Masukทว่านางไม่เคยเสียใจที่ยอมรับความผิดเพื่อรักษาเกียรติของท่านอาจารย์ ปกป้องศักดิ์ศรีท่านโดยไม่สนว่าใครจะมองนางด้วยสายตารังเกียจชิงชัง แม้นท่านอาจารย์ประกาศกร้าวต่อทั่วเทวโลกว่าไป๋เหม่ยหลานมิใช่ศิษย์สำนักเซียวเหยา มิใช่ศิษย์ของหลิวยินเฟิงอีกต่อไป นางเป็นหญิงสกปรกคิดทรยศต่ออาจารย์ นางใช้พิษกามารมณ์ของปีศาจอสรพิษหยดใส่ชาเพื่อมอมเมาอาจารย์ยินเฟิงให้สานสัมพันธ์สวาทกับนาง
“เจ้าจะไปหรือยัง? ข้ารอนานแล้วนะ เจ้าสางผมจนจะหมดหัวของเจ้าแล้ว”
ไป๋เหม่ยหลานไม่ได้สางผมแต่ยืนมองกระจกด้วยแววตาเหม่อลอยจนอี้เจ๋อบินเข้ามาทางหน้าต่าง
“วันนี้ข้าเป็นหญิงโสด หน้าตาสะสวย บิดาร่ำรวย มีอำนาจและเงินทอง ข้าจะซื้อของทั้งตลาด ย่อมไม่ใช่ปัญหา เงินบิดาเปรียบเหมือนเงินข้า”
ไป๋เหม่ยหลานแสร้งทำเป็นไม่สนใจอี้เจ๋อ นางเดินนำหน้าไป ถุงกำมะหยี่สีแดงในกระเป๋าผ้าห้อยอยู่บนเรียวแขน สวมชุดเปิดอกนวลเนียนตามยุคสมัย เกล้าผมด้วยปิ่นสีทอง ดูอย่างไรก็เป็นเศรษฐินี อี้เจ๋อเตรียมหีบเวทใบเล็กมาใส่ของในตลาดด้วย แม้เป็นเซียนก็ยังชื่นชมงานฝีมือของมวลมนุษย์
“ถ้าหากว่าข้าไม่ช่วยเจ้า คงได้ไปเกิดเป็นนางบำเรอในสนามรบตามโทษแห่งกามารมณ์ของเจ้า”
“เจ้าทวงบุญคุณข้ารอบที่ล้านได้ อี้เจ๋อ...”
“เผื่อว่าข้าจะได้อะไรตอบแทน”
“เอาสิ เจ้าอยากได้อะไร?”
“ของเล็กน้อย ไม่มาก แล้วก็สุรา...”
“ข้าผู้มีจิตใจดีจะมอบของขวัญให้เจ้าเท่าที่เจ้าต้องการ เจ้าอยากได้อะไรให้ส่งสัญญาณบอกข้า”
“ดีล่ะ ข้าจะนำของเหล่านี้ไปฝากสหาย เพื่อมิตรภาพอันแน่นแฟ้นเนิ่นนาน”
ปีกสีขาวโผบินมาเกาะเมื่อนางผายมือออกต้อนรับอี้เจ๋อ เล็บแหลมคมบนอุ้งมือนกนางนวลทำให้เสื้อผ้าของนางเป็นรอยเล็กน้อย นางมิได้เอ่ยว่าอี้เจ๋อ ขณะสองเท้าก้าวเดินผ่านระเบียงกว้าง นางพูดจากับนกนางนวลซึ่งไม่มีใครได้ยินเสียงของเทพ เพียงได้ยินเสียงนางพร่ำพูดลำพัง
“หากมีของฝากไปให้ท่านอาจารย์ด้วย... คงจะดี”
“น่าเสียดาย ไม่มีใครพบท่านอีกเลย มีแต่ข่าวลืออย่างเจ้าว่า ข้าไม่กล้าไปเที่ยวเล่นในนรกภูมิตามลำพังด้วย ที่นั่นสถานการณ์ไม่สงบสุขแม้สักวัน”
“ช่างเถอะ...”
