/ รักโบราณ / ท่านราชครูปล่อยข้าไปเถอะ / บทที่1 ข้ามมิติมาแบบไม่รู้ตัว

공유

ท่านราชครูปล่อยข้าไปเถอะ
ท่านราชครูปล่อยข้าไปเถอะ
작가: เจี่ยเจียที่แปลว่าพี่สาว

บทที่1 ข้ามมิติมาแบบไม่รู้ตัว

last update 최신 업데이트: 2025-10-20 19:28:29

          แสงตะวันยามเช้าทอประกายสีทองอ่อน ความอบอุ่นจากดวงอาทิตย์แผ่กระจายทั่วหมู่บ้าน ‘ธาราใส’

          ผู้คนเริ่มตื่นนอนเพื่อเริ่มวิถีชีวิตและการทำงาน บางครอบครัวแบกจอบแบกเสียมเข้าไปทำไร่ตามวิสัยปกติ บางครอบครัวพากันลุกขึ้นมาทำอาหาร ควันจากการทำอาหารลอยอบอวลส่งกลิ่นหอมจากปล่องควัน ล่องลอยไปตามลมเชิญชวนทุกผู้คนให้น้ำลายสอ เสียงจากวิถีชีวิตอันเริ่มดำเนินไปเป็นเหตุให้ความสงบถูกความวุ่นวายเริ่มแสดงตัว

          ณ บ้านร้างแห่งหนึ่งในหมู่บ้านซึ่งห่างไกลจากบ้านชาวบ้าน...

          ตัวบ้านค่อนข้างทรุดโทรมเนื่องจากไร้ซึ่งคนเข้ามาอยู่อาศัยนานหลายปี ภายในบ้านมีหญิงสาวผู้หนึ่งนอนอยู่บนเตียงไม้เก่า ๆ ภายในกระท่อมมีกลิ่นอับชื้นโชยมาเป็นเหตุให้ร่างบางซึ่งนอนอยู่บนเตียงไม้ค่อย ๆ รู้สึกตัว นางมีอาการสะลึมสะลือเล็กน้อย มองไปรอบ ๆ พลันรู้สึกประหลาดกับบรรยากาศไม่คุ้นเคย สิ่งแรกที่มองเห็นเป็นหลังคามุงด้วยกระเบื้องดินเผา มีรอยแตกร้าว อีกทั้งยังมีแสงเล็ดลอดเข้ามาราวกับประกาศศักดาความผุพังของมัน ยามกวาดสายตาไปรอบ ๆ นางเห็นผนังของตัวบ้านแสนเก่าคร่ำครึ แม้แต่อิฐยังมีรอยแตกร้าว หยากไย่พาดไขว้ไปมาทุกหนแห่งอันเป็นมุมอับ โดยรวมแล้วสถานที่ที่นางมานอนมึนงงอยู่นั้นช่างมีบรรยากาศน่าหวาดหวั่นเหลือเกิน

          นางยังรู้สึกงุนงงกับสถานการณ์ที่กำลังเผชิญอยู่ตอนนี้ ในความทรงจำได้ความว่ากำลังนั่งทำงานที่ได้รับมา มันเป็นงานแปลเอกสารและพึ่งทำสำเร็จไปเพียงสองงานเท่านั้น ด้วยว่าร่างกายมาถึงขีดสุดแล้วนางจึงฟุบหลับตรงโต๊ะทำงานเสีย หวังว่าให้มีแรงจะได้ทำงานต่อ...

          ทว่าพอตื่นขึ้นมาทุกอย่างกลับเปลี่ยนไป มือเรียวงามดังไม้เหลาเสยผมท่าทางมึนงง จับต้นชนปลายไม่ถูกนัก

          ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ได้เล่า?

          ‘เซียวอันหนิง’ หญิงสาวจากศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ด (ช่วง ค.ศ. 2001 - 2100) เป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยและเพื่อเลี้ยงปากท้องจึงมีทำอาชีพเสริมรับงานแปลภาษา หากเป็นช่วงปิดเทอมก็จะไปรับสอนพิเศษให้กับเด็ก ๆ ด้วยความเป็นคนงามตามธรรมชาติ มีผมยาวสลวยสีนิลยาวถึงกลางหลังตัดกับนัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อน องค์ประกอบเหล่านี้ทำให้มีเสน่ห์มากขึ้นอย่างยิ่งยวด ยิ่งประกอบกับจมูกโด่งเป็นธรรมชาติ ปากเป็นกระจับ ทุกสิ่งล้วนแต่ออกมางามทั้งสิ้น ตอนแรกว่างามล้ำพอรวมกันยิ่งงามจับตา มีคนมาเกี้ยวพาเสียหลายคน ทว่าชีวิตมักทำแต่งานเลยทำให้ไม่เคยสานสัมพันธ์กับใครสักคนอย่างจริงจังแม้แต่คนเดียว

          “ที่นี่ที่ไหน...?”

