Share

ตอนที่ 10 สตรีสองหน้า

Author: Jiulin
last update Last Updated: 2025-09-10 10:32:12

เมื่อเข้ามาในรถม้าพลันสายตาของหลิวหรงผิงก็พบเข้ากับสตรีนางหนึ่ง แววตาสดใสของหญิงสาวทั้งใบหน้างดงามไร้ที่ตินั้นจ้องมองมาที่หลิวหรงผิงก่อนจะย้ายไปยังร่างสูงที่กำลังโอบอุ้มนางเอาไว้แววตาคู่งามนั้นไหววูบเล็กน้อย

'อย่าบอกนะว่านางแอบรักเจ้าอ๋องบ้าผู้นี้ ดูทำหน้าเข้าสิเหมือนคนอกหักอยู่อย่างไรอย่างนั้น'

"ท่านอ๋องก็ไปด้วยหรือเพคะ"

เสียงหวานใสเอ่ยถามเขา ริมฝีปากบางนั้นแย้มยิ้มออกมาทั้งยังขยับกายเข้าไปชิดด้านในเหมือนตั้งใจเว้นที่ว่างไว้ให้เขา

"อวิ๋นเซียนดีใจที่ได้พบท่านอ๋องอีกครั้งนะเพคะ"

จวิ้นอ๋องพยักหน้าให้นางเล็กน้อยเบี่ยงตัวไปอีกด้านแล้ววางหลิวหรงผิงลงบนเบาะนุ่มนิ่มก่อนที่เขาจะทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ นางในเวลาต่อมา

ไม่มีทีท่าว่าจะสนใจสตรีที่กำลังจ้องมองเขาในเวลานี้เลยสักเพียงนิดแววตาของนางหม่นหมองลงเล็กน้อย เป็นจังหวะเดียวกันกับที่องค์หญิงเพ่ยเพ่ยขยับกายลงไปนั่งด้านข้างของนางแล้วหันมามองหลิวหรงผิงด้วยแววตาเกลียดชัง

หลิวหรงผิงไม่สนใจท่าทีเหล่านั้นแต่เมื่อหันไปมองสตรีอีกคนอยู่ๆ ในหัวของนางก็ปรากฏภาพบางอย่างขึ้น

‘เหมือนเคยเห็นนางที่ไหนมาก่อนนะ’

นางครุ่นคิดในใจเงียบๆ แต่แล้วก็ต้องชะงักไปเมื่อนึกขึ้นได้ว่าสตรีตรงหน้าคือคนเดียวกันกับคนที่อยู่ในความฝันของนางเมื่อคืนนี้ สตรีที่กำลังทำเรื่องน่ารังเกียจนั้นกับองค์ชายใหญ่ในจวนของจวิ้นอ๋องนั่นเอง!

'มันเป็นเพียงความฝันที่ไม่มีอยู่จริงหรือจะเป็นความทรงจำของเจ้าของร่างเดิมกันแน่นะ'

'ก็ไม่ถูกสิ! ภาพนั้นเกิดขึ้นหลังจากที่จวิ้นอ๋องกลับเข้าห้องหอได้ไม่นานแล้วทุกอย่างที่นางเห็นมันคืออะไรกันแน่'

หลิวหรงผิงนั่งครุ่นคิดอยู่นาน อาการนิ่งสงบของนางทำเอาจวิ้นอ๋องถึงกลับหันมาจดจ้องนางด้วยความประหลาดใจ

'อยู่นิ่งเหมือนคนปกติเป็นด้วยกระนั้นหรือ'

รถม้าเริ่มทะยานจากจวนอ๋องมุ่งสู่ใจกลางเมืองหลวงบรรยากาศสองข้างทางเต็มไปด้วยโคมไฟที่แต่ละบ้านนำมาแขวนห้อยเอาไว้ ความสว่างไสวในค่ำคืนนี้ทำให้ความเหงาและความอ้างว้างที่มีในใจของนางมลายหายไปจนหมดสิ้น

'อยากให้เสี่ยวเถากับซิ่งอิงมาด้วยเสียจริง อยู่เพียงในจวนคงจะเบื่อแย่เลย'

งานเทศกาลหยวนเซียวหรือเทศกาลโคมไฟนั้นถูกจัดขึ้นทุกๆ ปีในพื้นที่ใจกลางเมืองหลวงต้าหยวน เมื่อถึงวันงานท้องถนนทุกแห่งหนจะเต็มไปด้วยทะเลโคมไฟที่มีรูปแบบโคมไฟต่างๆ เป็นที่ดึงดูดแก่ผู้มาเยี่ยมชมเป็นจำนวนมาก 

ตลอดงานเทศกาลโคมไฟที่จัดขึ้นสามวันสามคืนนี้เหล่าคุณหนูคุณชายจากตระกูลต่างๆ ทั้งในเมืองหลวงและเมืองโดยรอบต่างก็ออกมาเที่ยวงานเพื่อหาคู่ครองที่เหมาะสมกับตัวเองและพองานเทศกาลผ่านพ้นไปก็จะพบเห็นงานแต่งงานที่ถูกจัดขึ้นเกือบทั่วทั้งเมืองหลวง 

ภายในรถม้าคันงามนั้นมีหนึ่งบุรุษและอีกสามสตรีนั่งอยู่ในนั้นแม้จะกว้างขวางแต่กลับดูอึดอัดสำหรับหลิวหรงผิงเป็นอย่างมาก นางไม่สนใจสายตาดูแคลนของคนพวกนั้นเลือกที่จะยื่นใบหน้าออกไปนอกหน้าต่างรถม้าจ้องมองบรรยากาศด้านนอกแทน สายลมเย็นที่ลอยกระทบกับใบหน้าทำให้ความรู้สึกที่กำลังอึดอัดอยู่นั้นดีขึ้นมาไม่น้อยเลย

"เจ้าปิดม่านลงได้แล้ว"

แม้จะได้ยินคำสั่งนั้นแต่นางก็เลือกที่จะไม่สนใจยังคงยื่นใบหน้างดงามนั้นออกไปนอกตัวรถมากขึ้น อยู่ๆ มือหนาก็โอบเอวของนางเอาไว้ก่อนจะดึงร่างบอบบางให้กลับเข้ามาในตัวรถม้าอีกครั้ง

"ท่านทำอะไร!" นางเอ่ยออกมาอย่างไม่ชอบใจนัก จวิ้นอ๋องจ้องมองใบหน้าที่กำลังหงุดหงิดนั้นแล้วเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า

"หากเจ้าตกรถม้าน่ากลัวว่าข้าคงต้องลงไปเก็บศพของเจ้าที่มีใบหน้าเละเทะแข้งขาหักผิดรูป และที่สำคัญ..."

หลิวหรงผิงจ้องมองเขาก่อนจะเบะปากออกมาทำท่าเหมือนกำลังจะร้องไห้ออกมาอยู่รอมร่อ

"ละ แล้วเจ้าจะร้องไปทำไมกันท่านพี่ก็แค่กลัวว่าเจ้าจะตกรถม้าแล้วเดือดร้อนพวกเราต้องไปแก้ต่างกับเสด็จแม่ต่างหากเล่า ไม่ได้ห่วงเจ้าเสียหน่อยจริงหรือไม่เจ้าคะท่านพี่"

จวิ้นอ๋องหลับตาลงคร้านจะสนใจเรื่องที่กำลังเกิดขึ้นเขาเลือกที่จะปิดปากเงียบก่อนจะใช้วงแขนแกร่งนั้นพาดไปยังด้านหลังของหลิวหรงผิงกั้นนางออกจากขอบหน้าต่างจนไม่สามารถยื่นใบหน้าออกไปด้านนอกได้อีก

