แชร์

บทที่ 35

ผู้เขียน: หลันซานอวี่
เมื่อแม่เฒ่าเฉินได้ยินคำพูดของอวิ๋นฝูหลิง สีหน้าเปลี่ยนฉับพลัน ราวกับเจอผี

อวิ๋นฝูหลิงใช้หลักการเดียวกันสวนกลับไป ทำเอาคนสกุลเฉินพูดอะไรไม่ออก

ตอนนี้ทุกคนกำลังลี้ภัย อาหารเป็นสิ่งล้ำค่าที่สุดในตอนนี้ เทียบได้กับชีวิตคน

ทุกครอบครัวล้วนเฝ้าอาหารของตัวเองไว้อย่างดี ใครจะโง่แบ่งให้ผู้อื่น?

นายท่านหานยกนิ้วโป้งให้อวิ๋นฝูหลิงอยู่ข้างๆ

วิธีที่พลิกกลับมารุกฆาตนี้ยอดเยี่ยมจริงๆ!

หลังจากอวิ๋นฝูหลิงเห็นก็เลิกคิ้ว เจตนายิ้มในแววตาแผ่ขยายออก

แม่เฒ่าเฉินกลัวทุกคนได้ยินคำพูดของอวิ๋นฝูหลิง แล้วไปแย่งอาหารของครอบครัวนาง จึงรีบหมุนกายจากไปทันที

อวิ๋นฝูหลิงเห็นดังนี้ ก็รีบกล่าวตอกย้ำเสริมไปอีกหนึ่งประโยค “นี่ อย่าเพิ่งไปสิ ข้าหวังดีนะ…”

เท้าแม่เฒ่าเฉินไม่หยุด กลับยิ่งเดินเร็วแล้ว

เฉินเหล่าเอ้อร์กอดคอสะใภ้รองเฉิน แม้กะเผลกแต่ก็เดินไวมาก

อวิ๋นฝูหลิงหัวเราะอย่างเย็นชา มาไม้นี้กับนาง คิดว่าคนอื่นหวังดีไม่เป็นหรือ?

ในตอนที่ทุกคนคิดว่าเรื่องจบแล้ว เตรียมตัวแยกย้ายนั้นเอง ไม่รู้ว่าเฉินเสียวเป่าโผล่ออกมาจากตรงไหน

อ้าปากก็ด่าทออวิ๋นฝูหลิงเป็นชุด

“นางแพศยา อย่าคิดแย่งอาหารของพวกเรา!”

“นางแพศยา นางโส
อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป
บทที่ถูกล็อก

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 36

    สองคนนี้ชกต่อยกัน เฉินเสียวเป่าของพวกเขาย่อมเป็นฝ่ายที่ได้เปรียบพวกเขาคิดเช่นนี้ในใจ อีกทั้งยังหวังว่าเฉินเสียวเป่าจะกระทืบอวิ๋นจิงมั่วหนักๆ สักยกเพื่อระบายความคับข้องใจเมื่อครู่ที่เกิดจากอวิ๋นฝูหลิงใครจะรู้ว่าเรื่องราวกลับไม่ได้เป็นไปตามที่พวกเขาคิดเมื่อเห็นอวิ๋นจิงมั่วนั่งคร่อมชกเฉินเสียวเป่า โดยที่เขาไม่สามารถโต้กลับแม้แต่น้อย อีกทั้งยังถูกชกจนร้องโอดครวญสะใภ้รองเฉินจะเข้าไปช่วยทันทีอวิ๋นฝูหลิงเห็นดังนี้ นางตวาดเบาๆ “ลูกพี่อู๋!”ลูกพี่อู๋เข้าใจแล้ว พาจางซานมู่และคนอื่นก้าวออกไปขวางคนสกุลเฉินทันทีอวิ๋นฝูหลิงยิ้มอย่างเย็นชา “เรื่องของเด็ก ก็ให้พวกเขาจัดการกันเอง”“หากผู้ใหญ่อย่างพวกเจ้าอยากยื่นมือเข้ามายุ่ง อย่าโทษพวกเราก็ลงมือเช่นกัน”“ทำร้ายเด็กนับเป็นความสามารถอะไร? ผู้ใหญ่กับผู้ใหญ่จึงจะยุติธรรม!”สะใภ้รองเฉินมองดูลูกชายที่ถูกชกจนใบหน้าฟกช้ำ นางปวดใจมาก เจ็บใจที่ตัวเองไม่สามารถเข้าไปแทนที่อีกทั้งยังถูกพวกลูกพี่อู๋ขวาง ไม่สามารถเข้าใกล้แม้แต่ก้าวเดียวได้แต่มองดูลูกชายถูกทุบตีชาวบ้านที่มุงดูก็คิดไม่ถึงว่าอวิ๋นจิงมั่วที่ดูตัวผอมและเล็ก เวลาโกรธขึ้นมาจะเก่งกาจเ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 37

