“หลีโย่วนี่ส่งข้อความผิดหรือเปล่า? จู่ๆ ก็ส่งประโยคนี้มาแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย ทำเธอตกใจมากแต่เมื่อเธอถามกลับไป อีกฝ่ายก็ตอบว่า[ไม่ได้ส่งผิดนะ เธอดูเอง (รูปภาพ)]ในรูปภาพเป็นการสนทนาของพวกเธอเมื่อคืนที่ผ่านมา อีกฝ่ายถามเธอว่าพี่ชายเธอจะเอาของขวัญไปให้ใคร ส่วนซูมั่วก็เดาสุ่มไปว่าอาจจะเป็นของว่าที่พี่สะใภ้ของเธอ”ไม่เคยคิดเลยจริงๆ ว่าผลลัพธ์จะมาถึงเร็วขนาดนี้ การคาดเดาสุ่มๆ นั้นกลับมาตกอยู่ที่เธอหลีโย่ว : [ของขวัญก็คือน้ำหอมขวดนี้แหละ ฉันเพิ่งถามเลขาไป พวกเขากำลังเดินทางกลับมาที่บริษัท และการเจรจาความร่วมมือก็อยู่ที่ติ่งเซิ่ง]หลี่โย่ว : [ตอนนี้ทุกอย่างตรงกันหมดแล้ว มั่วมั่ว เธอแก้ตัวไม่ได้แล้ว]ซูมั่วกุมหน้าผาก รู้สึกเสียใจทีหลังอย่างหนัก ไม่ควรถามหลีโย่วเรื่องราคาน้ำหอมขวดนี้เลย ถ้านึกถึงของขวัญที่หลีเชินจะให้ได้นั้นเธอต้องรู้แน่ๆต้องใช้ความพยายามมากในการอธิบาย ว่านี่เป็นของขวัญที่พี่ชายของเธอให้มาเพื่อขอโทษ สถานการณ์วุ่นวายทำให้ซูมั่วรู้สึกกังวลอยู่นาน หลีโย่วถึงจะหยุดล้อ และยิ้มพูดว่าเข้าใจแล้วซูมั่วรู้สึกประหม่าจนมือชา โดยเฉพาะเมื่อเห็นรูปภาพที่หลีโย่วแคปไว้ตอนที่เธอพูด
“รับของไว้เถอะ วันนี้ไม่ดื่มกาแฟนะ ไว้ครั้งหน้าค่อยฉันเลี้ยง” เขาพูดพลางยิ้มเล็กน้อย“มันมีค่ามากเกินไป ฉันรู้สึกไม่สบายใจ คุณรับคืนไปเถอะค่ะ” ซูมั่วรีบพูด“ยังไม่ได้ดูก็บอกว่ามีค่ามากเกินไปแล้ว” หลีเชินกล่าว“ของที่ประธานหลีให้ ต้องไม่ใช่ของธรรมดาอยู่แล้วค่ะ” ซูมั่วตอบ “พูดเอาใจได้ไม่เลวเลยหนิ รับไปเถอะ ของเล็กน้อย” หลีเชินหยิบถุงของขวัญขึ้นมาวางใส่มือของซูมั่วคนอื่นประจบประแจงเขาอาจจะรู้สึกขัดใจ เพราะมันเต็มไปด้วยผลประโยชน์แอบแฝง แต่พอเป็นซูมั่ว เขารู้ดีว่าเธอจงใจพูดแบบนั้น และยังแฝงไปด้วยความประชดประชัดอยู่ด้วย“รับของไปแล้ว ก็ถือว่ารับสินบน ห้ามเข้าใจฉันผิดหรือเอาไปนินทาอีกนะ” หลีเชินยิ้มพลางพูด แล้วก็หันหลังเดินจากไปซูมั่ว “…”เธอรู้สึกว่าหลีโย่วต้องเอาคำพูดที่เธอนินทาอีกฝ่ายไปเล่าให้หลีเชินฟังแน่ๆ ทำเอาเธอถึงกับทำตัวไม่ถูกขึ้นมาทันทีกอดของขวัญไว้ในมือ มองตามหลังของชายหนุ่ม เธอก้าวเข้าไปสองก้าวเหมือนจะตามไปคืนของ แต่ก็ถูกอีกฝ่ายโบกมือห้ามไว้“เดี๋ยวฉันไปส่งเอง เธอกลับทำงานเถอะ” โจวจิ่งอันพูดซูมั่วทำได้เพียงพยักหน้า มองคนที่กำลังลับสายตาไปเป้นครั้งสุดท้าย แล้วเดินกล
