ฮองเฮาแทบไม่เชื่อหูตนเอง เป็นครั้งแรกที่นางสั่งลงโทษองค์หญิงสิบสามแล้วฝ่าบาทเข้ามายุ่งเกี่ยว“เสด็จพ่อหม่อมฉันหาได้ทำความผิดอันใด เพียงแต่โต้เถียงกันเล็กน้อยฮองเฮาลำเอียงลงโทษเพียงหม่อมคนเดียว”“เอาล่ะ ๆ เจ้าลุกขึ้นเถิด พ่อไม่อยากฟังเรื่องไร้สาระแล้วแค่เด็กๆ ทะเลาะกันปล่อยไปสักวันเถิด สิบสามเจ้ารีบลุกขึ้น”“ขอบพระทัยเพคะ”ไม่เพียงองค์หญิงที่ตกตะลึงท่าทางของฝ่าบาทที่ดีต่อองค์หญิงสิบสามเป็นอย่างมากก็ทำให้ฮองเฮาและเหล่าองค์หญิงตกตะลึงด้วยเช่นกัน องค์หญิงใหญ่และฮองเฮามองใบหน้ากันเมื่อรับรู้ความเปลี่ยนแปลงที่ฝ่าบาทมีการที่พระองค์ไม่สนใจรับสั่งฮองเอาเช่นเดิม มิใช่หมายความ ฝ่าบาทเริ่มแสดงบทบาทของกษัตริย์ที่ไม่ต้องการผู้ใดมาชี้นำอีกต่อไปแล้วหรือหลังจากวันงานเลี้ยงหลินฮุ่ยหมินก็ได้ข่าวว่าองค์หญิงเก้าถูกลงโทษคุกเข่าหน้าศาลบรรพชนอีกทั้งยังถูกคุมขังสำนึกตนที่ตำหนักเย็น หลักฐานที่หยางเอ้อหลางรวบรวมนั้นถูกส่งถึงมือฝ่าบาทอย่างรวดเร็วหลังจากที่องค์หญิงสิบสามเข้าร้องทุกข์ขอความเป็นธรรมต่อเสด็จพ่อ“ท่านจัดการได้รวดเร็วมาก”“ฝ่าบาทกับข้าทำข้อตกลงกันไว้ ไม่ว่าเรื่องอันใดที่เกี่ยวกับท่าน พระองค์จึงได้ให
ภายในตำหนักเย็นวังหลังองค์หญิงเก้าน้ำตานองหน้ากอดเข่าเพียงลำพังในตำหนักเย็นอันหนาวเหน็บ อยู่ที่นี่นางเพียงแต่ได้กินอิ่มแต่ไร้ซึ่งความอบอุ่นในเวลากลางคืนอากาศหนาวเย็นเป็นอันมากปากของนางสั่นระริกหูของนางแข็งจนรู้สึกชา มือแดงก่ำมีเพียงเตาอุ่นเล็กๆ ให้กกกอดเพื่อคลายความหนาวนางประมาทองค์หญิงสิบสามเกินไปแล้วที่ผ่านมาเพียงแต่คิดว่าสิบสามนั้นไร้คนหนุนหลังจะรังแกนางอย่างไรก็ย่อมได้ไม่คาดคิดว่าหลังองค์หญิงสิบสามได้แต่งกับหยางเอ้อหลางเหตุการณ์จะพลิกผันได้เพียงนี้องค์หญิงเก้าทอดถอนใจร่างกายสั่นระริกคลุมผ้าห่มผืนหนาและกอดเตาอุ่นไว้แนบกาย คืนนี้นางจะสามารถผ่านความหนาวที่เสียดเข้าถึงกระดูกนี้ไปได้อย่างไรหลายวันต่อมาหยางเอ้อหลางได้รับคำสั่งให้เข้าเฝ้าเป็นการด่วน เขาไม่แปลกใจอันใดที่พบองค์หญิงใหญ่กับฮองเฮาอยู่ที่นี่“หยางเอ้อหลางเรารู้เรื่องหมดแล้ว เจ้าจะแก้ตัวว่าอย่างไร ผ้าผืนนี้อีกทั้งอักษรที่เขียนด้วยเลือดเป็นลายมือของเจ้าใช่หรือไม่”หยางเอ้อหลางมองเศษอาภรณ์สีขาวที่เต็มไปด้วยตัวอักษรเลือดของเขาแล้วยังมีใบหน้าเรียบเฉย หาได้แสดงออกว่าตกใจแต่ประการใด“ฝ่าบาทกระหม่อมเป็นของกระหม่อมจริงพ่ะย่ะค่ะ”
