Share

บทที่ 66

Author: หลันซานอวี่
ทุกคนนึกถึงนาง ยามปกติหากช่วยเหลือได้ก็มักจะช่วยเหลืออยู่เป็นนิจ

นึกไม่ถึงว่านางเห็นเฉินเสียวเป่าทำร้ายผู้อื่น อีกทั้งเห็นทุกคนออกตามหาเด็กไปทั่ว กลับแสร้งทำเป็นไม่มีอะไรเกิดขึ้น ไม่พูดแม้แต่คำเดียว

นี่...นี่มันเลือดเย็นเกินไป!

อวิ๋นซานหูถูกเปิดโปง จึงลนลานอย่างมาก รีบหันมององครักษ์ที่ติดตามนางคนนั้นทันที

นางนึกว่าองครักษ์หักหลังนาง

องครักษ์รีบแก้ต่างทันที “คุณหนูสาม ไม่ใช่ข้า ท่านกำชับไม่ให้ข้าแพร่งพราย ข้าไม่เคยเอาไปพูดกับใครเลยแม้แต่คำเดียว”

เดิมทีทุกคนก็เชื่ออยู่แล้วว่าอวิ๋นฝูหลิงไม่ได้โกหก เพื่อใส่ความอวิ๋นซานหู

ขณะนี้เมื่อเห็นสีหน้าลนลานกินปูนร้อนท้องของอวิ๋นซานหู และได้ยินสิ่งที่องครักษ์พูด ยังมีสิ่งใดไม่เข้าใจอีก

ชั่วขณะนั้น ทุกคนเริ่มตำหนิอวิ๋นซานหู

ติงหมิงรุ่ยจ้องนางอย่างไม่อยากจะเชื่อ ในแววตาเต็มไปด้วยความผิดหวัง

“ญาติผู้น้อง เจ้าทำเรื่องเช่นนี้ได้อย่างไร?”

อวิ๋นซานหูโกรธจนกระทืบเท้า จากนั้นเอ่ยขึ้นอย่างไม่เกรงกลัว “ข้าไม่ได้ผลักพวกเขาให้ตกลงไปเสียหน่อย ต่อให้ข้ามองเห็นแล้วทำไม? ข้าอยากบอกก็บอก ไม่อยากบอกก็ไม่บอก พวกเจ้าจะทำอะไรข้าได้?”

เมื่อพูดจบ นางก็ไม่มีแก่ใจ
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Locked Chapter

Related chapters

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 67

    เมื่อมีอวิ๋นฝูหลิงแสดงจุดยืนเป็นคนแรก พวกเจิ้งซื่อก็รีบเข้าร่วมทันที พวกชาวบ้านคนอื่น ๆ ก็รู้สึกเช่นเดียวกัน ในไม่ช้าสถานการณ์จึงเอนเอียงไปฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งอย่างเห็นได้ชัดเป็นเพราะยามปกติแม่เฒ่าเฉินนิสัยไม่ดี ทั่วทั้งหมู่บ้านไม่มีครอบครัวไหนที่สนิทสนมกับครอบครัวพวกนางบวกกับเรื่องราวในครั้งนี้เลวร้ายเกินไป ล้ำเส้นของทุกคน จึงต่างโกรธเคืองกันไปหมดครอบครัวไหนไม่มีลูกบ้าง ลองนึกย้อนดู หากวันนี้เด็กที่ถูกผลักลงไปเป็นลูกของตัวเอง...ใครบ้างจะไม่กลัว?ยิ่งกว่านั้นปกติเฉินเสียวเป่าเป็นเด็กเกเร ชอบรังแกคนอื่นไปทั่ว เมื่อครอบครัวที่ลูกถูกรังแกไปเอาเรื่องถึงบ้าน แม่เฒ่าเฉินก็เอาแต่ปกป้อง ยิ่งทำให้เฉินเสียวเป่ากลายเป็นเด็กเหลือขอทุกคนโกรธแค้นอยู่ในใจ วันนี้เมื่อบัญชีแค้นเก่าใหม่ผสมรวมกัน จึงดุดันกันทุกคนจึงไม่มีใครยินดีออกหน้ามาพูดแทนตระกูลเฉินหัวหน้าหมู่บ้านโจวเองก็โกรธเคืองไม่น้อยเพราะโจวฉางจี๋คือหลานชายคนโตของตระกูลโจว คือทายาทรุ่นต่อไปที่เขาฝากความหวังเอาไว้แต่ตอนนี้หลังจากตกลงไปจากเนินเขา หัวของเขากระแทกจนบวมเป่ง จะไม่ให้เขาปวดใจได้อย่างไร?หัวหน้าหมู่บ้านโจวยกมือขึ้น เพื่อหย

