เมื่อได้ยินเสียงแจ้งเตือนข้อความดังขึ้น รอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นมาที่มุมปากของหนุ่มจางๆ
การทำงานของนิดานั้นถือได้ว่าเธอทำงานอยู่ในขั้นที่เรียกว่าดีเยี่ยม ส่วนหน้าตาก็..น่ารักดี เขาแค่ชอบที่เธอชอบแทนตัวเองว่าหนูกับทุกคนในออฟฟิต อาจจะเป็นเพราะว่าเธออายุน้อยที่สุดก็เป็นได้ คำพูดของนิดาที่พูดกับคนอื่นมันถึงได้ ถ่อมตนอยู่เสมอ เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปแสงและมุมต่างๆ เอาไว้เป็นโลเกชั่นถ่ายรูปคร่าวๆ ในครั้งต่อไป คู่รักส่วนใหญ่นิยมมาถ่ายพรีเวดดิ้งที่ริมทะเลซะส่วนใหญ่ ทำให้เขาได้เดินทางมาที่นี่บ่อยๆ เขาชอบเวลาที่คลื่นซัดเข้าฝั่ง เสียงคลื่นที่ดังกระทบกับหาดทรายพร้อมกับลมเย็นๆ ที่ปะทะใบหน้ามันชวนให้เขาลืมเลือนเรื่องที่หนักอึ้งในใจเต็มไปหมดเลย ไม่นานนักเขาก็เดินมาที่โรงแรมที่นิดาจองห้องเอาไว้ ซึ่งเธอมายืนต้อนรับเขาที่ด้านหน้าลอบบี้ “หายไปนานเลยนะคะ หนูเอากุญแจห้องมาให้ค่ะ ส่วนเรื่องเสื้อผ้าหนูได้จัดเตรียมเอาไว้ให้แล้วในห้อง ทั้งชุดนอนและชุดที่คุณหนุ่มจะใส่ในวันพรุ่งนี้ เรื่องมื้อเย็นบอสสามารถเลือกทานได้เลยนะคะว่าจะทานในห้องหรือว่าจะทานที่ห้องอาหารของโรงแรม” เธอเว้นช่องว่างเอาไว้อย่างชัดเจนพร้อมกับคำกล่าวอำลาที่แสนจะเรียบง่าย เขาได้แต่มองกุญแจห้องในมือก่อนจะไปอาบน้ำเปลี่ยนชุด ตอนที่อยู่ในรถ ที่เธอพยายามดูแลเขา เขาคิดว่าเธอมีใจซะอีก.. แต่เท่าที่ดูจากแววตาของเธอแล้ว มันไม่ได้..มีความรู้สึกใดๆ แอบแฝงอยู่เลย คาดหวังอะไรอยู่กันเนี่ย ไม่สมเป็นเขาเลย นิดาเดินมาที่ร้านสะดวกซื้อ เธอซื้อข้าวกล่องและน้ำสองสามขวด ก่อนจะตรงเข้าห้องในทันที ทว่าเมื่อเดินมาถึงหน้าห้องเธอก็พบกับวิวทะเลยามเย็น.. ห้องพักของเธออยู่ติดทะเลเลย เพราะแบบนั้นนิดาจึงวางของทั้งหมดที่ด้านหน้าห้อง เธอเปิดขวดเบียร์ออก พร้อมกับกรอกเบียร์ใส่ปากเร็วๆ ทั้งที่ควรจะได้ใช้เวลานี้พักผ่อนแท้ๆ แต่กลับต้องมีเรื่องให้คิดมาก วันนี้เธอควรจะมีความสุขที่สุดเพราะว่านิยายที่เธอเขียนมานานกำลังจะตีพิมพ์ เธอควรจะได้ฉลองความสำเร็จนี้กับใครสักคนสิ ไม่ใช่มานั่งเศร้าอยู่คนเดียวแบบนี้ เพื่อนสนิทก็ไม่มีเพราะตอนเรียนก็เอาแต่ตั้งใจเรียนเพื่อจะได้สอบชิงทุน