    ลูกพี่อู๋เข้าไปกระชากเฉินเหล่าเอ้อร์ออกมาทันที พลันชกใส่เขาอย่างแรงทีหนึ่งเฉินเหล่าเอ้อร์ร้องคร่ำครวญเหมือนเสียงฆ่าหมูทันที“พอแล้ว พอแล้ว ข้าไม่ได้เป็นคนสอน…”ลูกพี่อู๋ไม่คิดจะหยุด กระหน่ำหมัดใส่บนกายของเฉินเหล่าเอ้อร์ราวกับสายฝนพริบตานั้น ทั่วท้องฟ้าเหนือค่ายเต็มไปด้วยเสียงคร่ำครวญของเฉินเหล่าเอ้อร์สะใภ้รองเฉินสงสารสามีของตัวเอง รีบวิ่งเข้าไปห้าม “พอได้แล้ว พวกเราไม่ได้เป็นคนสอนลูกพูดจริงๆ!” สะใภ้รองเฉินไม่เคยสอนเฉินเสียวเป่าพูดคำพูดเช่นนั้น คำพูดที่หยาบคายเช่นนั้น แม้แต่นางก็ไม่สามารถพูดออกจากปาก นับประสาอะไรกับสอนลูกล่ะ!อีกทั้งนางรู้จักสามีของตัวเองดี เขาถูกทำร้ายจนอนาถเช่นนั้นก็ไม่ยอมรับ เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ได้ทำจริงๆจู่ๆ ก็เกิดประกายขึ้นในสมองของสะใภ้รองเฉินถ้าหากไม่ใช่พวกนางสองสามีภรรยา เช่นนั้นคนที่เป็นไปได้ที่สุดก็คือแม่สามีของนางแล้วในใจสะใภ้รองเฉินทั้งเกลียดทั้งโกรธทันทีลูกชายเป็นแก้วตาดวงใจของนาง ย่อมหวังว่าวันข้างหน้าเขาจะสามารถประสบความสำเร็จ มีอนาคตไกลแต่ลูกชายเพิ่งอายุแค่นี้ ก็ถูกแม่สามีสอนอะไร?คำพูดหยาบคายเช่นนั้น อย่าว่าแต่ลูกชายหัดพูดตามเลย ไม่

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 38

    “ถูกต้อง!” ลูกพี่อู๋เอ่ยปากกล่าวในเวลาที่เหมาะสม “ก่อนหน้านี้แม่นางอวิ๋นเคยช่วยชีวิตพวกเรา พวกเราพี่น้องสาบานว่าจะติดตามและรับใช้แม่นางอวิ๋นตั้งแต่นั้น”ลูกพี่อู๋พูดโกหกหน้าด้านๆ โดยตรง ถูกบังคับให้กินยาพิษ เรื่องที่ขายหน้าเช่นนี้ เขาอยากให้มีคนรู้มากขึ้นก็บ้าแล้ว!จางซานมู่ก็พยักหน้าสนับสนุนอย่างมีไหวพริบเช่นกันพวกเขาทุกคนรู้ดี หากวันนี้ไม่อธิบายเรื่องราวให้ชัดเจน คำครหาก็จะมาตกบนตัวของพวกเขากับแม่นางอวิ๋นแล้วชาวบ้านที่มามุงดูเผยให้เห็นสีหน้าที่เข้าใจแล้วทันที ถึงว่าหลายวันนี้ พวกลูกพี่อู๋ช่วยอวิ๋นฝูหลิงทำโน่นทำนี่ตลอดพวกเขาว่าแล้ว แม่นางอวิ๋นไม่ใช่คนเช่นนั้น!เมื่อเห็นว่าทุกคนต่างก็แสดงออกว่าเชื่อความบริสุทธิ์ของแม่นางอวิ๋นกับพวกลูกพี่อู๋ ลูกพี่อู๋กุมใบหน้าข้างที่บวม ชายตามองเซียวจิ่งอี้โดยไม่รู้ตัวต่อให้แม่นางอวิ๋นกับพวกเขาบริสุทธิ์ แต่คนคนนี้ไม่แน่หากไม่มีเรื่องลับลมคมในอะไร ใครจะแบ่งสัตว์ที่ตัวเองล่ามาให้ผู้อื่นอย่างใจกว้าง?เซียวจิ่งอี้รู้สึกถึงสายตาของลูกพี่อู๋ ไม่รอให้เขาเปิดปาก ก็กล่าวอย่างเย็นชาแล้ว “ข้าทำอาหารไม่เก่ง จึงรวมกลุ่มกับแม่นางอวิ๋น โดยมอบสัตว์ที่ล่