“ใช่... ข้ารู้ว่าเจ้ารู้สึกผิดที่ต้องโกหก เจ้าคิดถึงท่านอาจารย์อยู่เสมอ ช่างเถิด”
อี้เจ๋อปลอบใจนางทั้งในร่างนกนางนวล เขาเลือกที่จะไม่ปรากฏตัวเป็นบุรุษเทพให้เป็นที่สงสัย ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนจ้องมองใบหน้างามเศร้าหมองลง ด้วยใจเวทนานางนัก หากเมื่อใดนางเกิดคิดถึงอาจารย์ยินเฟิงขึ้นมา
------------
บ่าวรับใช้ผู้ดูแลบุตรสาวท่านโหวรู้ดีกว่านางมีเมตตาต่อสรรพสัตว์ เช่นตัวที่มาเกาะแกะบ่อยที่สุดเป็นนกนางนวลที่มีขนสีขาวสะอาดเป็นเงามัน พุงเล็กกลมของมันแลดูน่ากอด เห็นจะชื่ออี้เจ๋อ
นกนางนวลนี้เริ่มชินชากับการลูบจับหัวของมนุษย์ ดีกว่าพวกเด็กตัวเล็ก ๆ ชอบนำหินขว้างปาหรือเข้ามากลั่นแกล้ง ด้วยนิสัยของเด็ก อี้เจ๋อปล่อยให้ทุกคนเข้าใจว่าตนเป็นนกนางแอ่นที่น่ารัก ได้รับการฝึกฝนจากไป๋เหม่ยหลานจนเชื่อง เมื่อใดนางยื่นอาหารให้เขาใช้จะงอยปากจิกกิน แถมแสร้งกินอย่างเอร็ดอร่อย
คราวนี้อี้เจ๋อไม่อยู่บนโลกมนุษย์นาน การเดินทางข้ามภพภูมินั้นกินเวลามาก เขารวบรวมของกระจุกกระจิกเท่าที่จะนำไปได้ ไม่ให้เป็นการรบกวนไป๋เหม่ยหลานมากนัก
“อี้เจ๋อล่ะ เขาไปแล้วหรือ? ลูกสาว”
บิดาเรียกหาบุตรสาวทว่าชะโงกคอมองหานกนางนวล ไป๋เหม่ยหลานส่งของให้บ่าวรับใช้นำไปเก็บในห้องพัก ปิดประตูห้องรับรองมิดชิดเพื่อพูดคุยกับบิดาตามลำพัง
“ไปแล้วเจ้าค่ะ เขาว่าเดินทางไกล ใช้เวลาพอสมควร”
“ข้าก็อยากติดสินบนเทพบ้าง เผื่อจะได้รับคำอวยพร มีเหล่าเทพปกปักรักษาคุ้มกันภัย”
มีเพียงบิดาผู้รู้เรื่องราวจากบุตรสาวซึ่งเคยพูดมันเมื่อนานมาแล้ว ในทีแรกเขาไม่เก็บมาใส่ใจ กระทั่งนางอายุสิบขวบได้ เหล่าขุนนางและผู้สูงศักดิ์เริ่มหันมาบูชาเทพ ตัวเขาได้พบเทพปักษาอี้เจ๋อกลับคืนร่างบุรุษรูปงาม ปกป้องบุตรสาวของเขาจากรถเกวียนให้ตกใจครั้งหนึ่งก่อนจากไปสักพักใหญ่ ๆ
บุตรสาวเล่าให้ฟังว่าสี่สิบปีเทวโลกอาจผ่านพ้นไปเพียงหนึ่งเดือนในโลกมนุษย์ ฉางผิงโหวตั้งใจฟัง ก่อนจะนึกเรื่องสำคัญขึ้นได้ บ่าวรับใช้นำชาเข้ามาวางไว้ให้และออกไป ไม่มีใครคิดอยากรู้ความลับของเจ้านาย
“ข้าว่าจะคุยกับเจ้าเรื่องชายหนุ่มผู้จะมาสู่ขอเจ้า”