พอทำงานก็ก้มหน้าตั้งใจทำงานมากจนกว่าจะมีแฟนคนแรกก็อายุเกือบสามสิบ “เฮ้อ ให้มันได้แบบนี้สิชีวิต” นิดาหลับตาลงช้าๆ แต่อยู่ๆ กลับมีมือมาแย่งขวดเบียร์ไปจากมือเธอ แสงสุดท้ายของดวงตะวันสาดส่องกระทบใบหน้าที่ไม่ว่าใครก็จะต้องหลงใหลไปกับเขาอย่างแน่นอน เขามองหน้าเธอในขณะที่กำลังกระดกขวดเบียร์ลงคอ “มีเรื่องกลุ้มใจรึไง? ทั้งที่ได้มาพักผ่อนแบบนี้แท้ๆ” พักผ่อนงั้นเรอะ เธอพึ่งจะขับรถจนเมื่อยไปทั้งตัว แถมพึ่งจะจัดการเรื่องงานเสร็จก่อนเขากลับมา เธอยุ่งขนาดนี้แต่เขากลับเรียกว่านี่คือการพักผ่อน..เยี่ยมจริงๆ “เปล่าค่ะ แค่บรรยากาศมันชวนให้อยากดื่ม มาทะเลทั้งทีก็ต้องเมาหน่อยสิคะ” “นึกว่างานที่เธอกำลังทำอยู่มันหนักไปซะอีก” นิดาลุกพรวดพราดขึ้นมาจากเก้าอี้ที่กำลังเอนนอน เธอมองหน้าของเจ้านายด้วยสายตาตกใจ “หากให้ตอบจริงๆ มันก็เหนื่อยค่ะ เพราะกับบางงานบอสไม่ให้พักเลยนี่หากว่างานไม่เสร็จ แต่เมื่อเสร็จงานก็ได้วันพักเท่ากับวันที่ทำงาน ได้นอนเต็มอิ่มแถมยังได้โอทีด้วย มันก็เลยทำให้ความเหนื่อยพอจะจางหายไปบ้าง..” เขานั่งลงที่เก้าอี้ข้างๆ เธอพร้อมกับมองไปเบื้องหน้า มองแสงของดวงตะวันที่กำลังหายไปจากปลายขอบฟ้า “ขยันทำงานจังเลยนะ จะรีบสร้างครอบครัวงั้นเหรอ?” เมื่อได้ยินคำถามแบบนั้นนิดาก็ค่อยๆ หุบยิ้มลง “ไม่ได้คิดไปถึงขั้นนั้นหรอกค่ะ..” เพราะว่าตอนนี้ความคิดของเธอกับแฟนมันดูเหมือนจะไม่ตรงกันแล้ว กลับไปก็ไม่รู้ว่าจะคุยกันยังไงดี ดูจากแววตาก็รู้แล้วว่าเธอกำลังมีปัญหาเกี่ยวกับความรัก เรื่องนี้เขาให้คำแนะนำไม่ได้ซะด้วยสิ เพราะว่าเขาเองก็ไร้ประสบการณ์เรื่องความรักเหมือนกัน เพราะแบบนั้นเราทั้งสองคนจึงนั่งเคียงข้างกันเงียบๆ นั่งมองคลื่นลูกแล้วลูกเล่าที่ซัดเข้ามายังชายฝั่ง.. ........... “ลูกค้าพอใจกับงานมากเลย คิดถูกจริงๆ ที่ส่งนิดาไปดูสถานที่ก่อนถ่าย เราไม่เคยทำให้พี่ผิดหวังเลยรู้ไหม” หลังจากที่กลับมาจากทะเลก็ปาเข้าไปเกือบสองเดือนแล้ว เธอได้รับโบนัสเพิ่มเพราะว่าลูกค้าชอบงานของเรามาก อันที่จริงไม่ใช่แค่เธอที่ได้แต่เราทุกคนต่างก็ได้รับโบนัสปลายปีกันถ้วนหน้าเพราะความเมตตาจากบอส เหมือนว่าปีนี้จะได้มากกว่าทุกปีด้วย “วันพรุ่งนี้เป็นงานกินเลี้ยงปีใหม่นะ มาให้ตรงเวลาด้วยล่ะ” นิดาส่งยิ้มให้กับพี่เอื้อ พรุ่งนี้เป็นงานเลี้ยงปีใหม่ของบริษัทที่จะจัดขึ้นในร้านอาหารชื่อดัง เธอได้รับคำชม ได้รับเงินโบนัสและนิยายของเธอเลื่อนเวลาตีพิมพ์เข้ามาเร็วขึ้น นิยายที่เธอเขียนขายหมดตั้งแต่ที่วางขายได้สามวันกับจำนวนหนึ่งพันเล่ม ยังไม่รวมกับยอดดาวน์โหลดของอีบุ๊คด้วย นี่เธอสามารถเรียกตัวเองว่านักเขียนชื่อดังได้รึยังนะ..ดูเหมือนว่าทุกอย่างจะโรยด้วยกลีบกุหลาบยกเว้นความรักของเธอ เรามีปากเสียงกันตลอดตั้งแต่ที่เธอกลับมาจากทะเล เหมือนเขาไม่ใช่ตินที่เธอเคยรู้จักอีกต่อไป การมีแฟนมันเหนื่อยเพราะความสัมพันธ์ที่เขาด่าว่าเธอมากกว่าจะชวนคุย หากมีแฟนแล้วมันทำให้เป็นทุกข์มากขนาดนี้ เธอเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะยังรั้งเขาเอาไว้ทำไม.. เมื่อเดินออกมาจากบริษัท ก็พบกับอากาศที่เย็นจนต้องสวมเสื้อกันหนาว แต่มันไม่ได้หนาวเท่ากับภาพเบื้องหน้าที่เธอพบเห็น ช่วงเวลาที่ห่างกัน เราต่างก็กำลังสับสน และช่วงเวลานั้นอาจจะทำให้เขารู้ว่าเธอและเขา เราไม่ได้มีความคิดที่ตรงกันสักเท่าไหร่ เมื่อมีคนใหม่เดินเข้ามาและเธอคนนั้นมีความคิดและความต้องการตรงกันกับเขา คงจะเพราะแบบนั้นเขาถึงได้มีคนใหม่อย่างไม่ลังเลเลย ร้านกาแฟที่เธอเคยเข้าไปบ่อยๆ ตอนนี้เธอกลับไม่อยากเข้าไปแล้วล่ะสิ เมื่อเห็นเขากำลังจับมือกับผู้หญิงคนอื่น หากจะถามหาคนที่ผิดจากเรื่องนี้ คนคนนั้นมันคือเธอรึเปล่านะที่เธอเลือกความฝันของตัวเอง ไม่ได้เลือกความรัก.. “พรุ่งนี้มาคุยกันหน่อยสิ” นิดากดส่งข้อความไปหาเขา และเขาตอบกลับมาในทันทีราวกับว่ากำลังรอคอยข้อความของเธออยู่ “ดีเลย พรุ่งนี้พี่ก็มีเรื่องจะคุยกับเราเหมือนกัน” เมื่อถึงวันพรุ่งนี้..เรื่องราวความรักของเรามันคงจะจบลงและเอ่ยคำลาพร้อมกับหลงเหลือเอาไว้แค่คำว่าพี่น้อง“จะยังไม่ออกผลงานเล่มห้าจริงๆเหรอคะคุณนักเขียน นักอ่านถามหากันมาเยอะมากๆ เลยนะคะ หากว่าคุณนักเขียนออกเล่มห้ามาในตอนนี้จะต้องขายหมดตั้งแต่วันแรกแน่ๆ”นิดาหัวเราะเบาๆ เมื่อปลายสายกล่าวมาเช่นนั้น“หนูว่าจะหยุดออกผลงานสักสามปีค่ะ เพราะว่าตอนนี้กำลังทำตามความฝันที่สองอยู่ ขอบคุณบรรณาธิการมากเลยนะคะที่นึกถึงหนูตลอด..”