หลังจากที่นอนโรงพยาบาลมาเป็นอาทิตย์ ก็ถึงเวลาที่คุณหมออนุญาตให้เยว่ซือกลับบ้านได้ เบลโล่ถือเสื้อผ้ายื่นให้เจ้านายเขาไปเปลี่ยนในห้องน้ำ เยว่ซือเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จก็ออกมา เดินออกจากห้องพักผู้ป่วยตรงไปที่รถโดยมีเบลโล่เปิดประตูให้เข้าไปนั่งก่อนที่ตัวเองจะอ้อมเข้าไปนั่งประจำที่คนขับ BMWคันสีดำแล่นไปตามถนน เยว่ซือมองออกไปนอกหน้าต่าง วิวในเมืองหลวงแสดงถึงความรุ่งเรืองของระบบเศรษฐกิจในประเทศ เบลโล่มองเจ้านายผ่านกระจกรถ ก่อนจะเอ่ยถามเจ้านาย“อยากกินอะไรก่อนกลับมั้ยครับ”“ไม่”“งั้นกลับเข้าคฤหาสน์เลยนะครับ”“วันนี้จะเข้าเพนท์เฮาส์”“เอ้ะ เอ่อครับๆ” เบลโล่แปลกใจนิดหน่อยที่เจ้านายเขาไม่กลับคฤหาสน์แต่จะไปเพนท์เฮาส์แทน เพนท์เฮาส์เป็นที่พักของพวกลูกน้องซีห่าว ทุกคนที่ทำงานให้ซีห่าวจะได้เข้าพักที่นี่ และชั้นบนสุดของเพนท์เฮาส์คือที่พักของเยว่ซือ เมื่อถึงเพนท์เฮาส์แล้วเยว่ซือก็ลงจากรถ เดินเข้าไปข้างใน ตรงดิ่งไปยังชั้นบนสุด ห้องของเขาถูกตกแต่งด้วยโทนสีดำ ห้องนอนมีกระจกใหญ่ที่มองให้เห็นวิวของกรุงปักกิ่ง ภายในห้องสะอาดไม่มีแม้แต่ฝุ่นสักนิดเพราะถึงเขาไม่ได้เข้ามาที่เพนท์เฮาส์เลยแต่ก็ให้แม่บ้านเข้ามาท
วันนี้แล้วสินะที่แก๊งฟางหรงจะต้องหายไป เขาสืบมาเรียบร้อยแล้วว่าวันนี้หัวหน้าแก๊งฟางหรงอยู่คฤหาสน์แน่นอน และต่อให้ใครหลุดรอดไปเขาก็จะไปตามเก็บมันทีหลังอยู่ดี เยว่ซือกำชับเสื้อสูทให้แน่นขึ้น เขาเตรียมลูกน้องพร้อมที่จะไปบุกแก๊งฟางหรง จริงๆ แล้วเขาไม่ได้มีความบาดหมางกับแก๊งนี้ แต่เพียงเพราะผู้จ้างวานนั้นสั่ง ถ้าไม่มีคำสั่งนั้นแก๊งฟางหรงคงไม่มีจุดจบวันนี้ เสียงเคาะประตูดังขึ้นเขาหันไปที่ประตู พบเบลโล่กำลังยืนรอเขาอยู่“พร้อมกันแล้วครับนายท่าน”“อืม”ก้าวขาขึ้นรถ Audi A7 คันสีดำ รถแล่นไปตามถนนจนถึงหน้าคฤหาสน์ของแก๊งฟางหรง จอดหน้าคฤหาสน์เคียงข้างรถNissan GTR R35 ที่มีเป่ยเปียนเปิดประตูรถลงมาพอดี รถคันอื่นๆ ของลูกน้องเขาขับตามมาล้อมรอบคฤหาสน์ของแก๊งฟางหรง ไม่ทันที่จะได้ก้าวเท้าลงจากรถ ลูกน้องจากแก๊งฟางหรงคงผิดสังเกตได้ สาดกระสุนยิงเปิดฉากทันที“แก๊งนี้เขาต้อนรับกันด้วยกระสุนปืนรึยังไงกัน” สบถอย่างหัวเสีย หยิบปืนยิงสวนไป ลูกน้องของเขาวิ่งมาคุ้มกัน“นายท่านเป็นอะไรมั้ยครับ” เบลโล่ถามด้วยความเป็นห่วง เขาส่ายหน้าตอบกลับลงมาจากรถลูกน้องเขาจัดการบอดี้การ์ดที่คุ้มกันหน้าคฤหาสน์จนหมด เขาเดินไป
ก๊อก ก๊อก ก๊อก “เข้ามา” สิ้นเสียงเคาะประตูก็ถูกเปิดออก เบลโล่เดินเข้ามาหาเขาอ่านรายงานสถานการณ์คลังอาวุธที่อิตาลี รายงานเสร็จเบลโล่ทำท่าจะเดินออกไปแต่เขาเรียกไว้ก่อน เดินไปหน้าลูกน้องคนสนิทใช้ฝ่ามือตบลงไปที่ใบหน้าอีกฝ่าย เบลโล่นิ่งงันแต่ไม่ได้ขยับตัวหรือพูดอะไร “ทำไมถึงยอมให้ไอ้เป่ยมันอุ้มฉันห้ะ” “ก็ตอนนั้นนายท่านเจ็บตัวอยู่” “ถึงยังไงนายก็ไม่ควรยอมให้มันอุ้มฉันแบบนั้น” “ขอโทษครับ” “ไปได้แล้ว” เบลโล่โค้งก่อนที่จะรีบออกไปจากห้อง เขาเดินไปนั่งที่โต๊ะทำงาน หยิบหนังสือบนโต๊ะขึ้นมาอ่าน “ทำอะไรอะเป่ย” เฟยหมิงชะโงกหน้าเข้ามาหาเป่ยเปียนที่กำลังก้มกดโทรศัพท์อยู่ เป่ยเปียนเอียงตัวหลบ แต่เฟยหมิงก็พยายามจะดูให้ได้ว่าในโทรศัพท์ของเป่ยเปียนนั้นมีอะไรอยู่ “ที่บ้านไม่สอนมารยาทนายรึไงเฟย” “ปากร้ายนะเราอ่ะขอดูนิดเดียวเอง” เฟยหมิงไม่ลดละความพยายาม อ้อมไปอีกฝั่งเพื่อแย่งโทรศัพท์ของเป่ยเปียน ทั้งคู่ยื้อแย่งโทรศัพท์กัน ซึ่งไม่รู้ว่ามีคนกำลังเดินตรงมาทางนี้ “ไม่มีงานมีการทำกันรึไง” เยว่ซือพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ เฟยหมิงหยุดมือที่คว้าโทรศัพท์ของเป่ยเปียน ส่วนเป่ยเปียนรีบเก็บโทรศั
ลู่เป่ยเปียนหยิบซองเอกสารขึ้นมาเปิด ภายในซองเอกสารมีรูปคนชายวัยกลางคนหนึ่ง นั่นก็คือหัวหน้าตระกูลไป่ที่เขาต้องไปสังหาร หลังจากคืนนั้นนี่ก็ผ่านมาสามวัน เขาสืบข้อมูลของหัวหน้าตระกูลไป่ว่าไปที่ไหนมาบ้าง เกี่ยวข้องกับใคร มีบอดี้การ์ดเท่าไร ซึ่งได้ข้อมูลมาว่าวันนี้หัวหน้าตระกูลไป่มีดินเนอร์บนเรือหรูกลางแม่น้ำเซี่ยงไฮ้ พร้อมกับบอดี้การ์ดยี่สิบคน ซึ่งเขาต้องจัดการสังหารทั้งหมดเขาจัดการจองตั๋วเพื่อขึ้นไปบนเรือเรียบร้อยแล้ว ปกติเรือลำนี้ต้องจองก่อนล่วงหน้าเป็นเดือนแต่เขาใช้อำนาจเส้นสายของซีห่าวเพื่อให้การทำงานนั้นง่ายมากขึ้น เขามองเฟยหมิงนักฆ่าของซีห่าวอีกคนพวกเขาต้องทำงานร่วมกันในวันนี้ เขารอให้ถึงเวลาขึ้นไปบนเรือ นั่งรออยู่ร้านกาแฟใกล้ท่าเรือ เฟยหมิงเอาแต่เล่นโทรศัพท์จนอดไม่ได้ที่จะสงสัยว่าทำอะไรอยู่ แต่เขาไม่ได้ถามทำเพียงแต่จ้องมองเฟยหมิงจนเจ้าตัวรู้สึกตัว“อะไรกันเป่ย นายคิดอะไรกับฉันปะเนี่ยมองกันขนาดนี้”“...”“โอเค มองฉันทำไม” เฟยหมิงละสายตาจากมือถือวางมันลงบนโต๊ะแล้วยกมือขึ้นมากอดอก“นายไม่ควรเล่นโทรศัพท์เวลางาน”“ฉันแค่เล่นไอจี”“...”“โอเคๆ ฉันไม่เล่นแล้วพ่อคนเย็นชา เลิกจ้อ