ตอนพิเศษ : เศษใบชาในถ้วยกระเบื้องที่มีควันลอยฉุยสลายไปในเวหา อาภรณ์สีนิลสะบัด ยินเฟิงปัดมือเบา ๆ ร่ายเวทปีศาจอย่างระวัง หลังปัดชาใบเล็กไม่ให้ระคายคอภรรยา ขณะก้มหน้ามองนางชักชวนเขาสนทนาไปเรื่อยเปื่อยในฝั่งตรงกันข้าม ชาบนโต๊ะไม้ไม่พร่องไป นางไม่ดื่มมันเสียที“ไยเจ้าไม่รีบดื่มชาให้หมดถ้วยเสีย เย็นหน่อยก็จะไม่อร่อยแล้ว”“เจ้าค่ะ” นางยิ้มพลางยกถ้วยชาขึ้นแตะริมฝีปาก เหลือบตามองสามีที่ชะเง้อคอมองออกไปด้านนอกท้องนทีมืดสนิท บิดาสงสัยว่าบุตรชายของเขาออกไปเที่ยวเตร็ดเตร่ที่ไหน ไม่ทันสังเกตเห็นน้ำในถ้วยหายไป“เจ้าไม่ควรลืมดื่มชาเป็นอันขาด”“ข้าอาจลืมก็ได้”“ไม่ได้”ยินเฟิงได้คำตอบจากภรรยาในรอยยิ้มมีเลศนัย“ข้าจะลืมแน่...”หลังจากนั้นเขาก็เฝ้าอธิบายเหตุผลของตน ไม่ใช่ว่าไม่อยากตามใจนาง ซึ่งไม่เป็นผล เมื่อได้พูดคุยเรื่องบุตรกันทีไร ยากจะหาข้อสรุป...ไป๋เหม่ยหลานมิได้เชื่อฟังสามี นางกำลังนึกถึงช่วงเวลาสำคัญ ร้อยกว่าปีที่ผ่านพ้นมา ความเจ็บปวดทรมานจากการคลอดบุตรเพียงครั้ง ไม่เทียมเท่าความสุขล้นในอกมารดาบุตรชายตัวน้อย ‘อี้เฉิน’ เป็นบุตรชายที่น่ารักใคร่ นางเฝ้ามองเจ้าตัวน้อยนอนหลับใหล ในร่างของทารกและเ
หลังผ่านพ้นงานวิวาห์ในภพภูมิปีศาจ ร่างอรชรในอาภรณ์สีชาดงดงามพลันหายไปพร้อมกลุ่มไอหยินไป๋เหม่ยหลานตั้งใจไปนำของวิเศษมาให้สามี เพื่อเป็นของขวัญวันแต่งงาน นางใส่ใจกับการเป็นปีศาจและปรมาจารย์ปีศาจ สามีของนักเป็นอย่างมากทว่าระหว่างทางมีปีศาจจิ้งจอกฝีมือเก่งฉกาจเข้ามาขวางทาง ยื้อแย่งก้อนหินน่าอัศจรรย์ไป นางตบะไม่ถึงปีศาจตนนั้น ไม่ได้ของวิเศษจากถ้ำประหลาดที่ได้ยินมาว่ามันเพิ่มกำลังวังชา ทำให้ร่างกายแข็งแรงอายุยืนนานไปอีกนับหมื่นปี นางกลับเมืองเหยียนมือเปล่า พร้อมความเศร้าหมองจนนางเกือบจะร้องไห้ออกมาอย่างผู้อ่อนแอ ขณะปลายเท้าล่องลอยในเวหา หยุดลงหน้าโรงเตี๊ยมแห่งหนึ่ง“วันนี้ข้าไม่ได้อะไรเลยสักอย่าง ไปทำเรื่องสำคัญก็คว้าน้ำเหลว ข้าควรมีวันหยุดเสียบ้าง” เสียงหวานบ่นพึมพำ กรงเล็บสีนิลสะอาดกรีดกรายผ่านริมฝีปากสีชาด การผัดหน้างดงามของนางจึงกลายเป็นเรื่องง่ายดาย นางหันไปกล่าวกับสามีที่เหยียบยืนบนพสุธาตามหลังนางมาไม่นาน“ปีศาจควรมีวันหยุดพักผ่อน”“ปีศาจไม่มีวันหยุด”“แล้วจะต้องเหน็ดเหนื่อยไปตลอดกาลเลยหรือ? แค่เฉพาะการบำรุงบำเรอใจสามีอสรพิษในภพภูมิปีศาจ ร่างของข้าแทบป่นเป็นเถ้าธุลี”“นับตั้งแต่เราส