“ไม่เป็นไรค่ะคุณดา ยังไงก็รักษาสุขภาพด้วยนะคะ”นิดายกยิ้ม เธอวางโทรศัพท์เอาไว้บนโต๊ะก่อนจะตรงเข้าไปอุ้มเด็กชายวัยสามขวบมากอดเอาไว้เพราะดูเหมือนว่าเขาพึ่งจะตื่นนอน“แม่มาแล้วครับอีธาน นอนนานมากๆ เลยนะ รู้ด้วยรึไงว่าพ่อกำลังจะกลับมา..”ลูกชายของเธอนั้นไม่มีส่วนไหนเลยที่เขาเหมือนเธอ ดวงตาสีนิลที่เหมือนกับพ่อของเขายังกับแกะ“นิดา ขออุ้มเจ้าตัวเล็กหน่อยสิ”คนที่แวะมาหาเธอบ่อยมากกว่าใครๆ คือคุณแม่ของพี่หนุ่ม คุณย่าเห่อหลานตัวน้อยมากทีเดียว“ดูเขาสิ ย่าจะอุ้มไม่ไหวอยู่แล้ว”นิดาส่งยิ้มพร้อมกับมองคุณย่าและหลานที่กำลังเล่นกัน เธอเดินตามความฝันของตัวเองด้วยการเขียนนิยายภาคต่ออีกสามเล่ม เล่มสองถึงสี่ ด้วยระยะเวลาสองปีเต็มๆ และเมื่อเธอคลอดอีธานออกมาเธอก็อยากจะทุ่มเทเวลามาดูแลลูกก่อนเพราะ
“สวัสดีค่ะ หนูชื่อนิดาหรือเรียกสั้นๆ ว่าดาก็ได้ค่ะ หนูเคยมาฝึกงานที่นี่เมื่อสามเดือนที่แล้ว ดีใจมากๆ เลยค่ะที่ได้กลับมาทำงานที่นี่อีกครั้ง ฝากตัวด้วยนะคะ”เด็กใหม่ที่เข้ามาทำงานแนะนำตัวสั้นๆ แต่ด้วยรอยยิ้มที่น่าจดจำของเธอมันทำให้เขา..เผลอจ้องมองเธอไปโดยไม่รู้ตัวเลย“ยินดีต้องรับนะนิดา จากนี้ไปก็ใช้ความสามารถของเธอให้เต็มที่ได้เลย”แม่ของเขากล่าวสั้นๆ พร้อมกับตบไหล่ของนิดาเบาๆ หนุ่มก้มมองโทรศัพท์ที่มีการแจ้งเตือนของเพื่อนที่จะนัดกันไปดื่มเขาเลือกที่จะไม่ตอบเพราะว่าไม่ค่อยชอบเข้าสังคมสักเท่าไหร่ อีกทั้งปีหน้าเขาจะต้องมารับช่วงที่นี่ต่อจากแม่แล้วเขาไม่อยากใช้เงินของพ่อและเพราะแบบนั้นเขาจะทำให้ที่นี่โด่งดังและได้รับการยอมรับจากเจ้าสาวทุกคนที่กำลังจะแต่งงาน“ตรงนั้นยังดูเหมือนขาดอะไรไป นี่เธอตั้งใจทำงานจริงๆ ไหมเนี่ย แค่นี้ก็ดูไม่รู้เรื่องงั้นเหรอว่ามันยังขาดความสมดุลของดอกไม้”“ขะ..ขอโทษค่ะบอส”“ขอโทษงั้นเหรอ ขอโทษแล้วงานมันกลับมาดีขึ้นไหมละ ไปแก้ไขสิ เรื่องแค่นี้ก็จะต้องให้บอกด้วยรึไง”นิดามองเพื่อนร่วมงานที่ตัวสั่นเทาจากการถูกดุ เธอเดินเข้ามาก่อนจะหยิบดอกไม้ที่จัดแล้วออกมา“ใจเย็นๆ นะ
