“นายเลิกพูดคำว่า เหมือนคนอื่นซะที หรืออยากจะพูดให้หยาได้ยินเหรอว่าฉันเคยมีแฟนหลายคน” “อ้าว! ก็เรื่องจริง จะคบกันก็รับให้ได้สิครับ” “ฉันว่านายเครียดเรื่องงานที่บริษัทก็พอ ไม่น่าจะเครียดเรื่องคนอื่น” “เฮียว่าผมเสือกเหรอครับ” อาทิตย์ถามด้วยความไม่พอใจ“แล้วนายตีความแบบนั้นจริงเหรอ” ตฤณถามกลับ “ก็ใช่นี่ครับแหม” “แล้วแต่จะคิด”“ที่ว่าจะพูดเรื่องงานน่ะ วันนี้ตอนเย็นผมแวะไปที่บ้านเฮียได้ไหม” “ตอนเย็นไม่ว่าง เอาไว้วันอื่น แล้วก็นัดล่วงหน้าด้วย”“นัดล่วงหน้า นี่ผมน้องเฮียนะ ต้องนัดล่วงหน้าเหรอครับ” “แต่ฉันเป็นประธานบริษัท จะนาย จะแปะ ก็ต้องนัด เพราะไม่ได้มีเวลาว่าสแตนบายรอใคร” “ทำไมครับ มีดินเนอร์กับแฟนเหรอ” “ใช่ คบกันใหม่ๆ ก็ต้องหาเวลาให้กัน ไม่อยากเอาเวลางานไปแทรก”“สักชั่วโมงก็ไม่ได้เหรอครับ” “แล้วนายจะไปพูดเรื่องอะไร พูดตอนนี้ก็ได้นี่” “แต่ไม่เป็นส่วนตัว ตรงนี้มีคนอื่น” “คนอื่นที่ว่าคือก้อง ผู้ช่วยที่ฉันไว้ใจให้ดูแลเรื่องเงินได้ ไม่มีอะไรที่เป็นความลับยกเว้นเรื่องบนเตียงของฉัน” “เอ่อๆๆ เรื่องเงินน่ะครับ คือ สถานการณ์ตอนนี้หุ้นตกไปหมดเลย ทำเอาหุ้นบริษัทผมดิ่งเชียว ไหนจะต้องแบกร
ส่วนตฤณ ก็นั่งรถออกมาจากร้านกาแฟด้วยสีหน้าท่าทางไม่พอใจ อารมณ์กรุ่นๆ ไม่ยอมยิ้มแย้ม พาลเสียอารมณ์ที่ไม่ได้กินกาแฟก่อนออกมาอีก “มีกาแฟร้านไหนเป็นร้านโปรดอีกไหมคะ” ปั้นหยาหันมาถามเจ้านายหนุ่มเหมือนจะเอาใจ รู้ว่าเขากรุ่นๆ แล้วล่ะ“ทำไมครับ” ตฤณถามเสียงเข้ม “ก็จะได้ให้คุณก้องขับพาไปซื้อ” “ก็... ทำไมถึงคิดว่าผมอยากดื่มล่ะ”“ถ้าไม่อยากดื่ม จะไปกินอาหารที่ร้านกาแฟทำไมคะ ก็ต้องอยากดื่มอยู่แล้วไหมล่ะ” พอปั้นหยาตอบเช่นนี้ ตฤณก็ปรายตามองเล็กน้อยแล้วแอบยิ้มมุมปาก“ก็พอมี ก้องไปอีกร้านหนึ่งนะ จะได้กินกาแฟก่อนกลับ เผื่ออารมณ์จะดีขึ้น” ตฤณเอ่ยเสียงดังพอสมควรเพื่อให้ก้องการุณได้ยิน“ครับคุณท่าน” “เอ่อ ดูเหมือนท่านไม่ชอบพบปะญาติพี่น้องเท่าไหร่” ปั้นหยาว่าจะไม่ถามแล้วเชียว เห็นอารมณ์ของเขาเป็นแบบนี้น่ากลัวเลยทีเดียว ทว่าเธอก็ไม่อยากอยู่ในสถานการณ์อึมครึมแบบนี้“เวลาส่วนตัว ผมไม่ชอบให้ใครเข้ามายุ่งวุ่นวาย” ฟังอย่างนี้แล้วเธอก็ไม่อยากถามให้เยอะแยะ รอเวลาที่ทำความรู้จักกับเจ้านายคนนี้ให้มากกว่านี้เสียก่อน บางทีเธออาจจะรู้อะไรหลายๆ อย่างจากปากเขาเองก็ได้ ซึ่งตอนนี้หากละลาบละล้วงก็เกรงจะไม่เหมาะ ไม่
