Share

กวาดล้าง

last update Last Updated: 2025-10-04 20:32:04

วันนี้แล้วสินะที่แก๊งฟางหรงจะต้องหายไป เขาสืบมาเรียบร้อยแล้วว่าวันนี้หัวหน้าแก๊งฟางหรงอยู่คฤหาสน์แน่นอน และต่อให้ใครหลุดรอดไปเขาก็จะไปตามเก็บมันทีหลังอยู่ดี เยว่ซือกำชับเสื้อสูทให้แน่นขึ้น เขาเตรียมลูกน้องพร้อมที่จะไปบุกแก๊งฟางหรง จริงๆ แล้วเขาไม่ได้มีความบาดหมางกับแก๊งนี้ แต่เพียงเพราะผู้จ้างวานนั้นสั่ง ถ้าไม่มีคำสั่งนั้นแก๊งฟางหรงคงไม่มีจุดจบวันนี้ เสียงเคาะประตูดังขึ้นเขาหันไปที่ประตู พบเบลโล่กำลังยืนรอเขาอยู่

“พร้อมกันแล้วครับนายท่าน”

“อืม”

ก้าวขาขึ้นรถ Audi A7 คันสีดำ รถแล่นไปตามถนนจนถึงหน้าคฤหาสน์ของแก๊งฟางหรง จอดหน้าคฤหาสน์เคียงข้างรถNissan GTR R35 ที่มีเป่ยเปียนเปิดประตูรถลงมาพอดี รถคันอื่นๆ ของลูกน้องเขาขับตามมาล้อมรอบคฤหาสน์ของแก๊งฟางหรง ไม่ทันที่จะได้ก้าวเท้าลงจากรถ ลูกน้องจากแก๊งฟางหรงคงผิดสังเกตได้ สาดกระสุนยิงเปิดฉากทันที

“แก๊งนี้เขาต้อนรับกันด้วยกระสุนปืนรึยังไงกัน” สบถอย่างหัวเสีย หยิบปืนยิงสวนไป ลูกน้องของเขาวิ่งมาคุ้มกัน

“นายท่านเป็นอะไรมั้ยครับ” เบลโล่ถามด้วยความเป็นห่วง เขาส่ายหน้าตอบกลับ

ลงมาจากรถลูกน้องเขาจัดการบอดี้การ์ดที่คุ้มกันหน้าคฤหาสน์จนหมด เขาเดินไปที่ประตูก่อนจะถีบมันให้พัง ทันทีที่ประตูเปิดออกกระสุนนัดหนึ่งก็ได้ยิงมา โชคดีที่เขาเอียงหลบทันกระสุนจึงเพียงเฉียดแก้มเขาไป เบลโล่ที่ตามมารีบมาขวางหน้าเขาแล้วยิงคนที่ยิงปืนใส่เขาทันที ลูกน้องจากแก๊งฟางหรงวิ่งกรูกันมาอย่ารวดเร็วจากชั้นบน เขายิงพวกที่วิ่งลงมาทางบันได ลูกน้องเขาที่วิ่งมาสมทบก็ช่วยกันยิงจนคนพวกนั้นร่วงตกลงมาจากบันได พวกที่วิ่งลงมาได้ก็ยิงสู้กับลูกน้องเขา เยว่ซือจึงยิงไปที่โคมไฟแชนเดอเรียอันใหญ่ตกใส่หัวของลูกน้องแก๊งฟางหรง...ห้องโถงเคลียร์

ควันเขม่าปืนผสมไปกับฝุ่นของกำแพงที่เสียหายจากการโดนกระสุนปืนลอยฟุ้งกระจายไปทั่ว ลูกน้องแก๊งฟางหรงวิ่งมาจากห้องทางขวาสาดกระสุนมาทางเขา ลูกน้องเขาวิ่งมารับกระสุนแทนโดนแขนถากๆ เขาหยิบผ้าปูโต๊ะข้างๆ ปาไปคลุมหัวลูกน้องแก๊งฟางหรง แล้วยิงปืนไปที่หัวของพวกฝั่งตรงข้าม เอ่ยขอบคุณลูกน้องตนเองแล้วเดินขึ้นบันไดไปทางห้องสมุด พร้อมกับลูกน้องจำนวนหนึ่ง ปล่อยให้พวกลูกน้องที่เหลือจัดการข้างล่างต่อ

เปิดประตูห้องสมุดปืนหลายสิบกระบอกจ่อมาทางเขา เขาก้มตัวลงต่ำปาระเบิดควันไปตรงกลางของลูกน้องแก๊งฟางหรง ควันสีเทาทึบปกคลุมไปทั่วบริเวณ เบลโล่เดินนำสาดกระสุนไปทั่ว ควันเริ่มจางหาย หนังสือกระจัดกระจาย ยังเหลือลูกน้องแก๊งฟางหรงบางคนที่ยังไม่ถูกกระสุนของเบลโล่ เขาควักมีดปาเข้ากลางหน้าผากอีกฝ่าย ร่างนั้นเสียหลักชนเข้ากับตู้หนังสือจนตู้หนังสือนั้นหล่นมาทับร่าง เขาเดินไปที่กล่องเล่นเพลงหยิบแผ่นเพลงแจ๊สข้างๆ วางลงบนเครื่องเล่น บทเพลงแห่งวันโชกเลือด...เริ่มได้

