Share

อย่าดื้อ

last update Last Updated: 2025-10-04 18:39:57

ลู่เป่ยเปียนหยิบซองเอกสารขึ้นมาเปิด ภายในซองเอกสารมีรูปคนชายวัยกลางคนหนึ่ง นั่นก็คือหัวหน้าตระกูลไป่ที่เขาต้องไปสังหาร หลังจากคืนนั้นนี่ก็ผ่านมาสามวัน เขาสืบข้อมูลของหัวหน้าตระกูลไป่ว่าไปที่ไหนมาบ้าง เกี่ยวข้องกับใคร มีบอดี้การ์ดเท่าไร ซึ่งได้ข้อมูลมาว่าวันนี้หัวหน้าตระกูลไป่มีดินเนอร์บนเรือหรูกลางแม่น้ำเซี่ยงไฮ้ พร้อมกับบอดี้การ์ดยี่สิบคน ซึ่งเขาต้องจัดการสังหารทั้งหมด

เขาจัดการจองตั๋วเพื่อขึ้นไปบนเรือเรียบร้อยแล้ว ปกติเรือลำนี้ต้องจองก่อนล่วงหน้าเป็นเดือนแต่เขาใช้อำนาจเส้นสายของซีห่าวเพื่อให้การทำงานนั้นง่ายมากขึ้น เขามองเฟยหมิงนักฆ่าของซีห่าวอีกคนพวกเขาต้องทำงานร่วมกันในวันนี้ เขารอให้ถึงเวลาขึ้นไปบนเรือ นั่งรออยู่ร้านกาแฟใกล้ท่าเรือ เฟยหมิงเอาแต่เล่นโทรศัพท์จนอดไม่ได้ที่จะสงสัยว่าทำอะไรอยู่ แต่เขาไม่ได้ถามทำเพียงแต่จ้องมองเฟยหมิงจนเจ้าตัวรู้สึกตัว

“อะไรกันเป่ย นายคิดอะไรกับฉันปะเนี่ยมองกันขนาดนี้”

“...”

“โอเค มองฉันทำไม” เฟยหมิงละสายตาจากมือถือวางมันลงบนโต๊ะแล้วยกมือขึ้นมากอดอก

“นายไม่ควรเล่นโทรศัพท์เวลางาน”

“ฉันแค่เล่นไอจี”

“...”

“โอเคๆ ฉันไม่เล่นแล้วพ่อคนเย็นชา เลิกจ้องกันด้วยสายตาแบบนั้นได้แล้ว”

“ไอจีคืออะไร”

“ห้ะ นายไม่รู้จักไอจีเหรอ” เฟยหมิงทำสีหน้าตกใจ จากมือที่กอดอกยกขึ้นมาป้องปากแทน ตากลมสุกใสเบิกกว้าขึ้นก่อนจะทุบโต๊ะดังปั้ง

“…”

“เฮ้ เลิกทำหน้าเหม็นเบื่อที ฉันอธิบายให้ฟังก็ได้ มันเป็นแอพในมือถือน่ะไว้ลงรูปให้คนอื่นดู หรือจะเปิดไว้เป็นส่วนตัวก็ได้นะให้แค่คนรู้จักดู ลงสตอรี่ก็ได้ว่าวันนี้ไปทำอะไรมาบ้าง”

“อืม”

“นายอยากเล่นมันเหรอ” เป่ยเปียนนิ่งไปนิดแล้วส่ายหน้าตอบกลับไป เขาไม่ค่อยถ่ายรูปอะไรอยู่แล้ว อีกอย่างคนอย่างเขาคงไม่มีเวลาเล่นอะไรไร้สาระแบบนี้

“จริงๆ บางคนเปิดแอคไอจีเพื่อลงรูปอาหาร รูปสถานที่นะ ไม่จำเป็นต้องลงรูปคนเลย หรือจะลงรูปคนรักไว้ก็ได้โรแมนติกดีออก” เฟยหมิงพูดเสริม เป่ยเปียนใช้ความคิดก่อนพยักหน้ารับ เขาก้มมองดูนาฬิกาข้อมือใกล้ถึงเวลาที่ต้องไปที่เรือแล้ว ดูดกาแฟให้หมดแก้วแล้วลุกออกไป ทิ้งเฟยหมิงมึนงงแล้วรีบวิ่งตามเขามา

“รอด้วยสิเป่ย!”

ถึงเวลากลางคืนที่ควรจะเริ่มแผนการได้แล้ว ตอนนี้เขานั่งอยู่ที่โต๊ะอาหารบนเรือกับเฟยหมิง สายตาลอบมองไปที่เป้าหมายกำลังนั่งรับประทานอาหารอยู่ มีบอดี้การ์ดล้อมรอบ เฟยหมิงลุกเดินไปหาเป้าหมายพร้อมแก้วไวน์ทำให้เขาต้องลุกเดินตามอยู่ห่างๆ เฟยหมิงทำท่าสะดุดขาตัวเองเอนเอียงเซไปชนบอดี้การ์ดคนหนึ่ง ไวน์องุ่นกลิ่นหอมหกใส่เสื้อของบอดี้การ์ดคนนั้น

“อุ้ย ขอโทษครับพอดีผมซุ่มซ่ามไปหน่อย ซุ่มซ่ามจนเอ่อ...น่าจะเผลอยิงโดนหัวคุณไป่” พูดจบเฟยหมิงก็ยิงหัวบอดี้การ์ดคนนั้นทิ้งทันที ทันใดนั้นเหตุการณ์ชุลมุนจึงเกิดขึ้น เมื่อผู้โดยสารทั้งหลายได้ยิงเสียงปืนต่างพากันตกใจบางคนวิ่งหนีไปตรงอื่น บางคนมุดลงไปใต้โต๊ะ เขาเห็นบอดี้การ์ดคนหนึ่งทำท่าจะยิงเฟยหมิง เฟยหมิงหลบกระสุนได้ทันท่วงทีเขาจึงยิงปืนไปที่ขมับและอกบอดี้การ์ดคนนั้นจนร่างทรุดลงไปนอนกองกับพื้น เขาวิ่งไปหันหลังชนกันกับเฟยหมิง บอดี้การ์ดพวกนั้นล้อมพวกเขาไว้เป็นวงกลม

ด้วยความที่หันหลังชนกันกับเพื่อนร่วมงานจึงโค้งตัวให้เฟยหมิงหันหลังขึ้นมาบนตัวเขาแล้วเขาก็หมุนตัวเป็นวงกลมให้เฟยหมิงสาดกระสุนไปทั่วโดนบอดี้การ์ดที่ล้อมรอบตัวพวกเขาไว้ หลังจากที่ปล่อยเฟยหมิงลง ก็แยกไปยิงบอดี้การ์ดที่เหลือ มีบอดี้การ์ดจากไหนไม่รู้มาล็อกคอเขาไว้ เขาแกะเข็มพิษจากกระดุมแขนเสื้อจิ้มไปที่แขนคนที่ล็อกคอเขาไว้ บอดี้การ์ดคนนั้นเป็นอัมพาตไปชั่วขณะเขาจึงใช้จังหวะนี้กลับหลังหันไปยิงที่หัวบอดี้การ์ดคนนั้น

หันไปมองเฟยหมิงถูกบอดี้การ์ดสามคนรุมล้อม เขาเปิดเสื้อสูทมาหยิบมีดสามเล่มปาไปที่ต้นคอสามคนนั้นอย่างละเล่ม มีดปักโดนเส้นเลือดใหญ่ที่คอเลือดสีแดงพุ่งกระฉูดในทันที เฟยหมิงพยักหน้าขอบคุณ

