/ รักโบราณ / นางกลับมาเพื่อร่ำรวย / บทที่ 19 ความวุ่นวายในยุคจักรวรรดิอวกาศ

공유

บทที่ 19 ความวุ่นวายในยุคจักรวรรดิอวกาศ

last update 최신 업데이트: 2025-08-20 21:47:59

ยุคจักรวรรดิอวกาศ ภายในสถานีวิจัยหลักของตระกูลหลี่ ชั้นบัญชาการพลังงานควอนตัม ความวุ่นวายกำลังเกิดขึ้นเมื่อคนที่หายตัวไปกลับเข้ามาสั่งงานจนกองพะเนิน

“โธ่เอ๋ย…ครั้งแรกผมก็นึกว่าท่านประธานหลี่ของเราหลุดเข้าไปอยู่ในปฏิกรณ์ชีวภาพจนแยกโมเลกุลไม่ออกเสียแล้ว ที่แท้…ก็แค่ติดภรรยาเท่านั้น”

ร่างสูงของหลี่โต๋วเปายืนพิงกรอบประตู มือซุกกระเป๋าเสื้อโค้ตสีเทาเรียบทว่าหรูหรา ไม่มีคำเถียงใด มีเพียงรอยยิ้มมุมปากที่เจือแววอ่อนโยนบางอย่าง…คล้ายไม่คิดปฏิเสธความจริงข้อนั้น

“ก็แค่ใช้เวลาให้คุ้มกับชีวิตบ้าง คุณต้องลองไปปลูกฟักทองดูสักครั้งสิ แล้วจะเข้าใจว่าทุกเช้าในทุ่งหมอกนั้นมีค่ามากกว่างานวิจัยที่เขียนมาพันปีเสียอีก”

หลี่เฮ้าถงกลอกตาเล็กน้อยขณะมองหลายชายเพียงคนเดียว ก่อนจะหัวเราะในลำคอเบาๆ

“อา…ฟักทองยังไม่เท่าไร แต่ถ้าประธานหลี่ของเราหายหน้าไปอีกสามเดือน ผมอาจจะกลับเข้าไปลักพาตัวภรรยาของท่านมาขังไว้ที่นี่แทน แล้วให้ท่านประธานเข้าออกห้องทดลองตลอดยี่สิบชั่วโมงเสียเลย”

“แบบนั้นก็เป็นความคิดที่ดีนะ” หลี่โต๋วเปาพึมพำ พร้อมกับหยิบซาลาเปาไส้เห็ดหอมออกมาจากถุงเล็กๆ ในมือ ก่อนจะยื่นให้ฝ่ายตรงข้ามอย่างไม่รีบร้อน “ของฝากจากโลกใบเก่า…ที่คุณชอบวิจารณ์ว่ารสชาติธรรมดานั่นแหละ”

หลี่เฮ้าถงมองถุงผ้าใบนั้นก่อนถอนหายใจยาวแล้วรับไว้ “บางทีสิ่งพิเศษก็อาจจะซ่อนอยู่ในความธรรมดาที่เราเผลอมองข้ามมันไปจริงๆ” ชายวัยกลางคนพูดจบก็กัดซาลาเปาเห็ดหอมลูกนั้นแล้วเคี้ยวตุ้ยๆ

สองอาหลานสกุลหลี่มองหน้ากันเพียงครู่หนึ่ง ราวกับความเข้าใจบางอย่างไม่ต้องพูดออกมาเป็นถ้อยคำยาวเหยียด

“ภรรยาของผม เธอชอบซาลาเปาร้านนี้มาก เลยคิดว่าคุณอาเองก็อาจจะชอบเหมือนกัน” สรรพนามเรียกแทนที่เปลี่ยนไปทำให้หลี่เฮ้าถงยิ้มออกมา

“ว่าแต่…” หลี่เฮ้าถงเอ่ยขึ้นอีกครั้งด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง “เด็กสาวคนนั้น เธอรู้รึเปล่าว่านายคืออดีตจอมพลที่มีความสามารถในการทำดาวสกัดพลังงานสามดวงระเบิดได้ในคราวเดียว ฮ่าๆๆ” หลี่เฮ่าถงหัวเราะเสียงเบา พลางหมุนแหวนทองแดงที่นิ้วนางข้างซ้ายอย่างไม่ตั้งใจ

“ไม่รู้ครับ…เธอเกลียดคนสกุลหลี่ แถมสายเลือดของผมก็ยังเป็นสกุลหลี่ที่เธอเกลียด ตอนนี้ผมก็เลยหวังว่าเธอจะไม่มีวันรู้ความลับนั่น”

หลี่เฮ้าถงแสร้งหัวเราะในลำคออีกครั้ง ก่อนจะหยุดลงด้วยรอยยิ้มอบอุ่นยิ่งกว่าครั้งไหน ชายวัยกลางคนมองชายหนุ่มที่นั่งฝั่งตรงข้ามอย่างเงียบๆ แล้วจึงตัดสินใจเอ่ยช้าๆ ด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนกว่าทุกถ้อยคำที่ผ่านมา

“อาเปา ไม่ว่านามสกุลของนายจะเป็นอะไรก็ตาม อย่าลืมว่าที่นี่คือบ้านของนาย นายมีภาระอันยิ่งใหญ่ และตอนนี้ภรรยาของนายก็เป็นคนในครอบครัวสกุลหลี่แล้ว หากนายตัดสินใจจะพาเธอมาที่นี่…นั่นก็เป็นสิ่งที่ดี”

“….”