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 68

    สะใภ้รองเฉินเห็นเฉินเหล่าเอ้อร์โยนความผิดทั้งหมดมาให้ตน จึงรีบเท้าเอวตอบโต้ทันควัน “เจ้าพูดเหลวไหล ลูกเป็นของข้าคนเดียวหรือ?”ชั่วขณะนั้นสองผัวเมียเฉินเหล่าเอ้อร์ทะเลาะกันเสียงดังกระนั้นไม่ว่าทั้งสองคนจะทะเลาะกันอย่างไร ก็ไม่อาจเปลี่ยนแปลงจุดจบของครอบครัวนี้ที่ถูกขับออกไปอวิ๋นฝูหลิงถือโอกาสส่งสายตาให้สะใภ้ใหญ่เฉินสองแม่ลูกความผิดของเฉินเสียวเป่า ไม่ควรลากพวกนางสองแม่ลูกเข้าไปเกี่ยวข้องหากสองแม่ลูกสะใภ้ใหญ่เฉินฉลาดพอ ควรถือโอกาสนี้ตัดขาดกับตระกูลเฉินแรกเริ่มที่เฉินต้ายาได้ยินว่าพวกนางทั้งครอบครัวจะถูกขับออกไป ทำให้นางหวาดกลัวจนทำอะไรไม่ถูกแต่ในไม่ช้านางตระหนักได้ว่านี่คือโอกาสโอกาสที่พ่อของนางจะได้แยกบ้านหลังจากแยกบ้าน ครอบครัวของนางไม่ต้องติดร่างแหเรื่องเฉินเสียวเป่า ไม่ต้องถูกขับออกจากขบวนอีกอย่างก่อนหน้านี้ถือว่านางมีส่วนช่วยแม่นางอวิ๋นเมื่อครู่แม่นางอวิ๋นส่งสายตาให้นางแล้ว แสดงว่าต้องออกหน้าแทนครอบครัวนาง เพื่อให้พวกนางได้อยู่ต่อแต่ใครจะไปคิดว่าเฉินต้ายายังไม่ทันได้ทำสิ่งใด แม่เฒ่าเฉินกลับตวาดเสียงดัง “หยุดทะเลาะกันได้แล้ว! พวกเจ้าสองคนหุบปาก!”เฉินเหล่าเอ้อร

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 69

    อวิ๋นฝูหลิงมองดูเงียบ ๆ มองปราดเดียวก็รู้แผนการของแม่เฒ่าเฉินแล้วความเป็นมนุษย์ย่อมเห็นแก่ตัวต่อให้รักหลานชายคนโตมากเพียงใด แต่เมื่อวิกฤตมาเยือนถึงตน ก็ยอมสละได้ต่อให้สองผัวเมียเฉินเหล่าเอ้อร์คัดค้านอย่างไร แต่เมื่อแม่เฒ่าเฉินยืนกราน สุดท้ายตระกูลเฉินก็ต้องแยกบ้านครอบครัวของเฉินเหล่าเอ้อร์ถูกขับออกจากขบวนหนีภัย แม้แต่สมบัติก็แบ่งได้เพียงผ้าห่มหนึ่งผืนกับเสบียงเพียงเล็กน้อยเพราะสะใภ้ใหญ่เฉินกับเฉินต้ายาขยันอดทน จึงเป็นที่รักของคนในหมู่บ้านดังนั้นหลังจากแยกบ้าน จึงมีคนออกหน้าขอร้องแทนพวกนาง ครอบครัวเฉินเหล่าต้าจึงได้อยู่ต่อ ส่วนแม่เฒ่าเฉินที่อยู่กับครอบครัวเฉินเหล่าต้า ย่อมได้อยู่ในขบวนต่อไปแต่พวกอวิ๋นจิงมั่วต่างได้รับบาดเจ็บ เรื่องนี้จะปล่อยผ่านไม่ได้เพื่อให้พวกตระกูลโจวหายโกรธและสามารถอยู่ต่อไปได้อย่างสงบ แม่เฒ่าเฉินตัดใจชดใช้ให้พวกเขาครอบครัวละห้าตำลึงเงินพวกเจิ้งซื่อได้รับเงินชดเชยหนึ่งก้อน และได้ไล่เฉินเสียวเป่าออกไป จึงจะยอมความโจวโหย่วเหลียงไล่ครอบครัวเฉินเหล่าเอ้อร์ทั้งสามคนออกจากค่าย “พวกเจ้าไปหาที่อื่นค้างแรมเถอะ ห้ามเข้าใกล้เด็ดขาด ไม่อย่างนั้นอย่าหาว่าข้