กวาดสายตามองหาผู้นำตระกูลไป่ กำลังวิ่งหนีไปกับบอดี้การ์ดอีกสามคน เขาวิ่งตามถือปืนยิงไล่หลังพลางหลบกระสุนที่ถูกยิงสวนลู่เป่ยเปียนหยิบซองเอกสารขึ้นมาเปิด ภายในซองเอกสารมีรูปคนชายวัยกลางคนหนึ่ง นั่นก็คือหัวหน้าตระกูลไป่ที่เขาต้องไปสังหาร หลังจากคืนนั้นนี่ก็ผ่านมาสามวัน เขาสืบข้อมูลของหัวหน้าตระกูลไป่ว่าไปที่ไหนมาบ้าง เกี่ยวข้องกับใคร มีบอดี้การ์ดเท่าไร ซึ่งได้ข้อมูลมาว่าวันนี้หัวหน้าตระกูลไป่มีดินเนอร์บนเรือหรูกลางแม่น้ำเซี่ยงไฮ้ พร้อมกับบอดี้การ์ดยี่สิบคน ซึ่งเขาต้องจัดการสังหารทั้งหมด

เขาจัดการจองตั๋วเพื่อขึ้นไปบนเรือเรียบร้อยแล้ว ปกติเรือลำนี้ต้องจองก่อนล่วงหน้าเป็นเดือนแต่เขาใช้อำนาจเส้นสายของซีห่าวเพื่อให้การทำงานนั้นง่ายมากขึ้น เขามองเฟยหมิงนักฆ่าของซีห่าวอีกคนพวกเขาต้องทำงานร่วมกันในวันนี้ เขารอให้ถึงเวลาขึ้นไปบนเรือ นั่งรออยู่ร้านกาแฟใกล้ท่าเรือ เฟยหมิงเอาแต่เล่นโทรศัพท์จนอดไม่ได้ที่จะสงสัยว่าทำอะไรอยู่ แต่เขาไม่ได้ถามทำเพียงแต่จ้องมองเฟยหมิงจนเจ้าตัวรู้สึกตัว

“อะไรกันเป่ย นายคิดอะไรกับฉันปะเนี่ยมองกันขนาดนี้”

“...”

“โอเค มองฉันทำไม” เฟยหมิงละสายตาจากมือถือวางมันลงบนโต๊ะแล้วยกมือขึ้นมากอดอก

“นายไม่ควรเล่นโทรศัพท์เวลางาน”

“ฉันแค่เล่นไอจี”

“...”

“โอเคๆ ฉันไม่เล่นแล้วพ่อคนเย็นชา เลิกจ้องกันด้วยสายตาแบบนั้นได้แล้ว”

“ไอจีคืออะไร”

“ห้ะ นายไม่รู้จักไอจีเหรอ” เฟยหมิงทำสีหน้าตกใจ จากมือที่กอดอกยกขึ้นมาป้องปากแทน ตากลมสุกใสเบิกกว้าขึ้นก่อนจะทุบโต๊ะดังปั้ง

“…”

“เฮ้ เลิกทำหน้าเหม็นเบื่อที ฉันอธิบายให้ฟังก็ได้ มันเป็นแอพในมือถือน่ะไว้ลงรูปให้คนอื่นดู หรือจะเปิดไว้เป็นส่วนตัวก็ได้นะให้แค่คนรู้จักดู ลงสตอรี่ก็ได้ว่าวันนี้ไปทำอะไรมาบ้าง”

“อืม”

“นายอยากเล่นมันเหรอ” เป่ยเปียนนิ่งไปนิดแล้วส่ายหน้าตอบกลับไป เขาไม่ค่อยถ่ายรูปอะไรอยู่แล้ว อีกอย่างคนอย่างเขาคงไม่มีเวลาเล่นอะไรไร้สาระแบบนี้

“จริงๆ บางคนเปิดแอคไอจีเพื่อลงรูปอาหาร รูปสถานที่นะ ไม่จำเป็นต้องลงรูปคนเลย หรือจะลงรูปคนรักไว้ก็ได้โรแมนติกดีออก” เฟยหมิงพูดเสริม เป่ยเปียนใช้ความคิดก่อนพยักหน้ารับ เขาก้มมองดูนาฬิกาข้อมือใกล้ถึงเวลาที่ต้องไปที่เรือแล้ว ดูดกาแฟให้หมดแก้วแล้วลุกออกไป ทิ้งเฟยหมิงมึนงงแล้วรีบวิ่งตามเขามา

“รอด้วยสิเป่ย!”

ถึงเวลากลางคืนที่ควรจะเริ่มแผนการได้แล้ว ตอนนี้เขานั่งอยู่ที่โต๊ะอาหารบนเรือกับเฟยหมิง สายตาลอบมองไปที่เป้าหมายกำลังนั่งรับประทานอาหารอยู่ มีบอดี้การ์ดล้อมรอบ เฟยหมิงลุกเดินไปหาเป้าหมายพร้อมแก้วไวน์ทำให้เขาต้องลุกเดินตามอยู่ห่างๆ เฟยหมิงทำท่าสะดุดขาตัวเองเอนเอียงเซไปชนบอดี้การ์ดคนหนึ่ง ไวน์องุ่นกลิ่นหอมหกใส่เสื้อของบอดี้การ์ดคนนั้น

“อุ้ย ขอโทษครับพอดีผมซุ่มซ่ามไปหน่อย ซุ่มซ่ามจนเอ่อ...น่าจะเผลอยิงโดนหัวคุณไป่” พูดจบเฟยหมิงก็ยิงหัวบอดี้การ์ดคนนั้นทิ้งทันที ทันใดนั้นเหตุการณ์ชุลมุนจึงเกิดขึ้น เมื่อผู้โดยสารทั้งหลายได้ยิงเสียงปืนต่างพากันตกใจบางคนวิ่งหนีไปตรงอื่น บางคนมุดลงไปใต้โต๊ะ เขาเห็นบอดี้การ์ดคนหนึ่งทำท่าจะยิงเฟยหมิง เฟยหมิงหลบกระสุนได้ทันท่วงทีเขาจึงยิงปืนไปที่ขมับและอกบอดี้การ์ดคนนั้นจนร่างทรุดลงไปนอนกองกับพื้น เขาวิ่งไปหันหลังชนกันกับเฟยหมิง บอดี้การ์ดพวกนั้นล้อมพวกเขาไว้เป็นวงกลม

ด้วยความที่หันหลังชนกันกับเพื่อนร่วมงานจึงโค้งตัวให้เฟยหมิงหันหลังขึ้นมาบนตัวเขาแล้วเขาก็หมุนตัวเป็นวงกลมให้เฟยหมิงสาดกระสุนไปทั่วโดนบอดี้การ์ดที่ล้อมรอบตัวพวกเขาไว้ หลังจากที่ปล่อยเฟยหมิงลง ก็แยกไปยิงบอดี้การ์ดที่เหลือ มีบอดี้การ์ดจากไหนไม่รู้มาล็อกคอเขาไว้ เขาแกะเข็มพิษจากกระดุมแขนเสื้อจิ้มไปที่แขนคนที่ล็อกคอเขาไว้ บอดี้การ์ดคนนั้นเป็นอัมพาตไปชั่วขณะเขาจึงใช้จังหวะนี้กลับหลังหันไปยิงที่หัวบอดี้การ์ดคนนั้น

หันไปมองเฟยหมิงถูกบอดี้การ์ดสามคนรุมล้อม เขาเปิดเสื้อสูทมาหยิบมีดสามเล่มปาไปที่ต้นคอสามคนนั้นอย่างละเล่ม มีดปักโดนเส้นเลือดใหญ่ที่คอเลือดสีแดงพุ่งกระฉูดในทันที เฟยหมิงพยักหน้าขอบคุณ

กวาดสายตามองหาผู้นำตระกูลไป่ กำลังวิ่งหนีไปกับบอดี้การ์ดอีกสามคน เขาวิ่งตามถือปืนยิงไล่หลังพลางหลบกระสุนที่ถูกยิงสวนเข้ามาด้วย วิ่งไปถึงห้องโถงของเรือผู้โดยสารพากันหลบตามจุดต่างๆ เขามองไปที่เป้าหมายหลบอยู่หลังโต๊ะบาร์ มีบอดี้การ์ดสามคนยิงปืนใส่แล้วเดินมาทางเขา เขาม้วนตัวหลบกระสุนแล้วยิงสวนไป มีบอดี้การ์ดมาประชิดตัวเขาต่อยหมัดทำให้เขารีบหลบไปทางซ้าย ยกขาเตะเท้าอีกฝ่ายให้เสียหลักแล้วจัดการยิงปืนใส่ไปสามนัด ร่างนั้นนอนแน่นิ่งจมกองเลือด