          ริมฝีปากกระจับซีดพึมพำออกมา น้ำเสียงหวานเสนาะสื่อชัดว่างุนงง นางพยายามลุกขึ้นจากเตียงไม้ที่นอนอยู่ก่อนก้าวเดินไปเปิดประตู ซึ่งเจ้าประตูนี่ก็แสนรันทดเพราะทั้งเก่าทั้งทรุดโทรมจนคิดว่าหากจับแรงเกินไปมันจะหลุดหล่นออกมาหรือไม่ เมื่อเดินออกมาถึงหน้าบ้านมองไปรอบ ๆ ถึงได้รู้ว่าที่ที่ตัวเองยืนอยู่ตอนนี้เป็นเนินเขาเตี้ย ๆ มองลงไปข้างล่างเห็นบ้านเรือนเรียงราย บ้างกระจาย บ้างกระจุก ดูไม่ค่อยเป็นระเบียบนัก อีกทั้งชาวบ้านยังแต่งตัวแปลก ๆ เป็นแบบจีนสมัยโบราณ หากแต่จะเป็นยุคสมัยไหนนั้นไม่ระบุได้เช่นกัน

          ประหลาดไปหมดตั้งแต่ตำแหน่งที่ตั้งไปจนถึงเสื้อผ้า ไม่อยากนึกเลยว่าตอนนี้ตนอยู่ที่ไหน

          เซียวอันหนิงกำลังคิดถึงความเป็นไปได้อันแสนไร้สาระ แต่เมื่อประกอบกับหลาย ๆ อย่างตรงหน้าพลันอดคิดไม่ได้

‘หรือเราจะทะลุมิติมาในยุคโบราณ เหมือนที่เคยอ่านในนิยาย’

          นางสะดุ้ง เพราะหากเป็นจริงก็ชัดเจนแล้วว่าคงอยู่แบบนี้ไม่ได้ ต้องทำอะไรสักอย่าง ทว่าดูจากสภาพตัวนางในตอนนี้แล้วช่างน่าหนักใจเนื่องจากเสื้อผ้าที่สวมใส่เป็นเสื้อเชิ้ตกับกางเกงยีนส์ รองเท้าผ้าใบที่กำลังเป็นที่นิยมในตอนนี้ ซึ่งไม่ได้กลมกลืนไปกับคนที่นี่ จากที่นางมองว่าพวกเขาแปลกคงได้สลับขั้วกันเป็นแน่...

          เซียวอันหนิงถอนหายใจ อย่างไรก็ต้องหาทางก่อน อย่างแรกเริ่มจากหาชุดที่คนยุคสมัยนี้ใส่กัน หากแต่จะหาจากไหนนั้นยังสุดจะรู้ ‘เฮ้อ เอาเถอะ เดินไปเดี๋ยวคงได้เจอ’

          ร่างบางเริ่มเดินลัดเลาะเพื่อลงไปหมู่บ้าน หลังสอดส่องท่าทางดูน่าสงสัยจึงเห็นว่ามีชาวบ้านตากเสื้อผ้าเอาไว้ แม้ปกตินางเป็นผู้มีคุณธรรมแต่ตอนนี้จำต้องโยนศีลธรรมทิ้งไปก่อน เซียวอันหนิงค่อย ๆ แอบย่องไปเอาเสื้อผ้าของชาวบ้านผู้ถูกเลือก หลังเฟ้นเอาชุดที่แห้งที่สุดจึงรีบวิ่งไปตามทางเพื่อไม่ให้โดนจับได้ หลังลัดเลาะมาตามทางจนกลับมาที่บ้านผุพังน่าเวทนา นางก็รีบเปลี่ยนเสื้อผ้าทันที แม้ใส่ผิด ๆ ถูก ๆ เก้ ๆ กัง ๆ ไปสักหน่อยแต่เมื่อจัดให้ดีก็ออกมางามได้ อาจเพราะมีหน้าตาเช่นนี้ช่วยด้วยกระมัง