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 39

    แม้หัวหน้าหมู่บ้านโจวไม่ได้พูดอย่างชัดเจน แต่ความหมายในคำพูดนั้นชัดเจนมากถ้าหากสกุลเฉินไม่สำนึกผิด ยอมรับคำครหาว่าเป็นคนเนรคุณ ก็ไล่พวกเขาออกจากหมู่บ้านไม่พูดถึงคำว่าเนรคุณนั้นไม่น่าฟังเพียงใดก่อน เมื่อไรที่แบกชื่อเสียงเช่นนี้ ต้องถูกผู้คนนินทาลับหลังแน่นอน แม้แต่เรื่องแต่งงานของลูกหลานในวันข้างหน้าก็กลายเป็นเรื่องลำบากเฉพาะเรื่องที่ถูกไล่ออกจากหมู่บ้าน ก็พอที่จะทำให้แม่เฒ่าเฉินกลัวแล้วถ้าหากพวกเขาทั้งครอบครัวถูกไล่ออกจากขบวน ในป่าในเขาแห่งนี้ เกรงว่ามีแต่ตายสถานเดียวแม่เฒ่าเฉินอดไม่ได้ที่จะตัวสั่น เริ่มกลัวจริงๆ แล้วนางฝืนเค้นรอยยิ้มสายหนึ่งออกมา กล่าวกับอวิ๋นฝูหลิง“แม่นางอวิ๋น ข้าขอโทษ เป็นเพราะข้าถูกความโลภบางตา จึงทำเรื่องบัดซบลงไป”“เจ้าเป็นคนใจกว้าง อย่าถือสาคนแก่อย่างข้าเลยนะ”“บุญคุณที่เจ้ามีต่อสกุลเฉินของเรา ข้าล้วนจดจำไว้ในใจ ชาตินี้ไม่มีวันลืม”“ข้ารู้ว่าเจ้าเป็นคนจิตใจดี ละเว้นพวกเราสักครั้งเถอะ ชาติหน้าข้าขอเป็นวัวเป็นควายตอบแทนเจ้า!”ใบหน้าครึ่งหนึ่งของแม่เฒ่าเฉินบวมเป่ง ยิ้มได้น่าเกลียดยิ่งกว่าร้องไห้สีหน้าอวิ๋นฝูหลิงไร้อารมณ์ ล้วงมีดผ่าตัดเล่มหนึ่งออ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 40

    เช็ดขึ้นเช็ดลงอยู่พักใหญ่ จึงจะล้างเนื้อล้างตัวให้แม่เฒ่าเฉินจนสะอาดแม่เฒ่าเฉินรู้สึกว่าสะอาดแล้ว จึงจะแสร้งค่อยๆ ลืมตาขึ้นฟื้นคืนสติเมื่อเห็นสะใภ้ใหญ่เฉินที่อยู่ข้างๆ แม่เฒ่าเฉินก็รู้สึกไม่สบอารมณ์ทันที จู่ๆ ก็เหวี่ยงฝ่าใส่นางอย่างแรงสะใภ้ใหญ่เฉินเหนื่อยมาครึ่งค่อนวัน สุดท้ายกลับโดนตบ เบ้าตาแดงก่ำทันทีเฉินต้ายารีบวิ่งเข้ามา ปกป้องอยู่ตรงหน้าของสะใภ้ใหญ่เฉิน “ท่านแม่ ท่านเป็นอย่างไรบ้าง?”เฉินเหล่าต้าอึ้งไปครู่หนึ่ง ขมวดคิ้วมองไปทางแม่เฒ่าเฉิน “ท่านแม่ นี่ท่านทำอะไร?”หลังจากเฉินเหล่าเอ้อร์กับสะใภ้รองเฉินสบตากันแวบหนึ่ง ก็หันหน้าไปทางอื่น ต่างก็ทำหน้าเฉยเมยเหมือนไม่เกี่ยวอะไรกับตัวเองแม่เฒ่าเฉินด่าทอ “นางแพศยา เจ้าเห็นข้าเป็นเช่นนี้ ในใจเจ้าคงพอใจมาก ดีใจมากเลยกระมัง?”“แม่สามีถูกทำร้าย เจ้าที่เป็นลูกสะใภ้ กลับไม่เข้ามาช่วย เอาแต่ยืนดูอยู่ข้างๆ”“ข้าตีเจ้าให้ตาย ไอ้คนเห็นขี้ดีกว่าไส้!”“นางแม่ไก่ที่ออกไข่ไม่เป็น ข้าตีเจ้าให้ตาย เจ้ากำลังจะทำให้ลูกชายคนโตของข้าไร้ผู้สืบสกุล!”แม่เฒ่าเฉินพลางกล่าว พลางฟาดฝ่ามือใส่สะใภ้ใหญ่เฉินไม่ยั้งในความเป็นจริง ก่อนหน้านี้นางคิดแต่จะ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 41

    ทันทีที่พวกแม่เฒ่าเฉินไป เฉินต้ายาก็รีบกอดสะใภ้ใหญ่เฉินพลางปล่อยโฮ “ท่านแม่ ท่านเป็นอย่างไรบ้าง? เจ็บหรือไม่?”“แม่ไม่เป็นอะไร” สะใภ้ใหญ่เฉินส่ายศีรษะ ดึงเฉินต้ายาเข้ามาตรวจดูบาดแผลร่างกายของนางเมื่อครู่ตอนที่แม่เฒ่าเฉินตีนาง ลูกสาวก็ถูกตีหลายครั้งเพราะปกป้องนางเฉินต้ายามองสะใภ้ใหญ่เฉิน จู่ๆ ก็กล่าวโดยไม่มีปี่มีขลุ่ย “ท่านแม่ ท่านหย่าเถอะ พวกเราไปจากสกุลเฉินดีหรือไม่?”เฉินต้ายารู้สึกพอกันทีกับชีวิตที่เป็นวัวเป็นควาย และยังถูกทุบตีถูกรังแกเช่นนี้แล้ว เดิมทีในใจนางยังมีความหวังเล็กน้อย รู้สึกว่ามีพ่อของนางอยู่ สักวันพวกนางจะสามารถก้าวผ่านมันไปได้แต่ฝ่ามือเมื่อครั้งที่แล้ว ได้ทำลายความอบอุ่นเสี้ยวสุดท้ายที่อยู่ในใจเฉินต้ายา และทำให้นางได้เห็นแล้วว่า ในใจของพ่อนาง ท่านย่าจึงจะเป็นคนที่สำคัญที่สุด นางกับแม่นางรวมกันก็สู้ไม่ได้และยังมีเรื่องเมื่อครู่ เห็นได้ชัดว่าที่ท่านย่าทำร้ายแม่นางเพราะไม่มีที่ระบายแต่พ่อของนางนอกจากพูดห้ามปรามคำสองคำ ก็ไม่ได้ทำอะไรอีกเลยคนที่ไร้ประโยชน์เช่นนี้ ไม่สามารถปกป้องนางกับแม่ ไม่คู่ควรเป็นพ่อของนางเฉินต้ายาเคยคิดเรื่องแยกบ้าน โดยครอบครัวของ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 42