เหลือบอดี้การ์ดอีกสองคนที่ยิงกระสุนใส่เขา เขาหลบอย่างชำนาญเปลี่ยนแม็กกระสุนแล้วยิงสวนไป เฟยหมิงวิ่งตามมาพอดีช่วยเขายิง เขาวิ่งไปล็อกบอดี้การ์ดคนนึงไว้เพื่อเป็นโล่กำบังขณะที่บอดี้การ์ดคนสุดท้ายยิงกระสุนใส่เขาทำให้บอดี้การ์ดคนนั้นโดนกระสุนปืนแทนเขา เหลือบอดี้การ์ดคนสุดท้ายเขาคว้าขวดไวน์ปาใส่หัวอีกฝ่ายแล้วยิงที่หัวหนึ่งนัดและอกอีกสองนัด เดินไปหลังบาร์เห็นผู้นำตระกูลไป่หลบอยู่ เล็งปืนไปที่ชายวัยกลางคนยังไม่ทันได้เหนี่ยวไกปืนอีกฝ่ายก็พูดขึ้นมาเสียก่อน

“ใครจ้างมา อย่าฆ่าฉันเลยฉันให้มากกว่านั้นห้าเท่า”

“ไม่ได้เกี่ยวกับเงิน มันเกี่ยวกับความซื่อสัตย์” พูดจบก็ยิงไปที่หน้าผากชายคนนั้นทันที...เป็นอันเสร็จงาน

“เคลียร์โต๊ะ” หันไปบอกเฟยหมิง เฟยหมิงรีบโทรติดต่อบริษัทกำจัดศพที่รอสแตนบายบนเรือไว้ทันที เขาติดต่อสมาชิกซีห่าวให้นำเรือเล็กมารับพวกเขาสองคน เมื่อเรือมาถึงก็รีบไปทันที

“วู้ วันนี้โครตสนุกเลยเป่ยตอนที่นายยกฉันขึ้นมาโครตเท่เลยรู้ปะ” เฟยหมิงตบมืออย่างชอบใจ

“…”

“พูดอะไรบ้างเถอะ ไม่งั้นฉันจะคิดว่านายเป็นใบ้แล้วนะ” เฟยหมิงขมวดคิ้ว แล้วเอาขายันขาเขาเบาๆ เขาผลักมันออกแล้วมองหน้าเพื่อนร่วมงานนิ่งๆ คนที่จะเอาขามาอยู่บนตัวเขาได้มีเพียงแค่สวีเยว่ซือเท่านั้น

“โว้วๆ อย่าส่งสายตาอาฆาตขนาดนั้น” เขาไม่ตอบอะไรหันหน้าออกไปมองผืนน้ำขณะเรือกำลังแล่น เขาอยากกลับไปนอนกอดแมวน้อยของเขาซะแล้วสิ แถมไม่รู้ด้วยว่ากลับไปจะโดนเยว่ซือทำอะไรบ้าง เพราะวีรกรรมเขาที่ทำกับเจ้าตัวนี่ไม่ใช่เล่นๆ เลย

เยว่ซือกำลังหงุดหงิด เขาหงุดหงิดมากใช้ให้เป่ยเปียนไปทำงานแต่นี่เข้าวันที่สี่แล้วเจ้าตัวก็ยังไม่โผล่มาสักที เขาอยากคิดบัญชีกับไอ้คนนิสัยไม่ดีที่กล้ามาท้าทายคนอย่างเขา คอยดูเถอะถ้าเจอหน้าจะอัดให้น่วมเลยข้อหาบังอาจมาแย่งชิงเอกราชเขาไป ยิ่งคิดยิ่งโมโหปาเอกสารทิ้งลงพื้นอย่างไม่ไยดี มองอะไรก็ขัดหูขัดตาไปหมด เบลโล่ได้แต่ยิ้มแห้งๆ ให้เจ้านาย เขารับอารมณ์เจ้านายมาสี่วันแล้ว ไม่รู้ว่าเจ้านายเขาไปกินรังแตนที่ไหนมาเหมือนกัน ถึงได้ดูเหมือนโกรธใครมาไม่รู้หลายสิบชาติ

“เอ่อ นายท่านครับ”

“อะไร” ตอบเสียงห้วนจนเบลโล่สะดุ้ง นานๆ ทีเขาจะเห็นเจ้านายบันดาลโทสะขนาดนี้ ปกติเจ้านายเขามักจะทำหน้านิ่งไม่แสดงอารมณ์ใดๆ ออกมา

“คือวันนี้ไปดูบ่อนหน่อยมั้ยครับ”

“เออ” เบลโล่โค้งหัวก่อนจะรีบออกจากห้อง ถ้าอยู่กับเจ้านายตอนท่านอารมณ์เป็นอย่างนี้มีหวังเขาหัวได้หลุดออกจากบ่าแน่นอน

เยว่ซือหยิบบุหรี่ขึ้นจุดสูบหวังจะคลายความขุ่นมัวที่เกิดขึ้นในอกที่กัดกินมาเป็นเวลาหลายวัน พ่นควันสีเทาให้ฟุ้งไปรอบบริเวณ บุหรี่กลิ่นมินต์ช่วยให้เขาผ่อนคลายมากขึ้น มองเอกสารที่นอนแอ้งแม้งอยู่บนพื้นหยิบมันขึ้นมากลับมาวางบนโต๊ะ เขาต้องใจเย็นให้ได้มากกว่านี้ การที่คนเราโมโหจะทำให้ขาดสติ เขาจะต้องมีสติให้ได้มากที่สุด คิดได้ดังนั้นจึงออกจากห้องทำงานไปที่ห้องนอน หยิบเสื้อผ้าสำหรับไปคาสิโนวันนี้ แล้วเดินเข้าไปอาบน้ำให้รู้สึกดีขึ้น

“นายท่านครับข้างล่างมีคนทะเลาะกัน”

“พวกนายควบคุมกันเองไม่ได้รึไง”

“ขอโทษครับ”

“เดี๋ยวลงไป” เยว่ซือมาถึงคาสิโนแล้วเขาก็อยู่ในห้องทำงาน ไม่ค่อยมีคนมาทะเลาะในคาสิโนของเขานักเพราะรู้กิตติมศักดิ์ดีว่าถ้ามาทะเลาะกันในที่ของเขาจะเจอกับอะไร แต่นี่มีคนกล้ามาตีกันในคาสิโนของเขาคงเพราะเป็นลูกค้าใหม่ เขาลงไปข้างล่างเห็นคนกำลังต่อยตีกัน

“มึงโกงกูใช่มั้ยไอเหี้ย”

“มึงกากเองก็อย่ามาโทษกูสิวะ”

“หยุดเดี๋ยวนี้” เขาประกาศกร้าวเสียงดังทั้งคู่ชะงักแล้วหันมามองเขา คนนึงที่ถูกกระชากเสื้อหลบตาเขาส่วนคนที่กระชากเสื้ออีกฝ่ายหันมามองเขาอย่างท้าทายไม่เกรงกลัวเลยสักนิด

“มึงเป็นใครวะมาสั่ง”

“ฉันบอกให้หยุดไม่ใช่มายอกย้อน”

“คิดว่ามึงกลัวมึงเหรอ” เขาไม่พูดพร่ำทำเพลงอะไรหยิบปืนที่เหน็บจากข้างเอวขึ้นมายิงที่ขาของชายคนนั้นทันที

“โอ้ย ไอเหี้ยมึงเอาปืนเข้ามาได้ไงวะ เจ้าของบ่อนแม่งอยู่ไหนวะสัส”