ทางด้านเป่ยเปียนที่ยังต่อสู้อยู่ข้างล่างนั้น ยิงสู้กับลูกน้องแก๊งฟางหรง เขากับเฟยหมิงต้องคอยเคลียร์พื้นที่ข้างล่างเพื่อไม่ให้ลูกน้องแก๊งฟางหรงตามเจ้านายเขาขึ้นไปข้างบน เขายิงลูกน้องแก๊งฟางหรงพลางหลบกระสุนไปด้วยอยู่ตรงโซฟา เสียงเพลงแจ๊สดังขึ้นคงเป็นฝีมือของเยว่ซือ รายนั้นชอบทำอะไรแปลกๆ แม้สถานการณ์คับขัน แต่เขาไม่มีเวลาสนใจหรือนั่งฟังเพลงในเวลานี้

แกร๊ก แกร๊ก

เสียงกระสุนปืนหมด ลูกน้องของแก๊งฟางหรงกำลังเดินมาทางนี้ เขาตัดสินใจลุกขึ้นวิ่งเข้าระยะประชิดตัว ใช้เท้าที่สวมรองเท้าสีดำเงาวาวเสยคางจนอีกฝ่ายเสียหลัก แย่งปืนมาจากมือแล้วยิงเข้าที่หัว หันไปมองเฟยหมิงเจ้าตัวถือปืนคู่กวาดยิงเป็นวงกลมรอบตัว เขาก้มลงต่ำเพื่อหลบกระสุนของเฟยหมิงแล้วส่งสายตาดุๆ ไปให้ นี่กะจะยิงเขาไปด้วยรึยังไงกัน

“โทษทีแต่ฉันเชื่อว่านายต้องหลบได้” เฟยหมิงหัวเราะแห้งๆ ใส่เขา หลังจากที่จัดการลูกน้องแก๊งฟางหรงหมดในชั้นนี้

พวกเขารีบวิ่งตามขึ้นไปชั้นบนเปิดประตูห้องที่มีรอยกระสุน หนังสือกระจัดกระจาย ตู้หนังสือหล่นมาทับบางร่างที่คาดว่าน่าจะเป็นลูกน้องแก๊งฟางหรง มีศพของลูกน้องแก๊งฟางหรงเกลื่อน หันไปทางเครื่องเล่นเพลงที่กำลังบรรเลงเพลงแจ๊ส ห้องนี้เยว่ซือคงมาจัดการเรียบร้อยแล้ว ได้ยินเสียงกระสุนปืนมาจากอีกห้อง เขาและเฟยหมิงวิ่งตามเสียงปืนไป เยว่ซือและลูกน้องอีกจำนวนหนึ่งกำลังปะทะกันอยู่ เขารีบสมทบทันที

“คุณเยว่ระวัง!” เป่ยเปียนเห็นลูกน้องฟางหรงจะยิงเจ้านายเขา วิ่งไปคว้าเยว่ซือเข้ามาในอ้อมอกแกร่งให้อีกฝ่ายก้มซุกลงกับอกเขา กลิ่นชื้นเหงื่อของเป่ยเปียนแตะจมูกเยว่ซือเจ้าตัวจะผลักออกแต่ไม่เป็นผล เป่ยเปียนกอดเขาแน่นมาก เป่ยเปียนยิงลูกน้องแก๊งฟางหรงที่จะยิงเจ้านายเขาตะกี้จนล้มลงแล้วถึงปล่อยเยว่ซือให้เป็นอิสระ

“สนามรบก็ไม่เว้นนะนาย”

“ผมแค่ช่วยคุณ”

“ฉันช่วยตัวเองได้!” เยว่ซือที่พึ่งรู้ตัวว่าตัวเองเผลอพูดอะไรออกไป รีบหุบปากแล้วกระแอมหนึ่งที

“เป่ย!”

เยว่ซือสังเกตเห็นมีคนเล็งปืนมาที่เป่ยเปียนจึงผลักอีกฝ่ายให้ออกห่างแล้วชิงยิงคนนั้นก่อน เป่ยเปียนโค้งหัวขอบคุณเจ้านายแล้วรีบจัดการยิงลูกน้องฟางหลงที่เหลือให้หมด เบลโล่ติดต่อสื่อสารผ่านทางหูฟังว่าห้องข้างๆ เคลียร์แล้ว เขากำลังจะเดินออกจากห้องไปเพื่อไปชั้นบนสุด แต่แขนถูกเป่ยเปียนรั้งไว้