    ชนชั้นต่ำบ้านนอกก็คือชนชั้นต่ำ หยาบคายที่สุด!อวิ๋นซานหูกับติงหมิงรุ่ยกำลังพูดอย่างสนุกสนาน จู่ๆ ก็ถูกขัดจังหวะเมื่อได้ยินคำพูดของเฉินเหล่าเอ้อร์ อวิ๋นซานหูเบะปากอย่างไม่ใส่ใจถูกคนกระทืบมา ไม่เจ็บตัวสิถึงจะแปลก!หลังจากผ่านเหตุการณ์วันนี้ ติงหมิงรุ่ยไม่ค่อยชอบคนสกุลเฉินนักแต่ด้วยหน้าที่ในฐานะที่เขาเป็นหมอ ท้ายที่สุดก็ทำให้เขาลุกขึ้นมาดูเฉินเสียวเป่าติงหมิงรุ่ยตรวจอย่างละเอียดครู่หนึ่ง พบว่าเฉินเสียวเป่ามีแค่บาดแผลภายนอกเล็กน้อยตามร่างกาย ไม่ได้สาหัสอะไรจากนั้นก็ลองตรวจชีพจรเฉินเสียวเป่าชีพจรของเฉินเสียวเป่านั้นแข็งแรงมีพลัง แต่เหมือนจะเต้นเร็วไปหน่อยพลันสีหน้าติงหมิงรุ่ยเคร่งขรึม จู่ๆ ก็เหลือบเห็นบนใบหน้าเฉินเสียวเป่า เหมือนมีผงสีขาวติดอยู่เล็กน้อย โดยเฉพาะตรงจมูกเยอะที่สุดเขารีบใช้ใบไผ่ขูดผงเหล่านั้นลงบนผ้าเช็ดหน้าที่สะอาดผืนหนึ่งจากนั้นก็หยิบผงขึ้นมาเล็กน้อย ดมแล้วดมอีกเบาๆเขาคลุกคลีกับยาตั้งแต่เด็ก ระบุได้ในทันทีว่าผงนี้มีส่วนผสมของผงดอกลำโพง ขิงแห้งและอื่นๆ นอกจากนี้แล้ว ยังผสมผงยาอีกหลายชนิด เพียงแต่ชั่วขณะเขาก็บอกไม่ได้แต่สรรพคุณของผงสีขาวนี้ ในใจเขามีคำตอ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 43

    อวิ๋นฝูหลิงเงยหน้า พบว่าเป็นโจวฉางจี๋หลานชายของหัวหน้าหมู่บ้าน นางกล่าวกับอวิ๋นจิงมั่วทันที “ไปเล่นเถอะ”ไม่รู้ว่าเด็กทั้งสองคนเริ่มเล่นด้วยกันตั้งแต่เมื่อไร อวิ๋นฝูหลิงก็ไม่ได้เข้าไปก้าวก่ายหนึ่งเพราะลูกมีเพื่อนสักคนก็เป็นเรื่องดีสองเพราะอุปนิสัยของสกุลโจวดี เป็นครอบครัวที่คุ้มค่าแก่การคบหานางก็ค่อนข้างชอบโจวฉางจี๋ที่หน้าตาใสซื่อ สนุกเฮฮาทั้งวันเช่นกันเด็กๆ เล่นกันในค่าย ไม่ได้วิ่งไปทั่ว ผู้ใหญ่เงยหน้าก็มองเห็นในปราดเดียว สามารถวางใจได้อวิ๋นจิงมั่ววิ่งไปถึงตรงหน้าโจวฉางจี๋ จึงจะพบว่าข้างหลังเขามีเด็กสองคนที่โตกว่าเล็กน้อยยืนอยู่“พี่ฉางจี๋ พวกเขาเป็นใคร?” อวิ๋นจิงมั่วมองพวกเขาสองคนอย่างอยากรู้อยากเห็นโจวฉางจี๋วางมือบนไหล่ของทั้งสองอย่างโผงผาง เขากล่าวแนะนำ “นี่คือหู่โถว นี่คือชุนเซิง พวกเขาเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของข้า ต่อไปพวกเราสี่คนก็คือเพื่อนกัน”จู่ๆ อวิ๋นจิงมั่วก็มีเพื่อนเพิ่มขึ้นสองคน เขากล่าวอย่างมีความสุขทันที “ข้าชื่อจิงมั่ว ต่อไปพวกเราเล่นด้วยกันนะ!”หู่โถวท่าทางกำยำและน่าเอ็นดูสมชื่อ ดูกระปรี้กระเปร่ามากส่วนชุนเซิงอายุมากสุดในบรรดาทั้งสี่  รูปร่างผอมสูง ขี้