“ปากดีนัก” เขามองด้วยสายตาเย็นยะเยือก ก่อนจะหันไปสั่งลูกน้องให้ลากไอ้คนเหิมเกริมออกไปนอกพื้นที่ของเขา แต่ไม่ทันจะได้ทำอะไรคนที่ถูกยิงก็ใช้แรงเฮือกสุดท้ายยกเก้าอี้ฟาดลงมาที่หัวเขาขณะเขากำลังหันหลังให้

“นายท่าน!” เบลโล่ตะโกนเสียงดังอย่างตกใจ ตายแน่ๆ เขาตายแน่ๆ เจ้านายเขาเจ็บตัว เขาคุ้มกันไม่ทัน

ปัง ปัง ปัง

สิ้นเสียงกระสุนปืน เลือดแดงฉานไหลนองเต็มพื้นที่ร่างไร้วิญญาณนอนแน่นิ่ง เขากุมหัวตัวเองปาดเลือดที่หัวออก ทันใดนั้นก็มีมือปริศนาคว้าเข้าที่มือเขา

“คุณเยว่!” หันไปตามเสียงเรียก พบคนที่ไม่ได้เจอเขาเป็นเวลาสี่วัน สีหน้าดูตกใจที่เห็นเขาเลือดอาบหัว ดึงเขามาสำรวจร่างกายว่าแผลตรงไหนอีกมั้ยก่อนจะลากเขาขึ้นไปห้องทำงาน

“นายจะลากฉันไปไหน”

“เงียบ” ยังบังอาจมาสั่งเขาอีก แต่อีกฝ่ายดูเหมือนจะโมโหอะไรมา นี่เขายังโกรธเป่ยเปียนอยู่นะ แล้วนี่อะไรอยู่ดีๆ มาลากเขา ดึงเขาไปนั่งที่โซฟาก่อนจะหยิบกล่องปฐมพยาบาลติดมือมาด้วย

“ฉันทำเองได้”

“อย่าดื้อได้มั้ยคุณเยว่”

“นายยังมีคดีติดตัวนะเป่ยเปียน”

“ให้ผมทำแผลให้คุณเสร็จก่อน คุณจะต่อยจะตีผมยังไงก็ได้”

“ไม่ต้องฉันทำเอง” คิดจะแย่งกล่องพยาบาลมาจัดการตัวเอง แต่อีกฝ่ายยื้อเอาไว้ทำสีหน้าดุๆ ใส่เขา เขาเบ้ปากมองบนใส่คนตัวสูงกว่า เป่ยเปียนใช้มือบีบปากเขา

“นิ่งๆ บอกว่าอย่าดื้อ” เขาใช้มือตีข้างที่บีบปากเขาอย่างแรง นี่เขาเป็นเจ้านายมันนะทำไมถึงทำตัวเป็นใหญ่กว่าเขาได้กัน

“ฉันไม่ได้ดื้อนะเป่ย!”

“ที่คุณทำอยู่เขาเรียกว่าดื้อ” เป่ยเปียนใช้มือข้างหนึ่งจับมือเขาไม่ให้ผลักเป่ยเปียนออก ใช้มืออีกข้างนำผ้ามากดแผลเพื่อหยุดเลือดเขาไว้

“เชี่ย เบาๆ ดิวะ” เขาสบถออกมา ทำไมมือมันหนักอย่างนี้วะ เขาฮึดฮัดแต่ก็ยอมอยู่เฉยๆ ให้อีกฝ่ายทำเพราะไม่งั้นเป่ยเปียนก็คงจะดึงดันทำอยู่ดี

“ขอโทษครับ”

“รีบๆ ทำดิ”

“ผมเคยบอกไปแล้วใช่มั้ยว่าถ้าไม่มีผมอยู่ผมขอให้คุณดูแลตัวเองดีๆ”

“ฉันดูแลตัวเองไม่ดีตรงไหน”

“ก็ตรงที่คุณทำให้ตัวเองเจ็บตัวอยู่แบบนี้ไงคุณเยว่”

“ฉันเคยพูดไปแล้วเหมือนกันว่าชีวิตฉันมันอันตรายมาทั้งชีวิต เจ็บตัวแค่นี้มันเป็นเรื่องปกติปะวะ”

“คุณควรจะไปหาหมอ” เมื่อสำรวจแผลเขา เช็ดทำความสะอาดแผลเรียบร้อยแล้ว ก็ฉุดรั้งให้เขายืนขึ้นเดินไปที่ประตู เขายื้อแขนไว้

“ไม่ไป”

“คุณเยว่ คุณก็โตแล้วนะทำไมดื้อเหมือนเด็กแบบนี้”

“ฉันไม่ได้เหมือนเด็ก!!”

“ผมบอกว่าให้ไปหาหมอ”

“ไม่ไง นายพูดไม่รู้เรื่องเหรอวะ”

“ผมเป็นห่วง” เป่ยเปียนพูดด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวล ถ้าเจ้านายเขาเป็นไฟเขาต้องเป็นน้ำให้อีกฝ่าย ถ้าไฟกับไฟมาเจอกันมันยิ่งทวีคูณความรุนแรงขึ้นไป

“ไม่ต้องมาเป็นห่วงฉัน หายหน้าหายตาไปหลายวัน หึ” ทำเสียงหึขึ้นจมูกบ่งบอกถึงความไม่พอใจ เป่ยเปียนส่ายหน้าน้อยๆ ด้วยความเหนื่อยใจ ทำไมเจ้านายของเขาพูดไม่รู้เรื่องแบบนี้นะ

“ผมไปทำงานคุณก็รู้”

“เออเรื่องของนาย”

“ทีนี้ไปหาหมอได้แล้วคุณเยว่ แผลคุณลึก”

“ไม่ไปไงวะ” เป่ยเปียนถอนหายใจ เขาชักหมดความอดทนกับเยว่ซือแล้วเขาจึงอุ้มเจ้านายพาดบ่า เดินลงไปด้านล่างสั่งให้เบลโล่เปิดประตูรถโดยบอกว่าจะพาเจ้านายไปโรงพยาบาล เบลโล่เห็นดังนั้นจึงทำตามเป่ยเปียนทันที เพราะเป็นห่วงเยว่ซือเหมือนกัน

ออกมาจากโรงพยาบาลหลังจากทำแผลเสร็จเรียบร้อยแล้ว เขายังฉุนคนที่นั่งอยู่ข้างๆ อยู่ คิดว่าตัวเองเป็นใครกันตัดสินใจเองเสร็จสับแถมยัดเขาขึ้นมาบนรถโดยที่เขาไม่ได้ยินยอมสักนิด รถจอดหน้าคฤหาสน์เขาเดินลงมาจากรถ ชะงักไปนิดก่อนจะหันไปสั่งเป่ยเปียน

“ไปรอฉันที่ห้องทำงาน”

“ครับ”

ผลัวะ

หมัดหนึ่งหมัดถูกเข้าที่หน้าของเป่ยเปียน เขาหันไปตามแรงกระแทกและมีหมัดอีกหลายหมัดตามมากระทบที่ใบหน้าเขา เลือดไหลจากมุมปาก เขาไม่สวนหมัดกลับไปปล่อยให้เยว่ซือระบายความโกรธลงที่ร่างกายของเขา

“นายรู้ใช่มั้ยว่าฉันต่อยนายเพราะอะไร”

“ครับ”

“รู้แล้วก็จำใส่หัวเอาไว้ว่าอย่าทำอีก”

“ห้ามล่วงเกินคุณนั่นเป็นสิ่งที่ยากอยู่นะคุณเยว่”

“นาย!”

