Home / รักโบราณ / ท่านราชครูปล่อยข้าไปเถอะ / ข้ามมิติมาแบบไม่รู้ตัว(ตอนปลาย)

Share

ข้ามมิติมาแบบไม่รู้ตัว(ตอนปลาย)

ข้ามมิติมาแบบไม่รู้ตัว(ตอนปลาย)

ยามซื่อ (ยามมะเส็ง คือช่วงเวลา 09:00 – 10:59 น.)

นางเดินลัดเลาะจนมาถึงตรอกที่หญิงชรากล่าวถึง ตรงบริเวณนี้ไม่ค่อยมีคนพลุกพล่านมากนัก เซียวอันหนิงมองตรงไปเห็นร้านเครื่องประดับตั้งแผงขายอยู่ ลูกค้าไม่ค่อยมีนักหากแต่ผู้ขายกลับดูขัดตากันเล็กน้อย ผู้ขายเป็นบุรุษ ส่วนสูงปานกลาง ลักษณะทางกายไม่อ้วนผอมชัดเจน ใบหน้ามีลักษณะสื่อว่าเป็นคนใจซื่อ แววตาไม่เจ้าเล่ห์แสนกล ผิวพรรณออกเข้ม เมื่อคนลักษณะเช่นนี้มาขายเครื่องประดับจึงดูแปลกไปเสียหน่อย หญิงสาวมองไปก่อนคิดได้ว่าหากนางสามารถขายเครื่องประดับพวกนี้ได้สักชิ้นคงมีส่วนแบ่งพอให้ใช้ชีวิตไปหลายวัน เนื่องจากเครื่องประดับงดงามหากแต่ผู้ค้าทำให้ดูขัดตาจึงมีลูกค้าน้อยตามไปด้วย

เถ้าแก่ซ่งนั่งมองเครื่องประดับตนเองซึ่งขายไม่ออกเท่าที่ควร พวกมันงดงามทว่าไม่มีผู้ใดอยากครอบครองพวกมันเลย หากเป็นเช่นนี้ต่อไปคงได้ปิดร้านแทนเป็นแน่แท้ เขาขาดทุนมาหลายเดือนแล้ว สถานะทางการเงินเปลี่ยนไปพอสมควร จากมีลูกจ้างก็ต้องมานั่งขายเอง จนตอนนี้ผ่านมาเป็นเดือนยังขายไม่ได้สักชิ้นเดียว ห่วงก็แต่บุตรสาวผู้มีร่างกายไม่ค่อยแข็งแรง เจ็บป่วยบ่อยกระเสาะกระแส ถ้าเขาไม่สามารถฟื้นฟูกิจการอันเป็นมรดกตกทอดนี้ได้ ภายภาคหน้าถ้าบุตรสาวออกเรือนคงเป็นที่ดูถูกของบ้านสามีเนื่องจากสินเดิมไม่มี ชีวิตสตรีซึ่งป่วยง่ายอยู่แล้วคงยิ่งแย่ไปกว่าเดิม

เซียวอันหนิงเพ่งมองอยู่นาน เพียงชั่วระยะเวลากระพริบตาครั้งหนึ่งพลันเห็นเค้าลางความกลุ้มใจ รอยยิ้มมุมปากถูกจุดติดทันใด นางตัดสินใจเดินเข้าไปหา สีหน้าแววตาเปลี่ยนเป็นอ่อนหวานทันที “ขออภัยเจ้าค่ะเถ้าแก่ ข้าน้อยนามเซียวอันหนิง เห็นท่านขายเครื่องประดับอยู่นานหลายวันแล้วอยากได้คำชี้แนะจากท่าน หากแต่ข้าเองก็มีข้อเสนอเช่นกัน ท่านพอรับฟังข้าน้อยได้หรือไม่?”