          เซียวอันหนิงยกมือพนมขึ้น ขอโทษเจ้าของเสื้อผ้า รู้ดีว่าสิ่งนี้เป็นของมีราคาค่างวดสำหรับขาวบ้านทั่วไปที่หาเช้ากินค่ำ หากแต่นางเดินเริงร่าออกไปด้วยเสื้อผ้าแบบเดิม เกรงว่านอกจากจะถูกนินทาว่าร้ายแล้วอาจได้ข้าวของลอยมาปะทะเพราะมองว่าแปลกตาอย่างแน่นอน

          "เทพเซียน ทั้งสวรรค์ที่คาดว่าจะมีอยู่จริง? เอ่อ.. ช่วยทำให้ข้าน้อยมีชีวิตอยู่ที่นี่ได้อย่างดีด้วยเถอะ ขอเงินทองเยอะ ๆ บุรุษไม่ต้องก็ได้หากท่านให้ข้าน้อยเลือกได้เพียงอย่างใดอย่างหนึ่ง ข้าน้อยขอเป็นทรัพย์สินเงินทองนะเจ้าคะ"

          เซียวอันหนึงต้องระบุชัดเจน หากท่านเทพเกิดฟังไม่ได้สรรพ อาจจะส่งมาแต่บุรุษแต่ไม่ดลบัลดาลทรัพย์สินให้มาก็ได้ 

          ร่างบางจึงเริ่มสำรวจความแตกต่างของยุคสมัย สิ่งที่ง่ายที่สุดในการเริ่มสังเกตคือเครื่องแต่งกาย ชุดที่นางใส่มีลักษณะทับกันหลายชั้น มีชั้นในหนึ่งชั้น มีทับชั้นที่สองคาดด้วยผ้าซึ่งก็ไม่ทราบว่าจริง ๆ ต้องมัดอย่างไรขอแค่ไม่หลุดออกมาก็พอ ส่วนชั้นที่สามเป็นชั้นสุดท้าย ลักษณะคล้ายเสื้อคลุมหากแต่ดูไม่หนาเท่า อาจเพราะนี่เป็นเสื้อผ้าของชาวบ้านจึงไม่หรูหรานุ่มนวลชวนให้อบอุ่นนักก็เป็นได้ ความโชคดีอีกอย่างหนึ่งคืออากาศในยุคโบราณยังไม่เสียไป มีอากาศสดชื่น ถึงร้อนก็ยังร้อนไม่มาก ทว่าพอมาคิดมุมกลับ แปลว่าในช่วงฤดูหนาวก็อาจเป็นเหตุให้คนล้มตายได้มากมายเช่นกัน ยิ่งในยุคสมัยที่เทคโนโลยีเข้าไม่ถึงแบบนี้ โอกาสตายมีมากกว่ารอดเสียอีก

          ตามความรู้ซึ่งเคยหาดูในตอนทำงาน หากจำไม่ผิดในยุคนี้เริ่มมีการเผาถ่านกันบ้างแล้วทว่ายังไม่แพร่หลายนัก มีใช้กันเฉพาะคนมีฐานะดี ส่วนชาวบ้านทั่วไปต้องเก็บฟืนเตรียมไว้ใช้ในฤดูหนาว

          เซียวอันหนิงลูบใบหน้าท่าทางครุ่นคิด ตอนนี้คิดไปเรื่อยมีแต่เปล่าประโยชน์สู้ลงไปถามเลยให้มันรู้เรื่องยังดีเสียกว่า จึงสาวเท้าก้าวลงไปด้านล่างอีกครั้ง บอกลาข้าวของอันตามติดตัวมาด้วยความอาลัย อย่างไรเสียทุกอย่างก็ต้องเป็นไป การตัดใจเริ่มต้นใหม่ได้ไวย่อมเป็นข้อดี พลางคิดอย่างปลง ๆ ชีวิตนางนี่ไม่เคยได่โชคหล่นทับเลยสักครั้ง

อย่างน้อยหากสอบถามแล้วได้ความ นางก็ยังทราบว่าต้องอย่างไรต่อไป ควรใช้ชีวิตยังไงต่อ ไม่รู้เหนือรู้ใต้เลยแบบนี้มีแววได้ตายก่อนรอด ไม่ดีเท่าไหร่