“ครับ”

“นายลืมเรื่องนั้นไปเลยนะไอ้ทุเรศ” เขาหายใจแรงๆ ระงับโทสะที่กำลังประทุ นึกแล้วอยากจะต่อยหน้าอีกฝ่ายอีกสักหลายๆ หมัด ไอ้หน้านิ่งๆ นั่นมันทำให้เขาหงุดหงิด เขาเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าเป่ยเปียนบีบปลายคางให้หันมาสบตาเขา แต่เป่ยเปียนกลับไม่แสดงสีหน้าใดๆ ออกมา

“ฉันไม่ยอมให้นายทำแบบนั้นเป็นครั้งที่สองแน่ไอ้เวร”

“ครับ”

“เหอะ เออจะไปไหนก็ไป” เอ่ยปากไล่อีกฝ่าย เป่ยเปียนโค้งหัวให้ก่อนจะเดินออกไปจากห้อง เขาหยิบบุหรี่ขึ้นจุดสูบ เขาสังเกตตัวเองว่าช่วงนี้เขาสูบบุหรี่จัดมากกว่าเดิม คิดได้ดังนั้นก็รีบดับบุหรี่ก่อนที่ปอดตัวเองจะพังไปมากกว่านี้ คว้าลูกอมรสหวานเข้าปากแล้วอ่านเอกสารที่ค้างไว้ต่อ

เข้ามาด้วย วิ่งไปถึงห้องโถงของเรือผู้โดยสารพากันหลบตามจุดต่างๆ เขามองไปที่เป้าหมายหลบอยู่หลังโต๊ะบาร์ มีบอดี้การ์ดสามคนยิงปืนใส่แล้วเดินมาทางเขา เขาม้วนตัวหลบกระสุนแล้วยิงสวนไป มีบอดี้การ์ดมาประชิดตัวเขาต่อยหมัดทำให้เขารีบหลบไปทางซ้าย ยกขาเตะเท้าอีกฝ่ายให้เสียหลักแล้วจัดการยิงปืนใส่ไปสามนัด ร่างนั้นนอนแน่นิ่งจมกองเลือด

เหลือบอดี้การ์ดอีกสองคนที่ยิงกระสุนใส่เขา เขาหลบอย่างชำนาญเปลี่ยนแม็กกระสุนแล้วยิงสวนไป เฟยหมิงวิ่งตามมาพอดีช่วยเขายิง เขาวิ่งไปล็อกบอดี้การ์ดคนนึงไว้เพื่อเป็นโล่กำบังขณะที่บอดี้การ์ดคนสุดท้ายยิงกระสุนใส่เขาทำให้บอดี้การ์ดคนนั้นโดนกระสุนปืนแทนเขา เหลือบอดี้การ์ดคนสุดท้ายเขาคว้าขวดไวน์ปาใส่หัวอีกฝ่ายแล้วยิงที่หัวหนึ่งนัดและอกอีกสองนัด เดินไปหลังบาร์เห็นผู้นำตระกูลไป่หลบอยู่ เล็งปืนไปที่ชายวัยกลางคนยังไม่ทันได้เหนี่ยวไกปืนอีกฝ่ายก็พูดขึ้นมาเสียก่อน

“ใครจ้างมา อย่าฆ่าฉันเลยฉันให้มากกว่านั้นห้าเท่า”

“ไม่ได้เกี่ยวกับเงิน มันเกี่ยวกับความซื่อสัตย์” พูดจบก็ยิงไปที่หน้าผากชายคนนั้นทันที...เป็นอันเสร็จงาน

“เคลียร์โต๊ะ” หันไปบอกเฟยหมิง เฟยหมิงรีบโทรติดต่อบริษัทกำจัดศพที่รอสแตนบายบนเรือไว้ทันที เขาติดต่อสมาชิกซีห่าวให้นำเรือเล็กมารับพวกเขาสองคน เมื่อเรือมาถึงก็รีบไปทันที

“วู้ วันนี้โครตสนุกเลยเป่ยตอนที่นายยกฉันขึ้นมาโครตเท่เลยรู้ปะ” เฟยหมิงตบมืออย่างชอบใจ

“…”

“พูดอะไรบ้างเถอะ ไม่งั้นฉันจะคิดว่านายเป็นใบ้แล้วนะ” เฟยหมิงขมวดคิ้ว แล้วเอาขายันขาเขาเบาๆ เขาผลักมันออกแล้วมองหน้าเพื่อนร่วมงานนิ่งๆ คนที่จะเอาขามาอยู่บนตัวเขาได้มีเพียงแค่สวีเยว่ซือเท่านั้น

“โว้วๆ อย่าส่งสายตาอาฆาตขนาดนั้น” เขาไม่ตอบอะไรหันหน้าออกไปมองผืนน้ำขณะเรือกำลังแล่น เขาอยากกลับไปนอนกอดแมวน้อยของเขาซะแล้วสิ แถมไม่รู้ด้วยว่ากลับไปจะโดนเยว่ซือทำอะไรบ้าง เพราะวีรกรรมเขาที่ทำกับเจ้าตัวนี่ไม่ใช่เล่นๆ เลย

เยว่ซือกำลังหงุดหงิด เขาหงุดหงิดมากใช้ให้เป่ยเปียนไปทำงานแต่นี่เข้าวันที่สี่แล้วเจ้าตัวก็ยังไม่โผล่มาสักที เขาอยากคิดบัญชีกับไอ้คนนิสัยไม่ดีที่กล้ามาท้าทายคนอย่างเขา คอยดูเถอะถ้าเจอหน้าจะอัดให้น่วมเลยข้อหาบังอาจมาแย่งชิงเอกราชเขาไป ยิ่งคิดยิ่งโมโหปาเอกสารทิ้งลงพื้นอย่างไม่ไยดี มองอะไรก็ขัดหูขัดตาไปหมด เบลโล่ได้แต่ยิ้มแห้งๆ ให้เจ้านาย เขารับอารมณ์เจ้านายมาสี่วันแล้ว ไม่รู้ว่าเจ้านายเขาไปกินรังแตนที่ไหนมาเหมือนกัน ถึงได้ดูเหมือนโกรธใครมาไม่รู้หลายสิบชาติ

“เอ่อ นายท่านครับ”

“อะไร” ตอบเสียงห้วนจนเบลโล่สะดุ้ง นานๆ ทีเขาจะเห็นเจ้านายบันดาลโทสะขนาดนี้ ปกติเจ้านายเขามักจะทำหน้านิ่งไม่แสดงอารมณ์ใดๆ ออกมา

“คือวันนี้ไปดูบ่อนหน่อยมั้ยครับ”

“เออ” เบลโล่โค้งหัวก่อนจะรีบออกจากห้อง ถ้าอยู่กับเจ้านายตอนท่านอารมณ์เป็นอย่างนี้มีหวังเขาหัวได้หลุดออกจากบ่าแน่นอน

เยว่ซือหยิบบุหรี่ขึ้นจุดสูบหวังจะคลายความขุ่นมัวที่เกิดขึ้นในอกที่กัดกินมาเป็นเวลาหลายวัน พ่นควันสีเทาให้ฟุ้งไปรอบบริเวณ บุหรี่กลิ่นมินต์ช่วยให้เขาผ่อนคลายมากขึ้น มองเอกสารที่นอนแอ้งแม้งอยู่บนพื้นหยิบมันขึ้นมากลับมาวางบนโต๊ะ เขาต้องใจเย็นให้ได้มากกว่านี้ การที่คนเราโมโหจะทำให้ขาดสติ เขาจะต้องมีสติให้ได้มากที่สุด คิดได้ดังนั้นจึงออกจากห้องทำงานไปที่ห้องนอน หยิบเสื้อผ้าสำหรับไปคาสิโนวันนี้ แล้วเดินเข้าไปอาบน้ำให้รู้สึกดีขึ้น

“นายท่านครับข้างล่างมีคนทะเลาะกัน”

“พวกนายควบคุมกันเองไม่ได้รึไง”

“ขอโทษครับ”

“เดี๋ยวลงไป” เยว่ซือมาถึงคาสิโนแล้วเขาก็อยู่ในห้องทำงาน ไม่ค่อยมีคนมาทะเลาะในคาสิโนของเขานักเพราะรู้กิตติมศักดิ์ดีว่าถ้ามาทะเลาะกันในที่ของเขาจะเจอกับอะไร แต่นี่มีคนกล้ามาตีกันในคาสิโนของเขาคงเพราะเป็นลูกค้าใหม่ เขาลงไปข้างล่างเห็นคนกำลังต่อยตีกัน