องค์หญิงใหญ่ถูกนางกำนัลประคองไปนั่งรอที่เก้าอี้ด้านข้าง องค์หญิงใหญ่ยังจดจ้องหยางเอ้อหลางไม่วางตาองครักษ์ฝานเข้ามาถวายความเคารพพร้อมด้วยสตรีผู้หนึ่ง สตรีผู้นั้นคือท่านแม่นมขององค์หญิงสิบสามฝ่าบาทเลิกพระขนงด้วยความประหลาดใจ เรื่องนี้เกี่ยวพันไปถึงตำหนักองค์หญิงสิบสามได้อย่างไร อีกทั้งบัดนี้ในมือขององครักษ์ฝานยังมีหีบใส่อาภรณ์ใบเล็ก องค์หญิงใหญ่มองหีบนั้นด้วยความตื่นกลัวจนเหงื่อเปียกชื้นเกาะเป็นเม็ดขึ้นบนแผ่นหลัง ด้านในหีบนั้นมีสิ่งใดกัน"ฝ่าบาทก่อนอื่นกระหม่อมขออนุญาตทูลขอผ้าผืนนั้นได้หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ"ฝ่าบาทมองผ้าในมือแล้วพยักหน้า พร้อมส่งให้กงกงยื่นต่อให้แม่ทัพหยาง"แม่ทัพหยางจะพิสูจน์สิ่งใดคงไม่หลีกเลี่ยงว่านี่ไม่ใช่ลายมือของตนเองหรอกนะ""หาไม่พ่ะย่ะค่ะ ทั้งหมดเป็นหยางเอ้อหลางที่เขียนด้วยตนเองเป็นเพราะเรื่องที่เกิดกะทันหันไม่อาจหากระดาษได้ เห็นกระโปรงของสตรีผู้นั้นเป็นสีขาวจึงบังอาจล่วงเกินใช้กระบี่ตัดออกมาเพื่อใช้อาภรณ์แทนกระดาษเขียนคำมั่น เพียงแต่ตอนนั้นเหตุการณ์ช่างรางเลือนนักจึงจำหน้าสตรีที่ช่วยเหลือไม่ได้ หยางเอ้อหลางจึงได้รู้สึกละอายใจแก่ผู้มีพระคุณมาเนิ่นนานที่ไม่รีบตอบแทน
ฝ่าบาทถึงกับนั่งไม่ติด พระพักตร์ร้อนผ่าวคิดว่าแม่นมผู้นี้ไม่โกหกเป็นแน่ แต่เขาต้องการความกระจ่างมากกว่านี้"ทูลฝ่าบาท พระองค์ทรงทราบดีว่าเหวินเฟยมีความสามารถด้านการตัดเย็บอาภรณ์เป็นอย่างยิ่งใช่หรือไม่เพคะ”“ใช่ เรื่องนี้เรารู้ดีตอนที่เหวินเฟยยังมีชีวิตนางมักตัดเย็บอาภรณ์ด้วยมือตนเองให้เราเสมอ”“ใช่แล้วเพคะ อาภรณ์ที่องค์หญิงใส่ในวันนั้นเป็นผ้าไหมที่เหวินเฟยถักทอขึ้นมาด้วยตนเองเพคะ หม่อมฉันในครานั้นเป็นผู้ช่วยเหวินเฟยทอผ้าผืนนี้อีกทั้งเมื่อทอสำเร็จได้ทำการย้อมสีอีกทั้งตัดเย็บเป็นอาภรณ์เพื่อมอบให้แก่องค์หญิงสิบสาม ในวันนั้นหม่อมฉันคิดว่าเพราะองค์หญิงสิบสามต้องตามเสด็จฮองเฮาไปวัดกวนอิมจึงอยากให้องค์หญิงที่กำลังไปทำบุญได้ระลึกถึงพระมารดาจึงให้นางสวมชุดนี้ ครั้นกลับมาพบว่าบางส่วนของกระโปรงนั้นได้หายไปแล้ว อีกทั้งองค์หญิงสิบสามยังมีท่าทางหวาดกลัวนัก เพราะเป็นอาภรณ์ที่ตั้งใจทำหม่อมฉันไม่กล้าจะละเลยจึงได้เก็บใส่หีบไว้เป็นอย่างดีอีกทั้งต้องเก็บให้ไกลหูไกลตาองค์หญิงสิบสามด้วยกลัวว่าหากองค์หญิงเห็นอาภรณ์ชุดนี้แล้วจะนึกถึงเหตุการณ์ที่น่าหวาดกลัวอีกเพคะ"“เป็นของสิบสามจริง ๆหรือ”ฝ่าบาทตกตะลึงคาดไม