          เซียวอันหนิงเดินกลับทางเดิม ตัดสินใจละทิ้งชีวิตเก่าเพื่อเริ่มต้นชีวิตใหม่ จริงอยู่ว่าชีวิตเก่านั้นสุขสบายกว่ามาก ทว่าในเมื่อไม่สามารถกลับคืนสู่ถิ่นเดิมได้ก็ต้องอยู่กับถิ่นใหม่นี้ให้ดี หลังผ่านไปไม่นานนางจึงเดินลงถึงข้างล่าง ไม่ห่างกันนักมีชาวบ้านที่ไม่ได้ออกไปทำงานกำลังจับกลุ่มสนทนา นางมองวิถีชนบทซึ่งไม่มีโอกาสได้เห็นบ่อยนักเนื่องจากวิถีชีวิตของคนยุคปัจจุบันกับที่ตั้งของเมืองไม่ค่อยมีคนสุงสิงกันมากนัก การมาเจอชาวบ้านอยู่รวมกันเพื่อจับกลุ่มพูดคุยสารพัดจึงทำให้นางเก้อกระดากทำตัวไม่ถูกชั่วขณะ

          "เจ้าดูสิ แม่นางน้อยผู้นั้นดูงดงามเสียจริงแต่ดูเหมือนจะไม่ใช่คนหมู่บ้านเรานะ"

          "ไหน ๆ นั่นสิดูงดงามน่าจะเป็นคนที่อื่น หมู่บ้านเรามีหน้าตางดงามถึงเพียงนี้ที่ไหนกัน"

          "เดินทางผู้เดียวอย่างนี้ อันตรายมากเลยนะ ยิ่งบุตรชายหัวหน้าหมู่บ้านนี่อันตพานมากหากได้เจอละก็คงจะเป็นอันตรายได้เลยนะ"

          บางคนหันมามองและวิพากย์วิจารณ์เนื่องจากมีความรู้สึกแปลกหน้าทว่าหญิงสาวพยายามไม่สนใจรีบเดินออกไป ร่างบางเดินมาเรื่อย ๆ จนเจอทางแยกซึ่งมีทั้งทางตรงเดินไปได้กับอีกทางคือเลี้ยวขวา สองขาหยุดก้าวต่อ กำลังชั่งใจว่าควรไปต่อโดยการอาศัยสัญชาติญาณหรืออ้าปากถามเจ้าถิ่น หลังไตร่ตรองอยู่สักพักก็ได้มีชาวบ้านคนหนึ่งเดินผ่านนางไป

          แต่เมื่อมองย้อนกลับมาเห็นสีหน้าของเซียวอันหนิงจึงเดินย้อนกลับมา นางเป็นหญิงชรารูปร่างผอมบาง มือหนึ่งถือไม้เท้า อีกมือหนึ่งไขว้ไว้ที่หลัง แผ่นหลังโค้งงอเล็กน้อย สีหน้าท่าทางดูเป็นหญิงชราที่มีจิตใจดี คงจะเข้าถึงง่ายสมกับวิถีชีวิตในชนบทอย่างยิ่ง

          เซียวอันหนิงเห็นแบบนั้นคิดว่าอีกฝ่ายดูสามารถไถ่ถามได้จึงยิ้มให้ก่อนเอ่ยปากก่อนหญิงชรามาถึงตัว

          “ขออภัยนะเจ้าคะ ท่านยาย...ข้าเพิ่งผ่านมาทางนี้ ไม่รู้ว่าหมู่บ้านนี้คือที่ไหน อยู่ในแคว้นใด ท่านยายพอบอกข้าได้หรือไม่เจ้าคะ?”

          “เจ้าเป็นคนต่างถิ่นหรือ? แต่เอาเถอะ...ที่นี่คือหมู่บ้านธาราใสตั้งอยู่ในแคว้นเหลียว” หญิงชราเว้นวรรคมองซ้ายขวา คิดว่าเซียวอันหนิงคงอยากเดินทางไปที่อื่นจึงถามเพิ่มเติม

          “เจ้าจะไปที่ใดเล่า”

          “ข้ากำลังคิดเดินทางไปเมืองหลวง หากแต่ต้องหาที่พักอยู่ก่อนสักสามสี่คืนเจ้าค่ะ”

          นางว่าไปตามตรง อย่างไรการออกเดินทางไปเลยโดยที่ไม่รู้อะไรไม่ใช่เรื่องฉลาดนัก การอยู่ร่วมกับชาวบ้านเพื่อเรียนรู้วิธีการวางตัว การพูดคุย รวมไปถึงสกุลเงินกับเรื่องพื้นฐานอื่น ๆ เป็นเรื่องจำเป็น หากไปที่อื่นจะได้ไม่โดนหลอก ยิ่งตอนนี้มาโดยไม่รู้และไม่มีอะไรสักอย่างกระทั่งเสื้อผ้ายังต้องลักลอบแอบเอาของเขามา การให้เวลาตนสักสามสี่วันก่อนเดินทางจึงดูปลอดภัยกว่ามาก