เถ้าแก่ซ่งเงยหน้าขึ้นมามอง ดวงตาพินิจเจ้าของน้ำเสียงหวานใสราวกระดิ่ง เขามีสีหน้าแปลกใจเล็กน้อยกับการที่จู่ ๆ มีคนมายื่นข้อเสนอ แต่ในเมื่อตอนนี้เขาไร้ทางเลือก ลองฟังสักหน่อยคงไม่เสียหลายเท่าใด “ถ้าอย่างนั้นเจ้าว่ามาสิ สิ่งใดคือข้อเสนอของเจ้า หากเจ้าสามารถขายเครื่องประดับเหล่านี้ได้ ข้าย่อมมีส่วนแบ่งให้อย่างแน่นอน”

นางดูเยาว์เกินกว่าจะรู้วิธีขาย แต่หากนางทำได้อย่างไรก็มีประโยชน์ เอาเถิด ในเมื่อโชคชะตาเล่นตลกกับเขามานาน ยอมทนให้เล่นต่ออีกสักหนจะเป็นอันใดไป

เซียวอันหนิงแปลกใจกับการยอมรับข้อแลกเปลี่ยนของเขา ทั้งที่ไม่รู้จักกันด้วยซ้ำแต่ยังยอมรับฟัง หากเป็นผู้อื่นคงมองนางเป็นมิจฉาชีพไปนานแล้ว “อืม...ข้อเสนอของข้าคือ ไม่ว่าข้าจะพูดอะไรขอแค่เถ้าแก่ไม่คัดค้าน นี่คือข้อเสนอของข้าเจ้าค่ะ”

“เรื่องนี้ย่อมไม่มีปัญหา ขอเพียงไม่ทำให้ข้าเสื่อมเสียชื่อเสียงก็เพียงพอ”

“ข้าไม่ทำให้ท่านต้องเดือดร้อนแน่นอนเจ้าค่ะ ขอเพียงท่านวางใจ” เจ้าของเรือนร่างแบบางรับปากด้วยความมั่นใจ เนื่องจากสิ่งที่นางจะบอกเขาต่อจากนี้มันคือเรื่องอันไม่สามารถพิสูจน์ได้ การตลาดซึ่งมีผลต่อจิตใจผู้คนได้อย่างชะงัดมาทุกยุคทุกสมัยไม่เคยตั้งอยู่บนพื้นฐานของความเป็นจริง มักมักตั้งอยู่บนความเชื่อเสมอ และเมื่อไหร่ที่คนในพื้นที่นั้น ๆ มีความเชื่อต่อสิ่งนั้น ต่อให้เสนอขายอะไรไปพวกเขาก็จะซื้อเพราะมันเชื่อมโยงกับจิตใจอย่างแยกไม่ออกนั่นเอง

สิ่งนี้พิสูจน์ด้วยคำอธิบายอาจทำได้ยาก ไม่สู้แสดงให้เห็นไปเลยอาจดีกว่า

หลังจากตกลงกับเถ้าแก่ซ่งจนเรียบร้อย นางหันมาสนใจกับเครื่องประดับซึ่งวางเรียงรายไม่เป็นระเบียบ มันมีทั้งสร้อยคอ กำไลข้อมือ ปิ่นปักผมซึ่งงดงามไม่น้อย ตัวสร้อยคอมีสายสร้อยแบบสี่เสา ตัวจี้มีพลอยเม็ดเล็กเจียระไนจนส่องแสงแวววาวล่อตาคน มันถูกวางล้อมทับทิมสีแดงเลือดนกทรงหยดน้ำซึ่งมีขนาดใหญ่กว่า องค์ประกอบทั้งหมดส่งผลให้สร้อยเส้นนี้มีความเปล่งประกายคล้ายดวงดาวบนฟ้าที่มีดวงดาวเล็ก ๆ โอบล้อมอยู่รอบ ๆ ดวงจันทร์ ส่วนกำไลข้อมือถูกถักด้วยเส้นทองคล้ายเถาวัลย์พันเกลียว มีพลอยหลากสีเม็ดเล็กสอดไปตามเถาวัลย์จนดูเหมือนหิ่งห้อยในยามราตรีซึ่งมีส่องแสงในยามค่ำคืน และสุดท้ายคือ ปิ่นปักผม มันถูกขึ้นรูปเป็นดอกมู่ตาน (ดอกโบตั๋น) กลีบดอกมีลักษณะอ่อนช้อยสวยงาม ยามกระทบแสงแดดสะท้อนความแวววาวน่าหลงใหล ดอกมู่ตานมีความหมายสื่อถึงความมั่งคั่ง ร่ำรวย เกียรติยศและความสง่างาม จึงทำให้มีความนิยมมากในการมาทำเป็นเครื่องประดับ