“มึงโกงกูใช่มั้ยไอเหี้ย”

“มึงกากเองก็อย่ามาโทษกูสิวะ”

“หยุดเดี๋ยวนี้” เขาประกาศกร้าวเสียงดังทั้งคู่ชะงักแล้วหันมามองเขา คนนึงที่ถูกกระชากเสื้อหลบตาเขาส่วนคนที่กระชากเสื้ออีกฝ่ายหันมามองเขาอย่างท้าทายไม่เกรงกลัวเลยสักนิด

“มึงเป็นใครวะมาสั่ง”

“ฉันบอกให้หยุดไม่ใช่มายอกย้อน”

“คิดว่ามึงกลัวมึงเหรอ” เขาไม่พูดพร่ำทำเพลงอะไรหยิบปืนที่เหน็บจากข้างเอวขึ้นมายิงที่ขาของชายคนนั้นทันที

“โอ้ย ไอเหี้ยมึงเอาปืนเข้ามาได้ไงวะ เจ้าของบ่อนแม่งอยู่ไหนวะสัส”

“ปากดีนัก” เขามองด้วยสายตาเย็นยะเยือก ก่อนจะหันไปสั่งลูกน้องให้ลากไอ้คนเหิมเกริมออกไปนอกพื้นที่ของเขา แต่ไม่ทันจะได้ทำอะไรคนที่ถูกยิงก็ใช้แรงเฮือกสุดท้ายยกเก้าอี้ฟาดลงมาที่หัวเขาขณะเขากำลังหันหลังให้

“นายท่าน!” เบลโล่ตะโกนเสียงดังอย่างตกใจ ตายแน่ๆ เขาตายแน่ๆ เจ้านายเขาเจ็บตัว เขาคุ้มกันไม่ทัน

ปัง ปัง ปัง

สิ้นเสียงกระสุนปืน เลือดแดงฉานไหลนองเต็มพื้นที่ร่างไร้วิญญาณนอนแน่นิ่ง เขากุมหัวตัวเองปาดเลือดที่หัวออก ทันใดนั้นก็มีมือปริศนาคว้าเข้าที่มือเขา

“คุณเยว่!” หันไปตามเสียงเรียก พบคนที่ไม่ได้เจอเขาเป็นเวลาสี่วัน สีหน้าดูตกใจที่เห็นเขาเลือดอาบหัว ดึงเขามาสำรวจร่างกายว่าแผลตรงไหนอีกมั้ยก่อนจะลากเขาขึ้นไปห้องทำงาน

“นายจะลากฉันไปไหน”

“เงียบ” ยังบังอาจมาสั่งเขาอีก แต่อีกฝ่ายดูเหมือนจะโมโหอะไรมา นี่เขายังโกรธเป่ยเปียนอยู่นะ แล้วนี่อะไรอยู่ดีๆ มาลากเขา ดึงเขาไปนั่งที่โซฟาก่อนจะหยิบกล่องปฐมพยาบาลติดมือมาด้วย

“ฉันทำเองได้”

“อย่าดื้อได้มั้ยคุณเยว่”

“นายยังมีคดีติดตัวนะเป่ยเปียน”

“ให้ผมทำแผลให้คุณเสร็จก่อน คุณจะต่อยจะตีผมยังไงก็ได้”

“ไม่ต้องฉันทำเอง” คิดจะแย่งกล่องพยาบาลมาจัดการตัวเอง แต่อีกฝ่ายยื้อเอาไว้ทำสีหน้าดุๆ ใส่เขา เขาเบ้ปากมองบนใส่คนตัวสูงกว่า เป่ยเปียนใช้มือบีบปากเขา

“นิ่งๆ บอกว่าอย่าดื้อ” เขาใช้มือตีข้างที่บีบปากเขาอย่างแรง นี่เขาเป็นเจ้านายมันนะทำไมถึงทำตัวเป็นใหญ่กว่าเขาได้กัน

“ฉันไม่ได้ดื้อนะเป่ย!”

“ที่คุณทำอยู่เขาเรียกว่าดื้อ” เป่ยเปียนใช้มือข้างหนึ่งจับมือเขาไม่ให้ผลักเป่ยเปียนออก ใช้มืออีกข้างนำผ้ามากดแผลเพื่อหยุดเลือดเขาไว้

“เชี่ย เบาๆ ดิวะ” เขาสบถออกมา ทำไมมือมันหนักอย่างนี้วะ เขาฮึดฮัดแต่ก็ยอมอยู่เฉยๆ ให้อีกฝ่ายทำเพราะไม่งั้นเป่ยเปียนก็คงจะดึงดันทำอยู่ดี

“ขอโทษครับ”

“รีบๆ ทำดิ”

“ผมเคยบอกไปแล้วใช่มั้ยว่าถ้าไม่มีผมอยู่ผมขอให้คุณดูแลตัวเองดีๆ”

“ฉันดูแลตัวเองไม่ดีตรงไหน”

“ก็ตรงที่คุณทำให้ตัวเองเจ็บตัวอยู่แบบนี้ไงคุณเยว่”

“ฉันเคยพูดไปแล้วเหมือนกันว่าชีวิตฉันมันอันตรายมาทั้งชีวิต เจ็บตัวแค่นี้มันเป็นเรื่องปกติปะวะ”

“คุณควรจะไปหาหมอ” เมื่อสำรวจแผลเขา เช็ดทำความสะอาดแผลเรียบร้อยแล้ว ก็ฉุดรั้งให้เขายืนขึ้นเดินไปที่ประตู เขายื้อแขนไว้

“ไม่ไป”

“คุณเยว่ คุณก็โตแล้วนะทำไมดื้อเหมือนเด็กแบบนี้”

“ฉันไม่ได้เหมือนเด็ก!!”

“ผมบอกว่าให้ไปหาหมอ”

“ไม่ไง นายพูดไม่รู้เรื่องเหรอวะ”

“ผมเป็นห่วง” เป่ยเปียนพูดด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวล ถ้าเจ้านายเขาเป็นไฟเขาต้องเป็นน้ำให้อีกฝ่าย ถ้าไฟกับไฟมาเจอกันมันยิ่งทวีคูณความรุนแรงขึ้นไป

“ไม่ต้องมาเป็นห่วงฉัน หายหน้าหายตาไปหลายวัน หึ” ทำเสียงหึขึ้นจมูกบ่งบอกถึงความไม่พอใจ เป่ยเปียนส่ายหน้าน้อยๆ ด้วยความเหนื่อยใจ ทำไมเจ้านายของเขาพูดไม่รู้เรื่องแบบนี้นะ

“ผมไปทำงานคุณก็รู้”

“เออเรื่องของนาย”

“ทีนี้ไปหาหมอได้แล้วคุณเยว่ แผลคุณลึก”

“ไม่ไปไงวะ” เป่ยเปียนถอนหายใจ เขาชักหมดความอดทนกับเยว่ซือแล้วเขาจึงอุ้มเจ้านายพาดบ่า เดินลงไปด้านล่างสั่งให้เบลโล่เปิดประตูรถโดยบอกว่าจะพาเจ้านายไปโรงพยาบาล เบลโล่เห็นดังนั้นจึงทำตามเป่ยเปียนทันที เพราะเป็นห่วงเยว่ซือเหมือนกัน

ออกมาจากโรงพยาบาลหลังจากทำแผลเสร็จเรียบร้อยแล้ว เขายังฉุนคนที่นั่งอยู่ข้างๆ อยู่ คิดว่าตัวเองเป็นใครกันตัดสินใจเองเสร็จสับแถมยัดเขาขึ้นมาบนรถโดยที่เขาไม่ได้ยินยอมสักนิด รถจอดหน้าคฤหาสน์เขาเดินลงมาจากรถ ชะงักไปนิดก่อนจะหันไปสั่งเป่ยเปียน

“ไปรอฉันที่ห้องทำงาน”

“ครับ”

ผลัวะ

หมัดหนึ่งหมัดถูกเข้าที่หน้าของเป่ยเปียน เขาหันไปตามแรงกระแทกและมีหมัดอีกหลายหมัดตามมากระทบที่ใบหน้าเขา เลือดไหลจากมุมปาก เขาไม่สวนหมัดกลับไปปล่อยให้เยว่ซือระบายความโกรธลงที่ร่างกายของเขา

“นายรู้ใช่มั้ยว่าฉันต่อยนายเพราะอะไร”

“ครับ”

“รู้แล้วก็จำใส่หัวเอาไว้ว่าอย่าทำอีก”

“ห้ามล่วงเกินคุณนั่นเป็นสิ่งที่ยากอยู่นะคุณเยว่”

“นาย!”

