Masukตอนพิเศษ :
เศษใบชาในถ้วยกระเบื้องที่มีควันลอยฉุยสลายไปในเวหา อาภรณ์สีนิลสะบัด ยินเฟิงปัดมือเบา ๆ ร่ายเวทปีศาจอย่างระวัง หลังปัดชาใบเล็กไม่ให้ระคายคอภรรยา ขณะก้มหน้ามองนางชักชวนเขาสนทนาไปเรื่อยเปื่อยในฝั่งตรงกันข้าม ชาบนโต๊ะไม้ไม่พร่องไป นางไม่ดื่มมันเสียที
“ไยเจ้าไม่รีบดื่มชาให้หมดถ้วยเสีย เย็นหน่อยก็จะไม่อร่อยแล้ว”
“เจ้าค่ะ” นางยิ้มพลางยกถ้วยชาขึ้นแตะริมฝีปาก เหลือบตามองสามีที่ชะเง้อคอมองออกไปด้านนอกท้องนทีมืดสนิท บิดาสงสัยว่าบุตรชายของเขาออกไปเที่ยวเตร็ดเตร่ที่ไหน ไม่ทันสังเกตเห็นน้ำในถ้วยหายไป
“เจ้าไม่ควรลืมดื่มชาเป็นอันขาด”
“ข้าอาจลืมก็ได้”
“ไม่ได้”
ยินเฟิงได้คำตอบจากภรรยาในรอยยิ้มมีเลศนัย
“ข้าจะลืมแน่...”
หลังจากนั้นเขาก็เฝ้าอธิบายเหตุผลของตน ไม่ใช่ว่าไม่อยากตามใจนาง ซึ่งไม่เป็นผล เมื่อได้พูดคุยเรื่องบุตรกันทีไร ยากจะหาข้อสรุป...
ไป๋เหม่ยหลานมิได้เชื่อฟังสามี นางกำลังนึกถึงช่วงเวลาสำคัญ ร้อยกว่าปีที่ผ่านพ้นมา ความเจ็บปวดทรมานจากการคลอดบุตรเพียงครั้ง ไม่เทียมเท่าความสุขล้นในอกมารดา
บุตรชายตัวน้อย ‘อี้เฉิน’ เป็นบุตรชายที่น่ารักใคร่ นางเฝ้ามองเจ้าตัวน้อยนอนหลับใหล ในร่างของทารกและเด็กชาย วิ่งไปวิ่งมาในเรือนปีศาจกลางท้องนทีมืดสนิท ได้นอนกอดบุตรชาย กล่อมเด็กน้อยด้วยบทเพลงประหลาดในเมืองปีศาจ
ในที่สุดนางก็กลายเป็นปีศาจไปอย่างช้า ๆ ด้วยฝีมือของอาจารย์ยินเฟิง
“คนเดียวก็พอแล้ว ไป่ไป๋... กว่าจะเลี้ยงดูบุตรให้เติบใหญ่ได้ช่างยากเย็นแสนเข็ญ บัดนี้เราสองสามีภรรยาได้มีช่วงเวลาของเรา” ในน้ำเสียงเข้มขึ้น ยินเฟิงมีภาระหน้าที่มากมาย ไหนจะบรรดาศิษยานุศิษย์ก่อเรื่องได้ไม่เว้นวัน เขาคิดว่าการมีบุตรอีกคนตอนนี้คงไม่เหมาะสมนัก
“ทีแรกท่านเป็นผู้คะยั้นคะยอข้า เรื่องบุตร...”