“ย่อมได้ เมื่อใดก็ได้ทั้งนั้น เราจะไปเยี่ยมบิดาของเจ้าด้วยกัน เราสาม...” รับปากแล้วมือหนาพลันปลดเปลื้องอาภรณ์ กองหล่นบนพื้นไม้เป็นเงามัน เลื่อนสายตามองไปทั่วทุกอณูกายขาวผ่องงาม หน้าท้องแบนราบปรากฏกลุ่มอายสีดำวนเวียนอยู่เหนือสะดือสวยยินเฟิงเข้าใจภรรยาว่าคงไม่คุ้นชินกับร่างกายซึ่งค่อย ๆ กลายเป็นอสรพิษร้าย ที่มีความอิจฉาริษยาเช่นปีศาจสตรี นางใจร้อน ไม่โอนอ่อนตาม นางกำลังตั้งครรภ์ อารมณ์แปรปรวนไม่น้อยขณะมือเรียวลูบบ่ากว้างของบุรุษร่างกำยำ สตรีในอาภรณ์งดงามสีนิลปักทอด้วยลวดลายอสรพิษ เผยอริมฝีปากรับจูบอ่อนหวานของสามีจูบของนางกลับกลายเป็นเร่าร้อนเมื่อเขาเป็นฝ่ายริเริ่ม หลังมื้ออาหารในทุกเช้าค่ำ นางคืบคลานเข้าหา หากสามีไม่เป็นฝ่ายเปิดศึกสู้รับกับนางบนฟูกนอนยับเยิน พร่ำบอกคำรักด้วยการสานราคะ จนกว่าจันทราสีชาดจะลับคล้อยไปในความมืดของเมืองเหยียนในภพภูมิปีศาจ ซึ่งไม่เคยพบแสงตะวันเมื่อสะโพกกลมกลึงยกขึ้น บุรุษร่างกำยำถูกผลักติดกับหัวเตียงไม้สนแดง นางใช้พลังเวททั้งหมดบังคับให้เขาอยู่ใต้อาณัติ ลวดลายที่สลักอย่างงดงามเหล่านั้นกลายเป็นอสรพิษที่มีชีวิต เลื้อยไหลผ่านฟูกนอนและสองเรือนร่างที่สอดประสาน
“ท่านจะไม่สูญเสียข้าไป ส่วนข้าก็ไม่จำเป็นต้องเฝ้าติดตามท่าน ข้ามีความคิดว่า...” สองมือเรียวผลักอกสามีให้ออกห่างนาง นัยน์ตาสีชาดเบิดกว้างทอประกายชิงชัง “ทำลายใบหน้าหล่อเหลาของท่านเสีย น่าจะสิ้นเรื่องกระมัง”ไม่พูดเปล่า กรงเล็บสีนิลผงาดกางขึ้น ขณะดวงตาคู่สวยสีชาดสั่นไหวลังเล แม้ใจนางปรารถนาจะกรีดใบหน้าหล่อเหลาให้เสียโฉมนัก ด้วยความโง่เง่าของนาง ยังคิดว่าสมควรตัดเจ้ามังกรร้ายทิ้งไปให้หมดทั้งยวง เพราะคงมิใช่เพียงใบหน้าคมคาย บุรุษผู้นี้สามารถสรรค์สร้างความสำราญใจให้สตรีสามีเพียงจับข้อมือเล็ก ๆ ของนางไว้ จูบกรงเล็กและเขี้ยวขาวคมตรงมุมปากสีชาด“เก็บเขี้ยวเล็บของเจ้าไว้ขบกัดสามีจะดีกว่าไหมเล่า? ข้ายังมิได้ต้อนรับการกลับมาของเจ้าเลย ศิษย์ไป๋”แววตารุ่มร้อนทอประกาย จ้องมองแก้มแดงซ่านของภรรยา หลบเลี่ยงสายตาของเขาไปไป๋เหม่ยหลานอดกลั้นจิตใจ มองผ่านหน้าตาบานกว้างสลักลายอสรพิษและปีศาจ สุดสารพัดจะจินตนาการ ท้องนภาปรากฏดวงดาราทอแสงระยิบระยับ ไม่ต่างไปจากยามราตรีโลกมนุษย์ ทว่ากลางนภากว้างมีจันทราสีชาด ส่องสว่างงดงาม สะท้อนลงบนผืนน้ำสีนิลสะอาด------------บทสุดท้าย终章สามียินยอมพร้อมรับการจิกข่วนจากก