นิดากวาดสายตามองไปรอบๆ ห้องทำงานของเธอ เธออยู่ที่นี่มานานหลายปี เข้ามาทำงานตั้งแต่เรียนจบใหม่ๆ ทุ่มเทเวลามากมายไปกับการทำงาน แต่ตอนนี้จะต้องเดินออกไปจากห้องที่นั่งทำงานมาหลายปี “จะมาอาลัยอาวรณ์อะไร รีบๆ เก็บของได้แล้วเพราะว่าห้องนี้มันจะเป็นของพี่แล้ว” นิดาส่งยิ้มให้กับเอเดน “พี่จะทำงานได้สักกี่เดือนกันคะ เดี๋ยวก็ต้องกลับไปนั่งในตำแหน่งบอสของบริษัทไอทีแล้ว” เอเดนทำท่าครุ่นคิด “อาจจะนานมากกว่าที่เธอคิด พอดีพี่มีงานที่อยากเรียนรู้จากอาอีกมาก..” “สู้ๆ นะคะ พี่ทำได้อยู่แล้ว แค่ลดความขี้เกียจลงนิดหน่อย” “นี่เธอ..” นิดารีบยกกล่องกระดาษขึ้นมาเมื่อเอเดนทำท่าว่าจะด่าเธอ เดี๋ยวเอาของไปเก็บที่คอนโดเสร็จแล้วต้องออกเดินทางไปต่างจังหวัดเลย เพราะว่าจะต้องไปจัดดอกไม้ที่นั่น ถึงจะลาออกแต่ก็มีงานที่เธอต้องทำให้เสร็จอีกสองงาน นิดาเดินออกมาข้างนอกก็พบเจอกับพี่เอื้อและคนอื่นๆ ในบริษัทที่ยืนรอเธออยู่ “พี่ดีใจที่ได้ร่วมงานนะ และดีใจล่วงหน้าเลยกับเรื่องของบอส” “ขอบคุณค่ะพี่เอื้อ ขอบคุณที่เอ็นดูหนูแล้วก็สอนงานหนูมาตลอด” พี่เอื้อเดินเข้ามากอดนิดาเอาไว้หลวมๆ “การขอบคุณที่ดีที่สุดคือการบอกบอสให้เพิ
งานแต่งที่สองของเดือนจบไปอย่างสวยงาม และตอนนี้หนุ่มกำลังออกไปดูสถานที่ของงานที่สามในเดือนนี้ งานสุดท้ายจะเป็นงานแต่งคุณพิมน้องสาวของพราว“ลูกค้าต้องการงานแบบไหนครับ..”พี่เอื้อส่งยิ้มให้กับบอส พร้อมกับส่งกระดาษที่เป็นรายละเอียดของงาน“เจ้าสาวต้องการงานแต่งแบบในสวนหลังบ้านที่เป็นกันเอง เพราะตั้งใจจะเชิญแค่เพื่อนและคนในครอบครัวมาเท่านั้นค่ะ สิ่งที่ลูกค้าต้องการคืองานแต่งท่ามกลางสวนดอกไม้”ที่นี่สวยมากๆ เลย เป็นสวนโรงแรมที่ตั้งอยู่บนภูเขา ไม่บ่อยนักที่เขาจะออกเดินทางมาต่างจังหวัดเพื่อจัดงานแต่งงานถ้านิดามาเห็นอากาศที่นี่จะต้องชอบมากแน่ๆ เลย หากว่าจัดงานเสร็จแล้วเขาน่าจะพาเธอไปเที่ยวแถวๆ นี้สักหน่อยเพราะไหนๆ ก็เดินทางออกมาต่างจังหวัดแล้ว“ตามที่ออกมาแบบมาก็ถือว่าสวยตรงกับที่ลูกค้าต้องการแล้วครับ”“ฝีมือของนิดาก็แน่อยู่แล้วค่ะบอส นิดามาเปรยๆ เอาไว้แล้วว่าจะลาออก..หากว่านั่นมันเป็นความต้องการของนิดา เอื้อก็ไม่ขัดหรอกค่ะ แต่อดเสียดายฝีมือของนิดาไม่ได้ หวังว่าบอสจะแอบพานิดามาช่วยงานที่บริษัทบ่อยๆ นะคะ”บอสยกยิ้มขึ้นมา เมื่อพูดถึงนิดาแววตาของเขามักจะอ่อนโยนเสมอเลย นี่คืออาการของคนคลั่งรักสินะ