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 70

    สวี่ตงเป็นคนหน้าเด็ก ปีนี้อายุสิบเก้า เป็นคนที่นิสัยดีและมีความอดทนมากที่สุดในกลุ่มพวกเขาสวี่ตงรีบตอบรับ แล้วจูงมืออวิ๋นจิงมั่วไปเล่นอีกด้านหลังจากทั้งสองคนออกไป อวิ๋นฝูหลิงกวักมือเรียกพวกลูกพี่อู๋อีกสามคน พร้อมสั่งการเสียงค่อยหลังจากพวกลูกพี่อู๋ได้ยิน รีบคารวะทันที “แม่นางอวิ๋นวางใจได้ พวกเราจะจัดการเรื่องนี้ให้เรียบร้อย”เมื่อดวงจันทร์ขึ้นไปอยู่กลางท้องฟ้า รอบด้านมีเสียงแมลงดังขึ้นเป็นระยะอวิ๋นซานหูเลิกผ้าห่มขนแกะบนตัวออก แล้วลุกขึ้นยืนเมื่อองครักษ์หน้าเหลี่ยมที่เฝ้ายามเห็นดังนั้น จึงเอ่ยถามทันที “คุณหนูสาม ท่านมีสิ่งใดให้รับใช้ขอรับ?”อวิ๋นซานหูมองเขาแวบหนึ่ง “ข้าจะออกไปข้างนอก เจ้าตามไปคุ้มกันข้าที”องครักษ์หน้าเหลี่ยมฟังแล้วเข้าใจทันที คุณหนูสามน่าจะอยากออกไปปลดทุกข์เขารีบปลุกองครักษ์คนอื่นให้ตื่นขึ้น มาเฝ้ายามแทนเขา ส่วนตัวเองเดินออกไปพร้อมอวิ๋นซานหูเมื่อเดินออกจากกระโจมไปสักระยะ อวิ๋นซานหูหันมองรอบด้าน ในไม่ช้าก็เลือกที่ได้แล้วนางหันไปเอ่ยกับองครักษ์หน้าเหลี่ยม “เจ้าหันหลังไป แล้วรออยู่ที่นี่ ห้ามแอบดูเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นข้าจะควักลูกตาเจ้า!”องครักษ์หน้าเหลี่

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 71

    ครั้นอวิ๋นซานหูไม่เห็นว่ามีใครคนไหนตอบเลย จึงเปลี่ยนจากท่าทีอ้อนวอนมาเป็นพ่นคำสาปแช่งออกมาแทนนางรู้ดีว่ามีคนทำร้ายนาง แต่ใครกันที่เป็นคนลงมือ?นางรีบนึกย้อนไปถึงเมื่อช่วงพลบค่ำที่พวกเด็ก ๆ อย่างพวกอวิ๋นจิงมั่วทั้งสี่คนหายตัวไปหากจะกล่าวถึงเรื่องผูกพยาบาทแล้ว ช่วงนี้ก็มีเพียงแค่เด็ก ๆ สี่คนนี้เท่านั้นที่แค้นเคืองนาง และเป็นไปได้มากว่าอาจเพราะนางไม่ได้พูดออกไปว่าเฉินเสียวเป่าลอบทำร้ายพวกเด็ก ๆ อย่างอวิ๋นจิงมั่วทั้งสี่คน เลยถูกครอบครัวของเด็ก ๆ ทั้งสี่คนแก้แค้นในหัวของอวิ๋นซานหูผุดภาพสถานการณ์ของบ้านตระกูลโจวและคนอื่น ๆ ขึ้นมาไม่หยุดกลุ่มชาวบ้านชั้นต่ำตามบ้านนอกคอกนา จะมีคนกล้าถึงขนาดลอบลงมือทำร้ายนางลับหลังเชียวหรือ?อีกทั้งนางยังร้องตะโกนอยู่นานขนาดนั้น ทว่าองครักษ์ผู้นั้นที่ติดตามนางมาด้วยกลับไม่มีการเคลื่อนไหวเลยแม้แต่นิดเดียวนี่มันไม่สมเหตุสมผลเลยสักนิด!หลังจากที่อวิ๋นซานหูคิดใคร่ครวญดูแล้ว ก็รีบพุ่งเป้าไปที่อวิ๋นฝูหลิงทันทีคนที่มีทั้งแรงจูงใจ มีความกล้า และมีวิธีการทำเรื่องแบบนี้ เกรงว่าคงมีแต่นางคนเดียวเท่านั้นแหละ!อวิ๋นซานหูกัดฟันด้วยความคับแค้นใจจนฟันเงินแทบแหลก

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 72

    เขารีบสั่งให้ผู้คุ้มกันทั้งหมดออกไปตามคนตัวคนทันทีเหล่าผู้คุ้มกันเร่งออกไปตามคำสั่งไม่นานนักก็พบตัวผู้คุ้มกันหน้าเหลี่ยมแซ่ฟางบริเวณไม่ห่างไกลจากค่ายนักผู้คุ้มกันแซ่ฟางนอนหลับสบายตลอดทั้งคืน เพิ่งตื่นขึ้นมาไม่นานก็เห็นว่าผู้คุ้มกันกลุ่มหนึ่งไล่ตามหาเข้ามาครั้นเห็นเขาก็ถามขึ้นทันที “คุณหนูสามล่ะ?”ทันทีที่ได้ยินคำว่า ‘คุณหนูสาม’ สติสตังของผู้คุ้มกันฟางก็ฟื้นกลับขึ้นมาทันที นึกขึ้นได้ว่าเมื่อคืนเขาตามคุณหนูสามออกมาปลดทุกข์ทว่าหลังจากนั้นก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เขาถึงได้ผล็อยหลับไปโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัวในตอนนั้นเอง น้ำเสียงอ่อนระโหยโรยแรงก็ดังออกมาจากบริเวณไม่ห่างไกลนัก“ช่วยด้วย... ช่วยข้าด้วย...”ทันใดนั้นผู้คุ้มกันก็ฟังออกทันที “เป็นเสียงของคุณหนูสาม!”ผู้คุ้มกันทั้งกลุ่มรีบเดินตามเสียงไป ไม่นานนักก็เจอตัวอวิ๋นซานหูที่นอนอยู่ก้นหลุมเมื่อคืนนี้ อวิ๋นซานหูถูกเซียวจิ่งอี้สกัดจุดหย่าเสวีย[1]และจุดหมาเสวีย[2]ไว้ จึงได้เพียงนอนอยู่ในหลุมด้วยอาการตื่นตระหนกอับจนหนทางตลอดทั้งคืนจวบจนกระทั่งรุ่งสางฟ้าเปิด นางจึงรู้สึกว่าร่างกายของนางเริ่มจะขยับได้บ้างแล้ว ถึงได้ส่งเสียงร้องขอค