ในน้ำเสียงเศร้าหมองนั้น มือหนาเฝ้าลูบไล้ผิวกายนุ่มเนียน ละเอียดไปทั่วทุกอณู ซึ่งถูกหยุดอายุขัยไว้เพียงสิบเก้าปี ถึงแม้ว่าอารมณ์ราคะกำหนัดจะรุมเร้าอย่างหนัก เขาขยับอ้อมแขนกระชับกอดนางให้รู้สึกอุ่นปลายจมูกโด่งเป็นสันคมเฝ้าซุกไซ้หาความสำราญจากเรือนร่างนุ่มหอม ราวกับว่านางเป็นปั้นดิน แตกต่างที่นางยังคงเป็นนาง เป็นกลิ่นของนางยินเฟิงมีความเชื่อว่านางเพียงหลับใหลในนิทรา อันจะนำพาสู่ความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ หลังจากที่พบเห็นว่านางพักผ่อนมากขึ้นเมื่อจำต้องต่อสู้กับพลังอาฆาตแค้นและราคะของปีศาจ นับตั้งแต่ปลูกถ่ายกระดูกเซียนให้นางบนโลกมนุษย์มาเจ็ดเดือนกว่า ครั้งสุดท้ายนั้นเป็นลูกแก้วอสรพิษนางควรลืมตาขึ้นในอีกไม่ช้า เขาจำต้องเฝ้ารอนางอย่างใจเย็น‘หากข้าเศร้าหมองใจ เจ้าคงเป็นทุกข์ไปด้วย เมื่อใดเจ้าลืมตาตื่น ก็ควรจะเป็นวันที่ดีของเจ้า ไป่ไป๋...’สตรีในอ้อมแขนเป็นผู้เดียวในทั่วทุกพรหมโลกที่ทำให้บุรุษร่างกำยำโศกศัลย์อาลัย เขาจ้องมองใบหน้างดงามนิ่งสงบเช่นเดิม มือหนาสะบัดไปมาในอากาศ ปรากฏผ้าผืนใหญ่สีนิลสนิท ห่มคลุมเรือนกายอรชรมิดชิด ร่างกายของนางเย็นเฉียบราวเหมันต์ ผ่อนลมหายใจเข้าออกแผ่วเบา“อื้อ...”
เมื่อมองอีกครั้งหนึ่งงูเหล่านั้นกลับกลายเป็นสีนิลสนิท ในห้วงฝันนางพบสตรีในอาภรณ์งดงามหัวเราะร่าเริง นางมีใบหน้างดงามอ่อนหวาน‘โอ้... ไป๋เหม่ยหลาน... ศิษย์ไป๋ของท่านเหลือเพียงโครงกระดูก’‘ท่านอาจารย์จะยอมลืมเลือนเรื่องราวระหว่างท่านและนางหรือ?’สตรีอสรพิษคลับคล้ายคลับคลาที่นางเคยพบจากโถดึงความทรงจำ แลเห็นอาจารย์ยินเฟิงในสภาพน่าอดสู ร่างกายผ่ายผอมเหลือเพียงหนังติดกระดูก ล้มลุกคลุกคลานอยู่บนพื้น ทำร้ายหัวใจดวงน้อย ๆ ของนางนักนางได้ยินทั้งสองยื่นข้อเสนอต่อรอง ซึ่งสำหรับอาจารย์ยินเฟิงขอเพียงจดจำนางไว้ในห้วงความทรงจำ หากเป็นไปได้ก็จะออกตามหานางสุดท้ายแล้วนางก็ยังไม่เข้าใจ...ไยท่านอาจารย์ไม่ลืมนางไปเสีย เมื่อมีวาสนาต่อกันย่อมได้กลับมาพบกันอีกในภพหน้า เขากลับยอมกลายเป็นอสรพิษ เพื่อเก็บความทรงจำระหว่างอาจารย์-ศิษย์ เพื่อให้ได้กลับมาครองคู่นางอย่างสามีภรรยา...---------------ยินเฟิงคงไม่อยู่รอพบหมอหลวงจากราชสำนัก เพียงรอท่านโหวผู้มาเยี่ยมเยียนบุตรสาว ก่อนที่จะหันหลังกำมือแน่นแล้วเดินจากไปฉางผิงโหวรู้แก่ใจดีว่าวันนี้จะมาถึงในสักวัน ไม่สามารถรั้งบุตรสาวซึ่งไม่ใช่บุคคลบนโลกมนุษย์เอาไว้ได้ นาง