หลิวหรงผิงจ้องมองชายหนุ่มตาขวางอยากที่จะจิ้มลูกตาคู่นั้นให้รู้แล้วรู้รอดแต่นางยังควอยากมีชีวิตอยู่ต่ออีกสักนิด และคงต้องล้มเลิกความคิดนั้นไปก่อนไม่อยากต่อกรกับปีศาจเช่นเขาในเวลานี้นั่นเอง

ท่าทางของเขาในเวลานี้เหมือนกำลังโอบกอดหลิวหรงผิงอยู่อย่างไรอย่างนั้นนั่นยิ่งทำให้เว่ยอวิ๋นเซียนริษยานางมากขึ้น

"ข้าเองก็เห็นด้วยกับท่านอ๋อง พระชายานั่งห่างๆ หน้าต่างคงจะดีไม่น้อยหากว่าตกลงไปจะแย่เอาได้นะเพคะ"

เสียงอ่อนหวานพูดขึ้นพลางจ้องมองมาเหมือนกำลังห่วงใยนางอย่างไรอย่างนั้น

'ก็คงจะหลอกได้แค่คนโง่เขลาสองคนนี้เท่านั้นกระมังจะมาหลอกคนอย่างนางได้ที่ไหน เมื่อครู่เห็นอยู่ชัดๆ ว่าแววตาคู่นั้นมองมาด้วยความริษยาอยู่แท้ๆ'

หลิวหรงผิงลอบยิ้มในใจ

'ข้าต้องเปิดเผยตัวตนของเจ้าให้ได้ เว่ยอวิ๋นเซียน'

ใช้เวลาไม่นานทั้งหมดก็เดินทางมาถึงใจกลางเมืองหลวง เมื่อรถม้าค่อยๆ จอดลงสนิทท่ามกลางแสงไฟและเสียงขับร้องเพลงที่เล็ดลอดเข้ามาในรถม้าคนขับรถม้าก็พูดขึ้นว่า

“ถึงแล้วพ่ะย่ะค่ะองค์หญิง” พูดจบเขาก็เปิดม่านประตูออกก่อนจะมัดผ้าม่านไว้อย่างเรียบร้อยแล้วรีบลงจากรถม้าเพื่อเตรียมตั่งเล็กๆ ไว้สำหรับเหยียบลงด้วยความว่องไว

องค์หญิงเพ่ยเพ่ยหันไปมองเว่ยอวิ๋นเซียนก่อนจะย้ายสายตาไปมองพี่ชายของตนที่เวลานี้ยังคงไม่ยอมปล่อยแขนแกร่งนั้นออกจากขอบหน้าต่างด้านข้างของตนเองแต่อย่างใด

"ท่านพี่ไม่ลงไปหรือเจ้าคะ"

"เจ้าลงไปก่อนก็ได้"

องค์หญิงเพ่ยเพ่ยพ่นลมหายใจออกมาอย่างไม่พอใจในท่าทีของผู้เป็นพี่ชายนัก

'เกลียดนางแบบไหนถึงได้เอาแต่อยู่ใกล้ๆ ไม่ยอมห่างเช่นนั้นกัน'

นางคิดในใจเงียบๆ ก่อนจะหันไปมองเว่ยอวิ๋นเซียนที่เวลานี้กำลังจ้องมองจวิ้นอ๋องอยู่เหมือนกำลังตัดพ้อที่เขาไม่สนใจนางอย่างไรอย่างนั้น

“ไปกันเถอะพี่หญิงเว่ย”

เว่ยหวิ๋นเซียนหันไปพยักหน้าให้นางเบาๆ ก่อนจะค่อยๆ ลุกขึ้นแต่ยังไม่ทันได้ก้าวขาออกไปแต่อย่างใดก็ดูเหมือนว่านางจะสะดุดกับอะไรบางอย่างจนทำให้ร่างบางเซถลามานั่งบนตักของจวิ้นอ๋อง ทั้งสองสบตากันดูแล้วช่างเหมือนคู่รักคู่หนึ่งอย่างไรอย่างนั้น