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 73

    อวิ๋นซานหูแค่นหัวเราะเสียงเย็น “หาเรื่องแล้วจะทำไม? ใครหน้าไหนปกป้องนางคนชั้นต่ำนี่ ก็ตีให้หมด!”อวิ๋นฝูหลิงยื่นมือไปดึงตัวลูกพี่อู๋ออก แล้วก้าวมายืนด้านหน้าอย่างไร้ความหวาดหวั่น “ที่นี่ไม่ใช่จวนจี้ชุนโหว และข้าก็ไม่ใช่บ่าวในจวนจี้ชุนโหวของเจ้า ช่วยเลิกวางท่าทำตัวเป็นคุณหนูต่อหน้าข้าเสียทีเถอะ!”“กลางวันแสกๆ ท้องฟ้าแจ่มใสสว่างไสวเช่นนี้ ดูซิว่าจะมีใครกล้ามาแตะข้าแม้แต่ปลายก้อย?”“หากไม่กลัวตายก็ดาหน้าเข้ามาลองได้!”อวิ๋นฝูหลิงล้วงเข็มเงินออกมาหนึ่งกำมือ ที่ปลายเข็มประกายแสงสีเขียวจางๆ เห็นได้ชัดว่าเข็มเงินพวกนี้ผ่านการแช่ยามาแล้วกลุ่มผู้คุ้มกันของจวนจี้ชุนโหวพากันถอยหลังไปหนึ่งก้าวอย่างมิอาจควบคุมตัวเองได้ว่ากันว่ายารักษากับยาพิษนั้นไม่อาจแยกออกจากกันได้ แม่นางอวิ๋นผู้นี้เป็นวิชาแพทย์ แน่นอนว่าเรื่องพิษเองก็ต้องรู้เรื่องเช่นกัน ไม่แน่ว่าบนเข็มเงินพวกนั้นอาจจะถูกชุบยาพิษมาแล้วก็ได้แม้ว่าพวกเขาจะต่อยตีเป็น แต่ถ้าถูกเข็มนั่นเข้าโดยไม่ทันตั้งตัวเล่า ชีวิตน้อยๆ นี้ไม่หายไปเลยหรือ?ชั่วพริบตานั้น เหล่าผู้คุ้มกันทั้งหลายต่างไม่มีใครกล้าขยับตัวเลยสักคนอวิ๋นซานหูเห็นแบบนั้นแล้ว จึง

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 74

    นอกจากนางก็ไม่มีใครอื่นแล้ว!ส่วนคนหลังจากนั้นที่เขวี้ยงก้อนหินใส่นาง ทำให้นางพูดไม่ออก ขยับตัวไม่ได้ แปดถึงเก้าในสิบส่วนต้องเป็นเซียวจิ่งอี้แน่นอนหญิงร้ายชาวเลวคู่นี้สมคบคิดกัน!ท่ามกลางคำปลอบโยนบำรุงขวัญของหัวหน้าหมู่บ้านโจวกับคนอื่นๆ อวิ๋นซานหูจึงได้เพียงแค่ถลึงตาใส่อวิ๋นฝูหลิงกับเซียวจิ่งอี้อย่างโหดเหี้ยมเท่านั้นหญิงร้ายชายเลวอย่างพวกเจ้าล้างตารอข้าไว้ได้เลย!รอให้ออกไปจากเขาเฟิ่งลั่ว ข้าจะใช้อำนาจของจวนจี้ชุนโหวมาจัดการพวกเจ้าให้ตายเลย!อวิ๋นซานหูมาด้วยความโกรธเกรี้ยวขึงขัง กลับไปด้วยความเคียดแค้นแน่นเต็มอกติงหมิงรุ่ยรั้งอยู่ท้ายสุด เขาลังเลอยู่ชั่วครู่ แล้วก้าวเข้ามากล่าวกับอวิ๋นฝูหลิง “แม่นางอวิ๋น ญาติผู้น้องเป็นฝ่ายทำผิดก่อน แต่ก็ขอให้ท่านทำแต่พองามเถิด!”พูดจบก็ประสานมือแล้วเดินจากไปแม้จะไม่อาจหาหลักฐานมาได้ แต่ผู้ที่ฉลาดล้วนกระจ่างชัดแจ้งราวกระจกอยู่ในใจผู้ที่ลงมือกับอวิ๋นซานหูได้โดยที่เทพไม่รู้ผีไม่เห็นนั้น นอกจากอวิ๋นฝูหลิงแล้วก็ไม่อาจคิดถึงใครอื่นได้อีกในเมื่อได้สั่งสอนไปแล้ว ก็ควรหยุดแต่เพียงเท่านี้เถิด!อวิ๋นฝูหลิงเลิกคิ้ว ไม่เอื้อนเอ่ยคำใดนางไม่หวั่น