องค์หญิงใหญ่น้ำตานองหน้า อีกทั้งยังก้มหน้าอย่างหวาดกลัว ฮองเฮาไม่คาดคิดว่าจะเกิดเรื่องเช่นนี้แต่ในตอนนี้นางต้องหาทางช่วยผู้เป็นบุตรสาวให้ได้แต่เหตุการณ์ที่ไม่สมควรเกิดได้เกิดขึ้นแล้วคงได้แต่ขอร้องฝ่าบาทว่าอย่าได้เอาผิดบุตรสาว ฮองเฮาจึงได้ลุกขึ้นจากเก้าอี้อีกทั้งยังคุกเข่าต่อหน้าพระพักตร์"ฝ่าบาทฉีเออร์คงเลอะเลือน อาจมีเรื่องในอดีตที่นางมีความทรงจำที่สับสน เรื่องนี้ก็ให้แล้วกันเถิดเพคะหม่อมฉันจะสอบถามฉีเออร์เองเพคะ""ฮองเฮาเจ้าทำขายหน้าท่านแม่ทัพแล้ว"ฝ่าบาทมองแม่ทัพหยางอย่างเกรงใจ ครั้นเห็นใบหน้าราบเรียบของแม่ทัพหยางพลันสะดุ้งอยู่ไม่น้อยราชบุตรเขยผู้นี้ช่างรอบคอบและเก่งกาจยิ่ง สามารถหาหลักฐานมาขัดแย้งได้อย่างว่องไว เห็นท่าทางจิกเล็บของบุตรสาวก็รู้แล้วว่าบุตรสาวกำลังโกหก ใบหน้าของฮองเฮาจึงพลอยซีดเซียวตามไปด้วย เพราะบุรุษผู้หนึ่งถึงกับทำให้องค์หญิงหลินฉียอมทิ้งศักดิ์ศรีของตนได้เชียวหรือ ฮองเฮารู้สึกผิดหวังในตัวบุตรสาวผู้นี้เป็นอย่างยิ่ง“ไม่ใช่เพคะเสด็จพ่อ ไม่ใช่ลูกเพคะ ลูกไม่ได้กล่าวเท็จ ลูกไม่ได้กล่าวเท็จ”กล่าวจบองค์หญิงใหญ่พลันลุกขึ้นวิ่งออกจากตำหนักไป นางกำนัลอีกทั้งฮองเฮาต่างร
หยางเอ้อหลางออกจากตำหนักฝ่าบาทพร้อมองครักษ์ฝานและแม่นม ด้วยความสงสัยที่ยังติดอยู่ในใจแม่นมจึงเอ่ยถาม“ท่านแม่ทัพท่านรู้ได้อย่างไรว่าอาภรณ์นั้นเป็นของที่เหวินเฟยตัดให้องค์หญิงด้วยตนเอง”“เผอิญว่าข้าจำเรื่องหนึ่งได้ ตอนที่ข้าใช้กระบี่ตัดอาภรณ์ชุดนั้นเด็กน้อยในตอนนั้นโวยวายบอกเป็นชุดที่ท่านแม่ทำให้ จึงตบตีข้าทั้งที่บาดเจ็บหนักไปหลายที อีกทั้งยังจำได้ว่าชุดที่นางสวมอยู่งดงามยิ่งนัก ย่อมเป็นชุดของชนชั้นสูงเป็นแน่ ในวัดวันนั้นมีองค์หญิงติดตามไปทุกพระองค์ อีกทั้งยังมีสตรีชั้นสูงจากสกุลต่างๆที่ร่วมเดินทาง สตรีมากมายเช่นนั้นจึงค่อนข้างต้องใช้เวลาในการติดตามร่องรอย จนสุดท้ายข้าให้คนติดตามไปที่ร้านผ้าไหมร้านหนึ่งพบว่าเหวินเฟยนิยมผ้าไหมจากร้านนี้เป็นอย่างยิ่ง เพราะเช่นนี้องค์หญิงสิบสามจึงน่าจะเป็นสตรีผู้นั้น หลังจากให้คนไปดูประวัติการรักษาราชวงศ์แล้วจึงมั่นใจหลายส่วนว่าคือนาง อีกทั้งของสำคัญที่เหวินเฟยทำย่อมต้องเก็บรักษาไว้จึงให้องครักษ์ฝานไปแอบค้นตำหนักองค์หญิงและนำออกมาเป็นหลักฐาน”“ท่านแม่ทัพข้าเห็นของหายก็ตกใจเป็นอันมาก คราหน้าหากท่านอยากได้สิ่งใดเพียงแต่แจ้งข้าก็เท่านั้น”“ขออภัยท่านแม่นม เพ
หลังจากเขาฆ่าคนผู้นั้นแล้วหยางเอ้อหลางก็ล้มลง เป็นนางที่จับมือเขาไว้แล้วร้องไห้สะอึกสะอื้นด้วยไม่ต้องการให้เขาตายอย่างไร้ค่าอยู่ตรงนั้นในตอนนั้นหยางเอ้อหลางถูกทำร้ายอาการสาหัส แต่จู่ๆ พลันมีแสงแห่งกระพรวนปรากฎ เขารู้สึกว่าร่างกายดีขึ้นแม้จะยังบาดเจ็บอยู่มากก็สามารถยืนหยัดได้ ของวิเศษที่ข้อเท้านางกระพรวนอันนั้นกำลังช่วยรักษาเขาให้พ้นจากความตาย