ก๊อก ก๊อก ก๊อก
“เข้ามา” สิ้นเสียงเคาะประตูก็ถูกเปิดออก เบลโล่เดินเข้ามาหาเขาอ่านรายงานสถานการณ์คลังอาวุธที่อิตาลี รายงานเสร็จเบลโล่ทำท่าจะเดินออกไปแต่เขาเรียกไว้ก่อน เดินไปหน้าลูกน้องคนสนิทใช้ฝ่ามือตบลงไปที่ใบหน้าอีกฝ่าย เบลโล่นิ่งงันแต่ไม่ได้ขยับตัวหรือพูดอะไร “ทำไมถึงยอมให้ไอ้เป่ยมันอุ้มฉันห้ะ” “ก็ตอนนั้นนายท่านเจ็บตัวอยู่” “ถึงยังไงนายก็ไม่ควรยอมให้มันอุ้มฉันแบบนั้น” “ขอโทษครับ” “ไปได้แล้ว” เบลโล่โค้งก่อนที่จะรีบออกไปจากห้อง เขาเดินไปนั่งที่โต๊ะทำงาน หยิบหนังสือบนโต๊ะขึ้นมาอ่าน “ทำอะไรอะเป่ย” เฟยหมิงชะโงกหน้าเข้ามาหาเป่ยเปียนที่กำลังก้มกดโทรศัพท์อยู่ เป่ยเปียนเอียงตัวหลบ แต่เฟยหมิงก็พยายามจะดูให้ได้ว่าในโทรศัพท์ของเป่ยเปียนนั้นมีอะไรอยู่ “ที่บ้านไม่สอนมารยาทนายรึไงเฟย” “ปากร้ายนะเราอ่ะขอดูนิดเดียวเอง” เฟยหมิงไม่ลดละความพยายาม อ้อมไปอีกฝั่งเพื่อแย่งโทรศัพท์ของเป่ยเปียน ทั้งคู่ยื้อแย่งโทรศัพท์กัน ซึ่งไม่รู้ว่ามีคนกำลังเดินตรงมาทางนี้ “ไม่มีงานมีการทำกันรึไง” เยว่ซือพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ เฟยหมิงหยุดมือที่คว้าโทรศัพท์ของเป่ยเปียน ส่วนเป่ยเปียนรีบเก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋า “เอ้ะ ขอโทษครับคุณเยว่” เฟยหมิงรีบก้มหัวขอโทษเจ้านาย แล้ววิ่งไปทางอื่น เจ้านายเขาลืมไปแล้วรึไงว่าพวกเขาทำงานเป็นนักฆ่า และตอนนี้เจ้านายยังไม่สั่งงาน แต่พูดอะไรไม่ได้ไม่งั้นหัวคงจะหลุดออกจากบ่า “ตะกี้ทำอะไรกัน” “เปล่านี่ครับ” “ก็เห็นอยู่” “ไม่มีอะไรทั้งนั้นครับคุณเยว่” “ก็ฉันเห็น” “แค่แย่งโทรศัพท์กันนิดหน่อยครับ” “แล้วโทรศัพท์มันมีอะไรห้ะ” “ไม่มีครับ” “เอามาดู” “ของส่วนตัวครับคุณเยว่” “เออ ฉันไม่ดูก็ได้วะ” พูดด้วยความอารมณ์เสีย ก่อนจะเดินหันหลังกลับไป เป่ยเปียนหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดูหน้าจอที่เปิดค้างไว้ ปรากฏเป็นภาพเจ้านายของเขานอนคว่ำหน้าหันหน้ามาทางเขา ดวงตาปิดสนิทขนคิ้วเรียงตัวกันสวย จมูกโด่งเข้ารูปกับใบหน้า ริมฝีปากสีแดงระเรื่อจนเขาอยากจะกดปากลงจูบกับรูปบนหน้าจอมือถือ เรือนผมสีดำเงาทำให้ชวนคิดถึงยามที่เขาสัมผัสความนุ่มนิ่ม “นายท่านมีคนส่งพัสดุมา..” เบลโล่รายงานแล้วเปิดกล่องพัสดุให้ดู ภายในกล่องมีศพแมวสามตัวนอนอยู่ เยว่ซือสั่งให้เบลโล่ไปจัดการกับศพแมวให้เรียบร้อย นี่คงเป็นคำขู่จากแก๊งใดแก๊งหนึ่งและเขาคิดว่าคงเป็นแก๊งเดียวกับที่ส่งคนเข้ามาทรยศในองค์กรของเขา เบลโล่สั่งให้ลูกน้องยศน้อยกว่าเขานำศพแมวไปทิ้งก่อนจะได้รับโทรศัพท์ว่ามีคนอยากติดต่องานกับเยว่ซือ เขาจึงเดินกลับไปหาเจ้านาย “ลูกชายตระกูลเฉินจะขอเข้าพบเพื่อติดต่องานพรุ่งนี้ครับ” “อืม” “ผมเดาว่าน่าจะเป็นงานจ้างวานฆ่า” “ไม่แปลกใจเท่าไร” “เป่ยเปียนนี่ดีเนอะครับเข้ามาในแก๊งก็งานเข้าเยอะแยะ” “ซื้อตัวมาแพงต้องใช้ให้คุ้ม” “อะไรที่ทำให้นายท่านยอมจ่ายเงินขนาดนั้น” “ไม่ใช่เรื่องของนาย” “ขอโทษครับ” “ไปได้แล้ว” “คุณเยว่แม่งโคตรน่ากลัวเลยเป่ย นายเห็นรึเปล่าตอนที่เขาส่งสายตามา เย็นอย่างกับเทือกเขาน้ำแข็งแหน่ะ” เฟยหมิงพูดแล้วลูบแขนตัวเอง “อืม” “มีคนเคยทักหรือเปล่าว่านายเป็นใบ้น่ะเป่ย” “แล้วมีคนเคยทักนายหรือเปล่าว่านายพูดมากน่ะเฟย” “โหปากร้ายชะมัด” “...” “ปากแบบนี้ชาตินี้จะมีแฟนมั้ยไอ้หล่อ” เฟยหมิงกระทุ้งศอกใส่เป่ยเปียนเบาๆ แล้วผละออก เป่ยเปียนถอนหายใจออกมาเขาเริ่มรำคาญเพื่อนร่วมงานที่ช่างจ้อ “ไม่ใช่เรื่องของนาย” “ครับๆ เฟยหมิงคนนี้แค่เป็นห่วงกลัวไม่มีเมีย” “…” แค่มีเจ้านายอย่าเยว่ซือ จริงๆ เขาคงไม่ต้องการอะไรทั้งนั้นแล้วแหละ แค่คิดถึงใบหน้าดุดันของเยว่ซือ คิ้วเรียวสวยที่มักจะขมวดเป็นปมตอนเขาดุ ปากสีสวยที่มักจะเม้มเข้าหากัน หรือส่งเสียงครางหวานหู มือขาวที่มักจะจับปืนและมีด ท่าทางโมโหยามที่เขาทำหน้านิ่งใส่ เขาก็อยากจะกักให้เป็นของเขาคนเดียวไม่ให้ใครได้เห็น “ฆ่าล้างแก๊งฟางหรง” ลูกชายของตระกูลเฉินเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ มือประสานกันวางบนเข่า “ฉันคิดห้าพันล้าน” จรดบุหรี่เข้าที่ริมฝีปาก ดูดให้เต็มปอดก่อนจะพ่นควันสีเทาออกมา ชายวัยกลางคนปัดควันบุหรี่ที่ลอยฟุ้งมาตรงหน้า แต่เยว่ซือไม่สนใจยังคงปล่อยควันบุหรี่ออกมาเรื่อยๆ “เรื่องเงินฉันไม่มีปัญหาทำงานให้สำเร็จเป็นพอ” “ไม่มีอะไรที่ซีห่าวทำไม่ได้” ดับบุหรี่ลงกับโต๊ะ นำมือข้างขวาขึ้นมาเท้าคาง นิ้วเรียวยาวข้างซ้ายเคาะลงกับโต๊ะเป็นจังหวะ สายตาเฉียบคมบ่งบอกถึงความมั่นใจ รอยยิ้มอันแสนเย่อหยิ่งปรากฏขึ้นมาบนใบหน้า “ฉันจะคอยดู” “ซีห่าวจะไม่มีวันทำให้คุณผิดหวัง” “นายเป็นอะไรมากกับสวนของคฤหาสน์ฉันหรือเปล่าเป่ย” “…” “เหอะ ไม่ได้เข้ากับเบ้าหน้าเลยสักนิด” “ความชอบส่วนตัวไม่เกี่ยวกับหน้าตาเลยครับ” “แล้วชอบมากหรือไงไอ้ดอกสีม่วงนั่นหน่ะ” เยว่ซือพยักพเยิดไปที่ดอกไม้สีม่วงอ่อนที่เขาเห็นเป่ยเปียนจ้องมันมาตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว “เขาเรียกว่าดอกไฮเดรนเยียครับ” “ดอกบ้าดอกบออะไรก็ช่างมันเถอะ ฉันเห็นนายชอบมองมันตั้งแต่เมื่อก่อนแล้ว” “ครับผมชอบมัน” “มันสวยสำหรับนายขนาดนั้นเลยเหรอ” “สวย แต่คุณเยว่สวยกว่ามันตั้งเยอะ” พูดแล้วก็ละสายตาจากดอกไม้มาจ้องเจ้านายตรงๆ ใบหน้าที่เขาคิดว่าสวยกว่าดอกไม้ทำสีหน้าไม่พอใจ “อะไรของนาย สมองกลับรึยังไง” “ผมแค่พูดสิ่งที่คิดแล้วมันผิดตรงไหนครับ” “ฉันเป็นผู้ชาย” “ครับ” เขาไม่คิดจะเถียงอะไรเจ้านายต่อ ถึงพูดไปเจ้านายเขาก็คงเถียงอย่างไม่ลดละ นิสัยอยากเอาชนะของเยว่ซือเป็นแบบนี้มานานแล้ว และเจ้าตัวก็คงไม่คิดจะแก้ไข “เออ มีงานให้ทำ” “ครับ” “ฆ่าล้างแก๊งฟางหรง” งานใหญ่ออกจากปากเจ้านาย ครั้งนี้ซีห่าวต้องใช้คนจำนวนไม่น้อย แต่เมื่อรับงานมาแล้วซีห่าวต้องทำงานให้สำเร็จแม้จะเสี่ยงอันตรายเพียงไหนก็ตามหลังจากที่นอนโรงพยาบาลมาเป็นอาทิตย์ ก็ถึงเวลาที่คุณหมออนุญาตให้เยว่ซือกลับบ้านได้ เบลโล่ถือเสื้อผ้ายื่นให้เจ้านายเขาไปเปลี่ยนในห้องน้ำ เยว่ซือเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จก็ออกมา เดินออกจากห้องพักผู้ป่วยตรงไปที่รถโดยมีเบลโล่เปิดประตูให้เข้าไปนั่งก่อนที่ตัวเองจะอ้อมเข้าไปนั่งประจำที่คนขับ BMWคันสีดำแล่นไปตามถนน เยว่ซือมองออกไปนอกหน้าต่าง วิวในเมืองหลวงแสดงถึงความรุ่งเรืองของระบบเศรษฐกิจในประเทศ เบลโล่มองเจ้านายผ่านกระจกรถ ก่อนจะเอ่ยถามเจ้านาย“อยากกินอะไรก่อนกลับมั้ยครับ”“ไม่”“งั้นกลับเข้าคฤหาสน์เลยนะครับ”“วันนี้จะเข้าเพนท์เฮาส์”“เอ้ะ เอ่อครับๆ” เบลโล่แปลกใจนิดหน่อยที่เจ้านายเขาไม่กลับคฤหาสน์แต่จะไปเพนท์เฮาส์แทน เพนท์เฮาส์เป็นที่พักของพวกลูกน้องซีห่าว ทุกคนที่ทำงานให้ซีห่าวจะได้เข้าพักที่นี่ และชั้นบนสุดของเพนท์เฮาส์คือที่พักของเยว่ซือ เมื่อถึงเพนท์เฮาส์แล้วเยว่ซือก็ลงจากรถ เดินเข้าไปข้างใน ตรงดิ่งไปยังชั้นบนสุด ห้องของเขาถูกตกแต่งด้วยโทนสีดำ ห้องนอนมีกระจกใหญ่ที่มองให้เห็นวิวของกรุงปักกิ่ง ภายในห้องสะอาดไม่มีแม้แต่ฝุ่นสักนิดเพราะถึงเขาไม่ได้เข้ามาที่เพนท์เฮาส์เลยแต่ก็ให้แม่บ้านเข้ามาท
วันนี้แล้วสินะที่แก๊งฟางหรงจะต้องหายไป เขาสืบมาเรียบร้อยแล้วว่าวันนี้หัวหน้าแก๊งฟางหรงอยู่คฤหาสน์แน่นอน และต่อให้ใครหลุดรอดไปเขาก็จะไปตามเก็บมันทีหลังอยู่ดี เยว่ซือกำชับเสื้อสูทให้แน่นขึ้น เขาเตรียมลูกน้องพร้อมที่จะไปบุกแก๊งฟางหรง จริงๆ แล้วเขาไม่ได้มีความบาดหมางกับแก๊งนี้ แต่เพียงเพราะผู้จ้างวานนั้นสั่ง ถ้าไม่มีคำสั่งนั้นแก๊งฟางหรงคงไม่มีจุดจบวันนี้ เสียงเคาะประตูดังขึ้นเขาหันไปที่ประตู พบเบลโล่กำลังยืนรอเขาอยู่“พร้อมกันแล้วครับนายท่าน”“อืม”ก้าวขาขึ้นรถ Audi A7 คันสีดำ รถแล่นไปตามถนนจนถึงหน้าคฤหาสน์ของแก๊งฟางหรง จอดหน้าคฤหาสน์เคียงข้างรถNissan GTR R35 ที่มีเป่ยเปียนเปิดประตูรถลงมาพอดี รถคันอื่นๆ ของลูกน้องเขาขับตามมาล้อมรอบคฤหาสน์ของแก๊งฟางหรง ไม่ทันที่จะได้ก้าวเท้าลงจากรถ ลูกน้องจากแก๊งฟางหรงคงผิดสังเกตได้ สาดกระสุนยิงเปิดฉากทันที“แก๊งนี้เขาต้อนรับกันด้วยกระสุนปืนรึยังไงกัน” สบถอย่างหัวเสีย หยิบปืนยิงสวนไป ลูกน้องของเขาวิ่งมาคุ้มกัน“นายท่านเป็นอะไรมั้ยครับ” เบลโล่ถามด้วยความเป็นห่วง เขาส่ายหน้าตอบกลับลงมาจากรถลูกน้องเขาจัดการบอดี้การ์ดที่คุ้มกันหน้าคฤหาสน์จนหมด เขาเดินไป
ก๊อก ก๊อก ก๊อก “เข้ามา” สิ้นเสียงเคาะประตูก็ถูกเปิดออก เบลโล่เดินเข้ามาหาเขาอ่านรายงานสถานการณ์คลังอาวุธที่อิตาลี รายงานเสร็จเบลโล่ทำท่าจะเดินออกไปแต่เขาเรียกไว้ก่อน เดินไปหน้าลูกน้องคนสนิทใช้ฝ่ามือตบลงไปที่ใบหน้าอีกฝ่าย เบลโล่นิ่งงันแต่ไม่ได้ขยับตัวหรือพูดอะไร “ทำไมถึงยอมให้ไอ้เป่ยมันอุ้มฉันห้ะ” “ก็ตอนนั้นนายท่านเจ็บตัวอยู่” “ถึงยังไงนายก็ไม่ควรยอมให้มันอุ้มฉันแบบนั้น” “ขอโทษครับ” “ไปได้แล้ว” เบลโล่โค้งก่อนที่จะรีบออกไปจากห้อง