Latest chapter

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 634

    ยามที่กินบะหมี่ เมื่อตะเกียบสัมผัสกับน้ำบะหมี่ ก็ถูกพิษในตะเกียบ แทรกซึมเข้าไปในน้ำน้ำบะหมี่ที่เดิมทีไม่มีพิษ ก็กลายเป็นมีพิษโดยพลันหลังจากอวิ๋นฝูหลิงอธิบาย ทุกคนก็เข้าใจทันทีว่าน้ำบะหมี่ชามนั้นมีพิษได้อย่างไรเซียวจิ่งอี้หัวเราะเยาะคราหนึ่ง และกล่าวว่า “ช่างความคิดดีเสียจริง!”เขามองเวินเจา ในแววตาราวกับกำลังรู้สึกสงสารเห็นใจยามนี้เวินเจาก็เข้าใจโดยสมบูรณ์แล้วเช่นกันไม่ใช่เซียวจิ่งอี้ที่วางแผนร้ายต่อเขา แต่เป็นคนของพวกตนเองที่หมายจะฆ่าเขา!เมื่อได้เห็นความเวทนาในแววตาของเซียวจิ่งอี้อีกครั้ง หัวใจของเวินเจาก็ราวกับถูกลูกศรนับหมื่นทิ่มแทง ความเชื่อที่ยึดมั่นมานานพังทลายลงโดยพลันทั้งร่างของเขาก็พังทลายลงทันที ทันใดนั้นก็พุ่งพรวดกระโจนเข้าไปหาทั้งสองคนนั้นที่วางยาพิษ“เพราะเหตุใด?”“ข้าคือนายน้อยของพวกเจ้า!”“พวกเจ้ากล้าทรยศ หมายจะลอบสังหารกษัตริย์ได้อย่างไร!”“พวกเจ้ากล้าดีอย่างไร?”เหล่าองครักษ์ด้านข้างลงมือว่องไว ควบคุมตัวเวินเจาได้ทันเวลาเวินเจาแม้จะถูกคนกดไว้ แต่กลับยังดิ้นรนคำรามอย่างห้ามไม่ได้เรื่องเช่นนี้ เกรงว่าไม่ว่าเปลี่ยนไปเป็นผู้ใด ก็ล้วนไม่อาจยอมรับได้ทั

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 633

    เซียวจิ่งอี้มองร่างไร้วิญญาณทั้งสองร่าง ก็เข้าใจทันทีเขาชี้ไปทางเทียนเฉวียนเทียนเฉวียนเข้าใจความนัย และเดินไปทางสตรีผู้ช่วยคนนั้นโดยพลันหลังจากตรวจสอบใบหน้าของนางครู่หนึ่ง ก็ลอกหน้ากากหนังมนุษย์แผ่นหนึ่งออกมาเทียนเฉวียนทำแบบเดิม ไม่นานก็ลอกหน้ากากหนังมนุษย์บนใบหน้าของผู้ช่วยอีกคนออกมาผู้ดูแลมองไปที่ใบหน้าไม่คุ้นเคยของทั้งสองคนภายใต้หน้ากากหนังมนุษย์ ก่อนจะมองไปยังร่างไร้วิญญาณของเพื่อนบ้านด้านข้างซึ่งเย็นเฉียบแล้ว ในใจไหนเลยจะยังมีสิ่งใดที่ไม่เข้าใจอีกเจ้าคนชั่วสมควรตายนี่ สังหารผู้ช่วยที่เขาเชิญมา และปลอมตัวเป็นพวกเขาเข้ามาในจุดพักแรมทางการโชคดีที่เป้าหมายของพวกเขาเป็นเพียงนักโทษหากวันนี้ผู้ที่ถูกวางยาพิษคืออี้อ๋อง...แผ่นหลังของผู้ดูแลจุดพักแรมทางการเย็นวาบขึ้นมา ไม่กล้าคิดต่อในขณะนั้นเอง เวินเจาก็ค่อย ๆ ได้สติขึ้นมาสายตาของเขาพร่ามัว ราวกับไม่รู้ว่าตัวเองอยู่ที่ใดไปขณะหนึ่งไม่นานเขาก็จำได้ว่าก่อนหน้านี้ตัวเองหมดสติไป เพราะปวดท้องน้อยมากจนทนไม่ไหว อีกทั้งยังมีเลือดสีดำไหลออกมาจากปากและจมูกของเขาไม่หยุดเช่นนั้นเขาตายแล้วหรือ?ถูกคนวางยาพิษจนตายหรือ?ผู้ใดหมาย