เขาจ้องมองกระพรวนอย่างตกตะลึงดวงตาของเขาในตอนนั้นพร่าเลือนนัก"หลังจากนั้นเล่า ท่านยังจำสิ่งใดได้อีก"หยางเอ้อหลางตั้งใจฟังพลางหัวใจเต้นแรงยิ่งนัก"คนผู้นั้นเหมือนจะใกล้ตายข้าจึงใช้กระพรวนผู้พิทักษ์ช่วยเขา เพราะหวาดกลัวว่าคนอื่นจะเข้าใจผิดว่าเป็นข้าที่ฆ่าองครักษ์ เป็นเรื่องจำใจท่านรู้หรือไม่ เพราะข้าช่วยเขาจึงทำให้แผลของตนเองไม่หายต้องให้ท่านหมอมารักษาอยู่นาน การมีบาดแผลเป็นเรื่องทรมานเป็นอย่างยิ่ง ข้าจึงนับถือท่านอย่างไรเล่าที่บาดแผลเต็มตัวเช่นนี้ยังรอดมาได้"หยางเอ้อหลางหัวเราะไม่ออกแล้วเมื่อรู้ว่าผู้มีพระคุณตัวน้อยจำใจช่วยเขาเพราะหวาดกลัวว่าจะมีผู้อื่นเข้าใจผิด อีกทั้งยังปวดใจว่าเป็นเพราะตนเองถึงทำให้ภรรยาตัวน้อยในยามนั้นต้องทนทุกข์ทรมานเพราะ
แม้นางจะตัวเล็กนักแต่ความอดทนนั้นองค์หญิงสิบสามมั่นใจว่านางมีเหนือกว่าเด็กทั่วไปไม่เช่นนั้นเห็นภาพที่น่าหวาดกลัวเช่นนั้นคงได้เป็นลมล้มพับมาแล้วเพราะแบบนี้หลังจากกลับจากวัดกวนอิมนางจึงรบเร้าให้พี่ใหญ่สอนวรยุทธ์ให้เพื่อป้องกันตนเองจากคนเลวได้หยางเอ้อหลางถอนหายใจตั้งใจจะเล่าความจริงให้นางฟัง อีกทั้งพยายามแก้ต่างให้ตนเอง"สิบสามอักษรที่เขียนลงไป อาจเขียนด้วยหัวใจของคนผู้หนึ่งคำสัญญาที่เต็มไปด้วยเลือดหมายถึงสัจจะที่เขาตั้งใจรักษาไว้จนวันตาย เหตุใดท่านจึงคิดไปถึงยันต์สาปแช่งได้เล่า ท่านไม่อ่านให้ดีๆเสียก่อน" "ท่านพี่ท่านจะโมโหข้าทำไม" องค์หญิงสิบสามค้อนขวับเมื่อเห็นว่าจู่ ๆ สามีก็เสียงเขียวอีกหยางเอ้อหลางกระแอมออกมาพร้อมปรับสีหน้าแล้วเอ่ยต่อ"ข้าขอโทษ ข้าเพียงแต่คิดว่าเขาคงไม่ได้คิดทำอันตรายท่านแน่ ท่านช่วยชีวิตเขาเพียงนั้น""ท่านพี่ใจหนึ่งข้าคิดว่าเขาเห็นแล้วว่ากระพรวนผู้พิทักษ์วิเศษเพียงใด เขาอาจอยากฆ่าข้าแล้วแย่งกระพรวนไป""องค์หญิงท่านคิดมากแล้วข้าไม่คิดว่าเขามีใจอยากแย่งกระพรวนท่านเป็นอันขาด เหตุใดไม่อ่านอักษรที่เขาเขียนให้ดีเล่า""เฮะ ท่านพี่ท่านกล่าวเรื่องตลกแล้ว ข้ายังเล็กนักอ่า
ส่วนองค์หญิงใหญ่นั้นแทบจะไม่เคยถามถึงเด็กเลยทั้งนี้คงเป็นเพราะเด็กคนนั้นคือตราบาปของนาง องค์หญิงใหญ่จึงรังเกียจเด็กยิ่งกว่าไส้เดือนกิ้งกือในหัวคิดเพียงแต่เรื่องสังหารเด็กนั่นให้ตายไปเสียให้พ้น องค์หญิงสิบสามถอนหายใจคิดแล้วก็รู้สึกหดหู่ยิ่งหลังออกจากตำหนักองค์หญิงใหญ่ สามีจึงพานางเข้าร่วมงานเลี้ยง ท่านย่าของหยางเอ้อหลางพาท่านชายทั้งสองเข้าร่วมงานด้วย ทุกคนห้อมล้อมเอาอกเอาใจอีกทั้งเด็กทั้งสองยังเป็นหลานรักของฝ่าบาทและขององค์รัชทายาทยิ่ง ไม่ว่าใครต่างก็แสดงความชื่นชมออกมา ก้อนแป้งน้อยของนางทั้งสองยังเด็กแต่รู้ความนัก