'ช่างสะดุดล้มได้เหมาะเจาะอะไรเช่นนี้ เหมือนในละครไม่มีผิดเพี้ยนเสียจริง'

“พี่สาวคนสวยนั่งตักท่านอ๋องด้วย ฮ่าๆๆๆ”

หลิวหรงผิงแกล้งหัวเราะทั้งยังตบมือเสียงดังทำให้คนที่อยู่ในบริเวณงานนั้นมองเข้ามาในรถม้ากันเป็นตาเดียว

เว่ยอวิ๋นเซียนรีบลุกขึ้นอย่างร้อนรนใบหน้าเริ่มแดงระเรื่อขึ้นมาแล้วส่วนจวิ้นอ๋องก็หันมามองคนด้านข้างด้วยสายตาคาดโทษ หลิวหรงผิงเอียงคอจ้องมองเขาก่อนจะพูดขึ้นว่า

“ท่านอ๋องหน้าแดง ฮ่าๆๆ ท่านอ๋องหน้าแดงด้วย”

“เจ้าหยุดนะลงไปได้แล้ว!” จวิ้นอ๋องตวาดนางดังลั่นแต่มีหรือที่คนอย่างหลิวหรงผิงจะเกรงกลัว

“ข้าปวดก้น คนบ้านั่นทำร้ายข้า” นางพูดจบก็ชี้ไปที่องค์หญิงเพ่ยเพ่ยผู้ที่ลงจากรถม้าไปเป็นคนแรก

นางหันมองโดยรอบก็เห็นว่าชาวบ้านกำลังมองมาที่นางพลางซุบซิบนินทากันยกใหญ่

“เจ้าพูดบ้าอะไร! สตรีบ้าเช่นเจ้าใครเขาจะเชื่อกัน”

องค์หญิงเพ่ยเพ่ยกำลังจะด่าทอนางต่อแต่เป็นอันต้องหยุดลงเมื่อหันไปสบตากับจวิ้นอ๋องเข้าพอดี หลิวหรงผิงอาศัยจังหวะชุลมุนนั้นรีบเดินกะเผลกๆ ก้าวขาลงจากรถม้าอย่างรวดเร็วไม่ลืมที่จะระวังตอนเหยียบตั่งนั้นเพราะเมื่อตอนอยู่ที่จวนอ๋องนางตกรถม้าจริงๆ อาการเจ็บปวดที่ก้นนั้นยังคงระบมไม่หาย

แต่เพราะไม่อยากอยู่ใกล้คนใจร้ายพวกนี้นางจึงเลือกที่จะเดินหนีออกมาไม่รอให้พวกเขาต่อว่ารีบเร่งฝีเท้าเดินเข้าไปในงานโดยไม่สนใจพวกเขาอีกเลยสักนิด

สององค์รักษ์คู่ใจของจวิ้นอ๋องที่ติดตามมาด้วยมองตามแผ่นหลังบอบบางของหลิวหรงผิงก่อนจะย้ายสายตาหันกลับไปมองจวิ้นอ๋อง เมื่อเห็นว่าเขาพยักหน้าให้ทั้งคู่ก็รีบเดินตามหลิวหรงผิงไปในทันที

แม้ในสายตาของผู้คนนางจะเป็นสตรีบ้าสติฟั่นเฟือนแต่หญิงสาวในเวลานี้กลับงดงามโดดเด่นที่สุดในงานเสียอย่างนั้น ใบหน้าผุดผ่องแววตาสดใสที่จ้องมองไปทั่วงานด้วยความตื่นเต้นนั้นทำเอาผู้คนที่พบเห็นต่างก็อดอมยิ้มให้นางไม่ได้

หลิวหรงผิงแต่งกายด้วยชุดสีแดงสดมีผ้าคลุมไหล่สีขาวหนานุ่มทับอีกชั้น บนศรีษะปักด้วยปิ่นทองประดับด้วยทับทิมสีแดงสลับทองระยิบระยับบนเรือนผมสีน้ำตาลเงางาม ใบหน้าอ่อนหวานงดงามไร้ที่ติของนางทำให้ผู้คนที่พบเห็นไม่อาจละสายตาไปได้