บทล่าสุด

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 632

    อย่าว่าแต่คนเลย แม้แต่แมลงวันสักตัวก็อย่าคิดว่าจะได้ออกไปจากจุดพักแรมของทางการนี้ยามนี้คนผู้นั้นซึ่งคิดจะหลบหนีออกจากจุดพักแรมถูกจับตัวอยู่ และถูกทหารลาดตระเวนโยนมาไว้ตรงหน้าเซียวจิ่งอี้แล้ว เหล่าทหารองครักษ์ที่คอยเฝ้าอยู่ข้างเวินเจา จำคนผู้นั้นได้ทันทีว่าเป็นสตรีผู้นั้นซึ่งมาส่งอาหารก่อนหน้านี้เมื่อเอาเรื่องราวมารวมเข้าด้วยกัน ก็รู้ได้ว่านางจะต้องมีส่วนเกี่ยวข้องกับการวางยาพิษเวินเจาเป็นแน่เซียวจิ่งอี้ลูบแหวนหยกบนมือ สายตามองไปที่นางอย่างเย็นชา“เหตุใดเจ้าต้องวางยาพิษด้วย?”“ในจุดพักแรมยังมีผู้สมรู้ร่วมคิดของเจ้าอีกหรือไม่?”สตรีผู้นั้นเพียงแค่ส่งเสียงหัวเราะ โดยไม่ได้ตอบคำถามเซียวจิ่งอี้เห็นเช่นนั้นก็มิได้โกรธ และออกคำสั่งว่า “ไปพาตัวทุกคนในจุดพักแรมแห่งนี้มา ตรวจสอบพื้นเพของสตรีผู้นี้ให้ละเอียด จับตัวทั้งครอบครัวของนางมาให้หมด!”มีผู้ใต้บังคับบัญชาทำตามคำสั่งทันทีเซียวจิ่งอี้สังเกตการแสดงออกของสตรีผู้นั้น ทว่ากลับเห็นว่าการแสดงออกของนางไม่เปลี่ยนไปเลยตั้งแต่ต้นจนจบ แม้แต่ยามที่ได้ยินเซียวจิ่งอี้บอกว่าจะจับทั้งครอบครัวของนางมา ก็ยังไม่แม้แต่จะขยับคิ้วแววตาของเซียวจิ่งอ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 631

    รอบด้านรถคุมตัวนักโทษมีทหารองครักษ์เฝ้าอยู่สิบกว่าคน ทหารองครักษ์เรียกได้ว่าเข้มงวดมากทันทีที่มีคนเข้ามาใกล้ พวกทหารองครักษ์ก็ตะโกนออกไปอย่างระแวดระวัง “ใคร?”หญิงที่มาส่งอาหารราวกับถูกเสียงตะโกนทำให้ตกใจ และพูดอย่างสั่นเทาทันที “ใต้...ใต้เท้า ข้าน้อยเป็น...เป็นคนที่มาส่งอาหารเจ้าค่ะ...”เหล่าทหารองครักษ์มองบะหมี่บนถาดในมือนาง สีหน้าจึงเพิ่งอ่อนลงหลายส่วนหนึ่งในนั้นโบกมือ “เข้ามา”หญิงส่งอาหารผู้นั้นจึงเพิ่งก้าวไปด้านหน้า ถือบะหมี่ไปยังรถคุมตัวนักโทษคาดไม่ถึงว่าเพิ่งเดินไปไม่กี่ก้าว ยังมิทันได้ไปตรงหน้ารถคุมตัวนักโทษ ก็ถูกคนขวางทางไว้ทหารองครักษ์ผู้หนึ่งถือเข็มเงินไว้ในมือ แสดงท่าทีว่าจะทดสอบพิษในบะหมี่เมื่อหญิงผู้นั้นเห็นเช่นนี้ แววตาก็เกิดประกายวาบผ่านเล็กน้อยผ่านไปครู่หนึ่ง นางก็ลดสายตาลงอย่างรวดเร็ว และปกปิดการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ไว้ทหารองครักษ์ใช้เข็มเงินทดสอบในบะหมี่ เมื่อเห็นว่าเข็มเงินไม่ได้เปลี่ยนสี จึงเพิ่งพยักหน้าให้คนด้านข้างเล็กน้อยคนผู้นั้นก้าวมาด้านหน้ารับบะหมี่ไปทันที และกล่าวกับหญิงผู้นั้นว่า “เจ้าไปได้แล้ว”หญิงผู้นั้นสะดุ้งก่อนโค้งคำนับอย่างนอบน้อม