          หญิงชรายิ้มรับก่อนบอกน้ำเสียงใจดี จากคำพูดคำจาและกิริยา นางคงเป็นคนต่างถิ่นจริง ๆ

          “อ๋อ...ถ้าเจ้าหาที่พักก็เลี้ยวขวาแล้วตรงไป พอเจอตลาดเล็ก ๆ ให้เดินไปตรงตรอกเล็ก ๆ ภายในนั้นมีโรงเตี๊ยมเล็ก ๆ อยู่ ราคาไม่เท่าไหร่คงพอให้พักได้สักสามสี่คืนอย่างไม่มีปัญหา”

          เซียวอันหนิงมองตามที่หญิงชราบอก พบว่าทางไปโรงเตี๊ยมไม่ได้ไปยากเสียเท่าไหร่จึงก้มศีรษะขอบคุณอย่างอ่อนน้อมโดยทันที

          “ขอบคุณเจ้าค่ะท่านยาย ข้าไปก่อนนะเจ้าคะ”

          หญิงชรามองตามเรือนร่างเพรียวบาง ถึงแม้ใส่ชุดเก่าไปเสียหน่อยทว่าดูแล้วมีรูปโฉมสะคราญ เหตุใดจึงเดินทางผู้เดียวแบบนี้ มาคิดให้ดีช่างอันตรายยิ่งนัก

          ทางด้านเซียวอันหนิงเดินไปตามทางที่หญิงชราว่าไว้ ไม่นานจึงเจอตลาดซึ่งมีผู้คนพลุกพล่าน ร้านรวงเปิดแผงลอยเป็นอาหารเสียส่วนมาก ไม่ห่างกันนักมีชาวบ้านนำผักป่ามาขาย ส่วนร้านบะหมี่นั้นกระจายอยู่ทั่วไปหลายร้าน มีลูกค้านั่งกระจายอยู่สองสามโต๊ะ กลิ่นน้ำซุปลอยมาตามลมดึงดูดใจนางยิ่งนัก มองเลยไปพบเด็ก ๆ ในชุดผ้าเนื้อหยาบกำลังต่อแถวซื้อถังหูลู่ซึ่งเป็นผลไม้เคลือบน้ำตาลแต่อาจไม่ได้ดูฉูดฉาดเท่ายุคสมัยของนางเท่านั้น

          นางมองดูสภาพแวดล้อมรอบตัวแล้วรู้สึกเหมือนเป็นคนนอก...พลางนึกโกรธเคืองในสวรรค์ไม่ให้ไปสวมร่างใครก็ได้ที่ร่ำรวย เน้นนะว่า ต้องร๋ำรวยจะได้ไม่ต้องมาเร่ร่อนอย่างเช่นตอนนี้

          ดวงตางดงามเพ่งมองไปทั่ว กำลังมองหาลู่ทางเพื่อทำเงิน นางย้อนกลับมาในยุคสมัยที่ตัวเองไม่รู้จัก เรียนรู้วิถีใหม่ทุกอย่างตั้งแต่แรก ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะได้กลับโลกเดิมไหม ที่ที่จากมายังถือว่านางมีตัวตนอยู่หรือไม่ ทว่าก็ดูซับซ้อนมากขึ้นไปอีกเมื่อนางมาที่นี่ด้วยร่างกายตัวเองหาใช่จู่ ๆ ไปตื่นในร่างผู้ใดก็ไม่ทราบ ตามหลักต้องบอกว่าเป็นบุคคลสาบสูญน่าจะถูกต้องกว่า ไหน ๆ แล้วก็คงต้องสู้กันสักตั้งมาก็มาแล้ว จะทำอันใดได้อีก

이 책을.
QR 코드를 스캔하여 앱을 다운로드하세요

최신 챕터

  • ท่านราชครูปล่อยข้าไปเถอะ   บทที่45 คุณชายน้อยหลี่ฮ่าวเหวินกับคุณหนูหลี่จินฮวา (จบบริบูรณ์)