“ท่านอ๋องไม่อุ้มพระชายาหรือเพคะ ดูเหมือนว่านางจะเดินไม่สะดวกนักน่าสงสารเสียจริง"

เว่ยอวิ๋ยเซียนพูดขึ้นเหมือนกำลังเห็นใจหลิวหรงผิงอยู่อย่างไรอย่างนั้น หลิวหรงผิงหันกลับมามองนางแววตาอ่อนโยนของเว่ยอวิ๋นเซียนที่ทุกคนเห็นคงจะมีเพียงนางเท่านั้นที่รู้ว่ามันคือหน้ากากที่นางกำลังสวมใส่เพื่อเล่นละครตบตาคนโง่เท่านั้น

‘ช่างเป็นสตรีที่ตีสองหน้าได้เก่งอะไรเช่นนี้นะ’

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ท่านอ๋องเย็นชากับชายาแสนซน   ตอนที่ 46 ความทรมานที่กัดกินใจ

    เมืองหลวงแคว้นต้าหยวน-กรมการพระนคร-จวิ้นอ๋องเดินออกมาจากกรมการพระนครด้วยสีหน้าที่ดูเบื่อหน่ายยิ่งนัก หลายปีมานี้เขาต้องเรียนรู้งานในฐานะองค์รัชทายาทที่ถูกฮ่องเต้ยัดเยียดตำแหน่งนี้ให้โดยที่เขาไม่เต็มใจรับเลยสักเพียงนิดชายหนุ่มหมายมั่นจะออกท่องยุทธภพเพื่อตามหาชายาเพียงคนเดียวของเขาที่หายตัวไปเมื่อหลายปีก่อน แต่เพราะหน้าที่ในตอนนี้จึงทำได้เพียงแค่ส่งองค์รักษ์และเหล่าทหารออกติดตามหานางแทนเขาเท่านั้นน้องชายร่วมสายเลือดที่หายตัวไปตั้งแต่เล็กๆ แม้จะตามหาพบแล้วแต่กลับมีชะตากรรมเดียวกันกับเขาเสียอย่างนั้น“นั่นเจ้าจะไปไหน ต้องไปเข้าเฝ้าเสด็จพ่ออีกนะ”“ใยข้าต้องไปด้วย”“เจ้าเป็นเจ้ากรมไหนเลยจะละทิ้งหน้าที่กลับไปรายงานผลงานกับพระองค์เดี๋ยวนี้เลยจะมาทิ้งให้ข้ารับผิดชอบแทนเจ้าไม่ได้”“เฮ้อ…ไว้ค่อยรายงานก็ยังได้ นี่พี่สี่พวกเราทำอะไรกันอยู่อย่างนั้นหรือ”“ถามมาได้ว่าทำอะไรไหนเจ้าบอกว่าใกล้ได้ตัวคนร้ายที่เป็นคนลอบทำร้ายเสด็จแม่แล้วอย่างไรเล่า”“ก็ยังไม่รู้ว่านางอยู่ไหน” เยี่ยอ๋องพูดขึ้นพลางเสยผมของเขาด้วยท่วงท่าที่ดูเหนื่อยหน่ายยิ่งนัก จวิ้นอ๋องรู้ดีว่าเวลานี้เขาไม่น่าจะมีกระจิตกระใจในการทำงานอย