“ตะกี้ขอบคุณนะครับ” เป่ยเปียนโน้มมากระซิบข้างหู เขาผลักคนตัวสูงออกอย่างแรง

“ใช่เวลาเล่นมั้ย” เสียงวิ่งตึกตักลงมาจากชั้นสาม เขาและเป่ยรีบใส่กระสุนปืนเพิ่ม เขาชะโงกหน้าไปยิงลูกน้องแก๊งฟางหรงที่วิ่งลงมาจากบันได พลางหลบกระสุนที่ถูกยิงสวนเข้ามาด้วย เป่ยเปียนคว้าระเบิดควันปาไปกลางวงของลูกน้องฟางหรง วิ่งไประยะประชิดผ่านกลุ่มหมอกควัน ก่อนจะยิงลูกน้องแก๊งฟางหรงทีละคนท่ามกลางควันสีเทา

ปัง ปัง ปัง

สิ้นเสียงปืนสามนัดสุดท้าย หมอกควันหายไปลูกน้องแก๊งฟางหรงนอนเกลื่อนอยู่เต็มพื้น เขาก้าวข้ามศพพวกนั้นเป่ยเปียนและเยว่ซือเดินขึ้นไปยังชั้นสาม เปิดห้องทำงานของหัวหน้าแก๊งฟางหรงไม่มีใครอยู่ สำรวจรอบห้องก่อนว่ามีอะไรผิดปกติมั้ยก่อนจะออกจากห้อง ไปที่ห้องห้องหนึ่งที่คาดว่าจะเป็นห้องนอน เขาแปลกใจทำไมถึงไม่มีลูกน้องของฟางหรงอีก เปิดประตูห้องนอนพบกระดาษโน๊ตสีขาว

‘แน่จริงก็ตามมาให้ถูกสิ’

ไอ้เวรหัวหน้าแก๊งฟางหรงมันหยามซีห่าว เยว่ซือรีบติดต่อเบลโล่ให้ตรวจสอบเส้นทางการหลบหนี เป่ยเปียนเดินไปรอบคฤหาสน์ก่อนจะค้นพบเส้นทางลับที่คาดว่าน่าจะเป็นทางที่หัวหน้าแก๊งฟางหรงและลูกน้องใช้เป็นช่องทางการหลบหนี เยว่ซือสั่งให้ลูกน้องไปตามหาให้ทั่วเพราะหัวหน้าแก๊งฟางหรงน่าจะยังไปไหนได้ไม่ไกล เบลโล่ส่งเส้นทางที่คิดว่าเป็นเส้นทางการหลบหนีออกนอกเขต เพราะเส้นทางนั้นไม่มีแม้แต่กล้องวงจรปิด เขาให้ลูกน้องจำนวนหนึ่งตามเส้นทางนั้นไปส่วนอีกจำนวนหนึ่งอยู่รอดักไว้ในคฤหาสน์

“ผมเจอร่องรอยแล้วครับ” เบลโล่ส่งข้อมูลมาให้ หัวหน้าแก๊งฟางหรงหลบหนีไปทางใต้ของประเทศ ซึ่งมีแหล่งกบดานของแก๊งฟางหรงอยู่

“ไปกันเลย ส่วนนายมากับฉันด้วย” ประโยคแรกบอกเบลโล่ ส่วนประโยคหลังหันไปบอกเป่ยเปียน เป่ยเปียนพยักหน้ารับเยว่ซือนั่งรถไปกับเบลโล่ส่วนเป่ยเปียนขับรถตามไป

ข้อมูลได้มาว่าตึกร้างที่เป็นแหล่งกบดานของแก๊งฟางหรงอยู่ลึกเข้าไปในป่า เขาจอดรถหน้าทางเข้าป่า ยิงลูกน้องแก๊งฟางหรงที่เฝ้าอยู่บริเวณทางเข้าป่าจนหมด เดินย่องเข้าไปในป่า เห็นตึกร้างสูงที่มีลูกน้องแก๊งฟางหรงยืนคุมอยู่ พวกเขาซุ่มยิงจากตรงพุ่มไม้ เสียงปืนดังจนลูกน้องแก๊งฟางหรงที่เหลือรู้ตัว เยว่ซือหลบกระสุนที่สาดมาหลังต้นไม้ พอถึงจังหวะก็ยิงสวนไปบ้าง เป่ยเปียนและลูกน้องที่เหลือตามมา การดวลปืนระหว่างสองแก๊งจึงเกิดขึ้น ต่างคนต่างยิงต่างคนต่างหลบกระสุนปืน

สิ้นเสียงปืนลูกน้องแก๊งฟางหรงคนสุดท้ายล้มลงไปนอนจมกองเลือด เขาสำรวจลูกน้องตัวเองหลายคนบาดเจ็บจากการปะทะ ส่งสายตาให้ลูกน้องที่เหลือตามเข้าไปในตึก ไล่ดูทีละชั้นไม่พบใครจนถึงชั้นสุดท้าย มีห้องห้องหนึ่งที่ลูกน้องแก๊งฟางหรงเฝ้าอยู่ ลูกน้องที่เหลือเปิดฉากยิงกับลูกน้องแก๊งฟางหรง เขาหลบหลังกำแพงแล้วช่วยยิงไปด้วย เมื่อไม่เหลือลูกน้องของแก๊งฟางหรงที่เฝ้าหน้าประตูแล้ว เขาวิ่งไปถีบประตูบานนั้นออก เขาหันปืนจ่อไปที่หัวหน้าแก๊งฟางหรง อีกฝ่ายชูมือขึ้นสองมือราวกับว่ายอมแพ้แล้ว