“ครับ”

“นายลืมเรื่องนั้นไปเลยนะไอ้ทุเรศ” เขาหายใจแรงๆ ระงับโทสะที่กำลังประทุ นึกแล้วอยากจะต่อยหน้าอีกฝ่ายอีกสักหลายๆ หมัด ไอ้หน้านิ่งๆ นั่นมันทำให้เขาหงุดหงิด เขาเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าเป่ยเปียนบีบปลายคางให้หันมาสบตาเขา แต่เป่ยเปียนกลับไม่แสดงสีหน้าใดๆ ออกมา

“ฉันไม่ยอมให้นายทำแบบนั้นเป็นครั้งที่สองแน่ไอ้เวร”

“ครับ”

“เหอะ เออจะไปไหนก็ไป” เอ่ยปากไล่อีกฝ่าย เป่ยเปียนโค้งหัวให้ก่อนจะเดินออกไปจากห้อง เขาหยิบบุหรี่ขึ้นจุดสูบ เขาสังเกตตัวเองว่าช่วงนี้เขาสูบบุหรี่จัดมากกว่าเดิม คิดได้ดังนั้นก็รีบดับบุหรี่ก่อนที่ปอดตัวเองจะพังไปมากกว่านี้ คว้าลูกอมรสหวานเข้าปากแล้วอ่านเอกสารที่ค้างไว้ต่อ

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • นักฆ่าของมาเฟีย   หวง

    หลังจากที่นอนโรงพยาบาลมาเป็นอาทิตย์ ก็ถึงเวลาที่คุณหมออนุญาตให้เยว่ซือกลับบ้านได้ เบลโล่ถือเสื้อผ้ายื่นให้เจ้านายเขาไปเปลี่ยนในห้องน้ำ เยว่ซือเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จก็ออกมา เดินออกจากห้องพักผู้ป่วยตรงไปที่รถโดยมีเบลโล่เปิดประตูให้เข้าไปนั่งก่อนที่ตัวเองจะอ้อมเข้าไปนั่งประจำที่คนขับ BMWคันสีดำแล่นไปตามถนน เยว่ซือมองออกไปนอกหน้าต่าง วิวในเมืองหลวงแสดงถึงความรุ่งเรืองของระบบเศรษฐกิจในประเทศ เบลโล่มองเจ้านายผ่านกระจกรถ ก่อนจะเอ่ยถามเจ้านาย“อยากกินอะไรก่อนกลับมั้ยครับ”“ไม่”“งั้นกลับเข้าคฤหาสน์เลยนะครับ”“วันนี้จะเข้าเพนท์เฮาส์”“เอ้ะ เอ่อครับๆ” เบลโล่แปลกใจนิดหน่อยที่เจ้านายเขาไม่กลับคฤหาสน์แต่จะไปเพนท์เฮาส์แทน เพนท์เฮาส์เป็นที่พักของพวกลูกน้องซีห่าว ทุกคนที่ทำงานให้ซีห่าวจะได้เข้าพักที่นี่ และชั้นบนสุดของเพนท์เฮาส์คือที่พักของเยว่ซือ เมื่อถึงเพนท์เฮาส์แล้วเยว่ซือก็ลงจากรถ เดินเข้าไปข้างใน ตรงดิ่งไปยังชั้นบนสุด ห้องของเขาถูกตกแต่งด้วยโทนสีดำ ห้องนอนมีกระจกใหญ่ที่มองให้เห็นวิวของกรุงปักกิ่ง ภายในห้องสะอาดไม่มีแม้แต่ฝุ่นสักนิดเพราะถึงเขาไม่ได้เข้ามาที่เพนท์เฮาส์เลยแต่ก็ให้แม่บ้านเข้ามาท

  • นักฆ่าของมาเฟีย   กวาดล้าง

    วันนี้แล้วสินะที่แก๊งฟางหรงจะต้องหายไป เขาสืบมาเรียบร้อยแล้วว่าวันนี้หัวหน้าแก๊งฟางหรงอยู่คฤหาสน์แน่นอน และต่อให้ใครหลุดรอดไปเขาก็จะไปตามเก็บมันทีหลังอยู่ดี เยว่ซือกำชับเสื้อสูทให้แน่นขึ้น เขาเตรียมลูกน้องพร้อมที่จะไปบุกแก๊งฟางหรง จริงๆ แล้วเขาไม่ได้มีความบาดหมางกับแก๊งนี้ แต่เพียงเพราะผู้จ้างวานนั้นสั่ง ถ้าไม่มีคำสั่งนั้นแก๊งฟางหรงคงไม่มีจุดจบวันนี้ เสียงเคาะประตูดังขึ้นเขาหันไปที่ประตู พบเบลโล่กำลังยืนรอเขาอยู่“พร้อมกันแล้วครับนายท่าน”“อืม”ก้าวขาขึ้นรถ Audi A7 คันสีดำ รถแล่นไปตามถนนจนถึงหน้าคฤหาสน์ของแก๊งฟางหรง จอดหน้าคฤหาสน์เคียงข้างรถNissan GTR R35 ที่มีเป่ยเปียนเปิดประตูรถลงมาพอดี รถคันอื่นๆ ของลูกน้องเขาขับตามมาล้อมรอบคฤหาสน์ของแก๊งฟางหรง ไม่ทันที่จะได้ก้าวเท้าลงจากรถ ลูกน้องจากแก๊งฟางหรงคงผิดสังเกตได้ สาดกระสุนยิงเปิดฉากทันที“แก๊งนี้เขาต้อนรับกันด้วยกระสุนปืนรึยังไงกัน” สบถอย่างหัวเสีย หยิบปืนยิงสวนไป ลูกน้องของเขาวิ่งมาคุ้มกัน“นายท่านเป็นอะไรมั้ยครับ” เบลโล่ถามด้วยความเป็นห่วง เขาส่ายหน้าตอบกลับลงมาจากรถลูกน้องเขาจัดการบอดี้การ์ดที่คุ้มกันหน้าคฤหาสน์จนหมด เขาเดินไป

  • นักฆ่าของมาเฟีย   ไฮเดรนเยีย

    ก๊อก ก๊อก ก๊อก “เข้ามา” สิ้นเสียงเคาะประตูก็ถูกเปิดออก เบลโล่เดินเข้ามาหาเขาอ่านรายงานสถานการณ์คลังอาวุธที่อิตาลี รายงานเสร็จเบลโล่ทำท่าจะเดินออกไปแต่เขาเรียกไว้ก่อน เดินไปหน้าลูกน้องคนสนิทใช้ฝ่ามือตบลงไปที่ใบหน้าอีกฝ่าย เบลโล่นิ่งงันแต่ไม่ได้ขยับตัวหรือพูดอะไร “ทำไมถึงยอมให้ไอ้เป่ยมันอุ้มฉันห้ะ” “ก็ตอนนั้นนายท่านเจ็บตัวอยู่” “ถึงยังไงนายก็ไม่ควรยอมให้มันอุ้มฉันแบบนั้น” “ขอโทษครับ” “ไปได้แล้ว” เบลโล่โค้งก่อนที่จะรีบออกไปจากห้อง เขาเดินไปนั่งที่โต๊ะทำงาน หยิบหนังสือบนโต๊ะขึ้นมาอ่าน “ทำอะไรอะเป่ย” เฟยหมิงชะโงกหน้าเข้ามาหาเป่ยเปียนที่กำลังก้มกดโทรศัพท์อยู่ เป่ยเปียนเอียงตัวหลบ แต่เฟยหมิงก็พยายามจะดูให้ได้ว่าในโทรศัพท์ของเป่ยเปียนนั้นมีอะไรอยู่ “ที่บ้านไม่สอนมารยาทนายรึไงเฟย” “ปากร้ายนะเราอ่ะขอดูนิดเดียวเอง” เฟยหมิงไม่ลดละความพยายาม อ้อมไปอีกฝั่งเพื่อแย่งโทรศัพท์ของเป่ยเปียน ทั้งคู่ยื้อแย่งโทรศัพท์กัน ซึ่งไม่รู้ว่ามีคนกำลังเดินตรงมาทางนี้ “ไม่มีงานมีการทำกันรึไง” เยว่ซือพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ เฟยหมิงหยุดมือที่คว้าโทรศัพท์ของเป่ยเปียน ส่วนเป่ยเปียนรีบเก็บโทรศั