เขาเดินไปนั่งที่โต๊ะทำงาน หยิบหนังสือบนโต๊ะขึ้นมาอ่าน “ทำอะไรอะเป่ย” เฟยหมิงชะโงกหน้าเข้ามาหาเป่ยเปียนที่กำลังก้มกดโทรศัพท์อยู่ เป่ยเปียนเอียงตัวหลบ แต่เฟยหมิงก็พยายามจะดูให้ได้ว่าในโทรศัพท์ของเป่ยเปียนนั้นมีอะไรอยู่ “ที่บ้านไม่สอนมารยาทนายรึไงเฟย” “ปากร้ายนะเราอ่ะขอดูนิดเดียวเอง” เฟยหมิงไม่ลดละความพยายาม อ้อมไปอีกฝั่งเพื่อแย่งโทรศัพท์ของเป่ยเปียน ทั้งคู่ยื้อแย่งโทรศัพท์กัน ซึ่งไม่รู้ว่ามีคนกำลังเดินตรงมาทางนี้ “ไม่มีงานมีการทำกันรึไง” เยว่ซือพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ เฟยหมิงหยุดมือที่คว้าโทรศัพท์ของเป่ยเปียน ส่วนเป่ยเปียนรีบเก็บโทรศั
ลู่เป่ยเปียนหยิบซองเอกสารขึ้นมาเปิด ภายในซองเอกสารมีรูปคนชายวัยกลางคนหนึ่ง นั่นก็คือหัวหน้าตระกูลไป่ที่เขาต้องไปสังหาร หลังจากคืนนั้นนี่ก็ผ่านมาสามวัน เขาสืบข้อมูลของหัวหน้าตระกูลไป่ว่าไปที่ไหนมาบ้าง เกี่ยวข้องกับใคร มีบอดี้การ์ดเท่าไร ซึ่งได้ข้อมูลมาว่าวันนี้หัวหน้าตระกูลไป่มีดินเนอร์บนเรือหรูกลางแม่น้ำเซี่ยงไฮ้ พร้อมกับบอดี้การ์ดยี่สิบคน ซึ่งเขาต้องจัดการสังหารทั้งหมดเขาจัดการจองตั๋วเพื่อขึ้นไปบนเรือเรียบร้อยแล้ว ปกติเรือลำนี้ต้องจองก่อนล่วงหน้าเป็นเดือนแต่เขาใช้อำนาจเส้นสายของซีห่าวเพื่อให้การทำงานนั้นง่ายมากขึ้น เขามองเฟยหมิงนักฆ่าของซีห่าวอีกคนพวกเขาต้องทำงานร่วมกันในวันนี้ เขารอให้ถึงเวลาขึ้นไปบนเรือ นั่งรออยู่ร้านกาแฟใกล้ท่าเรือ เฟยหมิงเอาแต่เล่นโทรศัพท์จนอดไม่ได้ที่จะสงสัยว่าทำอะไรอยู่ แต่เขาไม่ได้ถามทำเพียงแต่จ้องมองเฟยหมิงจนเจ้าตัวรู้สึกตัว“อะไรกันเป่ย นายคิดอะไรกับฉันปะเนี่ยมองกันขนาดนี้”“...”“โอเค มองฉันทำไม” เฟยหมิงละสายตาจากมือถือวางมันลงบนโต๊ะแล้วยกมือขึ้นมากอดอก“นายไม่ควรเล่นโทรศัพท์เวลางาน”“ฉันแค่เล่นไอจี”“...”“โอเคๆ ฉันไม่เล่นแล้วพ่อคนเย็นชา เลิกจ้อ