  • ท่านอ๋องเย็นชากับชายาแสนซน   ตอนที่ 45 ร้ายแรงกว่าที่คิด

    “อาเฟยอยู่หรือไม่”เสียงเรียกของหลิวหรงผิงดังแว่วออกมาจากด้านในบ้าน อาเฟยที่กำลังกระโดดโลดเต้นเล่นอยู่หน้าบ้านกับเพื่อนๆ อยู่นั้นก็รีบวิ่งเข้ามาด้านในด้วยความรวดเร็ว“มีอะไรหรือขอรับท่านแม่”“เห็นท่านป้าของเจ้าหรือไม่”“เมื่อครู่ข้าเห็นท่านป้าเดินไปที่สวนไผ่หลังบ้านคงจะไปเดินเล่นกระมังขอรับ”“อย่างนั้นหรือ อาหารเย็นใกล้เสร็จแล้วเจ้ามาช่วยเสี่ยวเถายกไปวางที่โต๊ะอาหารทีแม่จะไปเก็บผักที่แปลงข้างบ้านเสียหน่อย”“ได้ขอรับ”“ล้างมือด้วยเล่า”“ขอรับท่านแม่”เด็กชายรีบวิ่งไปที่ถังใส่น้ำที่ถูกวางเอาไว้บนโต๊ะทำอาหาร เขาปีนเก้าอี้เล็กแล้วยื่นมือน้อยๆ นั้นลงไปล้างในอ่างน้ำทีละส่วนตามที่ผู้เป็นมารดาเคยสอนเอาไว้ หลิวหรงผิงจ้องมองการกระทำนั้นอย่างนึกเอ็นดูก่อนจะหันหลังเดินไปที่สวนผักข้างบ้านในเวลาต่อมา“พี่เสี่ยวเถา”อาเฟยกระโดดลงจากเก้าอี้เล็กนั้นก่อนจะวิ่งเข้าไปหาเสี่ยวเถาที่กำลังจัดเตรียมอาหารสำหรับอาหารมื้อค่ำนี้ นางหันมามองเด็กชายเล็กน้อยก่อนจะพูดขึ้นว่า“มีอะไรหรือเจ้าคะคุณชาย”“พี่เสี่ยวเถาอยู่ตรงนี้ไปก่อนนะข้าจะไปดูท่านป้ามู่เสียหน่อย”“แต่ว่าคุณหนูบอกให้คุณชายอยู่ที่นี่เตรียมอาหารสำหรับตั้งโ

  • ท่านอ๋องเย็นชากับชายาแสนซน   ตอนที่ 44 ข้ามีพ่อหรือไม่

    เป็นเวลาร่วมเดือนแล้วที่หลิวหรงผิงได้อยู่ร่วมกับสหายคนสนิททั้งสองช่วยกันรักษาผู้คนทุกๆ ครั้งที่เย่หยุนฟางทำการเปิดโรงเตี๊ยมเพื่อทำการรักษาคนเรื่องการไปโรงเรียนของอาเฟยเพราะมีมู่อิงเถาช่วยพูดอีกแรงจนสุดท้ายหลิวหรงผิงก็ยอมอนุญาตให้เด็กชายไปโรงเรียนเช่นเดียวกันกับเพื่อนๆ ในละแวกบ้านของเขาเด็กชายดีใจเป็นอย่างมากและดูจะตื่นเต้นกับการไปโรงเรียนไม่น้อย ในทุกๆ วันเขาจะตื่นนอนตั้งแต่เช้าตรู่จัดการตัวเองจนเสร็จเรียบร้อยนั่งรอคอยผู้เป็นมารดาไปส่งเขาที่โรงเรียน วันนี้ก็เช่นกันในใจกลางเมืองฉางอันผู้คนเดินกันพลุกพล่านแผงขายอาหารผักสดผลไม้สดตั้งเรียงรายเต็มทั้งสองข้างทาง เมื่อยืนอยู่บนโรงเตี๊ยมก็มองเห็นบรรยากาศในเมืองได้อย่างชัดเจนความงดงามของแสงอาทิตย์ยามเช้าที่มีแสงแดดอ่อนๆ รำไรสาดส่องลงมาบนแผงขายผักและผลไม้สดที่เรียงรายเป็นแนวชวนให้นางคิดถึงบ้านเกิด“ก่อนหน้านี้ข้าไม่คิดอยากมีชีวิตอยู่ต่อแต่เมื่อมาพบพวกเจ้าข้าถึงได้รู้สึกว่าชีวิตที่เหลือของข้าก็น่าอยู่ไม่น้อยเลย”“พูดอะไรของเจ้ากัน เจ้ายังมีข้ากับอาเฟยอีกคนนะจะทิ้งพวกข้าเอาไว้ที่นี่เพียงลำพังอย่างนั้นหรือช่างใจร้ายเสียจริง”“ข้าพูดแบบนั้นเสีย