“ไงฉันเจอนายแล้วนะ”

“เก่งดีนี่ จัดการลูกน้องของฉันได้หมด”

“ไม่มีอะไรที่ซีห่าวทำไม่ได้ถ้าคิดจะทำ”

“ฉันอยากรู้เสียจริงใครจ้างพวกนายมา”

“ไม่ใช่เรื่องที่ฉันต้องบอกนาย”

“ไม่ใจร้ายไปหน่อยเหรอ ยังไงฉันก็จะต้องตายอยู่แล้วนี่” หัวหน้าแก๊งฟางหรงหัวเราะออกมา เยว่ซือไม่ลดปืนที่จ่อหัวอีกฝ่ายอยู่

“ฉันไม่ได้เป็นคนใจดีอยู่แล้ว”

“ก็คงจะอย่างนั้น”

ปัง

เยว่ซือยิงไปที่ขาของหัวหน้าแก๊งฟางหรงจนอีกฝ่ายล้มลงไปนอนกับพื้น เดินเข้าไปใกล้เหยียบเข้าที่หน้าอก เขาโมโหที่เจ้าตัวเขียนโน๊ตบ้าบอท้าทายอำนาจเขา

“คิดว่าซีห่าวตามมาไม่ได้รึไงถึงเขียนแบบนี้” ขยำกระดาษโน้ตแล้วปาใส่ ออกแรงที่เท้าบดขยี้อกของอีกฝ่ายอย่างแรง

“จริงๆ ก็รู้ว่าตามมาได้แต่อยากยั่วโมโหนายเล่น”

ปัง

เยว่ซือยิงปืนไปที่ขาอีกข้างหนึ่งนัด เลือดสีแดงสดไหลทะลักออกมาจากบาดแผล กระสุนฝังเข้าไปในเนื้อจนเละยุ่ย แต่เขาไม่รีบให้อีกฝ่ายได้ตายหรอกเพราะบังอาจมาหยามซีห่าวมันจะต้องไม่ตายดี ลูกน้องเขาและเป่ยเปียนเข้ามาสมทบทีหลัง

“อึ่กก...พึ่งรู้ว่าหัวหน้าแก๊งซีห่าวเป็นพวกโมโหง่าย”

“หุบปาก สถานการณ์ตอนนี้ใครเป็นใหญ่นายก็รู้”

“ชอบกดคนอื่นให้ต่ำเหมือนเคยเลยนะเยว่ซือ”

“นายมันอ่อนแอเอง”

“สักวันนายจะขุดหลุมฝังตัวเองทั้งเป็น”

“มันจะไม่มีวันนั้น”

“เชื่อมั่นแบบนั้นเข้าไปเถอะแล้วนายจะเจ็บปวดเจียนตาย” เยว่ซือไม่ตอบอะไรเล็งปืนไปที่หน้าผากของหัวหน้าแก๊งฟางหรงแต่ไม่ทันที่จะได้ยิงคนที่นอนอยู่ใต้เท้าเขาคว้าปืนจากข้างเอวขึ้นมายิงที่ไหล่เขาสองนัด

“อึ่ก!”

ปัง ปัง ปัง

เป่ยเปียนยิงหัวหน้าแก๊งฟางหรงจนร่างนั้นนอนแน่นิ่งกับพื้น เยว่ซือกุมแผลตัวเองเขากัดฟันกรอดด้วยความโมโห ลูกน้องเขาวิ่งกรูเข้ามาดูบาดแผล เป่ยเปียนแหวกลูกน้องเขาออกหยิบผ้าเช็ดหน้าสีขาวจากกระเป๋ากางเกงมากดแผลห้ามเลือดเยว่ซือไว้ พยุงร่างเจ้านายออกไปจากตึกเพื่อไปที่โรงพยาบาล

หน้าห้องฉุกเฉินเป่ยเปียนและลูกน้องของเยว่ซือยืนรอเจ้านายทำแผล ส่วนลูกน้องที่บาดเจ็บก็ทำแผลอยู่เช่นกัน คุณหมอออกมาจากห้องฉุกเฉินเรียกหาญาติของสวีเยว่ซือ เป่ยเปียนจึงเดินไปหา ได้ความว่าเจ้านายของเขาเสียเลือดมากเนื่องจากระยะทางกว่าจะถึงโรงพยาบาลใช้เวลานานและเยว่ซือต้องนอนพักฟื้นอยู่ที่โรงพยาบาลไปก่อน เขาพยักหน้ารับก่อนจะจัดทำเรื่องย้ายให้เยว่ซือไปอยู่ห้องพักพิเศษ

“เป็นยังไงบ้างครับคุณเยว่” เป่ยเปียนมาดูอาการของเยว่ซือที่แขนมีทั้งสายน้ำเกลือและสายให้เลือด

“ยังไม่ตาย”

“ผมขอโทษครับที่ปกป้องคุณไว้ไม่ได้”

“ฉันเคยโดนมามากกว่านี้อีกเป่ย”