นิดาอยู่ที่บ้านของพี่หนุ่มตลอดระยะเวลาห้าวันที่เธอและเขาหยุดงาน แม่ของเขาน่ารักมากๆ เลย คุณแม่ชอบอ่านนิยายมากๆ แถมยังสนับสนุนให้เธอเขียนนิยายต่อไปอีกด้วยท่านไม่ได้มองว่ามันไร้สาระ แต่กลับมองว่ามันคือความสามารถที่มีไม่กี่คนหรอกที่สามารถทำได้“อา พอหยุดงานยาวๆ แล้วไม่ชินเลยนะคะที่จะต้องไปทำงาน”หนุ่มลูบผมของนิดาเบาๆ โดยที่อีกมือยังขับรถอยู่“ก็พี่บอกแล้วให้เราลาออก พี่จะเลี้ยงดูเราเอง”นิดาหรี่ตามองหน้าเขา“นี่พี่พูดจริงเหรอคะ อันที่จริงหนูมีความฝันอีกอย่างที่ไม่เคยบอกใครมาก่อนเหมือนกัน หนูอยากเป็นแม่ค่ะ อยากมีลูกน่ารักๆ ทำกับข้าวเพื่อรอสามีกลับมาจากทำงาน ตอนเช้าก็ส่งลูกไปโรงเรียน..แต่ความฝันนี้มันทำคนเดียวไม่ได้เพราะแบบนั้นหนูก็เลยกำลังพยายามตามหาคนที่จะมาร่วมสร้างความฝันไปด้วยกัน”เขาปรายตามองหน้าเธอ“พูดเหมือนจะขอแต่งงานเลยนะ..หน้าที่การขอแต่งงานมันหน้าที่พี่ต่างหากเล่า”นิดาหัวเราะเบาๆ“โอ้ นี่หนูกำลังทำเกินหน้าที่ของตัวเองอยู่ใช่ไหมคะ น่าอายจังเลยน้า”พูดคำว่าน่าอายทั้งที่ทำหน้าระรื่นแบบนั้นเนี่ยนะ น่าจับถอดเสื้อผ้าแล้วตีที่ก้นแรงๆ สักทีจริงๆ เลยวันเสาร์ที่ผ่านมาเธอออกไปพบเจอกับพ
เมื่อได้ยินคำกล่าวของคุณพราว รสขมเฝื่อนก็ผุดขึ้นมาในอกอย่างบอกไม่ถูกเลย เธอไม่ชอบใจกับคำสารภาพรักของแฟนเก่าพี่หนุ่มเลยสักนิดให้ตายเถอะ!!พราวหันกลับมาตามเสียงก็เห็นพี่หนุ่มที่กำลังยืนอยู่พร้อมกับพนักงานในบริษัทของเขา..ริมฝีปากของพราวสั่นเทาอย่างบอกไม่ถูก หลายๆ อย่างมันบอกว่าผู้หญิงที่กำลังยืนอยู่ข้างพี่หนุ่มจะต้องไม่ใช่พนักงานธรรมดาๆ แน่นอน เธอจ้องมองใบหน้าของนิดาด้วยสายตาอย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อ“พราว พี่ไม่มีทางกลับไปหาพราวหรอกนะ พี่มีแฟนใหม่แล้ว”เขายกมือที่กำลังกุมมือของนิดาขึ้นมาให้พราวดูเพื่อเป็นเครื่องยืนยันว่าเขาและนิดาเป็นคนรักกันเธอไม่เคยเสียหน้ามากขนาดนี้ เขาทำให้เธอต้องเสียศักดิ์ศรีถึงสองครั้งสองครา“เหอะ! แล้วแฟนใหม่ของพี่รับได้เหรอคะที่ส่วนนั้นของพี่มันใช้การไม่ได้น่ะ พราวรับได้นะคะพี่หนุ่ม ไม่ว่าพี่จะเป็นยังไงตอนนี้พราวรับได้ทั้งหมดเลย แค่พี่ยอมให้พราวกลับไปหาพี่..”“จริงอย่างที่คุณพราวบอก หนูไม่รู้จริงๆ ค่ะว่าส่วนนั้นของพี่หนุ่มใช้การไม่ได้”พราวแสยะยิ้มออกมาด้วยความเหนือกว่า“เห็นไหมล่ะคะ ไม่มีใครรับเรื่องนี้ได้หรอกค่ะ มีแต่พราวเท่านั้น..”“ที่หนูไม่รู้ว่าส่วนนั้น