“เจ้าอยากมีอีกคนจริงหรือ? ข้าเกรงว่าจะไม่มีเวลาให้เขา ไม่สามารถดูแลเขาได้ดี”
“ข้าเป็นมารดา มีหน้าที่ดูแลบุตรจนกว่าเขาจะเติบใหญ่ บนโลกมนุษย์ สามีออกไปทำงาน ในเมืองปีศาจ สามีจะทำอะไรก็ไปทำเถิด”
“ข้าไม่สบายใจอยู่ดี ไม่อยากทำให้เจ้าเหน็ดเหนื่อย”
“ข้าไม่เหนื่อยเลย”
ร่างนี้ของนางแข็งแรงดี แม้ฝักใฝ่ในทางปีศาจ นางสามารถปรับตัวได้ ทว่าทันใดนั้นเอง ไม่มีโอกาสได้เจรจากับสามีต่อ กลุ่มเมฆาสีนิลพุ่งตรงเข้ามากลางเรือน ชายร่างสูงสง่าใบหน้าหล่อเหลาราวกับว่าเป็นน้องชายของอาจารย์ยินเฟิง นั่งลงในฝั่งขวามือของบิดา บนตั่งนั่งสลักลายอสรพิษ
“ขออภัยที่เข้ามารบกวนท่านพ่อ... คุยเรื่องอะไรกับท่านแม่อยู่หรือขอรับ?”
“เจ้าหายไปไหนมา?” บิดาถามกลับ ทุกครั้งที่บุตรชายซึ่งหล่อเหลาพอ ๆ กับเขากลับมา รอบกายมารดาจะมีไอหยินห้อมล้อมรอบกายเป็นเกราะคุ้มกันภัยของอสรพิษ
“ข้าไปฝึกวิชากับเทพปักษา สหายใหม่ข้าผู้นี้วิชากล้าแกร่ง รู้ศาสตร์เวทหลายแขนง ทั้งเทพและมาร ข้าไปพบท่านโหวมาด้วย... อืม... บ้านเมืองสงบสุข ปลอดภัย ข้าได้ข่าวมาว่าท่านกำลังจะรับภรรยาเป็นบุตรสาวผู้ดี”
“คราวหน้าข้าขอไปกับเจ้าด้วย ลูกชาย” มารดาตอบทันที อี้เฉินดีใจจนมองเห็นว่าใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยรอยยิ้ม
“ได้ขอรับท่านแม่ เมื่อใดก็ได้ ว่าแต่...” ปลายเสียงเงียบไป หันไปมองบิดามารดา สลับกันไปมา “ระหว่างท่านทั้งสอง ไม่มีปัญหาใช่หรือไม่?”
“ไม่มี ข้ากำลังปรึกษากับบิดาของเจ้า ไม่ให้เข้มงวดกับเจ้ามากไป ลูกชายที่น่ารักของข้า”
“ท่านแม่...”
ท่าทางตื้นตันใจของบุตรชาย พลันขยับตัวเข้าไปกอดมารดาด้วยกลุ่มไอหยินที่หายได้ในพริบตา ขณะนัยน์ตาสีชาดเย็นชาราวกับว่าจะเชือดเฉือน ด้วยความเป็นปีศาจของยินเฟิง มักหึงหวงภรรยาอยู่เป็นนิจ
ต่อให้เป็นบุตรชายแท้ ๆ บิดาก็ไม่ชอบใจนัก หากว่าเขาจะออดอ้อนกอดมารดาเหมือนตอนเป็นเด็กตัวเล็ก ๆ
“เจ้าไม่ไปพบสหายของเจ้าหรือ?”