ซูมั่วได้ยินว่ารุ่นพี่ตามตัวเธอ จึงตามออกไปที่หน้าประตูโดยไม่ได้คิดอะไรมาก สุดท้ายก็ต้องเห็นผู้ชายคนหนึ่งที่เธอหวาดหวั่นเสียจนอยากจะหนีไปให้พ้นอีกฝ่ายเห็นว่าเธอเดินมาแล้ว ก็เอามือกอดอก เลิกคิ้วขึ้น ใบหน้าท่าทางดูพยายามอดกลั้นความเจ้าเล่ห์เอาไว้ เธอเลยอดผ่อนฝีเท้าให้ช้าลงไม่ได้ช่างขยันมาหาเธอจริง ๆ หรือว่าเธอจะเลี่ยงเหตุการณ์ตอนนี้ไปไม่ได้แล้ว? ชาที่เธอยกไป น้ำที่เธอรินให้มันอร่อยนักหรือว่ายังไงกัน“ประธานหลี ประธานโจว” เมื่อเดินมาถึงเบื้องหน้าคนทั้งคู่ ซูมั่วก็กล่าวทักทายพร้อมแย้มยิ้มเล็กน้อยอย่างเป็นมืออาชีพ“ประธานหลีมาหาเธอน่ะ” โจวจิ่งอันว่าซูมั่วผิวหน้าไปสบตากับชายหนุ่ม เธอยังคงรักษารอยยิ้มเล็ก ๆ ไว้ได้ พลางกล่าวว่า“ประธานหลีมาทั้งที ต้องขออภัยด้วยนะคะที่ไม่ได้ออกไปต้อนรับ”“ไม่ได้ออกไปต้อนรับก็ช่างเถอะ แต่นี่รู้แล้วก็ยังไม่โผล่หน้ามา ถึงกับต้องให้ผมมาหาคุณถึงที่อีก” หลีเชินว่าซูมั่ว ‘...ฉันไม่ได้ขอให้คุณมาสักหน่อย’“ครั้งหน้าฉันจะลงไปรอต้อนรับที่ด้านล่างบริษัทตั้งแต่เนิ่น ๆ เลยค่ะ” ซูมั่วยิ้มเล็กน้อยพลางกล่าว“คราวหน้ายังอยากเจอผมอีก?” หลีเชินเลิกคิ้วว่าซูมั่ว ‘..
หลีโย่วอ่านข้อความแล้วนึกขึ้นได้ว่าแม่ของเธอเคยพูดว่าจะให้พี่ชายเธอไปเจอลูกสาวของเพื่อนเก่าเพื่อนแก่อยู่สองสามคนจริง เลยพิมพ์ข้อความไปถามพี่ชายเธอว่าเป็นคุณหนูจากบ้านไหนเธอแค่ไปนอนบ้านซูมั่วแค่ไม่กี่วัน นึกไม่ถึงว่าพี่ชายเธอถึงกับว่องไวถึงขนาดนัดเดตคนตรง ๆ แล้วในฐานะที่เป็นน้องสาวก็ต้องดูลาดเลาล่วงหน้าว่าว่าที่พี่สะใภ้จะเข้ากันได้ดีไหม แถมยังถือโอกาสสืบว่าอีกฝ่ายมีพฤติกรรมเป็นอย่างไรไปด้วยในตัว ทว่าเธอไม่ได้รับข้อความตอบกลับจากผู้เป็นพี่ชาย เพราะอีกฝ่ายเมินเธอไปเลยหลังจากซูมั่วเลิกทำโอทีแล้วก็ไปยื่นเรื่องลางานวันพุธกับผู้อำนวยการ ด้วยตอนนั้นต้องไปขึ้นศาลเจิ้งเซวียนเตรียมหลักฐานทุกอย่างไว้อย่างพรักพร้อม เธอไม่จำเป็นต้องกังวลใจอะไร แค่เอาตัวเองไปขึ้นศาลก็พอวันต่อมาช่วงเช้า หลีเชินเดินทางมาติ่งเซิ่งเพื่อเซ็นสัญญาความร่วมมือ เมื่อร่วมมือกันสำเร็จเป็นที่เรียบร้อย ทั้งสองฝ่ายจึงจับมือพลางพูดคุยยิ้มแย้ม“ขอบคุณประธานหลีที่ไว้ใจ ติ่งเซิ่งจะไม่ทำให้คุณผิดหวังแน่นอน ทางเราจะพัฒนาซอฟต์แวร์ให้สมบูรณ์แล้วเสร็จภายในระยะเวลาที่กำหนดไว้ครับ” โจวจิ่งอันยิ้มเล็กน้อยพลางกล่าวหลีเชินพยักห