  • ท่านอ๋องเย็นชากับชายาแสนซน   ตอนที่ 43 พานพบสหายเก่า

    ห้าปีต่อมา-เมืองฉางอัน แดนตะวันออก-สายลมเย็นที่พัดโชยมาหอบเอากลิ่นสมุนไพรจากสวนสมุนไพรข้างบ้านลอยเข้ามาถึงในห้องโถง หลิวหรงผิงที่กำลังคัดเลือกสมุนไพรกับเสี่ยวเถาอยู่นั้นก็เงยหน้าขึ้นจ้องมอง หลิวเฟยหมิง ที่กำลังยืนทำหน้างอให้นางอยู่ยิ่งเขาแสดงสีหน้าบึ้งตึงมากเท่าใดก็ยิ่งเหมือนคนผู้นั้นมากขึ้นทุกที‘บ้าจริง! อุ้มท้องมาตั้งหลายเดือนเลี้ยงมาเองกับมือแต่เหตุใดถึงได้เหมือนคนบ้าผู้นั้นถึงเพียงนี้กันนะ’“ท่านแม่ข้าพูดจริงๆ นะ ข้าอยากไปโรงเรียน”“เอาไว้ให้โตกว่านี้ก่อนดีหรือไม่เจ้าคะคุณชาย” เสี่ยวเถาที่สังเกตเห็นสีหน้าที่เริ่มไม่สบอารมณ์ของผู้เป็นนายสาวก็รีบเอ่ยขึ้นมาทันที“ข้าโตแล้วนะขอรับพี่เสี่ยวเถา อีกอย่างเพื่อนรุ่นเดียวกับข้าก็ไปโรงเรียนกันหมดแล้วด้วย”“ไหนเจ้าบอกว่าที่โรงเรียนมีเด็กเกเรที่คอยแต่จะรังแกเจ้าแล้วเจ้ายังอยากจะไปอยู่อีกหรือ”“โธ่ท่านแม่พวกนั้นรังแกข้าก็จริงแต่ข้าก็ซัดกลับไปทุกทีกลัวอะไรกันเล่าขอรับ” เด็กชายเดินเข้ามากอดแขนผู้เป็นมารดาแน่นซบหน้าลงกับไหล่บางของนางคำตอบของเด็กชายทำเอาหลิวหรงผิงถอนหายใจออกพรืดหนึ่ง“อาเฟยเองก็โตแล้วเจ้าส่งเขาไปโรงเรียนได้แล้วกระมัง อุดอู้อยู่