เนื่องจากถูกวางกระจัดกระจายไม่เป็นระเบียบทำให้นางต้องจัดระเบียบให้มันอีกครั้ง สิ่งใดวางไว้ข้างหลังได้ก็วาง สิ่งไหนควรนำมาวางให้เด่นก็รีบจัดองค์ประกอบ ข้อดีของเครื่องประดับร้านนี้คือของในร้านงามทุกชิ้นแต่วางกระจายจนความงามกลบกันไปหมดทำให้ไม่มีชิ้นไหนโดดเด่นเลยสักเพียงชิ้น

เมื่อจัดเรียงจนเรียบร้อย การขายฉบับเซียวอันหนิงก็ได้เริ่มต้นขึ้น

“เร่เข้ามาจ้า! เร่เข้ามา เครื่องประดับผ่านการปลุกเสกจากนักพรตผู้มีชื่อเสียงเลื่องลือในแคว้นจ้าวได้ถูกนำมาขายที่นี่เป็นที่แรก หากพลาดจะไม่มีขายอีกนาน ผู้ใดอยากได้โชคจงเลี้ยวมาที่ร้าน ผู้ใดพอใจกับชีวิตตนจงหลีกทาง แต่หากสนใจก็มาถามก่อนได้จ้า!”

เสียงหวานใสตะโกนดัง เจตนาทำไปเพื่อเรียกร้องความสนใจของชาวบ้าน หากนางมองไม่ผิดอีกไม่นานความเชื่อของชาวบ้านจะลุกฮือและมาซื้อเครื่องประดับพวกนี้อย่างแน่นอน เถ้าแก่ซ่งกระพริบตามองปริบ ๆ ใจหนึ่งอยากรู้ว่านางขายได้จริงหรือไม่จากวิธีการนี้ อีกใจหนึ่งแสนสงสัยว่ามีนักพรตแวะมาปลุกเสกเครื่องประดับร้านตนตั้งแต่เมื่อไหร่

ซึ่งทางชาวบ้านเมื่อได้ยินคำกล่าวอ้างนั้นพลันเริ่มหันมาสนใจ บางคนหยุดดู บางคนหันมามองแต่ยังไม่มีผู้ใดเข้ามาในร้าน หลังประกาศซ้ำไปอีกสองสามครั้งก็ได้มีสตรีนางหนึ่งเดินเข้ามาในร้าน

‘ฉินอี้เหมย’ ได้หยุดดูว่าเสียงหวานใสมาจากตรงที่ใด หากแต่สิ่งที่ทำให้นางสนใจคือคำกล่าวที่ว่าเครื่องประดับผ่านการการปลุกเสกจากนักพรต นางสนใจและใคร่รู้ว่ามันจริงหรือไม่ ต่อให้มีเครื่องประดับมากมายอันได้มาจากความรักของบิดาผู้เป็นนายอำเภอ ทว่าเครื่องประดับผ่านการปลุกเสกเช่นนี้กลับไม่เคยมีเลย หากว่ามันสามารถทำได้จริง นางไปอ้อนบิดามารดาสักครั้งสองครั้งพวกเขาก็ใจอ่อนแล้ว ดังนั้นนางจึงไม่เคยสนใจมูลค่าของสิ่งที่ตัวเองอยากได้เลยสักครั้ง นางเป็นผู้มีใบหน้าอ่อนหวานราวลูกพลับ นัยน์ตางามมีความซุกซน ทว่ากลับดื้อดึงสุดหัวใจจากการตามใจของครอบครัวจนน่าจับมาตีสักทีสองที

ทางเซียวอันหนิงเห็นลูกค้าคนแรกเดินเข้ามาเป็นแม่นางน้อย หน้าตาน่ารัก อายุไม่น่าเกินสิบหกปีเพราะอีกฝ่ายรวบผมขึ้นครึ่งหัว ปักปิ่นด้วยทองคำแกะเป็นดอกโม่ลี่ฮวา (ดอกมะลิ) รูปร่างอรชรอ้อนแอ้นตามค่านิยมในยุคนี้ ซึ่งมักนิยมสตรีผอมบางจนแทบปลิวไปตามลม มองจากเสื้อผ้าที่สวมใส่แล้วลูกค้ารายนี้คงมีเงินไม่น้อย นางสวมชุดฮั่นฝูสีชมพูอ่อน เกาะอกด้านใน ปล่อยลงมากรอมเท้า มีผ้าโปร่งบางสวมทับปักด้วยลายดอกเหมยกุ้ยฮวาสีแดงก่ำ (ดอกกุหลาบ)

นางยิ้มหวานให้ลูกค้ารายแรกที่ดูด้วยตาก็รู้ว่ามีเงินให้นางปะเหลาะเอาเงินมากมาย “เชิญเจ้าค่ะคุณหนู เลือกได้ตามใจชอบเลยเจ้าค่ะ เครื่องประดับทุกชิ้นล้วนมีที่มา หากท่านต้องการทราบ ข้าน้อยย่อมยินดีอธิบาย”

ฉินอี้เหมยเดินมาหยิบสร้อยคอซึ่งถูกจัดวางโดดเด่นเป็นสง่ากว่าเครื่องประดับชิ้นอื่น นัยน์ตาซุกซนมองสบเซียวอันหนิง ถามด้วยน้ำเสียงติดเอาแต่ใจ “ที่เจ้าว่าเครื่องประดับเหล่านี้มีการปลุกเสกจากนักพรตนั้นเป็นเรื่องจริงหรือไม่”

เซียวอันหนิงมองข้ามกิริยาถือตัว ขอเพียงขายได้ ที่เหลือล้วนไม่ใส่ใจ “ล้วนเป็นเรื่องจริงเจ้าค่ะ กว่าพวกข้าจะได้มา ช่างยากลำบากยิ่งนักเพราะท่านนักพรตไม่ค่อยอยู่ตรงที่ใดเนิ่นนาน ท่านชอบท่องเที่ยวไปเรื่อย ๆ อีกทั้งยังเร้นกายจากผู้คน พวกข้าพยายามเพื่อเฟ้นหาสิ่งที่ดีที่สุดมาให้แก่ลูกค้า อาจเพราะว่าตามอยู่นานหลายเดือน ในที่สุดท่านนักพรตก็ใจอ่อนยอมปลุกเสกให้ นับว่าโชคดีนักที่ไปเจอท่านนักพรตตอนอยู่แคว้นจ้าวพอดีเลยกลับมาที่นี่ได้อย่างไม่ลำบากยากเย็นนักเจ้าค่ะ”

นางพูดไปเรื่อยด้วยหน้าตาน่าเชื่อถือ สิ่งหนึ่งที่แน่ใจคือผู้คนในยุคสมัยนี้แยกกันอยู่เป็นกลุ่มและแบ่งแยกชนชั้น และคนชั้นสูงมักมีความเชื่อเรื่องศาสตร์ เหล่านี้กันค่อนข้างมาก ดังนั้นถ้าใครถามว่าแคว้นจ้าวอยู่ตรงไหนก็แค่บอกไปว่าไกลจากแคว้นเหลียวมากนัก เพียงเท่านี้ก็น่าเชื่อถือแล้ว ไม่มีผู้ใดยอมจัดจ้างหาคนไปค้นหาว่าแคว้นจ้าวนี่มันมีอยู่จริงไหมเพียงเพราะอยากแน่ใจในตัวเครื่องประดับ

บุตรีนายอำเภอเม้มริมฝีปาก ใช้นิ้วแตะดูตัวสร้อยแสนงดงามพลันถามด้วยความสนใจ “เช่นนั้นแล้ว...สร้อยทับทิมเส้นนี้ ราคาเท่าใดเล่า”