“ข้าจะไปเดี๋ยวนี้”
“เดินทางปลอดภัย ลูกชาย หากว่าเขาว่างเมื่อไร อย่าลืมพาเขามาพบข้าด้วยล่ะ”
บิดาไม่ลืมกำชับบอกว่าสหายใหม่ของบุตรชายน่าจะอยากพบปรมาจารย์ยินเฟิงทีเดียว ก่อนที่จะหายไปในกลุ่มเมฆาสีนิล เหลือเพียงบิดามารดาในเรือน
“หวังว่าท่านคงไม่เอาเรื่องอี้เจ๋อ”
“ข้าไม่รู้... เพียงแต่เจ้าตั้งชื่อลูกชายด้วยตัว ‘อี้’ ข้าก็ชักไม่พอใจ”
“เราเคยคุยกันเรื่องความหมายเกี่ยวกับดวงอาทิตย์ เช่นสามีข้า เปรียบดังดวงอาทิตย์ของข้า มอบแสงสว่างให้ข้าผู้มืดมนหม่นหมอง”
“ข้าต่างหากที่มืดมน ใช่เจ้าเสียเมื่อไรกันไป่ไป๋ของข้า เจ้าน่ะ สุขสบายที่สุดแล้ว”
“จริงของท่าน” เสียงหัวเราะดัง ก่อนที่นางจะถูกคว้าตัวไปอย่างรวดเร็ว
แผ่นหลังเย็นวาบสัมผัสฟูกนุ่มอีกครั้ง นางเบิกตากว้างตะลึง แล้วสงบท่าทีลงเมื่อสามีก้มหน้าลงมอบจุมพิตให้นาง รอบเรือนกว้างเหนือท้องนทีสีนิลปรากฏไอปีศาจมากมายครอบคลุมไว้ อสรพิษพันรอบประตูเรือน ไม่ให้ผู้ใดเข้ามารบกวน
มืออุ่นร้อนที่ซุกซนปัดป่ายไปทั่ว อาภรณ์สีนิลที่เผยให้เห็นเนินอกอวบเยี่ยงปีศาจสตรี เย้ายั่วใจบุรุษ กว่าสามีจะยอมผละริมฝีปากไป ก้มหน้าจูบแก้มแดงซ่าน ไล่ริมฝีปากร้อนผ่าวลงบนเนินอกนุ่ม เขาจูบนางอย่างหวงแหนอาลัย ก้มหน้าลงกระซิบข้าง ๆ หูนางด้วยน้ำเสียงแหบพร่า
“ไหนภรรยาข้า... ปรารถนาจะมีบุตรมิใช่หรือ? เจ้าก็คงจะต้องออกแรง”
ไป๋เหม่ยหลานไม่ได้ตอบคำถาม หากขยับใบหน้าขึ้นมอบจูบดูดดื่มรัญจวน สองมือโอบรอบคอแกร่งอย่างไม่รีรอให้เสียเวลาแม้สักชั่วอึดใจ
ไม่ว่าค่ำคืนนี้ ค่ำคืนไหนในเมืองปีศาจ เต็มไปด้วยความปรารถนา อารมณ์แสนรักใคร่หลงใหล
อาจเป็นไปได้ว่า...
หลักฐานแห่งพันธะผูกพันข้ามกาลเวลาอันเนิ่นนาน ระหว่างสองสามีภรรยากำลังจะถือกำเนิดขึ้นอีกหนึ่ง
- จบบริบูรณ์
ตอนพิเศษ : เศษใบชาในถ้วยกระเบื้องที่มีควันลอยฉุยสลายไปในเวหา อาภรณ์สีนิลสะบัด ยินเฟิงปัดมือเบา ๆ ร่ายเวทปีศาจอย่างระวัง หลังปัดชาใบเล็กไม่ให้ระคายคอภรรยา ขณะก้มหน้ามองนางชักชวนเขาสนทนาไปเรื่อยเปื่อยในฝั่งตรงกันข้าม ชาบนโต๊ะไม้ไม่พร่องไป นางไม่ดื่มมันเสียที“ไยเจ้าไม่รีบดื่มชาให้หมดถ้วยเสีย เย็นหน่อยก็จะไม่อร่อยแล้ว”“เจ้าค่ะ” นางยิ้มพลางยกถ้วยชาขึ้นแตะริมฝีปาก เหลือบตามองสามีที่ชะเง้อคอมองออกไปด้านนอกท้องนทีมืดสนิท บิดาสงสัยว่าบุตรชายของเขาออกไปเที่ยวเตร็ดเตร่ที่ไหน ไม่ทันสังเกตเห็นน้ำในถ้วยหายไป“เจ้าไม่ควรลืมดื่มชาเป็นอันขาด”“ข้าอาจลืมก็ได้”“ไม่ได้”ยินเฟิงได้คำตอบจากภรรยาในรอยยิ้มมีเลศนัย“ข้าจะลืมแน่...”