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 630

    เซียวจิ่งอี้นั่งอยู่บนรถม้า สายตามองทะลุผ่านหน้าต่างรถม้า เห็นพวกลุงหลี่ในฝูงชนเมื่อเห็นพวกเขาน้ำตาคลอเบ้า คุกเข่าขอบคุณด้วยสีหน้าซาบซึ้ง ก็นึกถึงก่อนหน้านี้ที่เทียนเฉวียนรายงานว่าพลเรือนจากเกาะหมัวกุ่ยเหล่านั้นได้รับการจัดหาที่อยู่อย่างเหมาะสมแล้ว ดูท่าผู้ใต้บังคับบัญชาจะทำหน้าที่ได้ไม่เลวทีเดียวมุมปากของเซียวจิ่งอี้โค้งเล็กน้อย ในอกรู้สึกอุ่น ๆ ความรู้สึกที่อธิบายไม่ได้กำลังพรั่งพรูขึ้นมาขบวนรถม้าเดินทางมาหนึ่งวันแล้ว และแวะค้างแรมในจุดพักแรมของทางการหลังจากเซียวจิ่งอี้ลงมาจากรถม้า ก็มองไปทางรถคุมตัวนักโทษคันหนึ่งในกลุ่มเป็นพิเศษคนที่นั่งอยู่ในรถคุมตัวนักโทษมิใช่ใครอื่น แต่เป็นเวินเจานั่นเองสาเหตุที่เซียวจิ่งอี้จัดขบวนใหญ่โต ก็เพื่อดึงดูดสายตาของท่านจอมปราชญ์เหวินและพวกคนแคว้นเยว่ ให้มาช่วยเหลือเวินเจาระหว่างการเดินทางครั้งนี้ เป็นโอกาสสุดท้ายของพวกเขาแล้วหากพวกเขายังไม่ลงมือ รอจนให้เวินเจาถูกคุมตัวกลับเมืองหลวง ย่อมมีโอกาสสูงที่จะถูกลงโทษประหารชีวิตหลังจากเข้าเมืองหลวงแล้ว หากพวกท่านจอมปราชญ์เหวินคิดจะเข้าไปช่วยคนในคุกหลวง นั่นก็นับว่าเพ้อฝันแล้วส่วนการบุกไปชิงตัว

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 629

    ยามที่กลุ่มของเซียวจิ่งอี้ออกจากจินโจว กองทหารเกียรติยศของอี้อ๋องคุ้มกันโดยตรง จึงมีความยิ่งใหญ่เกรียงไกรมากเทียบกับก่อนหน้านี้ที่ออกจากเจียงโจว พาอวิ๋นฝูหลิงกับลูกชายกลับเมืองหลวงโดยไม่ให้เป็นจุดสนใจนับว่าต่างกันโดยสิ้นเชิงระหว่างทางมีขุนนางและประชาชนมารอส่งไม่กี่วันที่ผ่านมา เซียวจิ่งอี้ได้จัดระเบียบเหล่าขุนนางในจินโจว ลงโทษข้าราชการทุจริต คืนความยุติธรรมให้ประชาชนอวิ๋นฝูหลิงใช้วิชาแพทย์ช่วยเหลือผู้คน เมื่อเจอผู้ป่วยที่ครอบครัวยากจน ก็ยังยกเว้นค่ารักษาของพวกเขาด้วยสิ่งนี้ย่อมทำให้เกิดน้ำหนักในใจของประชาชนเซียวจิ่งอี้กับอวิ๋นฝูหลิงมีจิตใจเมตตา ประชาชนย่อมจดจำความดีของพวกเขาไว้ในใจท่ามกลางฝูงชนที่คับคั่ง ชายร่างสูงผอมผิวคล้ำผู้หนึ่งยืดคอยาว มองไปทางรถม้าของเซียวจิ่งอี้ด้านข้างของเขามีเด็กหนุ่มยืนเขย่งปลายเท้า พลางดึงแขนเสื้อถามเขาว่า “ลุงหลี่ ท่านเห็นท่านอ๋องกับพระชายาหรือไม่?”ชายร่างสูงผอมผิวคล้ำกับเด็กหนุ่ม ก็คือลุงหลี่กับฟางอวี่ที่เซียวจิ่งอี้และอวิ๋นฝูหลิงช่วยออกมาจากเกาะหมัวกุ่ยก่อนหน้านี้หากเซียวจิ่งอี้อยู่ที่นี่ด้วยในยามนี้ จะต้องจำได้เป็นแน่ว่านอกจากลุงหลี่กั