“สร้อยเส้นนี้ ราคาห้าตำลึงเงินเจ้าค่ะ” นางบอกราคาไปมั่ว ๆ โดยไม่ทันได้นึกว่ามันแพงแค่ไหนสำหรับผู้ฟัง ทางฉินอี้เหมยได้ยินแบบนั้นพลันสะดุ้ง นางได้ค่าใช้จ่ายส่วนตัวจากบิดามารดาเดือนละสิบตำลึงเงินและยังถูกใช้จ่ายออกไปบ้างแล้ว ตอนนี้จึงเหลือห้าตำลึงเงินพอดิบพอดี แม้สามารถไปร้องขอเอาเพิ่มจากครอบครัวได้แต่ราคาขนาดนี้ก็ยังแพงเกินไปอยู่ดี

“เหตุใดจึงแพงเช่นนี้เล่า ราคาห้าตำลึงเงินไม่ใช่เงินน้อย ๆ เลยนะ”

“สร้อยเส้นนี้มีทับทิมล้อมด้วยพลอยเม็ดเล็ก ๆ หากคุณหนูได้สวมใส่จะต้องงดงามมากแน่ ๆ เลยเจ้าค่ะ อีกทั้งมันยังถูกปลุกเสกมาด้วยจะช่วยให้ท่านมีโพธิสัตว์คุ้มครอง ประสบความสำเร็จในความรักด้วยนะเจ้าคะ”

ในยุคสมัยที่การแต่งงานเป็นเรื่องคอขาดบาดตายเท่าชีวิต ใช้กลวิธีนี้ย่อมได้ผล ขอเพียงแค่แม่นางน้อยตรงหน้าไม่ได้มีชายคนไหนคบหาอยู่แล้ว อย่างไรคำพูดย่อมไปสะกิดใจอยู่บ้างไม่มากก็น้อย

ฉินอี้เหมยลังเลใจ ราคาแพงจนน่าขยาดหากแต่สรรพคุณของมันกลับฟังแล้วให้ความรู้สึกว่าคุ้มค่า

เอาเถิด อย่างไรบิดามารดาก็จ่ายให้นางได้อยู่แล้ว ซื้อไปสักเส้นมันจะสักเท่าไหร่กันเชียวเล่า?

“ตกลง เช่นนั้นข้าเอาสร้อยเส้นนี้ก็แล้วกัน”

เงินห้าตำลึงเงินถูกวางในมือพร้อมกับสีหน้าพึงพอใจของลูกค้า เถ้าแก่ซ่งถึงกับตกตะลึง ไม่คิดว่าจะสามารถขายเครื่องประดับในราคานั้นได้จริง ๆ เมื่อมีคนซื้อชิ้นแรกไปแล้ว หลังจากนั้นก็มีชาวบ้านเริ่มทยอยเดินเข้ามา จนผ่านไปสองชั่วยาม สินค้าพร่องไปมากอีกทั้งนี่ก็ใกล้เย็นแล้วคงต้องปิดร้านเสียที

เซียวอันหนิงพอใจกับผลประกอบการมากเพราะนางได้เงินจากลูกค้ามาถึงสิบตำลึงทองกับอีกห้าตำลึงเงิน เถ้าแก่ซ่งมองเงินในมือแล้วรู้สึกตัวเบา นานมากแล้วที่ไม่ได้จับเงินจำนวนมากขนาดนี้ หากมีเงินขนาดนี้แล้วคงสามารถซื้อยาดี ๆ ให้บุตรสาวได้อย่างไม่ยากเย็น เขาเงยหน้ามองนางด้วยแววตาซาบซึ้งใจ นึกขอบคุณสวรรค์ผู้ส่งแม่นางคนนี้มาช่วยตน

“แม่นางเซียว วันนี้ขายได้สิบตำลึงทองกับห้าตำลึงเงิน ข้าจะแบ่งให้เจ้าหนึ่งตำลึงทองกับห้าตำลึงเงิน จำนวนเท่านี้เจ้าพอใจหรือไม่”