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 632

    อย่าว่าแต่คนเลย แม้แต่แมลงวันสักตัวก็อย่าคิดว่าจะได้ออกไปจากจุดพักแรมของทางการนี้ยามนี้คนผู้นั้นซึ่งคิดจะหลบหนีออกจากจุดพักแรมถูกจับตัวอยู่ และถูกทหารลาดตระเวนโยนมาไว้ตรงหน้าเซียวจิ่งอี้แล้ว เหล่าทหารองครักษ์ที่คอยเฝ้าอยู่ข้างเวินเจา จำคนผู้นั้นได้ทันทีว่าเป็นสตรีผู้นั้นซึ่งมาส่งอาหารก่อนหน้านี้เมื่อเอาเรื่องราวมารวมเข้าด้วยกัน ก็รู้ได้ว่านางจะต้องมีส่วนเกี่ยวข้องกับการวางยาพิษเวินเจาเป็นแน่เซียวจิ่งอี้ลูบแหวนหยกบนมือ สายตามองไปที่นางอย่างเย็นชา“เหตุใดเจ้าต้องวางยาพิษด้วย?”“ในจุดพักแรมยังมีผู้สมรู้ร่วมคิดของเจ้าอีกหรือไม่?”สตรีผู้นั้นเพียงแค่ส่งเสียงหัวเราะ โดยไม่ได้ตอบคำถามเซียวจิ่งอี้เห็นเช่นนั้นก็มิได้โกรธ และออกคำสั่งว่า “ไปพาตัวทุกคนในจุดพักแรมแห่งนี้มา ตรวจสอบพื้นเพของสตรีผู้นี้ให้ละเอียด จับตัวทั้งครอบครัวของนางมาให้หมด!”มีผู้ใต้บังคับบัญชาทำตามคำสั่งทันทีเซียวจิ่งอี้สังเกตการแสดงออกของสตรีผู้นั้น ทว่ากลับเห็นว่าการแสดงออกของนางไม่เปลี่ยนไปเลยตั้งแต่ต้นจนจบ แม้แต่ยามที่ได้ยินเซียวจิ่งอี้บอกว่าจะจับทั้งครอบครัวของนางมา ก็ยังไม่แม้แต่จะขยับคิ้วแววตาของเซียวจิ่งอ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 631

    รอบด้านรถคุมตัวนักโทษมีทหารองครักษ์เฝ้าอยู่สิบกว่าคน ทหารองครักษ์เรียกได้ว่าเข้มงวดมากทันทีที่มีคนเข้ามาใกล้ พวกทหารองครักษ์ก็ตะโกนออกไปอย่างระแวดระวัง “ใคร?”หญิงที่มาส่งอาหารราวกับถูกเสียงตะโกนทำให้ตกใจ และพูดอย่างสั่นเทาทันที “ใต้...ใต้เท้า ข้าน้อยเป็น...เป็นคนที่มาส่งอาหารเจ้าค่ะ...”เหล่าทหารองครักษ์มองบะหมี่บนถาดในมือนาง สีหน้าจึงเพิ่งอ่อนลงหลายส่วนหนึ่งในนั้นโบกมือ “เข้ามา”หญิงส่งอาหารผู้นั้นจึงเพิ่งก้าวไปด้านหน้า ถือบะหมี่ไปยังรถคุมตัวนักโทษคาดไม่ถึงว่าเพิ่งเดินไปไม่กี่ก้าว ยังมิทันได้ไปตรงหน้ารถคุมตัวนักโทษ ก็ถูกคนขวางทางไว้ทหารองครักษ์ผู้หนึ่งถือเข็มเงินไว้ในมือ แสดงท่าทีว่าจะทดสอบพิษในบะหมี่เมื่อหญิงผู้นั้นเห็นเช่นนี้ แววตาก็เกิดประกายวาบผ่านเล็กน้อยผ่านไปครู่หนึ่ง นางก็ลดสายตาลงอย่างรวดเร็ว และปกปิดการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ไว้ทหารองครักษ์ใช้เข็มเงินทดสอบในบะหมี่ เมื่อเห็นว่าเข็มเงินไม่ได้เปลี่ยนสี จึงเพิ่งพยักหน้าให้คนด้านข้างเล็กน้อยคนผู้นั้นก้าวมาด้านหน้ารับบะหมี่ไปทันที และกล่าวกับหญิงผู้นั้นว่า “เจ้าไปได้แล้ว”หญิงผู้นั้นสะดุ้งก่อนโค้งคำนับอย่างนอบน้อม