  • ท่านอ๋องเย็นชากับชายาแสนซน   ตอนที่ 42 ยากจะหวนคืน

    จวิ้นอ๋องที่กำลังนั่งตรวจหนังสือรายงานการลอบทำลายสะพานที่เมืองลี่หนานรวมไปถึงรายงานการลอบทำร้ายชายาของตนอยู่นั้นได้เงยหน้าขึ้นจ้องมององค์รักษ์คนสนิทของเขาที่เวลานี้เอาแต่เดินไปเดินมาอยู่หน้าประตูห้องตำราท่าทางที่กระวนกระวายใจของเขาทำให้ชายหนุ่มอดที่จะสงสัยไม่ได้“เจ้าเป็นอะไร” เสียงของจวิ้นอ๋องดังมาจนถึงหน้าประตูห้อง หานเฟิงเงยหน้าขึ้นก่อนจะพบเข้ากับสายตาเยือกเย็นที่เต็มไปด้วยความงุนนงงของผู้เป็นนาย “เอ่อ คือว่า”เขาเอาแต่ยืนอ้ำอึ้งและยังคงไม่กล้าเดินเข้าไปในห้องจนตงหยางที่รอคอยรับใช้จวิ้นอ๋องอยู่ข้างกายนั้นถึงกับต้องพูดออกมาอย่างหมดความอดทน“ขาของเจ้าเป็นอะไรจะยืนอยู่ตรงนั้นอีกนานหรือไม่ ท่านอ๋องรอฟังเจ้าอยู่ไม่เห็นหรืออย่างไร”“เห็น”“ก็พูดมาเสียทีสิ”หานเฟิงถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ก่อนจะตัดสินใจเดินเข้าไปในห้องด้วยความเชื่องช้า“คือว่าท่านอ๋อง เมื่อครู่ข้าน้อยไปที่เรือนเฟิ่งอวี้มาได้ยินว่าพระชายาอยากไปสวดมนต์ที่อารามหนิงเซียนพ่ะย่ะค่ะ”“สวดมนต์งั้นหรือ”“ใช่แล้วพ่ะย่ะค่ะ”“แค่สวดมนต์ใยต้องไปไกลถึงเพียงนั้นกัน แล้วกงการอะไรของเจ้าถึงได้ไปที่เรือนนั้นโดยที่ข้าไม่ได้สั่ง”“คือว่าข้าน้

  • ท่านอ๋องเย็นชากับชายาแสนซน   ตอนที่ 41 หัวใจที่แตกสลาย

    คำพูดของเว่ยอวิ๋นเซียนทำให้รุ่ยอ๋องเริ่มโกรธขึ้นมาแล้ว เขาหันมาจ้องมองหลิวหรงผิงด้วยแววตากราดเกรี้ยว“ข้าไม่คิดเลยว่าท่านจะเป็นคนเช่นนี้ก็ยังนึกว่าท่านจะเป็นคนดีที่คู่ควรกับพี่สี่เสียอีก”“นางก็เป็นแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไรแล้วนี่ใจแคบและเห็นแก่ตัว” จวิ้นอ๋องพูดขึ้นโดยไม่มองมาที่นางแม้เพียงนิด“พูดเช่นนี้แสดงว่าพวกท่านเชื่อใจนางกระนั้นหรือ” นางหันไปมองจวิ้นอ๋องและน้องสามีก็เห็นเพียงสายตาว่างเปล่าของพวกเขาที่มองส่งมาเท่านั้น“ได้ แล้วแต่ท่านเถอะไม่ว่าอย่างไรข้าก็เป็นคนที่ท่านไม่เคยไว้วางใจมาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว แม้ว่าข้าจะรักษาท่านหายจริงแต่นั่นก็ไม่อาจชดเชยสิ่งที่สกุลหลิวทำได้ข้าเองก็เพิ่งจะรู้ก็ตอนนี้นี่เอง”“จวิ้นอ๋องท่านจงจำเอาไว้จากนี้เป็นต้นไปไม่ว่าท่านจะพูดหรือทำสิ่งใดก็ล้วนไม่มีผลกับข้าอีกแล้ว ข้าในเวลานี้เป็นเพียงชายาในนามของท่านเท่านั้นอยากจะลงโทษข้ากระนั้นหรือก็สุดแล้วแต่พวกท่านเลย”นางพูดจบก็เบือนหน้าหนีไม่คิดจะทำตัวให้ดูน่าสงสารสักเพียงนิดองค์หญิงเพ่ยเพ่ยหันไปมองพี่ชายของตนก่อนจะหันกลับมามองหลิวหลงผิงอีกครั้ง“ท่านพี่ข้าว่าเรื่องนี้ควรสอบสวนก่อนดีหรือไม่”“องค์หญิงพูดเช่นนี้หมายค

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status