หลังจากนั้นเขาก็เฝ้าอธิบายเหตุผลของตน ไม่ใช่ว่าไม่อยากตามใจนาง ซึ่งไม่เป็นผล เมื่อได้พูดคุยเรื่องบุตรกันทีไร ยากจะหาข้อสรุป...ไป๋เหม่ยหลานมิได้เชื่อฟังสามี นางกำลังนึกถึงช่วงเวลาสำคัญ ร้อยกว่าปีที่ผ่านพ้นมา ความเจ็บปวดทรมานจากการคลอดบุตรเพียงครั้ง ไม่เทียมเท่าความสุขล้นในอกมารดาบุตรชายตัวน้อย ‘อี้เฉิน’ เป็นบุตรชายที่น่ารักใคร่ นางเฝ้ามองเจ้าตัวน้อยนอนหลับใหล ในร่างของทารกและเ
หลังผ่านพ้นงานวิวาห์ในภพภูมิปีศาจ ร่างอรชรในอาภรณ์สีชาดงดงามพลันหายไปพร้อมกลุ่มไอหยินไป๋เหม่ยหลานตั้งใจไปนำของวิเศษมาให้สามี เพื่อเป็นของขวัญวันแต่งงาน นางใส่ใจกับการเป็นปีศาจและปรมาจารย์ปีศาจ สามีของนักเป็นอย่างมากทว่าระหว่างทางมีปีศาจจิ้งจอกฝีมือเก่งฉกาจเข้ามาขวางทาง ยื้อแย่งก้อนหินน่าอัศจรรย์ไป นางตบะไม่ถึงปีศาจตนนั้น ไม่ได้ของวิเศษจากถ้ำประหลาดที่ได้ยินมาว่ามันเพิ่มกำลังวังชา ทำให้ร่างกายแข็งแรงอายุยืนนานไปอีกนับหมื่นปี นางกลับเมืองเหยียนมือเปล่า พร้อมความเศร้าหมองจนนางเกือบจะร้องไห้ออกมาอย่างผู้อ่อนแอ ขณะปลายเท้าล่องลอยในเวหา หยุดลงหน้าโรงเตี๊ยมแห่งหนึ่ง“วันนี้ข้าไม่ได้อะไรเลยสักอย่าง ไปทำเรื่องสำคัญก็คว้าน้ำเหลว ข้าควรมีวันหยุดเสียบ้าง” เสียงหวานบ่นพึมพำ กรงเล็บสีนิลสะอาดกรีดกรายผ่านริมฝีปากสีชาด การผัดหน้างดงามของนางจึงกลายเป็นเรื่องง่ายดาย นางหันไปกล่าวกับสามีที่เหยียบยืนบนพสุธาตามหลังนางมาไม่นาน“ปีศาจควรมีวันหยุดพักผ่อน”“ปีศาจไม่มีวันหยุด”“แล้วจะต้องเหน็ดเหนื่อยไปตลอดกาลเลยหรือ? แค่เฉพาะการบำรุงบำเรอใจสามีอสรพิษในภพภูมิปีศาจ ร่างของข้าแทบป่นเป็นเถ้าธุลี”“นับตั้งแต่เราส
“ย่อมได้ เมื่อใดก็ได้ทั้งนั้น เราจะไปเยี่ยมบิดาของเจ้าด้วยกัน เราสาม...” รับปากแล้วมือหนาพลันปลดเปลื้องอาภรณ์ กองหล่นบนพื้นไม้เป็นเงามัน เลื่อนสายตามองไปทั่วทุกอณูกายขาวผ่องงาม หน้าท้องแบนราบปรากฏกลุ่มอายสีดำวนเวียนอยู่เหนือสะดือสวยยินเฟิงเข้าใจภรรยาว่าคงไม่คุ้นชินกับร่างกายซึ่งค่อย ๆ กลายเป็นอสรพิษร้าย ที่มีความอิจฉาริษยาเช่นปีศาจสตรี นางใจร้อน ไม่โอนอ่อนตาม นางกำลังตั้งครรภ์ อารมณ์แปรปรวนไม่น้อยขณะมือเรียวลูบบ่ากว้างของบุรุษร่างกำยำ สตรีในอาภรณ์งดงามสีนิลปักทอด้วยลวดลายอสรพิษ เผยอริมฝีปากรับจูบอ่อนหวานของสามีจูบของนางกลับกลายเป็นเร่าร้อนเมื่อเขาเป็นฝ่ายริเริ่ม หลังมื้ออาหารในทุกเช้าค่ำ นางคืบคลานเข้าหา หากสามีไม่เป็นฝ่ายเปิดศึกสู้รับกับนางบนฟูกนอนยับเยิน พร่ำบอกคำรักด้วยการสานราคะ จนกว่าจันทราสีชาดจะลับคล้อยไปในความมืดของเมืองเหยียนในภพภูมิปีศาจ ซึ่งไม่เคยพบแสงตะวันเมื่อสะโพกกลมกลึงยกขึ้น บุรุษร่างกำยำถูกผลักติดกับหัวเตียงไม้สนแดง นางใช้พลังเวททั้งหมดบังคับให้เขาอยู่ใต้อาณัติ ลวดลายที่สลักอย่างงดงามเหล่านั้นกลายเป็นอสรพิษที่มีชีวิต เลื้อยไหลผ่านฟูกนอนและสองเรือนร่างที่สอดประสาน
“ท่านจะไม่สูญเสียข้าไป ส่วนข้าก็ไม่จำเป็นต้องเฝ้าติดตามท่าน ข้ามีความคิดว่า...” สองมือเรียวผลักอกสามีให้ออกห่างนาง นัยน์ตาสีชาดเบิดกว้างทอประกายชิงชัง “ทำลายใบหน้าหล่อเหลาของท่านเสีย น่าจะสิ้นเรื่องกระมัง”ไม่พูดเปล่า กรงเล็บสีนิลผงาดกางขึ้น ขณะดวงตาคู่สวยสีชาดสั่นไหวลังเล แม้ใจนางปรารถนาจะกรีดใบหน้าหล่อเหลาให้เสียโฉมนัก ด้วยความโง่เง่าของนาง ยังคิดว่าสมควรตัดเจ้ามังกรร้ายทิ้งไปให้หมดทั้งยวง เพราะคงมิใช่เพียงใบหน้าคมคาย บุรุษผู้นี้สามารถสรรค์สร้างความสำราญใจให้สตรีสามีเพียงจับข้อมือเล็ก ๆ ของนางไว้ จูบกรงเล็กและเขี้ยวขาวคมตรงมุมปากสีชาด“เก็บเขี้ยวเล็บของเจ้าไว้ขบกัดสามีจะดีกว่าไหมเล่า? ข้ายังมิได้ต้อนรับการกลับมาของเจ้าเลย ศิษย์ไป๋”แววตารุ่มร้อนทอประกาย จ้องมองแก้มแดงซ่านของภรรยา หลบเลี่ยงสายตาของเขาไปไป๋เหม่ยหลานอดกลั้นจิตใจ มองผ่านหน้าตาบานกว้างสลักลายอสรพิษและปีศาจ สุดสารพัดจะจินตนาการ ท้องนภาปรากฏดวงดาราทอแสงระยิบระยับ ไม่ต่างไปจากยามราตรีโลกมนุษย์ ทว่ากลางนภากว้างมีจันทราสีชาด ส่องสว่างงดงาม สะท้อนลงบนผืนน้ำสีนิลสะอาด------------บทสุดท้าย终章สามียินยอมพร้อมรับการจิกข่วนจากก