เมื่อเห็นมารดาเพียงแต่โผหานางเบาๆ ไม่ได้งอแงเหมือนเด็กทั่วไป ภรรยาของขุนนางใหญ่หลายคนต่างหมายตาพวกเขาเอาไว้ พยายามทาบทามตั้งแต่ยังเด็ก องค์หญิงสิบสามเอ่ยปากปฏิเสธเพราะคิดว่าบุตรยังเล็กนัก การกระทำของนางไม่ไว้หน้าผู้ใดกระนั้นก็ไม่มีใครกล้าตำหนิ กลางดึกคืนนั้นหยางเอ้อหลางนอนกอดภรรยาที่ร่างกายเปล่าเปลือยเอาไว้ในอ้อมกอด คิดถึงเรื่องราวที่ผ่านมาระหว่างพวกเขาแล้วอดยิ้มออกมาไม่ได้ องค์หญิงสิบสามหลับแล้วเขากลับยังคงต้องการ เช่นนั้นจึงจับขานางแยกออกแล้วดันกายเข้าไประหว่างขา องค์หญ
องค์รัชทายาทครั้นเห็นว่าพี่หญิงของเขาและพี่เขยมาถึงแล้ว ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัวก็สดใสขึ้น องค์หญิงสิบสามยิ้มให้กำลังใจ องค์รัชทายาทที่มีชันษาแปดขวบอีกทั้งรู้ความเป็นอันมากด้วยถูกฮูหยินชราและสตรีสกุลหยางอบรมมาด้วยตนเองจึงเข้าพิธีสถาปนาอย่างกล้าหาญ องค์หญิงสิบสามเห็นน้องชายกำลังเติบโตเช่นนั้นก็ตื้นตันใจนัก นางเกือบหยุดน้ำตาไม่ได้อยู่หลายคราคิดถึงเพื่อนของนางมารดาของรัชทายาทที่จากไปก็พลันสบายใจ คนผู้นั้นคงตายตาหลับแล้วหยางเอ้อหลางเห็นภรรยาเหม่อลอย อีกทั้งมีน้ำใสคลอที่หน่วยตาจึงกุมมือของนางเอาไว้ จวบจนพิธีจบสิ้นองค์รัชทายาทก็ก้าวเข้ามาหาพวกเขาอย่างสง่างามสิ่งที่เอ่ยออกมาคำแรกสร้างความตื้นตันให้กับองค์หญิงสิบสามยิ่ง นางรู้สึกว่าองค์รัชทายาทช่างกตัญญูนักไม่เสียแรงที่นางปกป้องซาลาเปาน้อยก้อนนี้ด้วยชีวิต"พี่หญิงเมื่อข้าโตแล้ว ทรัพย์สมบัติทั้งหมดของข้าข้าจะยกให้ท่าน"เพราะรัชทายาทพูดแบบนี้นางจึงซาบซึ้งจนไม่อาจกลั้นน้ำตาได้อีกต่อไป หยางเอ้อหลางได้แต่ส่ายหน้าโรคบ้าสมบัติของภรรยาเห็นทีว่าจะรักษาไม่หายจริงๆ หลังจากนั้นแฝดผู้น้องของซาลาเปาน้อยพลันวิ่งมาหานางวันนี้เด็กหญิงตัวน้อยก็ได้รับ
ในขณะที่หยางเอ้อหลางจุมพิตประกบขยี้ไปบนริมฝีปากงามอีกทั้งนิ้วมือของเขายังไต่ลงไปบดขยี้ปลายเกสรเพิ่มความต้องการกระสันอยากให้ภรรยามากขึ้นอีกทั้งยังจ้วงแทงลงมาใช้แรงกระแทกนางถี่ยิบ อ้าปากคว้าเต้าอวบกลมใหญ่ของนาง ปากดูดกลืนสองเต้าเต็มรัก สะโพกแข็งแรงซอยกระแทกรุนแรงจนทำให้ร่างกายขององค์หญิงสิบสามเต้นระริกองค์หญิงสิบสามกอดศีรษะของเขาไว้ ก่อนที่เขาจะจับนางพลิกร่างให้หันหลังอีกทั้งยังขยับสะโพกของนางเข้าหาตน แนบร่างลงมาหานางจากด้านหลัง ให้นางคุกเข่าอยู่บนเก้าอี้กอดตระกองรวบร่างบางเอาไว้ในอ้อมแขนหยางเอ้อหลางดูดแผ่นหลังของนางแรงๆ อีกทั้งยังลากลิ้นเลียนางจนทั่วแผ่นหลังเนียนนุ่มในขณะที่เร่งจังหวะของสะโพกตนอัดร่างลงมาครั้งแล้วครั้งเล่า