  • นักฆ่าของมาเฟีย   อย่าดื้อ

    ลู่เป่ยเปียนหยิบซองเอกสารขึ้นมาเปิด ภายในซองเอกสารมีรูปคนชายวัยกลางคนหนึ่ง นั่นก็คือหัวหน้าตระกูลไป่ที่เขาต้องไปสังหาร หลังจากคืนนั้นนี่ก็ผ่านมาสามวัน เขาสืบข้อมูลของหัวหน้าตระกูลไป่ว่าไปที่ไหนมาบ้าง เกี่ยวข้องกับใคร มีบอดี้การ์ดเท่าไร ซึ่งได้ข้อมูลมาว่าวันนี้หัวหน้าตระกูลไป่มีดินเนอร์บนเรือหรูกลางแม่น้ำเซี่ยงไฮ้ พร้อมกับบอดี้การ์ดยี่สิบคน ซึ่งเขาต้องจัดการสังหารทั้งหมดเขาจัดการจองตั๋วเพื่อขึ้นไปบนเรือเรียบร้อยแล้ว ปกติเรือลำนี้ต้องจองก่อนล่วงหน้าเป็นเดือนแต่เขาใช้อำนาจเส้นสายของซีห่าวเพื่อให้การทำงานนั้นง่ายมากขึ้น เขามองเฟยหมิงนักฆ่าของซีห่าวอีกคนพวกเขาต้องทำงานร่วมกันในวันนี้ เขารอให้ถึงเวลาขึ้นไปบนเรือ นั่งรออยู่ร้านกาแฟใกล้ท่าเรือ เฟยหมิงเอาแต่เล่นโทรศัพท์จนอดไม่ได้ที่จะสงสัยว่าทำอะไรอยู่ แต่เขาไม่ได้ถามทำเพียงแต่จ้องมองเฟยหมิงจนเจ้าตัวรู้สึกตัว“อะไรกันเป่ย นายคิดอะไรกับฉันปะเนี่ยมองกันขนาดนี้”“...”“โอเค มองฉันทำไม” เฟยหมิงละสายตาจากมือถือวางมันลงบนโต๊ะแล้วยกมือขึ้นมากอดอก“นายไม่ควรเล่นโทรศัพท์เวลางาน”“ฉันแค่เล่นไอจี”“...”“โอเคๆ ฉันไม่เล่นแล้วพ่อคนเย็นชา เลิกจ้อ

  • นักฆ่าของมาเฟีย   ครอบครอง NC

    “ฮึ่มมมม” เสียงครางแผ่วบ่งบอกถึงความพอใจของเจ้านาย เป่ยเปียนขยับริมฝีปากให้เร็วขึ้นเพื่อเร่งอารมณ์เยว่ซือให้ได้ถึงฝั่งฝัน เร่งจังหวะสักพักน้ำรักสีขาวขุ่นก็ถูกปลดปล่อยออกมา เป่ยเปียนกลืนกินเข้าไปทั้งหมดลิ้นอุ่นตวัดเลียคราบน้ำที่เกาะไปทั่วแก่นกลางกาย จูบซับไปทั่วลำท่อน เขาข่มอารมณ์ที่เกิดขึ้นแต่ไม่นานนักสติก็ขาดผึ่งเพราะเสียงครางหวานหูที่น่าฟัง เขากระชากกางเกงเจ้านายออกจับถอดทิ้งอย่างไม่ไยดี ด้วยความที่สูงกว่าและร่างกายใหญ่กว่ายกตัวเยว่ซือลอยหวือขึ้นบนบ่าเดินไปยังเตียงแล้วโยนเจ้านายที่รักลงบนที่นอนแสนนุ่มนิ่ม “อ้ะ..ไอ้เหี้ยจะทำอะไร” “ผมทนต่อไปไม่ไหวแล้ว” ก้าวขาขึ้นไปบนเตียงคล่อมทับร่างคนที่ตัวเล็กกว่า กระซิบเสียงแหบพร่าที่เต็มไปด้วยแรงอารมณ์ทำให้อีกฝ่ายรู้สึกซาบซ่านไปทั่วร่างกาย แต่มีเหรอที่คนอย่างสวี เยว่ซือจะยอมให้อีกฝ่ายอยู่ข้างบน เขาใช้เรี่ยวแรงที่มีผลักคนร่างหนากว่าออก เป่ยเปียนรำคาญมือที่พยายามดันเขา ใช้ร่างกายที่ได้เปรียบกว่ากดทับขาของเยว่ซือเพื่อไม่ให้ใช้ขาถีบเขาออกได้ มือข้างหนึ่งรวบมือทั้งสองข้างของเยว่ซือชูขึ้นเหนือหัวกดข้อมืออีกฝ่ายไว้ไม่ให้ทำร้ายร่างกายเขา มืออีกข้างที่

  • นักฆ่าของมาเฟีย   ซื่อสัตย์

    ผ่านมาสองเดือนเยว่ซือได้เจรจากับฝ่ายรัฐบาลเรียบร้อย เขาจ่ายค่าเสียหายห้าร้อยล้านให้ทางรัฐบาลจากการเอาตัวนักฆ่ามือฉมังอย่างลู่ เป่ยเปียนมา อาการของเป่ยเปียนดีขึ้นทุกวันแขนที่หักก็รักษาจนหายซึ่งไม่แปลกสำหรับร่างกายที่แข็งแรง หลังจากวันนั้นเยว่ซือก็ไม่ได้พูดคุยอะไรกับเป่ยเปียนอีก เยว่ซือให้คนรับใช้และพยาบาลดูแลเป่ยเปียนอย่างดี เขารอเวลาที่ลู่ เป่ยเปียนจะหายดีเป็นปกติ ถึงตอนนั้นเขาคงจะใช้งานเป่ยเปียนอย่างหนักให้สมกับห้าร้อยล้านที่เสียไป“นายท่านวันนี้อาวุธจากคลังเขตเหนือมาส่งที่คลังอาวุธหลักของเรา นายท่านจะไปดูด้วยตัวเองไหมครับ”“อืม”“กี่โมงดีครับ”“บ่ายโมง” ละสายตาจากเอกสารตรงหน้า เยว่ซือขยับแว่นเล็กน้อยเอนหลังพิงเก้าอี้ทำงาน เขาอ่านเอกสารเกี่ยวกับอาวุธที่ส่งออกไปอิตาลีตั้งแต่เช้า ตรวจสอบให้แน่ใจว่าไม่มีตรงไหนที่ผิดพลาดหรือแปลกไป หยิบกาแฟขึ้นมาจิบสักหน่อยร่างกายเขาคงต้องการคาเฟอีนมาช่วยให้ร่างกายปราศจากความง่วงหลังจากที่พักผ่อนไม่เพียงพอมาเป็นเวลาหลายวัน เขาไปดูบ่อนคาสิโนเมื่อหลายวันก่อนทำให้เวลาพักผ่อนของเขาลดลง ยิ่งไปกว่านั้นเขาต้องติดตามว่าใครคือผู้ที่อยู่เบื้องหลังที่ส่งคนมาเป็น

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status