“ครับ” ว่าแล้วก้องการุณก็ออกรถทันที ส่วนปั้นหยาก็ลอบมองเจ้านายหนุ่มเป็นระยะ จับสังเกตว่าเขาอยู่ในอารมณ์ไหน แต่ที่แน่ๆ ญาติคนนั้นที่ชื่ออาทิตย์ น่าจะไม่ใช่ญาติที่รักแน่ๆ แล้วคำพูดคำจาที่เอ่ยออกมา มีความประชด เหน็บแนมอวดภูมิ อยากให้เธอรู้เสียเต็มประดาว่าตฤณมีแฟนเยอะมาก่อน ซึ่งมันไม่เกี่ยวกับเธอ เธอไม่แคร์ ต่อมา ทั้งสามมาถึงบริษัทและกลับเข้าทำงานตามเวลาเป๊ะ แต่ด้วยตฤณค่อนข้างจะหงุดหงิดมาจากข้างนอก ทำให้เขาไม่ยอมพูดจาหยอกเย้าปั้นหยาอีก ตั้งหน้าทำงานแต่โดยดี ซึ่งปั้นหยาก็มองออกเช่นกัน ต่างฝ่ายต่างทำหน้าที่ให้เสร็จเพื่อจะได้จบๆ ในวันนี้ แต่ให้ตายเถอะมันค้างคาในใจของเธอเสียเหลือเกิน กระทั่งสบโอกาสที่เอาแฟ้มออกมาไว้ด้านนอก เพื่อให้เจ้าหน้าที่มารับไป เธอจึงถามก้องการุณเสียเลย “คุณก้องคะ” ปั้นหยาเรียกชายหนุ่มพลางมองซ้ายขวา ก่อนจะนั่งลงที่หน้าโต๊ะทำงาน“ครับ ท่าทางมีพิรุธนะ”“ก็... หยาว่า ต่อมเผือกหยามันทำงาน ถ้าไม่ถาม...” “ให้เวลาสิบนาทีครับ ไม่งั้นเจ้านายจะเรียกตัวนะ หายออกมานานน่ะ” “เรื่องญาติคนนั้นของท่านประธาน ทำเป็นเข้ามาทักทายแต่ทำไมพูดจากระแนะกระแหนคะ ไม่ถูกกันเหรอ” “ก็ตามประสาครอบค
“ออกไปทำอะไร เอาแฟ้มออกไป ไหงไม่กลับเข้ามาสักที” “หยาก็มีความรู้สึกว่า อยากดื่มอะไรเย็นๆ บ้างสิคะ หรือว่าไม่ได้” “แล้วทำไมไม่บอกจะได้โทรออกไปบอกให้เจ้าก้องเอาเข้ามาให้” “หยาไม่มีสิทธิ์สั่งคุณก้องนะคะ” “เขาเรียกว่าขอน้ำใจจ้ะ” “เรียกว่าสั่งจะดีกว่าค่ะ แล้วอยากได้อะไรเหรอคะ เห็นโทรออกไปตาม” “ไม่เห็นหน้าเลขาห้านาทีก็คิดถึงแล้วจ้ะ” “แค่นี้เหรอคะ นึกว่าเรื่องใหญ่” ปั้นหยาว่าพลางชักสีหน้าใส่เขา แล้วเดินกลับไปนั่งที่โต๊ะ ถามว่าเขินไหมกับคำพูดของเขา เขินจนทำตัวไม่ถูกได้แต่ซ่อนความหน้าแดงเอาไว้ แล้วแสร้งอ่านอะไรในคอมฯ ไป ส่วนตฤณก็ลอบยิ้ม ต่อมาถึงเวลาเลิกงาน ปั้นหยารีบมาเก็บโต๊ะให้ท่านประธาน แล้วหยิบกระเป๋าทำงาน กระเป๋าตัวเอง เชิญท่านออกจากห้องไม่งั้นโอ้เอ้อีก เรียกว่าทำหน้าที่ได้ดีเยี่ยมตามคำสอนของก้องการุณเป็นอย่างดี พอถึงเวลานั่งรถกลับบ้าน เธอถูกบังคับให้นั่งไปกับตฤณเพราะบ้านอยู่ในซอยเดียวกัน “วันพรุ่งนี้หยาไม่นั่งรถกับท่านแล้วนะคะ” “ทำไมครับ” “ไม่ชอบให้ใครมองแบบนี้” “ตามใจละกันครับ งั้นเดี๋ยวจะให้ก้องเป็นบอร์ดี้การ์ดขับรถไปรับ-ไปส่ง หรือเอาคนอื่นดี “แบบนั้นยิ่งไม่เอา