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 630

    เซียวจิ่งอี้นั่งอยู่บนรถม้า สายตามองทะลุผ่านหน้าต่างรถม้า เห็นพวกลุงหลี่ในฝูงชนเมื่อเห็นพวกเขาน้ำตาคลอเบ้า คุกเข่าขอบคุณด้วยสีหน้าซาบซึ้ง ก็นึกถึงก่อนหน้านี้ที่เทียนเฉวียนรายงานว่าพลเรือนจากเกาะหมัวกุ่ยเหล่านั้นได้รับการจัดหาที่อยู่อย่างเหมาะสมแล้ว ดูท่าผู้ใต้บังคับบัญชาจะทำหน้าที่ได้ไม่เลวทีเดียวมุมปากของเซียวจิ่งอี้โค้งเล็กน้อย ในอกรู้สึกอุ่น ๆ ความรู้สึกที่อธิบายไม่ได้กำลังพรั่งพรูขึ้นมาขบวนรถม้าเดินทางมาหนึ่งวันแล้ว และแวะค้างแรมในจุดพักแรมของทางการหลังจากเซียวจิ่งอี้ลงมาจากรถม้า ก็มองไปทางรถคุมตัวนักโทษคันหนึ่งในกลุ่มเป็นพิเศษคนที่นั่งอยู่ในรถคุมตัวนักโทษมิใช่ใครอื่น แต่เป็นเวินเจานั่นเองสาเหตุที่เซียวจิ่งอี้จัดขบวนใหญ่โต ก็เพื่อดึงดูดสายตาของท่านจอมปราชญ์เหวินและพวกคนแคว้นเยว่ ให้มาช่วยเหลือเวินเจาระหว่างการเดินทางครั้งนี้ เป็นโอกาสสุดท้ายของพวกเขาแล้วหากพวกเขายังไม่ลงมือ รอจนให้เวินเจาถูกคุมตัวกลับเมืองหลวง ย่อมมีโอกาสสูงที่จะถูกลงโทษประหารชีวิตหลังจากเข้าเมืองหลวงแล้ว หากพวกท่านจอมปราชญ์เหวินคิดจะเข้าไปช่วยคนในคุกหลวง นั่นก็นับว่าเพ้อฝันแล้วส่วนการบุกไปชิงตัว

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 629

    ยามที่กลุ่มของเซียวจิ่งอี้ออกจากจินโจว กองทหารเกียรติยศของอี้อ๋องคุ้มกันโดยตรง จึงมีความยิ่งใหญ่เกรียงไกรมากเทียบกับก่อนหน้านี้ที่ออกจากเจียงโจว พาอวิ๋นฝูหลิงกับลูกชายกลับเมืองหลวงโดยไม่ให้เป็นจุดสนใจนับว่าต่างกันโดยสิ้นเชิงระหว่างทางมีขุนนางและประชาชนมารอส่งไม่กี่วันที่ผ่านมา เซียวจิ่งอี้ได้จัดระเบียบเหล่าขุนนางในจินโจว ลงโทษข้าราชการทุจริต คืนความยุติธรรมให้ประชาชนอวิ๋นฝูหลิงใช้วิชาแพทย์ช่วยเหลือผู้คน เมื่อเจอผู้ป่วยที่ครอบครัวยากจน ก็ยังยกเว้นค่ารักษาของพวกเขาด้วยสิ่งนี้ย่อมทำให้เกิดน้ำหนักในใจของประชาชนเซียวจิ่งอี้กับอวิ๋นฝูหลิงมีจิตใจเมตตา ประชาชนย่อมจดจำความดีของพวกเขาไว้ในใจท่ามกลางฝูงชนที่คับคั่ง ชายร่างสูงผอมผิวคล้ำผู้หนึ่งยืดคอยาว มองไปทางรถม้าของเซียวจิ่งอี้ด้านข้างของเขามีเด็กหนุ่มยืนเขย่งปลายเท้า พลางดึงแขนเสื้อถามเขาว่า “ลุงหลี่ ท่านเห็นท่านอ๋องกับพระชายาหรือไม่?”ชายร่างสูงผอมผิวคล้ำกับเด็กหนุ่ม ก็คือลุงหลี่กับฟางอวี่ที่เซียวจิ่งอี้และอวิ๋นฝูหลิงช่วยออกมาจากเกาะหมัวกุ่ยก่อนหน้านี้หากเซียวจิ่งอี้อยู่ที่นี่ด้วยในยามนี้ จะต้องจำได้เป็นแน่ว่านอกจากลุงหลี่กั

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 628

    จนกระทั่งสถานการณ์ทุกอย่างสิ้นสุดแล้ว หัวใจที่ตื่นตระหนกอยู่นานของเขาจึงสงบลงขณะนั้นเองจู่ ๆ ก็ได้ยินว่าอวิ๋นฝูหลิงจะถอนพิษให้ตามที่รับปากเขาไว้ เมื่อหวนนึกถึงทุกสิ่งก่อนหน้านี้ ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกราวกับอยู่คนละโลกหลังจากเขาตกตะลึงไปครู่หนึ่ง ก็เพิ่งก้าวไปข้างหน้าอวิ๋นฝูหลิงหยิบหมอนหนุนจับชีพจรออกมาจากกล่องยา และส่งสัญญาณให้เวินจือเหิงวางมือลงไปหลังตรวจชีพจรของเวินจือเหิงแล้ว อวิ๋นฝูหลิงก็ดึงมือกลับมา และกล่าวว่า “พิษในร่างถูกถอนออกกว่าครึ่งแล้ว พูดตามหลักร่างกายของเจ้าควรจะฟื้นตัวได้ประมาณเจ็ดถึงแปดส่วนแล้ว”“แต่ช่วงนี้จิตใจเจ้ากระสับกระส่าย และวิตกกังวลมากเกินไป ทั้งยังได้รับสารอาหารไม่เพียงพอ ทำให้ร่างกายที่ไม่ค่อยดีอยู่แล้วยิ่งย่ำแย่ลงไปอีก”“โชคดีที่ตอนยังเด็กเจ้าได้รับการเลี้ยงดูไม่เลว พื้นฐานร่างกายจึงแข็งแรง ตอนนี้จึงมีต้นทุนให้ใช้จ่ายได้”“ยิ่งไปกว่านั้นเจ้ายังโชคดี ได้พบหมอเทวดาคนหนึ่งเช่นข้า!”เวินจือเหิงได้ยิน สีหน้าก็ปรากฏรอยยิ้มขมขื่นสายหนึ่งสกุลเวินเผชิญวิกฤตครั้งใหญ่อย่างกะทันหัน เขาในฐานะผู้นำสกุลย่อมต้องค้ำจุนทั้งสกุลไว้ช่วงนี้ เขากินไม่อิ่มนอนไม่หลับ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 627