เถ้าแก่ซ่งคิดว่าจำนวนเงินที่แบ่งให้นางนั้นยุติธรรมแล้ว หากไม่ได้นางคงไม่สามารถขายเครื่องประดับได้จำนวนมากเท่านี้ เซียวอันหนิงยื่นมือไปรับส่วนแบ่งจากเขา นางไม่รู้หรอกว่าจำนวนเงินนี้มากมายขนาดไหน แต่จากท่าทางของเถ้าแก่มันคงมากมายทีเดียว และส่วนแบ่งที่ได้ก็น่าจะมากพอให้ใช้ชีวิตอย่างไม่ลำบากไปสักพัก

“ขอบคุณเจ้าค่ะ วันนี้ข้าเจอท่าน ถือว่าเป็นโชคดีของข้าเช่นกัน”

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ท่านราชครูปล่อยข้าไปเถอะ   ค้นพบมิติวิเศษ

    บทที่ 2ค้นพบ มิติวิเศษหลังจากแยกย้ายกับจากเถ้าแก่ซ่ง สิ่งหนึ่งที่นางพบคือไม่ว่าเดินไปที่ใดก็มักเป็นที่สะดุดตาของผู้พบเห็น ด้วยรูปร่างสะโอดสะองสมส่วนไปเสียหมดล้วนแต่ดึงดูดสายตาจากทั่วสารทิศให้มองมาหากแต่นางมิได้สนใจนัก คนงามรีบเดินไปหาโรงเตี๊ยมซึ่งถามจากหญิงชรา เนื่องจากตอนนี้ทั้งหิวและอยากพักผ่อนมากเหลือเกิน ขณะกำลังเดินไปตามทาง ในหัวคิดวิเคราะห์จากประสบการณ์การอ่านนิยายว่าค่าเงินในยุคนี้มีค่าเท่าใด จำนวนอัฐที่ได้มาจะสามารถอยู่ได้หลายวันหรือเปล่าเถ้าแก่ซ่งได้ไปสิบเหรียญทองกับอีกห้าเหรียญเงิน เขาดูดีใจมากเพียงนั้นเป็นไปได้ว่าจำนวนเงินคงมิใช่น้อยเป็นแน่เมื่อลองเปรียบเทียบค่าเงินที่พอจะจำได้ พลันรู้สึกได้ว่าเงินนั้นคงเยอะพอสมควรเลยทีเดียวกลิ่นน้ำซุปที่ลอยมาตามลมดึงความสนใจจากเซียวอันหนิงแทบทันที ตอนนี้ร่างกายทั้งหิวโหยอ่อนล้า เพียงกลิ่นน้ำซุปหอมที่ลอยมาตามลมมันก็แทบทำให้น้ำลายสอเสียแล้ว นางเริ่มมองหาที่มาของกลิ่นน้ำซุปว่าอยู่ตรงที่ใด อย่างน้อยก่อนไปโรงเตี๊ยมได้กินบะหมี่ผักสักชามก็ยังดี นางไม่อยากเสี่ยงไปโรงเตี๊ยมแล้วไม่มีอะไรกินต้องนอนทนหิวไปทั้งอย่างนั้น หลังจากมองซ้ายขวาอยู่หลายคร

  • ท่านราชครูปล่อยข้าไปเถอะ   ข้ามมิติมาแบบไม่รู้ตัว(ตอนปลาย)