“เดี๋ยวผมมาครับ ไปไม่นานหรอก เรื่องงานนั่นแหละ”“ฉันก็ไม่ได้ว่าอะไรนายนะ อื้อ! ส่วนหยาอยากจะกลับก็กลับ” พูดไปพลางเขาก็ทำท่าจุกเสียดไปพลาง แล้วงี้เธอจะไปได้ยังไง ทิ้งเขาไว้กับแม่บ้านก็จะรู้สึกผิดอีก“คุณหยาอยู่เป็นเพื่อนคุณท่านก่อนนะครับ คุณท่านไม่ชอบให้ใครขึ้นมายุ่มย่ามบนห้องนอกจากผม” “ถ้าหยามีธุระกับแฟนก็ไม่ต้องไปรบเร้าน่าก้อง” ตฤณประชดด้วยความน้อยใจ “คุณก้องไปเถอะค่ะ หยาอยู่ได้” “ขอบคุณครับ งั้นเดี๋ยวผมมา” ว่าแล้วก้องการุณก็รีบออกไปทันที เหลือไว้แต่ปั้นหยากับตฤณตามลำพัง มาถึงตอนนี้เขาก็เมินหน้าหนี งอนเง้าเสียอย่างนั้น“ผมบอกว่า ผมดูแลตัวเองได้ ไม่ต้องห่วง” “หยาก็ไม่ได้เถียงนะคะ กินยาแล้วก็นอนพักเถอะค่ะ”“แฟนคุณจะเข้าใจผิดไหม ทำงานวันแรกก็มาโผล่ที่บ้านเจ้านายก่อน” “เอาเป็นว่าหยาจะนั่งตรงนี้ คุณก็เลิกพูดเถอะค่ะ แล้วยังจุกอยู่ไหมคะ” พูดไปด้วยเธอก็เผลอเอามือลูบไปตามแขนของเขาด้วย “ยาเพิ่งจะลงท้องไป มันไม่ได้หายง่ายขนาดนั้นนะ” “ตอบว่ายังสิคะ ตอบง่ายๆ” “ยังครับ” “ดีค่ะ” เธอบอก แต่ทว่าอยู่ๆ ก็คิดที่จะลุกไปหาผ้าขนหนูผืนเล็กแล้วชุบน้ำกลับมาเช็ดตัวให้เขา เผื่อจะดีขึ้น“ขออนุญาตค่ะ”
ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก! ผ่านไปสักครึ่งชั่วโมงก็ได้ยินเสียงเคาะประตู ก่อนจะถูกเปิดเข้ามาช้าๆ นั่นคือแม่บ้านคนเดิม ถือถาดอาหารเข้ามา“เอ่อ น้าเตรียมอาหารอ่อนๆ มาให้ค่ะ” แม่บ้านบอกปั้นหยา“ขอบ... ขอบคุณค่ะ เอ่อ หยาขออนุญาตอยู่ดูท่านสักพักนะคะแล้วค่อยกลับ รอคุณก้องกลับมาก่อน” “อยู่เถอะค่ะ ดีเสียอีกมีคนอยู่เป็นเพื่อนท่าน”“จริงสิ หนูลืมแนะนำตัว หนูชื่อหยาค่ะ ปั้นหยาเป็นเลขาคนใหม่ของท่านประธาน”“น้าแจ่มค่ะ เป็นแม่บ้านที่นี่หลายปีแล้ว” น้าแจ่มแนะนำตัวยิ้มๆ ก่อนจะเอ่ยขึ้นอีกครั้ง“น้าฝากคุณท่านด้วยนะคะ”“ค่ะ” ปั้นหยารับปาก จากนั้นน้าแจ่มก็ออกไปอย่างมีมารยาท อย่างนี้ปั้นหยาจะปลุกเขาลุกขึ้นมารับประทานยังไงล่ะ ดูท่าจะหลับนาน แต่ก็ยังดีที่ไม่มีอาการงอแงปวดท้องจุดเสียดให้เห็น “เฮ้อ” ปั้นหยาได้แต่ถอนใจแล้วนั่งเฝ้า จะบอกว่าเบื่อก็ใช่เพราะไม่มีอะไรทำ เนื่องจากนี่ไม่ใช่บ้านตัวเอง ไม่กล้าลุกไปรื้อค้นอะไรให้เสียมารยาท “อื้อ!” ตฤณครางอื้ออึงในลำคออีกครั้งพร้อมกับบิดตัว มือก็กุมท้องเอาไว้ พอจุดเสียดมากๆ เข้าเขาก็ลืมตา พยุงตัวลุกขึ้นมาหายใจเข้าออกลึกๆ “นึกว่ากลับแล้วซะอีก” “ยังสิคะ ไม่ใช่คนชอบผิดคำพูดเสียห
“งั้นเดี๋ยวผมจะลงไปพร้อมกับคุณหยา จะได้บอกคนขับรถและการ์ด แล้วจะกลับมานะครับ”“อืม” ตฤณตอบเสียงเรียบ จากนั้นก้องการุณก็พาปั้นหยาลงไปด้านล่าง จัดการเรียกคนขับรถและการ์ดพาไปส่งที่บ้าน ดูแลความปลอดภัยให้เป็นอย่างดี เมื่อเรียบร้อยแล้วก้องการุณจึงขึ้นหาเจ้านายอีกรอบ “สรุปไปไหนมา” ตฤณถามขึ้นทันที “ไปธุระเรื่องผู้รับเหมารับ”“สรุปว่าเขาจะมาไหมล่ะ”“ก็จะมาครับ แต่เห็นคุณท่านเป็นแบบนี้ ผมคิดว่าจะมีแรงคุยหรือเปล่า ยกเลิกได้นะครับ” “ถ้าเรื่องงาน เหนื่อยแค่ไหนฉันก็ทำได้ ฉันอยากคุยแบบเห็นหน้า ไม่อยากโทร ไม่อยากนัดไปที่บริษัท”“อีกเดี๋ยวก็คงมาครับ น่าจะเป็นจังหวะดีที่คุณหยากลับบ้าน ว่าแต่... อาหารเป็นพิษจริงเหรอครับเนี่ย ปกติไม่เป็นแบบนี้” ก้องการุณแสร้งถามพลางหรี่ตามองเหมือนสงสัยเจ้านาย“แกสงสัยอะไร ก็จุกเสียดแน่นท้อง มันนึกอยากจะเป็นมันก็เป็น ร่างกายคนเรา จะให้แข็งแรงตลอดเวลาได้ยังไง” ตฤณแสร้งตอบเฉไฉแถมไม่มองหน้าอีก “เริ่มไม่แข็งแรงตอนคุณหยาอยู่ด้วยหรือเปล่าครับ” “รู้ดี” สิ้นคำ ตฤณก็ลุกพรวดจากที่นอน เดินดุ่มๆ เข้าห้องน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าอาบน้ำเสียอย่างนั้น“ท่านประธานเป็นคนเจ้าเล่ห์ตั้งแต่เมื่
“งั้นไปที่ห้องนั่งเล่นดีกว่าครับ เป็นส่วนตัวกว่าห้องรับแขกมีทีวีดูเพลินๆ ระหว่างรอ ผมจะได้หาอะไรมาให้กินเสียเลย” “ก็ดีค่ะ ดูท่าทางจะนาน” ว่าแล้วกันระพีก็พาเดินผ่านห้องรับแขกไป ซึ่งอยู่ติดกันนั้นเป็นห้องนั่งเล่น แบบเป็นส่วนตัว โดยตรงข้ามกันก็เป็นห้องทำงานของตฤณ เพิ่งสังเกตว่าบ้านหลังใหญ่สไตล์โมเดิร์น ไม่ได้กว้างแบบโอ่โถงเหมือนคฤหาสน์เจ้าสัว แต่เป็นสัดส่วนมากกว่า ปั้นหยานั่งรออย่างสงบเสงี่ยม รอกันระพีนำอาหารมาเสิร์ฟ เพราะเธอยังไม่ได้กินอะไร นึกเป็นห่วงคนที่มีอาการไม่สบายท้อง แต่ดันมีการคุยงาน หรือนี่จะเป็นนิสัยที่บ้างานของเขาเนี่ย “หยาขอถามได้ไหมคะ ปกติแล้วจะมีคนแวะเวียนมาคุยงานด้วยแบบนี้เสมอเลยเหรอคะ” ปั้นหยาเอ่ยถามเมื่อกันระพีเข้ามา แล้ววางอาหารลง“ใช่ครับ” “แล้วนี่ไม่สบายด้วย จะทนนั่งได้นานแค่ไหน”“คงไม่เป็นไรหรอกครับ ท่านทนเก่ง” กันระพีตอบและยิ้มแปลกๆ “กินอะไรก่อนนะครับเดี๋ยวหิว” “เอ่อ แล้วท่านประธานคุยนานไหมคะ หรือแล้วแต่อารมณ์” “จะว่าแล้วแต่อารมณ์ก็ไม่ใช่เสียทีเดียวครับ แล้วแต่งานมากกว่า ถ้าสำคัญ เครียด และมีรายละเอียดเยอะก็คุยนาน แต่ถ้าไม่อะไรมากมายก็แปบเดียวครับ สักชั่วโม
“ได้ครับ ผมจะได้บอกหนุ่มๆ เตรียมตัว เอ่อแล้วคุณหยาต้องไปด้วยหรือเปล่า” อันนี้ก้องการุณแสร้งถามให้ดังขึ้นไปงั้นเองแหละ“มีแต่ผู้ใหญ่แล้วก็ผู้ชาย คุยเรื่องงานกัน” ตฤณตอบเสียงเรียบ“ขอโทษค่ะ ยิ่งคุยเรื่องงานหยาก็ยิ่งต้องไป ท่านบอกเองว่าความจำไม่ดีต้องมีคนช่วยจำ” ปั้นหยารีบขันอาสาทันที“มีก้องไปแล้ว และนี่เป็นงานกลางคืน” ตฤณปรับน้ำเสียงให้นุ่มน่าฟังขึ้น ประเดี๋ยวจะหาว่าทำเสียงเข้มใส่“ก็ไม่เห็นเป็นไรนี่คะ ดึกยังไงคุณก็ไปส่งหยาอยู่ดี”“เฮ้อ” เถียงไม่ได้เขาก็ถอนใจเชียว“จะไปยิมก่อน จะไปด้วยไหมล่ะครับคุณเลขา” ตฤณไม่ตอบเรื่องให้เธอไปด้วยหรือเปล่า แต่แสร้งถามเรื่องอื่น“อุ้ย! ดีเลยค่ะ หยาอยากรู้ว่ามาดอย่างท่านประธานเนี่ย แค่ไปวิ่ง ยกเวท หรือว่ามีอย่างอื่นอีก” ทำไมเธอชวนง่ายจัง ไม่ปฏิเสธเขาเลย“จ้ะ งั้นก็ไป” ดูเหมือนเขาจะตามใจเธอเก่งเสียเหล
“สำรวจได้ แต่ไม่ใช่ให้เดินเฉิดฉายแผนกช่างหรอกนะ” พูดถึงแผนกช่างเท่านั้นแหละก้องการุณถึงกับอดขำไม่ได้“ไอ้ก้อง มีปัญหาเหรอ”“เปล่าครับท่าน”“แค่นี้ก็ต้องดุด้วย” เธอว่าแล้วก็เดินผ่านเขาเข้าห้องไปทันที เขาปรายตามองก้องการุณนิดหน่อยก่อนจะเข้าไปจัดกับเลขาตัวดีต่อ“ตอบคำถามผมก่อน ทำไมโทรไปไม่รับ แล้วลงไปนานมาก”“จะเรียกใช้งานหรือว่าคิดถึงคะท่าน”“หืม เอ่อ อยากให้คิดถึงไหมล่ะ ก็ทั้งนั้นแหละ”“ก็บอกแล้วหยาเข้าห้องน้ำ รับสายไปด้วยปลดทุกข์ไปด้วยก็เขินนะคะ ท่านประธานก็โทรจี้จัง แล้วนี่อะไรคะทำท่าหงุดหงิดใส่หยา”“ผมทำท่าหงุดหงิดอย่างนั้นเหรอ”“ดุอีกด้วยค่ะ คิ้วขมวดเข้าหากันเป็นเลขแปดเชียว เคยคุยกันแล้วนะคะเนี่ย”“ผมขอโทษ มีอะไรรบกวนใจนิดหน่อย เลยพาล”&ldquo