    อวิ๋นฝูหลิงเหลือบมองเวินจือเหิง เห็นว่าแม้เขาจะร่างกายอ่อนแอ แต่กลับมีแรงใจไม่เลว ในใจจึงอดไม่ได้ที่จะมองเขาดีขึ้นสกุลเวินมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีขี้ผึ้งทองและการลักลอบค้าของผิดกฎหมาย กอปรกับเวินเจาจากบ้านรองสกุลเวินยังถูกตรวจสอบพบว่าเป็นเชื้อสายของราชวงศ์แคว้นเยว่ ยิ่งไปกว่านั้นทุกร่องรอยยังแสดงให้เห็นถึงความมักใหญ่ใฝ่สูงของแคว้นเยว่ ซึ่งตั้งใจโค่นล้มราชสำนัก ถือเป็นกบฏอย่างแท้จริงหากคนของบ้านรองเข้าไปพัวพันกับคดีใหญ่เช่นนี้ เกรงว่าทั้งสกุลย่อมถูกทำลายลงตรงหน้าสกุลเวินยังสามารถยืนหยัดอยู่ในจินโจวได้ ต้องขอบคุณเวินจือเหิงซึ่งเป็นผู้นำตระกูลจริง ๆหากมิใช่เพราะเขามีไหวพริบมองการณ์ไกล ชิงยอมจำนนต่อเซียวจิ่งอี้เร็วกว่าก้าวหนึ่ง และเป็นฝ่ายลงทัณฑ์ญาติเพื่อผดุงธรรม นำหลักฐานที่เกี่ยวข้องซึ่งตัวเองตรวจสอบพบไปส่งมอบ ช่วยเป็นแรงสนับสนุนให้เซียวจิ่งอี้ เกรงว่าทุกคนในสกุลเวินคงจะติดคุกกันหมดแล้วหลังจากนั้น เวินจือเหิงก็เป็นฝ่ายขอรับโทษ บริจาคทรัพย์สมบัติเก้าส่วนของสกุลเวินให้ราชสำนักตระกูลที่มั่งคั่งเช่นสกุลเวิน ทรัพย์สมบัติที่สั่งสมมาหลายร้อยปีย่อมไม่อาจประเมินต่ำเกินไปได้ทรัพย์สมบัติ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 626

    อาศัยแค่เทียบยานั้นใบเดียว ด้วยการรักษาโรคชนิดหนึ่งได้อย่างแม่นยำ ก็เพียงพอที่จะตั้งตัวได้ ถึงขั้นมีชื่อเสียงโด่งดังทว่ายามนี้อวิ๋นฝูหลิงกลับหยิบตำราแพทย์เล่มหนึ่งออกมาให้ทุกคนเวียนกันอ่านและคัดลอกอย่างใจกว้างช่างมีจิตใจกว้างขวางเสียนี่กระไร!ชั่วขณะหนึ่ง ทุกคนต่างตกตะลึงจนพูดไม่ออกโดยเฉพาะหมอผู้ดูหมิ่นอวิ๋นฝูหลิงในคราแรก ยามนี้สัมผัสได้เพียงความร้อนผ่านที่แก้ม รู้สึกอับอายเป็นอย่างยิ่งผ่านไปครู่หนึ่ง จึงเพิ่งมีคนตั้งสติได้ โค้งคำนับอวิ๋นฝูหลิงด้วยความเคารพ พลางกล่าวด้วยน้ำเสียงซาบซึ้ง “การกระทำของแม่นางอวิ๋น เป็นแบบอย่างให้พวกข้าแล้วจริง ๆ พวกข้ายังเทียบแม่นางอวิ๋นไม่ติดเลย!”เมื่อมีคนเริ่มกล่าว คนอื่นก็เริ่มตอบสนองออกมาเช่นกัน พากันโค้งคำนับกล่าวขอบคุณอวิ๋นฝูหลิงอย่างจริงจังมีบางคนถึงกับเรียกอวิ๋นฝูหลิงว่าท่านอาจารย์ ขอบคุณที่ครั้งนี้นางช่วยรักษาอาการโรคที่เกิดจากขี้ผึ้งทองในจินโจว ทั้งยังถ่ายทอดคำสอนและไขข้อสงสัยอวิ๋นฝูหลิงก็มิได้อวดภูมิ รับคำคนเหล่านั้นอย่างนอบน้อมประการแรก ช่วงที่นางรักษาคนไข้ที่ป่วยเพราะขี้ผึ้งทองในจินโจว ก็ได้สอนวิธีการรักษาของตัวเองให้เหล่าหมอท่า

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status