    ภายในจวนตระกูลหลี่ บัดนี้เกิดความวุ่นวาย บ่าวไพร่ในจวนวิ่งเข้าออกเรือนฮูหยินน้อย นางปวดท้องคลอดตั้งแต่ก่อนรุ่งสาง หมอทำคลอดถูกตามมาถึงสามคน พวกเขากำลังพยายามทำคลอดให้ฮูหยินน้อยด้วยความระมัดระวัง รู้ดีว่าห้ามเกิดความผิดพลาดโดยเด็ดขาด หากฮูหยินน้อยเป็นอะไรไป ทั้งสามชีวิตคงได้ปลิดปลิวตามไปด้วยอย่างแน่นอน “ฮูหยินท่านเบ่งอีกนิดเจ้าค่ะ” ร่างอุ้ยอ้ายกลั้นใจกดความเจ็บปวด เพิ่มลมหายใจเพื่อออกแรงจะคลอดให้ได้ ไม่คิดว่าการคลอดจะเจ็บปวดแทบขาดใจเช่นนี้ เหงื่อผุดขึ้นเต็มใบหน้า เสียงหวานกรีดร้องด้วยความรู้สึกเจ็บปวดเป็นระลอกยามมีการบีบตัวของช่องท้องและช่องคลอดจึงต้องผ่อนลมหายใจเป็นระยะ บ่าวในจวนวิ่งยกน้ำ คอยเอายาต้มมาเปลี่ยน เตรียมยกน้ำแกงนกพิราบเพื่อให้ฮูหยินน้อยซดจะได้มีเรี่ยวแรง หลี่จิ้งหานเดินไปมาด้วยความกังวล เสียงภรรยาร้องด้วยความเจ็บปวดดังหลายชั่วยามทำให้เจ็บปวดใจ นึกโทษตัวเองอย่างมากว่าไม่น่าคิดมีบุตรเลย ถ้าย้อนเวลาไปได้จะไม่ให้ภรรยาตั้งครรภ์โดยเด็ดขาด หลี่ลี่ฮวาก็ไม่ต่างกัน นางเป็นห่วงสหาย ด้วยยุคนี้ความเจริญทางการแพทย์ต่ำมาก สตรีเสียชีวิตจากการตั้งครร

  • ท่านราชครูปล่อยข้าไปเถอะ   บทที่44 ว่าด้วยเรื่องเจ้าก้อนแป้ง

    ภายในเรือนตอนนี้มีร่างของฮูหยินน้อยนอนทอดกายซีดเซียวอยู่ ด้วยอาเจียนมาตลอดหลายวันจึงต้องตามหมอมาดูอาการว่าเจ็บป่วบหรือไม่ เซียวอันหนิงรู้สึกว่าอาจตั้งครรภ์ก็เป็นได้ ประจำเดือนขาดไปสองเดือนแล้ว นางไม่ได้คุมกำเนิดมาสักพักแล้วและสามีก็มิเคยว่างเว้นต่อเรื่องนั้นเลยสักวัน จึงมีโอกาสจะตั้งครรภ์ได้สูงทีเดียว “ขอแสดงความยินดีกับท่านราชครูด้วย ฮูหยินตั้งครรภ์ได้สองเดือนแล้ว” หมอชราประจำตระกูลจับชีพจรฮูหยินน้อย พบว่าเป็นชีพจรมงคลแต่ก็ยังไม่แน่ใจนักว่ามีหนึ่งหรือสองคน คงต้องตรวจอีกครั้งเมื่ออายุครรภ์มากขึ้น ซึ่งหลี่จิ้งหานพอรู้แบบนั้นก็แทบถลาไปหาภรรยาด้วยความดีใจ “ให้รางวัลท่านหมอ ซุนจางส่งท่านหมอกลับจวน น้องหญิง เราจะมีเจ้าก้อนแป้งกันแล้วนะ” โซ่ทองคล้องใจที่จะทำให้นางอยู่กับเขาตลอดไป ในที่สุดก็มาเสียที “ข้าทราบแล้วเจ้าค่ะ ท่านพี่ดีใจมากหรือเจ้าคะ” “พี่ย่อมดีใจเพราะเป็นลูกของเราสองคน” เดิมทีหลี่จิ้งหานมิได้ต้องการมีบุตร แต่เมื่อยามนี้การมีบุตรคือพันธะอันทรงพลังเพียงอย่างเดียวซึ่งพอให้วางใจได้ว่านางจะไม่หนีหน้าหายไป เ