ปากครางบอกรักภรรยา เนื้อนุ่มนิ่มในอ้อมกอดหอมกรุ่นทำให้มัวเมายิ่ง เขาจุมพิตแผ่นหลังนางจนทั่ว ฝากรอยแดงเอาไว้แทบทุกตารางผิวองค์หญิงสิบสามแหงนใบหน้าหาเขา อ้าปากเย้ายวน หยางเอ้อหลางประกบปากของตนลงมาทันใด สองลิ้นพัวพันต่างคนต่างสูบลมหายใจซึ่งกันและกันแลกจุมพิตหวานฉ่ำรุนแรง ยิ่งจุมพิตยิ่งมัวเมาส่วนสะโพกบดเบียดและจ้วงแทงลงมาจากด้านหลัง นางบีบรัดเขาจนเขาต้องห่อปาก กระนั
หยางเอ้อหลางสัมผัสได้ถึงกลีบอวบอูมที่เต็มปากของตน น้ำหวานพรั่งพรูออกมา เขาสูดปากแรงๆ พร้อมดูดนางเต็มรัก นางบิดกายเร่งเร้า หยางเอ้อหลางหยอกเย้ากลีบนุ่มของนางจนอิ่มเอม ลิ้นร้อนของเขาห่อเป็นแท่งกระแทกเข้าไปในร่องลึก ไซร้สัมผัสกับปลายเกสรสีแดงที่สั่นระริกอยู่ที่ปลายลิ้น ก่อนจะดุนลิ้นตนเองลงมาหนักๆ จนภรรยาแทบจะแดดิ้นอยู่เบื้องล่างองค์หญิงสิบสามที่กำลังสติกระเจิงไปกับรสสวาทบัดนี้หาได้สนใจสิ่งใดไม่ นางยกสะโพกค้างให้เขาใช้ลิ้นรักนางอย่างเต็มที่ ความงดงามอวบอูมของภรรยาทำให้เขาฉ่ำเยิ้มเช่นกัน พูเนื้อของนางช่างเย้ายวนใจโดยแท้"ตรงนี้ของท่านงดงามมากรู้หรือไม่" เขากล่าวจบพลันสูดปากลากลิ้นแทงลงมาเต็มๆ องค์หญิงสิบสามกำเก้าอี้แน่น เขากำลังทำให้นางใกล้จะถึงจุดหมายแล้ว"อ๊า ท่านพี่ อื้อ" นางครางไม่หยุดปากในขณะที่สามีละเลงลิ้นลากดุนวนไซร้ไปตามกลีบเกสร ดูดกลืนปลายสีแดงสดที่สั่นระริกเต้นเร้า หญิงงามที่กึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่เบื้องหน้าดวงตาฉ่ำเยิ้มประดุจมีหมอกจาง ๆ อยู่ด้านในดวงตาคู่งามนั้นช่างยั่วยวนเขายิ่งนักเขาเงยหน้าเพ่งพิศที่เต้าคู่งาม ขยับกายว่องไวอ้าปากแล้วดูดรวบปลายถันไว้ในปาก ดูดแรงๆคล้ายกลั่นแกล
เขาเอ่ยเสียงพร่า พร้อมทั้งแลบลิ้นปาดเลียกลีบเกสรหอมหวานล้ำค่าของภรรยาอย่างเอร็ดอร่อยเมื่อเห็นภรรยาบิดกายร้อนรุ่ม อีกทั้งส่งเสียงครางแผ่วเบาออกมาหยางเอ้อหลางเร่งเติมเชื้อไฟสวาทด้วยการลากไล้นิ้วมือเรียวไปตามโคนขาอ่อนขาวเนียนแผ่วเบา ร่างงามสั่นสะท้านระทดระทวยเอนหลังพิงกำแพงเพื่อช่วยพยุงกายของตนไม่ให้ล้มลงด้วยพลังปลายลิ้นของเขา"ทะท่านพี่ อือ อือ"ปากงดงงามครางครวญ หยางเอ้อหลางยิ่งปลุกเร้าลงบนเนื้ออูมตรงหน้า ร่างของนางกระตุกบิดไปมาอีกทั้งยังอ้าขาของตนให้เขาดูดกินได้ลึกขึ้น จากเดิมที่หวังจะให้เขากระทำการอย่างว่องไวบัดนี้กลับไม่คิดจะเร่งรัดแล้ว ปล่อยให้เขากระทำการอ้อยอิ่งกับร่างกายของตนเองเช่นนี้โดยไร้ซึ่งสติเมื่อเห็นว่าตนเองจู่โจมภรรยาจนนางยืนไม่ติดแล้ว เขาจึงอุ้มนางขึ้นแล้วพานางมานั่งยังเก้าอี้บุขนแกะนุ่ม จับขาของภรรยาแยกออกให้พาดไปที่พนักเก้าอี้ทั้งสองข้าง เผยความงดงามสีแดงสดเบื้องหน้าอย่างเต็มที่ในเวลานี้เป็นเวลากลางวันจึงมองเห็นนางแจ่มชัดเต็มสองตาประตูด้านหน้าถูกปิดแน่นหนาชนิดที่เรียกว่าไม่อาจมีแม้แต่แมลงสักตัวที่สามารถเล็ดลอดเข้ามาได้ หยางเอ้อหลางจึงกระทำกับภรรยาอย่างหย่ามใจอีกทั้ง