“ฮึ่มมมม” เสียงครางแผ่วบ่งบอกถึงความพอใจของเจ้านาย เป่ยเปียนขยับริมฝีปากให้เร็วขึ้นเพื่อเร่งอารมณ์เยว่ซือให้ได้ถึงฝั่งฝัน เร่งจังหวะสักพักน้ำรักสีขาวขุ่นก็ถูกปลดปล่อยออกมา เป่ยเปียนกลืนกินเข้าไปทั้งหมดลิ้นอุ่นตวัดเลียคราบน้ำที่เกาะไปทั่วแก่นกลางกาย จูบซับไปทั่วลำท่อน เขาข่มอารมณ์ที่เกิดขึ้นแต่ไม่นานนักสติก็ขาดผึ่งเพราะเสียงครางหวานหูที่น่าฟัง เขากระชากกางเกงเจ้านายออกจับถอดทิ้งอย่างไม่ไยดี ด้วยความที่สูงกว่าและร่างกายใหญ่กว่ายกตัวเยว่ซือลอยหวือขึ้นบนบ่าเดินไปยังเตียงแล้วโยนเจ้านายที่รักลงบนที่นอนแสนนุ่มนิ่ม “อ้ะ..ไอ้เหี้ยจะทำอะไร” “ผมทนต่อไปไม่ไหวแล้ว” ก้าวขาขึ้นไปบนเตียงคล่อมทับร่างคนที่ตัวเล็กกว่า กระซิบเสียงแหบพร่าที่เต็มไปด้วยแรงอารมณ์ทำให้อีกฝ่ายรู้สึกซาบซ่านไปทั่วร่างกาย แต่มีเหรอที่คนอย่างสวี เยว่ซือจะยอมให้อีกฝ่ายอยู่ข้างบน เขาใช้เรี่ยวแรงที่มีผลักคนร่างหนากว่าออก เป่ยเปียนรำคาญมือที่พยายามดันเขา ใช้ร่างกายที่ได้เปรียบกว่ากดทับขาของเยว่ซือเพื่อไม่ให้ใช้ขาถีบเขาออกได้ มือข้างหนึ่งรวบมือทั้งสองข้างของเยว่ซือชูขึ้นเหนือหัวกดข้อมืออีกฝ่ายไว้ไม่ให้ทำร้ายร่างกายเขา มืออีกข้างที่
ผ่านมาสองเดือนเยว่ซือได้เจรจากับฝ่ายรัฐบาลเรียบร้อย เขาจ่ายค่าเสียหายห้าร้อยล้านให้ทางรัฐบาลจากการเอาตัวนักฆ่ามือฉมังอย่างลู่ เป่ยเปียนมา อาการของเป่ยเปียนดีขึ้นทุกวันแขนที่หักก็รักษาจนหายซึ่งไม่แปลกสำหรับร่างกายที่แข็งแรง หลังจากวันนั้นเยว่ซือก็ไม่ได้พูดคุยอะไรกับเป่ยเปียนอีก เยว่ซือให้คนรับใช้และพยาบาลดูแลเป่ยเปียนอย่างดี เขารอเวลาที่ลู่ เป่ยเปียนจะหายดีเป็นปกติ ถึงตอนนั้นเขาคงจะใช้งานเป่ยเปียนอย่างหนักให้สมกับห้าร้อยล้านที่เสียไป“นายท่านวันนี้อาวุธจากคลังเขตเหนือมาส่งที่คลังอาวุธหลักของเรา นายท่านจะไปดูด้วยตัวเองไหมครับ”“อืม”“กี่โมงดีครับ”“บ่ายโมง” ละสายตาจากเอกสารตรงหน้า เยว่ซือขยับแว่นเล็กน้อยเอนหลังพิงเก้าอี้ทำงาน เขาอ่านเอกสารเกี่ยวกับอาวุธที่ส่งออกไปอิตาลีตั้งแต่เช้า ตรวจสอบให้แน่ใจว่าไม่มีตรงไหนที่ผิดพลาดหรือแปลกไป หยิบกาแฟขึ้นมาจิบสักหน่อยร่างกายเขาคงต้องการคาเฟอีนมาช่วยให้ร่างกายปราศจากความง่วงหลังจากที่พักผ่อนไม่เพียงพอมาเป็นเวลาหลายวัน เขาไปดูบ่อนคาสิโนเมื่อหลายวันก่อนทำให้เวลาพักผ่อนของเขาลดลง ยิ่งไปกว่านั้นเขาต้องติดตามว่าใครคือผู้ที่อยู่เบื้องหลังที่ส่งคนมาเป็น