สุดท้าย เธอทนไม่ไหวคว้าแฟ้มที่เขาเซ็นแล้วออกไปทันที ไม่อยากโทรเรียกให้พนักงานขึ้นมารับ เพราะตอนนี้เธอเสียสมาธิอยากจะออกไปจากห้องก่อน“หน้ายุ่งๆ นะครับ หืม” ก้องการุณเอ่ยปากแซวยิ้มๆ“เขาเป็นคนที่... อยากจะ” ปั้นหยาเอามือข้างที่ว่างทำท่าบีบอากาศพร้อมกัดฟันแน่น“เสน่ห์แรงใช่ไหมล่ะ” นี่เขาแซวหรือเนี่ย“เปล๊า! ขี้โมเม ขี้ตู่ต่างหากแล้วขี้หึงด้วย ทั้งที่... หื้ม”“หึๆ แล้วนั่นจะไปไหนครับ”“เอาแฟ้มไปให้ฝ่ายการเงินค่ะ” ปั้นหยาตอบแบบขอไปที ก่อนจะเดินฉับๆ ออกไปเลย “หึๆ เจ้านายก็ควรจะเจอคนแบบคุณหยาเนี่ยนะ ปกติเจอแต่คนยอมๆๆ ลูกเดียว คนนี้ขบถสุดๆ” ก้องการุณเอ่ยลอยๆ และยิ้มหัวเราะอย่างมีความสุขขณะที่ปั้นหยาลงลิฟต์มาที่ชั้นการเงิน เดินลัดเลาะไปที่โต๊ะเจ้าหน้าที่คนหนึ่งซึ่งเป็นเลขาของผู้จัดการ“อุ้ย! คุณหยามาเองเลย น
"หยาก็ว่าเขาโอเคนะคะ ไม่ได้เลวร้ายอะไรสักหน่อย คุยกันได้ไม่เสียหายนี่""ถ้าใครที่มาเห็นอาจจะมองว่าไม่เหมาะนะครับ ผมเป็นห่วง เขามาจีบคุณหยาด้วยหรือเปล่า""เปล่าหรอกค่ะ เขาไม่ไวไฟเหมือนเจ้านายคุณก้องหรอกน่า""เขาเป็นคนอันตรายคนหนึ่งนะครับ""หากจะพูดแบบนั้น หยาว่าท่านประธานก็ไม่ต่างกันค่ะ เขามาพึ่งใบบุญท่านประธาน หยาว่าน่าจะให้โอกาศนะคะ อย่าเห็นแก่ประโยชน์เกินไปนัก ยังไงก็ญาติกันไม่ใช่เหรอ" นี่เธอมองโลกในแง่ดีจังเลย เขาคิดพลางหรี่ตามอง"ผมว่าคุณหยาไม่รู้อะไรเลย แล้วก็ไม่ควรไว้ใจใคร ผมบอกแล้ว เคยเล่าให้ฟังแล้วด้วยว่าสองบ้านไม่ค่อยกินเส้นกันเท่าไหร่""หยามองให้เป็นเหตุเป็นผลค่ะ ไม่ได้ไว้ใจใครมากแต่ก็ไม่ได้ระแวงไปซะหมด" พูดจบเธอก็กลับเข้าห้องทำงาน แต่กลับต้องเผชิญกับสายตาพิฆาตของเจ้านาย ทว่าเธอก็ทำเป็นไม่สนใจ แสร้งดูงานบนโต๊ะไป กระทั่งเขาเดินมาหาแล้วเอามือค้ำโต๊ะก่อนจะโน้มตัวเข้าหาเธอ“วันนี้อยากให้โบนัสพิเศษจังเลย”“โบนัสพิเศษเนื่องในอะไรคะ”“ดูแลแขกของผมเป็นอย่างดี ต้อนรั
“เอ่อจริงสิ ผมลืมดื่มน้ำ” ดูเหมือนอาทิตย์อยากจะเปลี่ยนเรื่องคุย ไม่อยากเซ้าซี้มากเกินไป จึงแสร้งหยิบน้ำขึ้นมาดื่ม“อืม คุณเลขาชงให้เนี่ย สดชื่นจังเลยครับ” เขาพูดพลางหันไปยิ้มให้ปั้นหยาเล็กน้อย“จริงสิ ทำไมเฮียให้เลขาเข้ามานั่งในห้องครับ”“ก็เผื่อเวลาแบบนี้ ไม่ต้องเรียกให้ยุ่งยาก”“แต่บางเรื่องเลขาไม่ควรรู้”“ฉันว่าเลขาควรรู้ทุกอย่างนะ ไม่งั้นจะให้ช่วยงานทำไม”“แม้กระทั่งเรื่องบนเตียงของเฮีย ควรรู้และจัดสรรให้ด้วยหรือเปล่าครับ”“ถ้าถึงเวลาอาจจะให้ช่วยก็ได้”“ว่าแต่คุณเลขา ชื่ออะไรนะครับผมจำไม่ได้” เขาหันไปถามปั้นหยาเป็นหลัก“ชื่อปั้นหยาค่ะ เรียกหยาเฉยๆ ก็ได้ค่ะ”“ชื่อน่ารักเชียว เรียกผมซันด์เฉยๆ ก็พอ ผมไม่ใช่ท่านประธานแบบเฮียตฤณ”“ค่ะคุณซันด์เฉยๆ ก็ได้”“ทำไมเลขาเฮียว่าง่ายกว่าเมื่อวานนี้อีก เมื่อวานดูถมึงทึงยังไงก็ไม่
“สวัสดีค่ะ คุณ... เอ่อ ใช่คุณคนเมื่อวานหรือเปล่าคะ” ปั้นหยากล่าวทักทายพร้อมกับถามอย่างสุภาพ “ใช่ครับ ผมอาทิตย์ ขอพบเฮียตฤณได้ไหม” ให้ตายสิ พอพูดกับปั้นหยานี่คนละน้ำเสียงเชียว ก้องการุณคิด “เชิญค่ะ ท่านรออยู่” ปั้นหยาบอกอย่างยิ้มแย้ม ก่อนจะเปิดประตูให้และผายมือเชิญให้เดินนำ “เอ่อ ผมขอน้ำหวานๆ สักแก้วดื่มให้ชื่นใจหน่อยนะครับคุณเลขา” “ได้ค่ะ” ปั้นหยาตอบเสียงหวานเช่นเคย เรียกได้ว่าต่างจากเมื่อวานมาก หรือเมื่อวานเธออาจจะปรับตัวไม่ได้ หรืออารมณ์ไม่ดี อาทิตย์คิด จากนั้นจึงเดินเข้าไปหาพี่ชาย ซึ่งมีศักดิ์เป็นลูกชายของลุงเพียงคนเดียว ส่วนผู้ติดตามรออยู่ด้านนอก “สวัสดีครับเฮีย ขอโทษที่ไม่ได้นัดล่วงหน้า” “ปกตินายก็ไม่เคยนัดล่วงหน้าอยู่แล้วนี่ นั่งลงก่อนสิ” “คือ ที่เราคุยค้างกันเอาไว้เมื่อวานน่ะครับ วันนี้ผมให้เจ้าหน้าที่แจกแจงเอกสารมาให้เฮียอ่าน แล้วคิดว่าเฮียน่าจะทราบแล้วว่า คุณป๊อบเปลี่ยนมาดีลงานกับบริษัทผม” “รู้เมื่อวานนี้” “คือ พอคุณป๊อบจะมาสั่งของ สำหรับโปรเจคใหญ่ของเฮีย ผมก็มีของไม่พอ เลยต้อง
“โอเค” เขาตอบรับแบบง่ายๆ ก่อนจะดื่มน้ำ ส่วนเธอก็รีบเข้ามาพยุงเขาด้วยความลืมตัว เพราะคิดว่าอาการยังไม่ดีขึ้น เขาเองก็ลืมจนหันไปสบตาเธออย่างไม่ทันตั้งตัวเช่นกัน สองสายตาสบประสานกันอย่างจังงัง เหมือนมีบางอย่างเข้ามาปั่นป่วนในใจอย่างประหลาด“เอ่อ เดินไหวไหมคะ ที่จุกๆ เมื่อคืนระบมหรือเปล่า” ปั้นหยาแสร้งถามแก้เขิน“มีนิดหน่อยครับ ขอบคุณมาก”“ไปค่ะ” ว่าแล้วปั้นหยาก็พยุงเขาออกจากห้อง ไปเจอกับผู้ติดตามจำนวนมากรออยู่ก่อนแล้ว ทุกคนเห็นดังนั้นก็พอจะรู้แล้วว่าเจ้านายเลือกที่จะให้ความสำคัญกับเลขาคนนี้จริงๆ ฉะนั้นต้องรู้โดยอัตโนมัติว่าห้ามแตะเป็นอันขาด และต้องให้เกียรติกว่าคนอื่น“เชิญครับคุณท่าน” กันระพีบอกพร้อมกับเปิดประตูให้เจ้านายขึ้นไปนั่งก่อน