“แต่ผมอยู่ คุณไม่สมควรเจ็บตัว” ความรู้สึกผิดก่อตัวขึ้นในใจของเป่ยเปียน ทั้งๆ ที่เขาอยู่ตรงนั้นแท้ๆ แต่เขากลับปกป้องเจ้านายเอาไว้ไม่ได้ เขาพลาดเอง ประมาทเกินไป

“ฉันเจ็บไปแล้ว และฉันไม่เป็นไร” เยว่ซือพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง เป็นเรื่องปกติที่เวลาลูกน้องเขาไม่มั่นใจเขาต้องทำตัวให้อีกฝ่ายเชื่อมั่นในตัวเขาเข้าไว้

“…”

“คนเรามันพลาดกันได้ ฉันก็เป็นคน นายก็คน ผิดพลาดก็แค่เรียนรู้ว่ามันจะไม่เกิดขึ้นอีก”

“ผมขอโทษครับคุณเยว่”

“เลิกขอโทษพร่ำเพื่อ ไม่งั้นคำขอโทษนายมันจะไม่มีความหมาย”

“...”

“อย่างที่บอก ฉันไม่ได้เป็นอะไรมากก็แค่โดนยิง มันยังไกลหัวใจ”

“ครับ”

“ไปได้แล้วฉันอยากพักผ่อน” เป่ยเปียนโค้งให้เขาก่อนจะออกจากห้องไป เขาหลับตาลง วันนี้เหนื่อยมาเยอะแล้วพักสักหน่อยคงไม่เป็นอะไร วันนี้ถือว่าเป็นบทเรียนราคาแพงในการทำงาน เขาไม่ควรประมาทแบบนี้อีก ครั้งนี้ไม่ถึงชีวิตแต่ครั้งหน้าก็ไม่แน่ การจะเดินเส้นทางนี้จะต้องมีสติ มีความรอบคอบ และเด็ดขาด

แสงแดดสาดส่องมาจากหน้าต่างโรงพยาบาล เขารู้สึกอุ่นที่มือข้างขวา ลืมตามามองไออุ่นปริศนา เป่ยเปียนนั่งฟุบลงกับเตียงผู้ป่วยของเขา มือแกร่งกุมมือเขาอยู่ เขาขยับตัวเล็กน้อยทำให้อีกฝ่ายรู้สึกตัวมองเขาด้วยสีหน้าเรียบนิ่งแต่มือลูบที่หลังมือเขาเบาๆ

“กินน้ำมั้ยครับ” เอ่ยน้ำเสียงราบเรียบ เขาพยักหน้าตอบรับ เป่ยเปียนค่อยๆ พยุงเขาลุกขึ้นนั่ง ความเจ็บแปลบแล่นไปทั่วร่างจนต้องขมวดคิ้ว ไม่ได้โดนยิงตั้งนานเกือบลืมความรู้สึกแบบนี้ไปซะแล้วสิ

“เดี๋ยวตามหมอก่อน” หลังจากยื่นแก้วน้ำพร้อมหลอดให้เขาเสร็จสับ เป่ยเปียนก็เดินไปตามหมอ หมอและพยาบาลบาลเข้ามาตรวจร่างกายของเขา แผลที่ถูกยิงยังอักเสบอยู่ หมอสั่งไม่ให้เยว่ซือขยับตัวมาก ทำให้วันทั้งวันที่อยู่โรงพยาบาลเยว่ซือนอนอยู่บนเตียงผู้ป่วยเฉยๆ โดยมีเป่ยเปียนคอยทำนู่นทำนี่ให้

“ดูโทรทัศน์มั้ยครับ”

“อืม”

“กินผลไม้มั้ยครับผมปลอกให้”

“อืม”

“อยากเข้าห้องน้ำมั้ยครับ”

“ไม่”

“ดื่มน้ำมั้ยครับ”

“อ่า”

“กิน..”

“หยุด ฉันโดนยิงไม่ได้เป็นง่อย” รีบสั่งห้ามเป่ยเปียนทำอะไรให้เขาไปมากกว่านี้ เข้าใจว่ารู้สึกผิดแต่นี่มันเกินไปมั้ย อะไรกันปกติพูดนับคำได้บางทีก็พูดจาเฉือดเฉือนใส่เขา แต่พอเขาเจ็บตัวทีนึงนี่แสดงความเป็นห่วงเป็นใยใส่เขาไม่หยุด

“ขอโทษครับ”

“พอๆ จะไปไหนก็ไป” โบกมือไล่อย่างรำคาญ แต่เจ้าตัวเลือกที่จะนั่งลงบนโซฟาภายในห้อง

“ผมจะนั่งอยู่นี่เผื่อคุณเรียกใช้อะไร”

ปัง

เสียงเลื่อนประตูอย่างแรง เยว่ซือและเป่ยเปียนหันไปตามเสียง เบลโล่วิ่งเข้ามาเกาะขอบเตียงเขา ตัวป่วนมาอีกตัวแล้วสินะ เขาคิดในใจ เวลาเขาเจ็บตัวทีไรก็มีเบลโล่เนี่ยแหละที่ทำตัวโอเวอร์แอคติ้ง