“ฮึ่มมมม” เสียงครางแผ่วบ่งบอกถึงความพอใจของเจ้านาย เป่ยเปียนขยับริมฝีปากให้เร็วขึ้นเพื่อเร่งอารมณ์เยว่ซือให้ได้ถึงฝั่งฝัน เร่งจังหวะสักพักน้ำรักสีขาวขุ่นก็ถูกปลดปล่อยออกมา เป่ยเปียนกลืนกินเข้าไปทั้งหมดลิ้นอุ่นตวัดเลียคราบน้ำที่เกาะไปทั่วแก่นกลางกาย จูบซับไปทั่วลำท่อน เขาข่มอารมณ์ที่เกิดขึ้นแต่ไม่นานนักสติก็ขาดผึ่งเพราะเสียงครางหวานหูที่น่าฟัง เขากระชากกางเกงเจ้านายออกจับถอดทิ้งอย่างไม่ไยดี ด้วยความที่สูงกว่าและร่างกายใหญ่กว่ายกตัวเยว่ซือลอยหวือขึ้นบนบ่าเดินไปยังเตียงแล้วโยนเจ้านายที่รักลงบนที่นอนแสนนุ่มนิ่ม “อ้ะ..ไอ้เหี้ยจะทำอะไร” “ผมทนต่อไปไม่ไหวแล้ว” ก้าวขาขึ้นไปบนเตียงคล่อมทับร่างคนที่ตัวเล็กกว่า กระซิบเสียงแหบพร่าที่เต็มไปด้วยแรงอารมณ์ทำให้อีกฝ่ายรู้สึกซาบซ่านไปทั่วร่างกาย แต่มีเหรอที่คนอย่างสวี เยว่ซือจะยอมให้อีกฝ่ายอยู่ข้างบน เขาใช้เรี่ยวแรงที่มีผลักคนร่างหนากว่าออก เป่ยเปียนรำคาญมือที่พยายามดันเขา ใช้ร่างกายที่ได้เปรียบกว่ากดทับขาของเยว่ซือเพื่อไม่ให้ใช้ขาถีบเขาออกได้ มือข้างหนึ่งรวบมือทั้งสองข้างของเยว่ซือชูขึ้นเหนือหัวกดข้อมืออีกฝ่ายไว้ไม่ให้ทำร้ายร่างกายเขา มืออีกข้างที่
ผ่านมาสองเดือนเยว่ซือได้เจรจากับฝ่ายรัฐบาลเรียบร้อย เขาจ่ายค่าเสียหายห้าร้อยล้านให้ทางรัฐบาลจากการเอาตัวนักฆ่ามือฉมังอย่างลู่ เป่ยเปียนมา อาการของเป่ยเปียนดีขึ้นทุกวันแขนที่หักก็รักษาจนหายซึ่งไม่แปลกสำหรับร่างกายที่แข็งแรง หลังจากวันนั้นเยว่ซือก็ไม่ได้พูดคุยอะไรกับเป่ยเปียนอีก เยว่ซือให้คนรับใช้และพยาบาลดูแลเป่ยเปียนอย่างดี เขารอเวลาที่ลู่ เป่ยเปียนจะหายดีเป็นปกติ ถึงตอนนั้นเขาคงจะใช้งานเป่ยเปียนอย่างหนักให้สมกับห้าร้อยล้านที่เสียไป“นายท่านวันนี้อาวุธจากคลังเขตเหนือมาส่งที่คลังอาวุธหลักของเรา นายท่านจะไปดูด้วยตัวเองไหมครับ”“อืม”“กี่โมงดีครับ”“บ่ายโมง” ละสายตาจากเอกสารตรงหน้า เยว่ซือขยับแว่นเล็กน้อยเอนหลังพิงเก้าอี้ทำงาน เขาอ่านเอกสารเกี่ยวกับอาวุธที่ส่งออกไปอิตาลีตั้งแต่เช้า ตรวจสอบให้แน่ใจว่าไม่มีตรงไหนที่ผิดพลาดหรือแปลกไป หยิบกาแฟขึ้นมาจิบสักหน่อยร่างกายเขาคงต้องการคาเฟอีนมาช่วยให้ร่างกายปราศจากความง่วงหลังจากที่พักผ่อนไม่เพียงพอมาเป็นเวลาหลายวัน เขาไปดูบ่อนคาสิโนเมื่อหลายวันก่อนทำให้เวลาพักผ่อนของเขาลดลง ยิ่งไปกว่านั้นเขาต้องติดตามว่าใครคือผู้ที่อยู่เบื้องหลังที่ส่งคนมาเป็น