แล้วปั้นหยาจึงตามขึ้นนั่งเคียงข้าง เว้นระยะห่างเล็กน้อยเพื่อความเหมาะสม แต่ถึงกระนั้นเขาก็ยังหาเรื่องขยับเข้าหาเธออยู่ กระทั่งกันระพีเคลื่อนรถออกไปจากหน้าบ้าน และตามด้วยรถผู้ติดตามอีกสองคันและเหมือนเมื่อวาน พอถึงหน้าปากซอยเขาก็ให้ปั้นหยาลงไปซื้อน้ำเต้าหู้กับปลาท่
“หึๆ หึๆ คุณหยาเนี่ยรู้มากเกินอายุนะครับ” “เขาก็ไม่ได้เด็กแล้วนะ แค่อายุน้อยกว่าเราเป็นสิบปี ยิ่งวัยรุ่นสมัยเนี้ยะ รู้เยอะกว่าเราก็มี”“ที่อายเนี่ยเพราะต้องเข้าห้องน้ำ ขณะที่คุณหยาอยู่ในห้องใช่ไหมครับ รู้สึกคุณท่านจะใจแข็งนะครับ”“หยุดพูดเลย ทั้งโดนไล่ที่ โดนไล่เข้าห้องน้ำ เอาแต่หัวเราะเยาะ รู้ถึงไหนอายถึงนั้น” เขาบ่นเป็นหมีกินผึ้งเชียว พลางลุกเข้าห้องน้ำช้าๆ“แต่ก็ได้ใจน่า ผมเชื่ออย่างนั้น”“โทรตามด้วย มาให้ทันมื้อเช้า ฉันจะกินข้าวเช้าที่นี่”“ครับผม อาบน้ำเถอะครับ” ก้องการุณรับคำ ก่อนจะออกไปจากห้อง ส่วนเจ้านายก็อาบน้ำแต่งตัวอย่างทุลักทุเลเพราะปวดหลัง ปวดจริงๆ เขาไม่เคยนอนพื้นแข็งๆ มาก่อน ตั้งแต่เกิดมาก็นอนเตียงนุ่มๆ อย่างเดียวเท่านั้น แม่คุณคนนี้มาเปิดประสบการณ์เหลือเกินต่อมา ปั้นหยาถูกโทรตามให้มาที่บ้านของตฤณอีกครั้ง โดยมีกันระพี คนขับรถไปรับถึงบ้าน เธอก็มาแต่โดยดีและตรงไปยังห้องอาหารแต่ไม่เห็นตฤณอยู่“สวัสดีค่ะน้
“แค่จูบเอง คุณมันบ้า หยาจะลงไปนอนข้างล่าง”“ไม่... คุณต้องรับผิดชอบ”“ไม่ค่ะ เราตกลงกันแล้ว อย่ามาผิดคำพูด”“ผมไม่ไหวแล้ว” เขาทำน้ำเสียงอ้อนก่อนจะลุกขึ้นนั่ง ขณะที่เธอคิดว่าต้องรู้สึกสนิทแค่ไหนถึงได้พูดเรื่องแบบนี้ได้“โทรบอกก้อง ให้เรียกเด็กๆ ขึ้นมาสักคนไป” สิ้นคำของเขาเท่านั้นแหละเธอก็ขว้างหมอนใส่ทันที“โอ๊ย! อะไร ก็คุณทำไม่ได้ ก็ต้องคนอื่นสิครับ”“เข้าห้องน้ำไปเลยค่ะ ไป!”“ไม่ได้ ไม่ชอบช่วยตัวเอง”“หยาก็ช่วยคุณไม่ได้ และจะไม่ให้ใครมายุ่งด้วย มานี่เลย” ว่าแล้วเธอก็ลงจากเตียงแล้วเดินไปดึงเขาเข้าห้องน้ำ ขณะที่เขาเอามือปิดกลางลำตัวเอาไว้“หยา... ใจร้าย” “คุณทำได้ คุณเก่ง หยาเชื่อ ใจเย็นๆ นะคะ” ยังมีหน้ามาปลอบใจเขาอีก พูดเสร็จก็ดันเขาเข้าห้องน้ำ ซึ่งแน่นอนวิธีจบปัญหานี้ของเขาคืออาบน้ำ เอาน้ำเย็นชะล้างร่างกายให้เย็นลง แต่ถึงกระนั้นเขาก็ต้องจบด้วยความสุขที่สร้างได้ด้วยมือ