“นายท่านครับเป็นไงบ้าง หมอบอกว่านายท่านตื่นแล้วผมเลยเข้ามาดู”

“ฉันไม่เป็นไร”

“ผมขอโทษครับที่ปกป้องนายท่านไม่ได้”

“นายนี่ไม่เปลี่ยนเลยนะ” เขาถอนหายใจ เบลโล่ยิ้มแห้งๆ ให้เจ้านายก่อนจะวางตระกร้าผลไม้ไว้ที่โต๊ะหัวเตียง

“อ้าว คุณเป่ยก็อยู่ด้วยเหรอ”

“อืม แต่ฉันจะไปแล้วฝากดูคุณเยว่ด้วยล่ะเบล”

“เอ้ะ ครับๆ” เป่ยเปียนพูดจบก็หันหลังเดินไปทันที ความรู้สึกขุ่นมัวในใจเกิดขึ้นในอกของเยว่ซือ ไหนตอนแรกบอกจะอยู่เผื่อเขาเรียกใช้ ไหงตอนนี้ดันเดินหนีเขาไปซะได้

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • นักฆ่าของมาเฟีย   หวง

    หลังจากที่นอนโรงพยาบาลมาเป็นอาทิตย์ ก็ถึงเวลาที่คุณหมออนุญาตให้เยว่ซือกลับบ้านได้ เบลโล่ถือเสื้อผ้ายื่นให้เจ้านายเขาไปเปลี่ยนในห้องน้ำ เยว่ซือเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จก็ออกมา เดินออกจากห้องพักผู้ป่วยตรงไปที่รถโดยมีเบลโล่เปิดประตูให้เข้าไปนั่งก่อนที่ตัวเองจะอ้อมเข้าไปนั่งประจำที่คนขับ BMWคันสีดำแล่นไปตามถนน เยว่ซือมองออกไปนอกหน้าต่าง วิวในเมืองหลวงแสดงถึงความรุ่งเรืองของระบบเศรษฐกิจในประเทศ เบลโล่มองเจ้านายผ่านกระจกรถ ก่อนจะเอ่ยถามเจ้านาย“อยากกินอะไรก่อนกลับมั้ยครับ”“ไม่”“งั้นกลับเข้าคฤหาสน์เลยนะครับ”“วันนี้จะเข้าเพนท์เฮาส์”“เอ้ะ เอ่อครับๆ” เบลโล่แปลกใจนิดหน่อยที่เจ้านายเขาไม่กลับคฤหาสน์แต่จะไปเพนท์เฮาส์แทน เพนท์เฮาส์เป็นที่พักของพวกลูกน้องซีห่าว ทุกคนที่ทำงานให้ซีห่าวจะได้เข้าพักที่นี่ และชั้นบนสุดของเพนท์เฮาส์คือที่พักของเยว่ซือ เมื่อถึงเพนท์เฮาส์แล้วเยว่ซือก็ลงจากรถ เดินเข้าไปข้างใน ตรงดิ่งไปยังชั้นบนสุด ห้องของเขาถูกตกแต่งด้วยโทนสีดำ ห้องนอนมีกระจกใหญ่ที่มองให้เห็นวิวของกรุงปักกิ่ง ภายในห้องสะอาดไม่มีแม้แต่ฝุ่นสักนิดเพราะถึงเขาไม่ได้เข้ามาที่เพนท์เฮาส์เลยแต่ก็ให้แม่บ้านเข้ามาท

  • นักฆ่าของมาเฟีย   กวาดล้าง

    วันนี้แล้วสินะที่แก๊งฟางหรงจะต้องหายไป เขาสืบมาเรียบร้อยแล้วว่าวันนี้หัวหน้าแก๊งฟางหรงอยู่คฤหาสน์แน่นอน และต่อให้ใครหลุดรอดไปเขาก็จะไปตามเก็บมันทีหลังอยู่ดี เยว่ซือกำชับเสื้อสูทให้แน่นขึ้น เขาเตรียมลูกน้องพร้อมที่จะไปบุกแก๊งฟางหรง จริงๆ แล้วเขาไม่ได้มีความบาดหมางกับแก๊งนี้ แต่เพียงเพราะผู้จ้างวานนั้นสั่ง ถ้าไม่มีคำสั่งนั้นแก๊งฟางหรงคงไม่มีจุดจบวันนี้ เสียงเคาะประตูดังขึ้นเขาหันไปที่ประตู พบเบลโล่กำลังยืนรอเขาอยู่“พร้อมกันแล้วครับนายท่าน”“อืม”ก้าวขาขึ้นรถ Audi A7 คันสีดำ รถแล่นไปตามถนนจนถึงหน้าคฤหาสน์ของแก๊งฟางหรง จอดหน้าคฤหาสน์เคียงข้างรถNissan GTR R35 ที่มีเป่ยเปียนเปิดประตูรถลงมาพอดี รถคันอื่นๆ ของลูกน้องเขาขับตามมาล้อมรอบคฤหาสน์ของแก๊งฟางหรง ไม่ทันที่จะได้ก้าวเท้าลงจากรถ ลูกน้องจากแก๊งฟางหรงคงผิดสังเกตได้ สาดกระสุนยิงเปิดฉากทันที“แก๊งนี้เขาต้อนรับกันด้วยกระสุนปืนรึยังไงกัน” สบถอย่างหัวเสีย หยิบปืนยิงสวนไป ลูกน้องของเขาวิ่งมาคุ้มกัน“นายท่านเป็นอะไรมั้ยครับ” เบลโล่ถามด้วยความเป็นห่วง เขาส่ายหน้าตอบกลับลงมาจากรถลูกน้องเขาจัดการบอดี้การ์ดที่คุ้มกันหน้าคฤหาสน์จนหมด เขาเดินไป