  • ท่านราชครูปล่อยข้าไปเถอะ   บทที่43 คำอ้อนวอน

    “ท่านพี่ ข้าว่าท่านอาจารย์ต้องรู้ว่าข้าไม่ใช่คนในยุคนี้ แล้วท่านอ้อนวอนอะไรหรือเจ้าคะ” หลี่จิ้งหานคิดว่าน่าจะเป็นสิ่งที่เกิดในความฝัน ภาพก่อนสิ้นใจในโลกก่อน มีจิตใจมุ่งมั่นแต่จะตามหาเซียวอันหนิงจึงนำพานางมาหาเขาซึ่งเป็นการย้อนเวลามานับพันปีเลยทีเดียว “พี่ฝันถึงเรื่องหนึ่ง ในโลกที่จากมาเหมือนกับว่าจะชื่อฮ่าวหยวน หลังจากเสียชีวิตในโลกก่อนถึงได้มาเกิดใหม่ที่นี่ รูปลักษณ์ก็ไม่เหมือนเดิม เจ้าจึงจำพี่มิได้” “ท่านพี่ คือ รุ่นพี่ฮ่าวหยวนหรืือเจ้าครุ่นพี่ฮ่าวหยวนหรือเจ้ “ใช่ หลังจากโดนชนพี่ก็อ้อนวอนต่อสวรรค์ว่าถ้าชาติหน้ามีจริงขอให้ได้เจอเจ้าอีกครั้ง” “แล้วท่านพี่จำข้าไม่ได้หรือ ในเมื่อท่านพี่คือฮ่าวหยวน เราทั้งคู่เคยเจอกันมาก่อน ไม่มีทางที่จะลืมไปได้ง่าย ๆ นะ” “ข้ามาเกิดใหม่ ไม่มีความทรงจำเดิมเหลืออยู่ แต่กลับรู้สึกรักเจ้าตั้งแรกเห็น หวงแหนจนแทบบ้า ก็เคยสงสัยว่าทำไมถึงมีความรู้สึกเช่นนี้กับเจ้า” “เป็นเช่นนั้น ท่าน- ท่านบอกว่าตามหาข้าหรือ” “ใช่ พี่ตามหาเจ้ามาตลอด ตั้งแต่เจ้าจากไปก็ตามหาทุกที่แต่ไม่เจอ จนส

  • ท่านราชครูปล่อยข้าไปเถอะ   บทที่42 กลับแคว้นเหลียง

    องค์ชายหม่าซานเปียวในนามพ่อค้ามารับของที่สั่งเอาไว้บริเวณหน้าร้านของเซียวอันหนิงเมื่อครบตามกำหนดสามวัน สินค้าทั้งหมดมีราว ๆ สองเกวียน มูลค่าถึงห้าพันตำลึงทองเลยทีเดียว “คุณชายนำสินค้ามากมายเหล่านี้ไปขายที่ใดหรือเจ้าคะ” เซียวอันหนิงถามเพราะสินค้าที่นำมามันเยอะจริง ๆ ด้วยเป็นสินค้าที่ขายให้เป็นสตรีเป็นส่วนใหญ่จึงยิ่งสงสัยอย่างสมุนไพรยังพอเข้าใจได้แต่พวกเครื่องหอมอื่นใดดูจะเกินความเข้าใจของนางไปมากทีเดียว “ข้ามีร้านค้ามากมาย สามารถเอาสินค้าไปลงได้ทุกที่ ถ้าสินค้าขายดีจะมาติดต่ออีกครั้ง” หม่าซานเปียวไม่ได้โกหก พระองค์มีร้านค้ามากมายในมือจริง ๆ ในแคว้นเหลียง สินค้าเพียงเท่านี้แจกจ่ายไปไม่นานก็มีที่ให้ขายแล้ว เซียวอันหนิงได้ยินเช่นนั้นมีหรือจะไม่ดีใจ นางรีบยิ้มให้เขาก่อนพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล “ข้ายินดีเสมอเจ้าค่ะ” องค์ชายหม่าซานเปียวเห็นแล้วยิ่งชอบมากขึ้นเรื่อย ๆ แต่รู้ดีว่าไม่สามารถทำอะไรได้ ถ้าพระองค์ดึงดันคงเกิดการบาดหมางระหว่างสองแคว้น เมื่อสามีของนางเป็นราชครูที่แม้แต่ฮ่องเต้ยังต้องมองสีหน้า เสด็จพ่อก็คงไม่เห็นด้วยแน่นอนถึงนาง