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 628

    จนกระทั่งสถานการณ์ทุกอย่างสิ้นสุดแล้ว หัวใจที่ตื่นตระหนกอยู่นานของเขาจึงสงบลงขณะนั้นเองจู่ ๆ ก็ได้ยินว่าอวิ๋นฝูหลิงจะถอนพิษให้ตามที่รับปากเขาไว้ เมื่อหวนนึกถึงทุกสิ่งก่อนหน้านี้ ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกราวกับอยู่คนละโลกหลังจากเขาตกตะลึงไปครู่หนึ่ง ก็เพิ่งก้าวไปข้างหน้าอวิ๋นฝูหลิงหยิบหมอนหนุนจับชีพจรออกมาจากกล่องยา และส่งสัญญาณให้เวินจือเหิงวางมือลงไปหลังตรวจชีพจรของเวินจือเหิงแล้ว อวิ๋นฝูหลิงก็ดึงมือกลับมา และกล่าวว่า “พิษในร่างถูกถอนออกกว่าครึ่งแล้ว พูดตามหลักร่างกายของเจ้าควรจะฟื้นตัวได้ประมาณเจ็ดถึงแปดส่วนแล้ว”“แต่ช่วงนี้จิตใจเจ้ากระสับกระส่าย และวิตกกังวลมากเกินไป ทั้งยังได้รับสารอาหารไม่เพียงพอ ทำให้ร่างกายที่ไม่ค่อยดีอยู่แล้วยิ่งย่ำแย่ลงไปอีก”“โชคดีที่ตอนยังเด็กเจ้าได้รับการเลี้ยงดูไม่เลว พื้นฐานร่างกายจึงแข็งแรง ตอนนี้จึงมีต้นทุนให้ใช้จ่ายได้”“ยิ่งไปกว่านั้นเจ้ายังโชคดี ได้พบหมอเทวดาคนหนึ่งเช่นข้า!”เวินจือเหิงได้ยิน สีหน้าก็ปรากฏรอยยิ้มขมขื่นสายหนึ่งสกุลเวินเผชิญวิกฤตครั้งใหญ่อย่างกะทันหัน เขาในฐานะผู้นำสกุลย่อมต้องค้ำจุนทั้งสกุลไว้ช่วงนี้ เขากินไม่อิ่มนอนไม่หลับ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 627

    อวิ๋นฝูหลิงเหลือบมองเวินจือเหิง เห็นว่าแม้เขาจะร่างกายอ่อนแอ แต่กลับมีแรงใจไม่เลว ในใจจึงอดไม่ได้ที่จะมองเขาดีขึ้นสกุลเวินมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีขี้ผึ้งทองและการลักลอบค้าของผิดกฎหมาย กอปรกับเวินเจาจากบ้านรองสกุลเวินยังถูกตรวจสอบพบว่าเป็นเชื้อสายของราชวงศ์แคว้นเยว่ ยิ่งไปกว่านั้นทุกร่องรอยยังแสดงให้เห็นถึงความมักใหญ่ใฝ่สูงของแคว้นเยว่ ซึ่งตั้งใจโค่นล้มราชสำนัก ถือเป็นกบฏอย่างแท้จริงหากคนของบ้านรองเข้าไปพัวพันกับคดีใหญ่เช่นนี้ เกรงว่าทั้งสกุลย่อมถูกทำลายลงตรงหน้าสกุลเวินยังสามารถยืนหยัดอยู่ในจินโจวได้ ต้องขอบคุณเวินจือเหิงซึ่งเป็นผู้นำตระกูลจริง ๆหากมิใช่เพราะเขามีไหวพริบมองการณ์ไกล ชิงยอมจำนนต่อเซียวจิ่งอี้เร็วกว่าก้าวหนึ่ง และเป็นฝ่ายลงทัณฑ์ญาติเพื่อผดุงธรรม นำหลักฐานที่เกี่ยวข้องซึ่งตัวเองตรวจสอบพบไปส่งมอบ ช่วยเป็นแรงสนับสนุนให้เซียวจิ่งอี้ เกรงว่าทุกคนในสกุลเวินคงจะติดคุกกันหมดแล้วหลังจากนั้น เวินจือเหิงก็เป็นฝ่ายขอรับโทษ บริจาคทรัพย์สมบัติเก้าส่วนของสกุลเวินให้ราชสำนักตระกูลที่มั่งคั่งเช่นสกุลเวิน ทรัพย์สมบัติที่สั่งสมมาหลายร้อยปีย่อมไม่อาจประเมินต่ำเกินไปได้ทรัพย์สมบัติ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 626

    อาศัยแค่เทียบยานั้นใบเดียว ด้วยการรักษาโรคชนิดหนึ่งได้อย่างแม่นยำ ก็เพียงพอที่จะตั้งตัวได้ ถึงขั้นมีชื่อเสียงโด่งดังทว่ายามนี้อวิ๋นฝูหลิงกลับหยิบตำราแพทย์เล่มหนึ่งออกมาให้ทุกคนเวียนกันอ่านและคัดลอกอย่างใจกว้างช่างมีจิตใจกว้างขวางเสียนี่กระไร!ชั่วขณะหนึ่ง ทุกคนต่างตกตะลึงจนพูดไม่ออกโดยเฉพาะหมอผู้ดูหมิ่นอวิ๋นฝูหลิงในคราแรก ยามนี้สัมผัสได้เพียงความร้อนผ่านที่แก้ม รู้สึกอับอายเป็นอย่างยิ่งผ่านไปครู่หนึ่ง จึงเพิ่งมีคนตั้งสติได้ โค้งคำนับอวิ๋นฝูหลิงด้วยความเคารพ พลางกล่าวด้วยน้ำเสียงซาบซึ้ง “การกระทำของแม่นางอวิ๋น เป็นแบบอย่างให้พวกข้าแล้วจริง ๆ พวกข้ายังเทียบแม่นางอวิ๋นไม่ติดเลย!”เมื่อมีคนเริ่มกล่าว คนอื่นก็เริ่มตอบสนองออกมาเช่นกัน พากันโค้งคำนับกล่าวขอบคุณอวิ๋นฝูหลิงอย่างจริงจังมีบางคนถึงกับเรียกอวิ๋นฝูหลิงว่าท่านอาจารย์ ขอบคุณที่ครั้งนี้นางช่วยรักษาอาการโรคที่เกิดจากขี้ผึ้งทองในจินโจว ทั้งยังถ่ายทอดคำสอนและไขข้อสงสัยอวิ๋นฝูหลิงก็มิได้อวดภูมิ รับคำคนเหล่านั้นอย่างนอบน้อมประการแรก ช่วงที่นางรักษาคนไข้ที่ป่วยเพราะขี้ผึ้งทองในจินโจว ก็ได้สอนวิธีการรักษาของตัวเองให้เหล่าหมอท่า