  • นักฆ่าของมาเฟีย   ไฮเดรนเยีย

    ก๊อก ก๊อก ก๊อก “เข้ามา” สิ้นเสียงเคาะประตูก็ถูกเปิดออก เบลโล่เดินเข้ามาหาเขาอ่านรายงานสถานการณ์คลังอาวุธที่อิตาลี รายงานเสร็จเบลโล่ทำท่าจะเดินออกไปแต่เขาเรียกไว้ก่อน เดินไปหน้าลูกน้องคนสนิทใช้ฝ่ามือตบลงไปที่ใบหน้าอีกฝ่าย เบลโล่นิ่งงันแต่ไม่ได้ขยับตัวหรือพูดอะไร “ทำไมถึงยอมให้ไอ้เป่ยมันอุ้มฉันห้ะ” “ก็ตอนนั้นนายท่านเจ็บตัวอยู่” “ถึงยังไงนายก็ไม่ควรยอมให้มันอุ้มฉันแบบนั้น” “ขอโทษครับ” “ไปได้แล้ว” เบลโล่โค้งก่อนที่จะรีบออกไปจากห้อง เขาเดินไปนั่งที่โต๊ะทำงาน หยิบหนังสือบนโต๊ะขึ้นมาอ่าน “ทำอะไรอะเป่ย” เฟยหมิงชะโงกหน้าเข้ามาหาเป่ยเปียนที่กำลังก้มกดโทรศัพท์อยู่ เป่ยเปียนเอียงตัวหลบ แต่เฟยหมิงก็พยายามจะดูให้ได้ว่าในโทรศัพท์ของเป่ยเปียนนั้นมีอะไรอยู่ “ที่บ้านไม่สอนมารยาทนายรึไงเฟย” “ปากร้ายนะเราอ่ะขอดูนิดเดียวเอง” เฟยหมิงไม่ลดละความพยายาม อ้อมไปอีกฝั่งเพื่อแย่งโทรศัพท์ของเป่ยเปียน ทั้งคู่ยื้อแย่งโทรศัพท์กัน ซึ่งไม่รู้ว่ามีคนกำลังเดินตรงมาทางนี้ “ไม่มีงานมีการทำกันรึไง” เยว่ซือพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ เฟยหมิงหยุดมือที่คว้าโทรศัพท์ของเป่ยเปียน ส่วนเป่ยเปียนรีบเก็บโทรศั

  • นักฆ่าของมาเฟีย   อย่าดื้อ

    ลู่เป่ยเปียนหยิบซองเอกสารขึ้นมาเปิด ภายในซองเอกสารมีรูปคนชายวัยกลางคนหนึ่ง นั่นก็คือหัวหน้าตระกูลไป่ที่เขาต้องไปสังหาร หลังจากคืนนั้นนี่ก็ผ่านมาสามวัน เขาสืบข้อมูลของหัวหน้าตระกูลไป่ว่าไปที่ไหนมาบ้าง เกี่ยวข้องกับใคร มีบอดี้การ์ดเท่าไร ซึ่งได้ข้อมูลมาว่าวันนี้หัวหน้าตระกูลไป่มีดินเนอร์บนเรือหรูกลางแม่น้ำเซี่ยงไฮ้ พร้อมกับบอดี้การ์ดยี่สิบคน ซึ่งเขาต้องจัดการสังหารทั้งหมดเขาจัดการจองตั๋วเพื่อขึ้นไปบนเรือเรียบร้อยแล้ว ปกติเรือลำนี้ต้องจองก่อนล่วงหน้าเป็นเดือนแต่เขาใช้อำนาจเส้นสายของซีห่าวเพื่อให้การทำงานนั้นง่ายมากขึ้น เขามองเฟยหมิงนักฆ่าของซีห่าวอีกคนพวกเขาต้องทำงานร่วมกันในวันนี้ เขารอให้ถึงเวลาขึ้นไปบนเรือ นั่งรออยู่ร้านกาแฟใกล้ท่าเรือ เฟยหมิงเอาแต่เล่นโทรศัพท์จนอดไม่ได้ที่จะสงสัยว่าทำอะไรอยู่ แต่เขาไม่ได้ถามทำเพียงแต่จ้องมองเฟยหมิงจนเจ้าตัวรู้สึกตัว“อะไรกันเป่ย นายคิดอะไรกับฉันปะเนี่ยมองกันขนาดนี้”“...”“โอเค มองฉันทำไม” เฟยหมิงละสายตาจากมือถือวางมันลงบนโต๊ะแล้วยกมือขึ้นมากอดอก“นายไม่ควรเล่นโทรศัพท์เวลางาน”“ฉันแค่เล่นไอจี”“...”“โอเคๆ ฉันไม่เล่นแล้วพ่อคนเย็นชา เลิกจ้อ