  • ท่านราชครูปล่อยข้าไปเถอะ   บทที่41 คนแปลกหน้ามาเยือน

    หลังจากถูกแคว้นเหลียวปฏิเสธ องค์ชายครุ่นคิดถึงการไปเยือนแคว้นเหลียวอย่างเงียบ ๆ มีข่าวว่าสตรีผู้หนึ่งช่างเก่งกาจ สามารถรักษาคนป่วยได้ทุกโรค มีสมุนไพรมากมายเหมือนกับว่าใช้ไม่มีวันหมด นางแต่งงานกับท่านราชครูของแคว้นแต่ยังไม่มีบุตรธิดา ตอนนี้ร้านค้าที่นางเปิดก็รุ่งเรืองจนเป็นที่กล่าวขานจนสะพัดไกลถึงแคว้นเหลียง นั่นจึงยิ่งทำให้ต้องการรู้จักสตรีผู้นี้ยิ่งนักว่าจะเก่งกาจสมคำร่ำลือหรือไม่ เขาต้องการเห็นหน้านางสักครั้ง และการปฏิเสธครั้งนั้นก็เป็นความคิดของนางเช่นกัน ข้อความการต่อรองช่างฉลาดเสียจริง ยังไม่เคยมีผู้ใดกล้าขัดความต้องการขององค์ชายได้ สตรีผู้นี้ช่างเก่งกล้าเสียจริง ร่างบางไปร้านค้าเฉกเช่นทุกวัน วันนี้ได้มากับซิ่วอี้เพียงสองคนเพื่อมาดูว่ามีสิ่งใดขายหมดไปแล้ว ชาดที่นำออกมาขายก็ขายดีเข่นกัน นางสอนคนดูแลเสมอให้จดจำว่าสีไหนเหมาะสมกับใบหน้าสตรีแบบใด เมื่อทาชาดออกมาแล้วจะยิ่งส่งให้ใบหน้าสตรีผู้นั้นงดงามยิ่งขึ้น สิ่งเล็กน้อยเหล่านี้จะทำให้ลูกค้าประทับใจมากขึ้น ร่างสูงกำยำ ใบหน้าหล่อเหลาสมกับเป็นราชนิกูล แต่งกายเหมือนคุณชายทั่วไปในเมืองหลวงนั่นก็คืออง

  • ท่านราชครูปล่อยข้าไปเถอะ   บทที่40 ความฝันที่ยาวนาน

    “รุ่นพี่คะ เอ่อ น้ำค่ะ เหนื่อยไหมคะ” “เมื่อไหร่คุณถึงจะเลิกตามตอแยผมเสียที ผมบอกแล้วไงว่าไม่ชอบ” “รุ่นพี่โกรธเหรอคะ ขอโทษนะคะ ฉันแค่...เป็นห่วง” “ไม่ได้โกรธแต่รำคาญ เข้าใจไหม คุณมาตามตอแยผมสามปีแล้ว ถึงไม่มีใคร ผมก็ไม่มีทางชอบคุณ” ภาพในความฝันมีบุรุษและสตรียืนพูดคุยกัน แต่ชายผู้นั้นไม่ได้ชอบสตรีซึ่งคอยตามตอแย ภาพได้ตัดมาตอนสตรีผู้มีใบหน้าเหมือนกับภรรยาวิ่งร้องไห้ออกไปด้วยความเสียใจกับคำพูดทำลายน้ำใจ ต่อมาภาพตัดไปอีกครั้งกลายเป็นภาพของชายผู้นั้นเฝ้าตามหาสตรีนางนั้น ภาพเปลี่ยนไปอีกครั้งทว่าคราวนี้เขาถูกสิ่งที่วิ่งมาด้วยความเร็วพุ่งชนจนร่างกระเด็น ก่อนสิ้นใจได้เอ่ยชื่อ เซียวอันหนิง เหตุใดชายผู้นั้นถึงใฝ่หาสตรีที่ตนเองขับไล่ไสส่งไปเล่า ไม่เข้าใจเลย ทว่าภาพต่อมากลับน่าตกใจยิ่งกว่า ชายผู้นั้นได้มาเกิดเป็นคุณชายตระกูลหลี่ และภาพชีวิตในวัยเยาว์ของเขาก็ผุดขึ้นมาเรื่อย ๆ จนถึงปัจจุบัน ฉับพลันหลี่จิ้งหานสะดุ้งตื่นขึ้นมาพร้อมเหงื่อโทรมกาย หากในฝันนั่นเป็นความจริง ก็หมายความว่าชายผู้นั้นคือเขาเอง และภรรยาในตอนนี้คือสตร

더보기
좋은 소설을 무료로 찾아 읽어보세요
GoodNovel 앱에서 수많은 인기 소설을 무료로 즐기세요! 마음에 드는 책을 다운로드하고, 언제 어디서나 편하게 읽을 수 있습니다
앱에서 책을 무료로 읽어보세요
앱에서 읽으려면 QR 코드를 스캔하세요.
DMCA.com Protection Status