หลีเชินอยากจะพูดอะไรบางอย่าง ทว่าพอได้สติว่าเลขาพูดอะไรออกมาก็ชะงักไปทันที“เดี๋ยวนะ ความรัก?” หลีเชินพูดด้วยความงงงวย“ครับผม ยิ่งเตรียมตัวให้พร้อมและเป็นทางการเท่าไรก็ยิ่งดีเท่านั้น เป็นการเพิ่มอัตราความสำเร็จของการเดตไงครับ~” เลขายิ้มเล็กน้อยพลางว่า“แน่นอนว่าประธานหลีหล่อเหลามากความสามารถ ทั้งยังโดดเด่นเป็นสง่า ไม่มีของขวัญมาช่วยเสริมก็ต้องสำเร็จร้อยเปอร์เซ็นต์แน่นอน ของขวัญเป็นเพียงตัวเสริมที่ช่วยทำให้หวั่นไหว” เลขาพูดประจบหลีเชินได้ยินแล้วถึงกับคิ้วกระตุก นี่เลขาเขาเข้าใจผิดไปใหญ่แล้ว ถึงกับคิดว่าเขาจะนัดคนไปเดต...เขาก็แค่ต้องการขอโทษเท่านั้น“ไม่ใช่เดต” เขาอธิบายเลขาชะงักไป คิดในใจว่าคนที่จะได้รับน้ำหอมสตรีรุ่นนี้ไม่ใช่คู่เดตงั้นเหรอ? หรือว่าจะให้คุณหนูใหญ่?แต่ถ้าจะให้คุณหนูใหญ่ คนทั้งคู่อยู่ห่างกันแค่ชั้นบนกับชั้นล่างขวางกั้น ประธานหลีให้เขาเอาไปส่งด้วยตัวเองตรง ๆ ก็ได้แล้ว“งั้น... ยังต้องสั่งดอกไม้ไหมครับ” เลขาอึกอักถามหลีเชินเม้มปาก ครุ่นคิดครั้งแล้วครั้งเล่า สุดท้ายก็กล่าวปฏิเสธไป“ไม่ต้องสั่งแล้ว เอาแค่นี้แหละ”กุหลาบเหลืองยังไงก็ยังเป็นดอกกุหลาบอยู่ดี เ
[แค่คนไร้ความสามารถคลุ้มคลั่งขึ้นมาเท่านั้นแหละ คุกคามอะไรไม่ได้หรอก][วางใจได้~ ยกให้เป็นหน้าที่ผมรับรองว่าชนะแน่ แถมยังทำให้สามีเก่าคุณโมโหได้ด้วย]ซูมั่วเห็นดังนั้นก็สบายใจ แต่ยังคงถามต่อไปว่า[แล้วถ้าเขาหันมาเล่นงานตระกูลคุณเพื่อแก้แค้นล่ะจะทำยังไง?]เจิ้งเซวียน [ไม่สน ผมจะกลับไปข้าวต้มงานศพ แล้วก็ถือโอกาสสืบทอดมรดกไปด้วยเลย (ยิ้มยิงฟัน)]ซูมั่ว ‘เอ่อ...’พูดแบบนี้จะได้เหรอ? นี่มัน ‘กตัญญูตลกเวที’ ท้องแข็งเลยนะซูมั่วไม่ได้ถามเรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างเจิ้งเซวียนกับตระกูลของเขา เรื่องที่จะคุยจึงจบลงตรงนี้ทว่าคนอย่างฟู่อี้ชวนต้องตามแก้แค้นทีหลังแน่ ถึงตอนนั้นก็ค่อยจ่ายค่าทนายให้เจิ้งเซวียนมากเท่าที่จะมากได้แล้วกัน ถือเป็นค่าชดเชยทั้งสองคนพูดคุยกันจนจวนจะสิ้นสุด ทางหลีโย่วก็ตอบข้อความกลับมาแล้ว ซูมั่วอ่านแล้วอดกระตุกยิ้มมุมปากไม่ได้หลีโย่ว [ถ้าไม่ได้เรื่องก็ไล่เขาไปเลย ยังจะมาทำตัวน่าสงสารโปรยเสน่ห์ใส่เธออีก อีตาชายชั่ว][เธอเป็นลูกความของเขาเชียวนะ เขายังจะมาพูดกะล่อนแบบนี้กับเธออีก ฉันจะด่าว่าเขาหน้าหม้อ จีบดะไปเรื่อยก็ไม่ถือว่าเกินไปใช่ไหม?]นอกจากจะจิกกัดด้วยคำพูดแล้