  • นักฆ่าของมาเฟีย   ครอบครอง NC

    “ฮึ่มมมม” เสียงครางแผ่วบ่งบอกถึงความพอใจของเจ้านาย เป่ยเปียนขยับริมฝีปากให้เร็วขึ้นเพื่อเร่งอารมณ์เยว่ซือให้ได้ถึงฝั่งฝัน เร่งจังหวะสักพักน้ำรักสีขาวขุ่นก็ถูกปลดปล่อยออกมา เป่ยเปียนกลืนกินเข้าไปทั้งหมดลิ้นอุ่นตวัดเลียคราบน้ำที่เกาะไปทั่วแก่นกลางกาย จูบซับไปทั่วลำท่อน เขาข่มอารมณ์ที่เกิดขึ้นแต่ไม่นานนักสติก็ขาดผึ่งเพราะเสียงครางหวานหูที่น่าฟัง เขากระชากกางเกงเจ้านายออกจับถอดทิ้งอย่างไม่ไยดี ด้วยความที่สูงกว่าและร่างกายใหญ่กว่ายกตัวเยว่ซือลอยหวือขึ้นบนบ่าเดินไปยังเตียงแล้วโยนเจ้านายที่รักลงบนที่นอนแสนนุ่มนิ่ม “อ้ะ..ไอ้เหี้ยจะทำอะไร” “ผมทนต่อไปไม่ไหวแล้ว” ก้าวขาขึ้นไปบนเตียงคล่อมทับร่างคนที่ตัวเล็กกว่า กระซิบเสียงแหบพร่าที่เต็มไปด้วยแรงอารมณ์ทำให้อีกฝ่ายรู้สึกซาบซ่านไปทั่วร่างกาย แต่มีเหรอที่คนอย่างสวี เยว่ซือจะยอมให้อีกฝ่ายอยู่ข้างบน เขาใช้เรี่ยวแรงที่มีผลักคนร่างหนากว่าออก เป่ยเปียนรำคาญมือที่พยายามดันเขา ใช้ร่างกายที่ได้เปรียบกว่ากดทับขาของเยว่ซือเพื่อไม่ให้ใช้ขาถีบเขาออกได้ มือข้างหนึ่งรวบมือทั้งสองข้างของเยว่ซือชูขึ้นเหนือหัวกดข้อมืออีกฝ่ายไว้ไม่ให้ทำร้ายร่างกายเขา มืออีกข้างที่

  • นักฆ่าของมาเฟีย   ซื่อสัตย์

    ผ่านมาสองเดือนเยว่ซือได้เจรจากับฝ่ายรัฐบาลเรียบร้อย เขาจ่ายค่าเสียหายห้าร้อยล้านให้ทางรัฐบาลจากการเอาตัวนักฆ่ามือฉมังอย่างลู่ เป่ยเปียนมา อาการของเป่ยเปียนดีขึ้นทุกวันแขนที่หักก็รักษาจนหายซึ่งไม่แปลกสำหรับร่างกายที่แข็งแรง หลังจากวันนั้นเยว่ซือก็ไม่ได้พูดคุยอะไรกับเป่ยเปียนอีก เยว่ซือให้คนรับใช้และพยาบาลดูแลเป่ยเปียนอย่างดี เขารอเวลาที่ลู่ เป่ยเปียนจะหายดีเป็นปกติ ถึงตอนนั้นเขาคงจะใช้งานเป่ยเปียนอย่างหนักให้สมกับห้าร้อยล้านที่เสียไป“นายท่านวันนี้อาวุธจากคลังเขตเหนือมาส่งที่คลังอาวุธหลักของเรา นายท่านจะไปดูด้วยตัวเองไหมครับ”“อืม”“กี่โมงดีครับ”“บ่ายโมง” ละสายตาจากเอกสารตรงหน้า เยว่ซือขยับแว่นเล็กน้อยเอนหลังพิงเก้าอี้ทำงาน เขาอ่านเอกสารเกี่ยวกับอาวุธที่ส่งออกไปอิตาลีตั้งแต่เช้า ตรวจสอบให้แน่ใจว่าไม่มีตรงไหนที่ผิดพลาดหรือแปลกไป หยิบกาแฟขึ้นมาจิบสักหน่อยร่างกายเขาคงต้องการคาเฟอีนมาช่วยให้ร่างกายปราศจากความง่วงหลังจากที่พักผ่อนไม่เพียงพอมาเป็นเวลาหลายวัน เขาไปดูบ่อนคาสิโนเมื่อหลายวันก่อนทำให้เวลาพักผ่อนของเขาลดลง ยิ่งไปกว่านั้นเขาต้องติดตามว่าใครคือผู้ที่อยู่เบื้องหลังที่ส่งคนมาเป็น

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status