ในน้ำเสียงเศร้าหมองนั้น มือหนาเฝ้าลูบไล้ผิวกายนุ่มเนียน ละเอียดไปทั่วทุกอณู ซึ่งถูกหยุดอายุขัยไว้เพียงสิบเก้าปี ถึงแม้ว่าอารมณ์ราคะกำหนัดจะรุมเร้าอย่างหนัก เขาขยับอ้อมแขนกระชับกอดนางให้รู้สึกอุ่นปลายจมูกโด่งเป็นสันคมเฝ้าซุกไซ้หาความสำราญจากเรือนร่างนุ่มหอม ราวกับว่านางเป็นปั้นดิน แตกต่างที่นางยังคงเป็นนาง เป็นกลิ่นของนางยินเฟิงมีความเชื่อว่านางเพียงหลับใหลในนิทรา อันจะนำพาสู่ความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ หลังจากที่พบเห็นว่านางพักผ่อนมากขึ้นเมื่อจำต้องต่อสู้กับพลังอาฆาตแค้นและราคะของปีศาจ นับตั้งแต่ปลูกถ่ายกระดูกเซียนให้นางบนโลกมนุษย์มาเจ็ดเดือนกว่า ครั้งสุดท้ายนั้นเป็นลูกแก้วอสรพิษนางควรลืมตาขึ้นในอีกไม่ช้า เขาจำต้องเฝ้ารอนางอย่างใจเย็น‘หากข้าเศร้าหมองใจ เจ้าคงเป็นทุกข์ไปด้วย เมื่อใดเจ้าลืมตาตื่น ก็ควรจะเป็นวันที่ดีของเจ้า ไป่ไป๋...’สตรีในอ้อมแขนเป็นผู้เดียวในทั่วทุกพรหมโลกที่ทำให้บุรุษร่างกำยำโศกศัลย์อาลัย เขาจ้องมองใบหน้างดงามนิ่งสงบเช่นเดิม มือหนาสะบัดไปมาในอากาศ ปรากฏผ้าผืนใหญ่สีนิลสนิท ห่มคลุมเรือนกายอรชรมิดชิด ร่างกายของนางเย็นเฉียบราวเหมันต์ ผ่อนลมหายใจเข้าออกแผ่วเบา“อื้อ...”
เมื่อมองอีกครั้งหนึ่งงูเหล่านั้นกลับกลายเป็นสีนิลสนิท ในห้วงฝันนางพบสตรีในอาภรณ์งดงามหัวเราะร่าเริง นางมีใบหน้างดงามอ่อนหวาน‘โอ้... ไป๋เหม่ยหลาน... ศิษย์ไป๋ของท่านเหลือเพียงโครงกระดูก’‘ท่านอาจารย์จะยอมลืมเลือนเรื่องราวระหว่างท่านและนางหรือ?’สตรีอสรพิษคลับคล้ายคลับคลาที่นางเคยพบจากโถดึงความทรงจำ แลเห็นอาจารย์ยินเฟิงในสภาพน่าอดสู ร่างกายผ่ายผอมเหลือเพียงหนังติดกระดูก ล้มลุกคลุกคลานอยู่บนพื้น ทำร้ายหัวใจดวงน้อย ๆ ของนางนักนางได้ยินทั้งสองยื่นข้อเสนอต่อรอง ซึ่งสำหรับอาจารย์ยินเฟิงขอเพียงจดจำนางไว้ในห้วงความทรงจำ หากเป็นไปได้ก็จะออกตามหานางสุดท้ายแล้วนางก็ยังไม่เข้าใจ...ไยท่านอาจารย์ไม่ลืมนางไปเสีย เมื่อมีวาสนาต่อกันย่อมได้กลับมาพบกันอีกในภพหน้า เขากลับยอมกลายเป็นอสรพิษ เพื่อเก็บความทรงจำระหว่างอาจารย์-ศิษย์ เพื่อให้ได้กลับมาครองคู่นางอย่างสามีภรรยา...---------------ยินเฟิงคงไม่อยู่รอพบหมอหลวงจากราชสำนัก เพียงรอท่านโหวผู้มาเยี่ยมเยียนบุตรสาว ก่อนที่จะหันหลังกำมือแน่นแล้วเดินจากไปฉางผิงโหวรู้แก่ใจดีว่าวันนี้จะมาถึงในสักวัน ไม่สามารถรั้งบุตรสาวซึ่งไม่ใช่บุคคลบนโลกมนุษย์เอาไว้ได้ นาง