คิดแล้วก็ต้องขอบคุณสามีเช่นเขา ทำให้ชะตาชีวิตของนางเปลี่ยนได้ดุจพลิกฝ่ามือนางจึงอดขยับกายจุมพิตปลายคางของเขาอย่างขอบคุณไม่ได้ อีกทั้งมือน้อยยังสอดเข้าไปในสาบเสื้อเพื่อสัมผัสความอบอุ่นด้านในอย่างแนบชิดแม้จะอยู่ในชุดคลุมที่มิดชิดจึงไม่มีผู้ใดเห็นการกระทำอุกอาจไร้ยางอายของนาง แต่หยางเอ้อหลางนั้นรับรู้อีกทั้งยังถูกนางลูบคลำอกของตนไปมาไม่หยุดเช่นนี้ ใบหน้าจึงแดงก่ำ สิ่งที่ควรอ่อนลงกลับผงาดแข็งกร้าวมากกว่าเดิมเพราะนางลูบไล้อกของเขาอีกทั้งซุกอยู่ในอ้อมกอด กลิ่นกายของนางก็หอมยิ่งหอมจนทำให้เขากลัวว่าผู้อื่นจะได้กลิ่นจนทำให้รู้สึกหึงหวงขึ้นมา เขากอดนางแน่นขึ้น เห็นสายตาทหารหลายคนแอบลอบมองภรรยาตนแล้วก็รู้สึกโมโหนัก กระนั้นก็ไม่อาจปัดเรื่องอยากกินนางในตอนนี้ออกจากสมองได้ หัวหน้าขันทีนำพวกสองสามีภรรยาไปยังตำหนักปีกรับรอง อีกทั้งยังรายงานกำหนดการต่าง ๆ ในพิธีแต่งตั้งองค์รัชทายาทอย่างละเอียดให้พวกเขาฟังหยางเอ้อหลางทั้งพยายามควบคุมตนเองจึงทำท่าสนใจข้อมูลที่หัวหน้าขันทีรายงาน แต่องค์หญิงสิบสามนั้นไม่สนใจฟังแม้แต่น้อย สามีพาทำสิ่งใดนางก็แค่ปฏิบัติตามเท่านั้น มือของนางจึงยังป้วนเปี้ยนอยู่แถวหัวนมเล
หยางเอ้อหลางพลันอมยิ้ม เขาชอบที่นางชอบเขาที่สุด แม้จะเป็นสิ่งของเขาก็อดหึงหวงไม่ได้กล่าวจบพลันนางโน้มคอเขาลงมาจุมพิตดูดดื่ม เนื้อตัวของนางนุ่มนิ่ม แม้จะมีบุตรถึงสองคนแล้วร่างกายหาได้เปลี่ยนแปลงไปเช่นสตรีอื่น ที่ควรมีก็มีมากขึ้น อีกทั้งยังตึงแน่นยิ่งกว่าเดิม นับวันเขายิ่งหลงใหลภรรยาจนทนแยกห่างจากนางนานๆ ไม่ได้ยามที่เขาห่างนางต้องไปทำงานต่างเมือง หลายครั้งที่มีสตรีมากมายพยายามปีนขึ้นเตียงส่งสายตาหวานเยิ้มให้ ในใจหยางเอ้อหลางมองพวกนางเหล่านั้นแล้วรู้สึกว่าช่างดูน่ารำคาญ ในสายตาของเขามีเพียงภรรยาผู้เดียวที่สำคัญยิ่ง เขาไม่มีวันชายตาแลสตรีอื่นให้นางน้อยเนื้อต่ำใจเป็นอันขาดองค์หญิงสิบสามเบียดกายเข้าหาเขา หยางเอ้อหลางใช้ผ้าห่มขนสุนัขจิ้งจอกห่อร่างเขาและนางเข้าด้วยกัน พันกายหนาแน่นด้วยกลัวว่านางจะต้องลมเย็นจากด้านนอกจนเจ็บป่วย ร่างกายของเขาแข็งแรง อึกทั้งยังอบอุ่นองค์หญิงสิบสามชอบซุกในอกแข็งแกร่งยิ่งมือของนางซุกซนล้วงเข้าไปในกางเกงเขาแล้วลูบอาวุธเขาเล่นจนผงาดแข็งชัน หยางเอ้อหลางปล่อยให้นางซนเสมอ นางชอบทำอะไรเขาล้วนตามใจโดยเฉพาะเรื่องนี้ เขายิ่งตามใจนางยิ่งกว่าเรื่องใด“ท่านพี่มันโตแล้ว”“