    ข้ามมิติมาแบบไม่รู้ตัว(ตอนปลาย)ยามซื่อ (ยามมะเส็ง คือช่วงเวลา 09:00 – 10:59 น.)นางเดินลัดเลาะจนมาถึงตรอกที่หญิงชรากล่าวถึง ตรงบริเวณนี้ไม่ค่อยมีคนพลุกพล่านมากนัก เซียวอันหนิงมองตรงไปเห็นร้านเครื่องประดับตั้งแผงขายอยู่ ลูกค้าไม่ค่อยมีนักหากแต่ผู้ขายกลับดูขัดตากันเล็กน้อย ผู้ขายเป็นบุรุษ ส่วนสูงปานกลาง ลักษณะทางกายไม่อ้วนผอมชัดเจน ใบหน้ามีลักษณะสื่อว่าเป็นคนใจซื่อ แววตาไม่เจ้าเล่ห์แสนกล ผิวพรรณออกเข้ม เมื่อคนลักษณะเช่นนี้มาขายเครื่องประดับจึงดูแปลกไปเสียหน่อย หญิงสาวมองไปก่อนคิดได้ว่าหากนางสามารถขายเครื่องประดับพวกนี้ได้สักชิ้นคงมีส่วนแบ่งพอให้ใช้ชีวิตไปหลายวัน เนื่องจากเครื่องประดับงดงามหากแต่ผู้ค้าทำให้ดูขัดตาจึงมีลูกค้าน้อยตามไปด้วยเถ้าแก่ซ่งนั่งมองเครื่องประดับตนเองซึ่งขายไม่ออกเท่าที่ควร พวกมันงดงามทว่าไม่มีผู้ใดอยากครอบครองพวกมันเลย หากเป็นเช่นนี้ต่อไปคงได้ปิดร้านแทนเป็นแน่แท้ เขาขาดทุนมาหลายเดือนแล้ว สถานะทางการเงินเปลี่ยนไปพอสมควร จากมีลูกจ้างก็ต้องมานั่งขายเอง จนตอนนี้ผ่านมาเป็นเดือนยังขายไม่ได้สักชิ้นเดียว ห่วงก็แต่บุตรสาวผู้มีร่างกายไม่ค่อยแข็งแรง เจ็บป่วยบ่อยกระเสาะกระแส

  • ท่านราชครูปล่อยข้าไปเถอะ   ข้ามมิติมาแบบไม่รู้ตัว

    บทที่ 1ข้ามมิติมาแบบไม่รู้ตัวแสงตะวันยามเช้าทอประกายสีทองอ่อน ความอบอุ่นจากดวงอาทิตย์แผ่กระจายทั่วหมู่บ้าน ‘ธาราใส’ผู้คนเริ่มตื่นนอนเพื่อเริ่มวิถีชีวิตและการทำงาน บางครอบครัวแบกจอบแบกเสียมเข้าไปทำไร่ตามวิสัยปกติ บางครอบครัวพากันลุกขึ้นมาทำอาหาร ควันจากการทำอาหารลอยอบอวลส่งกลิ่นหอมจากปล่องควัน ล่องลอยไปตามลมเชิญชวนทุกผู้คนให้น้ำลายสอ เสียงจากวิถีชีวิตอันเริ่มดำเนินไปเป็นเหตุให้ความสงบถูกความวุ่นวายเริ่มแสดงตัวณ บ้านร้างแห่งหนึ่งในหมู่บ้านซึ่งห่างไกลจากบ้านชาวบ้าน...ตัวบ้านค่อนข้างทรุดโทรมเนื่องจากไร้ซึ่งคนเข้ามาอยู่อาศัยนานหลายปี ภายในบ้านมีหญิงสาวผู้หนึ่งนอนอยู่บนเตียงไม้เก่า ๆ ภายในกระท่อมมีกลิ่นอับชื้นโชยมาเป็นเหตุให้ร่างบางซึ่งนอนอยู่บนเตียงไม้ค่อย ๆ รู้สึกตัว นางมีอาการสะลึมสะลือเล็กน้อย มองไปรอบ ๆ พลันรู้สึกประหลาดกับบรรยากาศไม่คุ้นเคย สิ่งแรกที่มองเห็นเป็นหลังคามุงด้วยกระเบื้องดินเผา มีรอยแตกร้าว อีกทั้งยังมีแสงเล็ดลอดเข้ามาราวกับประกาศศักดาความผุพังของมัน ยามกวาดสายตาไปรอบ ๆ นางเห็นผนังของตัวบ้านแสนเก่าคร่ำครึ แม้แต่อิฐยังมีรอยแตกร้าว หยากไย่พาดไขว้ไปมาทุกหนแห่งอันเป็นมุมอ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status