ยัยผู้หญิงหน้าด้านเมธาถอนหายใจและเดินมาหยุดตรงครีมอาบน้ำ กำลังจะหยิบครีมอาบน้ำที่ใช้เป็นประจำขึ้นมาสองขวด แต่มือเล็กขึ้นมาปัดมือของเขาออก“ฉันอยากเปลี่ยนครีม
ผลัวะ! ผลัวะ! อั๊ก!!เสียงข้างนอกดังเอะอะโวยวายเข้ามา ร่างเล็กที่นอนคดอยู่บนฟูกเก่า ๆ ขยับตัวขึ้นและพยายามมองลอดผ่านช่องว่างของประตูออกไปว่าเกิดอะไรขึ้นผลัวะ!! ปัง!“กรี๊ด!!” เธอหวีดร้องออกมาอย่างตกใจที่ประตูเกือบกระแทกโดนหน้าของเธอเต็ม ๆ ดีที่กระโดดหลบออกมาได้ทัน“เธอใช่แนนไหม?” เสียงเย็นชาเอ่ยถามด้วยใบหน้าที่เรียบนิ่ง และใช้มือที่มีแต่เลือดกระแทกท่อนเหล็กลงพื้นด้วยความหงุดหงิด “ตอบสิวะ” ชายหนุ่มทำหน้าหงุดหงิดและเอาผ้าเช็ดหน้าเช็ดเลือดที่มือออกและเดินดุ่ม ๆ เข้ามาที่หญิงสาว“จะทำอะไรฉัน ถ้าจะฆ่าฉันก็ปล่อยน้องสาวฉันไป” ร่างสูงมองเข้าไปที่ดวงตาดำขลับที่มองเขาอย่างไม่เกรงกลัว แต่ตัวของเธอกลับสั่นอย่างน่าขัน“ฉันถาม เธอใช่แนนไหม” เสียงเย็นชาเอ่ยถามอีกครั้ง และบีบเข้าที่คางเล็กจนผิวยุบไปตามแรง“ชะ ใช่ ฉันเจ็บนะ”“ถ้าไม่อยากให้น้องสาวเธอตายก็รีบตามมา”“ค่ะ” เธอรับอย่างว่าง่ายและเดินตามมาอย่างเชื่อฟังเมธาเหลือบมองร่างเล็กของหญิงสาวใบหน้าของเธอละม้ายคล้ายคลึงกับน้องสาวของเธอไม่มีผิด แต่คนนี้มีดวงตาสีดำและเส้นผมสีดำที่เงางามเหยียดตรงมากกว่า ต่างจากคนน้องที่ผมออกสีน้ำตาล“ออกรถ” เสียงแข็งกระ