ผู้ช่วยหมอทำคลอดพลันเปิดประตูออกมา หยางเอ้อหลางไม่รอช้า ผลักประตูเข้าไปด้านในแม้คนจะทัดทานเขาก็ไม่สนใจแล้วเขาโผไปหาภรรยาที่เหนื่อยจนหมดสติไปแล้วอย่างว่องไว กุมมือนางไว้ด้วยใบหน้าซีดเซียว"หมินเออร์ ท่านเป็นอย่างไรบ้าง""องค์หญิงปลอดภัยดีเจ้าค่ะ เพียงแต่เหนื่อยมากจึงหลับไป"หมอหญิงผู้เก่งกาจประจำจวนเอ่ยขึ้น หยางเอ้อหลางพยักหน้าแต่ไม่วางใจ เขาดึงภรรยามากอดไว้ สำรวจร่างที่ยังเปียกชื้นด้วยเหงื่อของนางปากก็พร่ำขอโทษภรรยาที่ทำให้นางเจ็บปวดด้วยสำนึกผิดเป็นอย่างยิ่ง"ข้าจะไม่ให้ท่านท้องอีกแล้ว ขอสัญญา ข้าขอโทษ"ความเจ็บปวดของภรรยาในวันนี้ทำให้เขารู้สึกปวดร้าวยิ่ง เขาจะไม่มีวันยอมให้นางเป็นเช่นนี้อีกจวบจนแม่นมอุ้มก้อนแป้งอวบก้อนหนึ่งมาหาเขา หยางเอ้อหลางเห็นหน้าบุตรเป็นครั้งแรก พลันตื้นตันจวบจนน้ำตาจะไหล ความรู้สึกรักและผูกพันท่วมท้นในอก บัดนี้เขาเข้าใจลึกซึ้งแล้ว ว่าบิดามารดารักเขาเพียงใด เขาค่อย ๆ วางร่างภรรยาลงบนเตียงให้ท่านหมอดูแลเต็มที่ ส่วนตัวเองยื่นมือไปรับห่อผ้าสีแดงนั้นมาไว้ในอ้อมกอด"เป็นท่านชายเจ้าค่ะ" แม่นมเอ่ยด้วยความยินดี"ดีมาก ดีจริงๆ "หยางเอ้อหลางหัวเราะทั้งน้ำตาแล้ว ความตื้
กินเสร็จได้ไม่นาน องค์หญิงสิบสามกลับรู้สึกอยากอาบน้ำ"ท่านพี่นอกจากเขาจะเลือกกินแล้ว ยังรักสะอาดยิ่ง อากาศหนาวเช่นนี้ข้ากลับอยากอาบน้ำวันละหลายรอบ"หยางเอ้อหลางจึงสั่งอาชิงให้เตรียมน้ำอุ่น หลังจากนั้นเขากลับเป็นฝ่ายดูแลนางด้วยตนเอง ถอดอาภรณ์ให้นาง ค่อยๆ พานางลงอ่างอย่างระวัง ผิวขององค์หญิงสิบสามเปล่งประกายบอบบาง ส่วนข้อเท้าเนียนนุ่มเล็กๆ ของนาง ยิ่งไม่อาจรับร่างกายที่หนักอึ้งของครรภ์ได้ หยางเอ้อหลางจึงต้องระวังเป็นพิเศษอาบน้ำยังไม่ทันเสร็จ องค์หญิงสิบสามกลับรู้สึกถึงบางสิ่งที่ผิดปกติยิ่ง มีเลือดไหลออกมาจากช่องทางลับของนาง ก่อนที่ความรู้สึกเจ็บปวดจะวิ่งจากท้องน้อยถึงไขสันหลัง นางจับข้อมือของหยางเอ้อหลางแน่นห่อปากด้วยความเจ็บปวด"ท่านพี่ ข้าเจ็บ"เพียงเห็นเลือดที่เริ่มไหลออกมาปนกับน้ำในอ่าง เทพสงครามเช่นหยางเอ้อหลางแทบเป็นลมหมดสติยิ่งเห็นนางเจ็บปวดยิ่งรู้สึกคล้ายหายใจไม่ออก ช่วงท้องบิดมวน ปากร้องตะโกนให้อาชิงที่รออยู่ด้านนอกรีบตามหมอตำแยที่เขานำมาเลี้ยงดูในจวนตั้งแต่เดือนก่อนเพื่อเตรียมความพร้อมให้ภรรยาหยางเอ้อหลางตั้งใจจะอุ้มนางขึ้นจากอ่างน้ำ แต่กลับถูกองค์หญิงสิบสามทั้งข่วนทั้งตบตี