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 625

    ท่านหมอในสำนักผิงอันต่างมองไปที่ตำราแพทย์ในมือหางซานสุ่ยด้วยดวงตาเป็นประกายนั่นเป็นถึงตำราแพทย์ที่บันทึกศาสตร์ฝังเข็มและเทียบยาสำหรับการรักษาผู้ป่วยเสพติดขี้ผึ้งทองเชียวนะโดยเฉพาะเมื่ออวิ๋นฝูหลิงเป็นผู้เขียนตำราเล่มนี้ด้วยตัวเองในช่วงเวลาที่ได้ทำงานร่วมกันมานี้ ท่านหมอในเมืองจินโจวถือว่าได้เปิดหูเปิดตารับรู้ถึงฝีมือการแพทย์อันสูงส่งของอวิ๋นฝูหลิงแล้วยามหารือเรื่องการรักษาผู้ป่วยติดขี้ผึ้งทอง นางก็มักจะหาแนวทางสำหรับการรักษาที่เหมาะสมที่สุดออกมาเสมอทักษะฝังเข็มล้ำเลิศ เทียบยาก็ล้ำลึกพิสดาร แม้จะเป็นท่านหมออาวุโสที่สั่งสมประสบการณ์มานานก็ยังมีบ้างที่ด้อยกว่าโดยเฉพาะเมื่ออวิ๋นฝูหลิงเป็นหมอหญิงอ่อนวัยที่อายุเพิ่งยี่สิบปีมีท่านหมอในเมืองจินโจวบางคนที่รู้สึกว่า การที่อวิ๋นฝูหลิงมีชื่อเสียงเลื่องลือนั้นทั้งหมดล้วนเป็นเพราะรัศมีอันมีติดตัวมาแต่กำเนิดด้วยนางถือกำเนิดในสกุลอวิ๋นเท่านั้น นางถึงได้มีชื่อเสียงและได้รับความเคารพอยู่บ้างในแวดวงแพทย์เช่นนี้ทว่าใครจะไปรู้ว่าอวิ๋นฝูหลิงกลับใช้ฝีมือการแพทย์ของตัวเองมาตบหน้า สอนเป็นบทเรียนให้พวกเขาอย่างดีหลังได้รู้ซึ้งถึงฝีมือการแพทย์ของ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 624

    ขุนนางที่ถูกส่งมาใหม่เหล่านี้ ต่างทยอยเดินทางมาถึงจินโจวกันแล้วในช่วงไม่กี่วันมานี้ก่อนที่พวกเขาจะเดินทางมาถึง งานบริหารราชการและบริหารกองทัพของจินโจวล้วนมีเซียวจิ่งอี้รับผิดชอบชั่วคราวบัดนี้ขุนนางชุดใหม่มาถึงแล้ว แน่นอนว่าเซียวจิ่งอี้ย่อมเริ่มมอบหมายงานแก่พวกเขา คืนอำนาจบริหารราชการและกองทัพของจินโจวให้ขุนนางที่เหมาะสมจากความหมั่นเพียรและการจัดระเบียบของเซียวจิ่งอี้ งานบริหารราชการในเมืองจินโจวจึงได้รับการจัดระเบียบเป็นที่เรียบร้อยนานแล้ว ขอแค่เหล่าขุนนางที่มารับหน้าที่นี้ต่อไปมัวแต่กินดื่ม ไม่ทำการงาน ก็สามารถบริหารปกครองเมืองจินโจวได้ และฟื้นฟูให้จินโจวรุ่งเรืองขึ้นมาใหม่อีกครั้งได้สิ่งเดียวที่ทำให้เซียวจิ่งอี้ไม่สบอารมณ์และปวดหัวก็คือ จวบจนบัดนี้ยังไม่อาจจับกุมตัวราชครูเผ่าเยว่ผู้นั้นได้ไม่ว่าจะค้นหาไปทั่วเมือง หรือใช้เวินเจาเป็นเหยื่อล่อ ล้วนไม่เห็นแม้แต่ร่องรอยของราชครูเผ่าเยว่ผู้นั้นอีกทั้งประตูเมืองจินโจวก็ไม่อาจปิด ไม่อนุญาตให้ชาวบ้านเข้าออกได้เป็นเวลานานได้แม้ว่าประชาชนจะไม่กล้ามีปากเสียง แต่การชดเชยเรื่องอาหารการกินในชีวิตประจำวันก็นับว่าเป็นปัญหานอกจากนี้ประ

สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status