“เธอคงเป็นคนที่ดีมาก ถึงทำให้หลานชายเพียงคนเดียวของฉัน กล้าละทิ้งเกียรติยศทั้งจักรวาลเพื่อไปอยู่ข้างเธอ…”

หลี่โต๋วเปาเงียบไปชั่วครู่

“เธอไม่เคยถามว่าผมเป็นใคร ไม่เคยสนว่าในอดีตผมจะเคยทำอะไรไว้บ้าง แต่เธอเชื่อมั่นในตัวผม เชื่อว่าถ้าผมปลูกผักไม่ขึ้น ผมก็ยังสามารถเรียนรู้ใหม่ได้ทุกวัน”

“แบบนั้นแหละที่เรียกว่าคู่ชีวิต” หลี่เฮ้าถงยิ้ม “ส่งข่าวให้ฉันด้วย ถ้าจะพาเธอมาที่นี่ จะได้เตรียมห้องพักที่เห็นแสงเนบิวลาไว้ให้”

กล่าวจบหลี่เฮ้าถงก็ยักไหล่เบาๆ ก่อนจะลุกขึ้นยืน

“ถึงฉันจะแก่มากแล้ว แต่เรื่องสร้างความประทับใจให้ผู้หญิงน่ะฉันไม่เคยลืมหรอก ฮ่าๆๆ”

[ณ หอการค้าหลี่เจิ้นหลัน เขตเมืองหลวงจักรวาล]

ยามที่ประตูโค้งที่มีพลังงานสีเงินส่องสว่างเปิดออก เสียงปัญญาประดิษฐ์จากบอร์ดประสาทกลเคลือบทองคำแท้ก็ดังขึ้นเบาๆ

“ยินดีต้อนรับท่านหลี่โต๋วเปา ลำดับเครดิต 0001 เจ้าของสิทธิบัตรระดับ S+ ผู้ถือครองหุ้นสูงสุดของจักรวาล เข้าสู่ระบบแล้ว”

ชายหนุ่มในชุดสูทสีดำสนิทตัดกับอินเนอร์สีเงินเทา เดินก้าวเข้าสู่ห้องประชุมสูงสุดของหอการค้า ท่ามกลางสายตาของเจ้าของดาวน้อยใหญ่นับร้อย

หลี่โต๋วเปาไม่เอ่ยคำใด ดวงตาสีอความารีนใต้แสงหลอดพลังงานควอนตัมฉายความนิ่งลึกเฉกเช่นทะเลที่ไร้คลื่นลม

“ท่านประธานหลี่ครับ โปรเจกต์ซิงเสียน 02 ของคุณ…มันเหนือกว่าความคาดหมายมากจริงๆ” เสียงของที่ปรึกษาเศรษฐกิจชั้นสูงเอ่ยขึ้นช้าๆ น้ำเสียงนั้นแฝงทั้งความชื่นชมและความยินดีเอาไว้

“ท่านรวมการสตรีมข้ามมิติเข้ากับระบบพลังงานชีวภาพ และเครือข่ายเซลล์สื่อสารระหว่างดาวเคราะห์เข้าด้วยกันได้อย่างไร้รอยต่อ ทั้งที่ยังไม่มีใครกล้าขยับแม้แต่ครึ่งก้าว สมแล้วที่เป็นผู้นำสูงสุดของพวกเรา”

หลี่โต๋วเปาเพียงยิ้มบาง ในใจเหนื่อยหน่ายกับคำเยินยอยิ่งนัก ทว่าไม่อาจทำสิ่งใดได้มากไปกว่าการรับคำชมของตาแก่พวกนี้

“ผมก็แค่…นำสิ่งที่คนยังไม่เห็น มาวางให้พวกเขาเห็นเท่านั้น”

ภาพเสมือนโฮโลกราฟิกเบื้องหลังแสดงแผนธุรกิจในอีกร้อยปีของชายหนุ่ม แต่ละเส้นสายตัดกันราวกับแผนการศึกในสนามรบ ทว่านับเป็นเส้นทางการลงทุนที่ไร้ช่องโหว่โดยสิ้นเชิง

“ในเมื่อพวกคุณยังมองว่าโลกเก่าคือของไร้ค่า…” โต๋วเปากล่าว ขณะใช้ปลายนิ้วกดแสดงภาพตลาดพื้นพิภพยุคโบราณ “ผมก็ขอเก็บเกี่ยวมรดกนั้นไว้คนเดียวก็แล้วกัน”

เสียงประชุมเงียบสนิท ราวกับแรงโน้มถ่วงถูกลดลงสู่ศูนย์ ชายหนุ่มหมุนแหวนสื่อสารที่นิ้วช้าๆ พร้อมพูดต่อด้วยน้ำเสียงราบเรียบ หากแต่ลึกล้ำจนผู้ฟังต้องตั้งใจจับประเด็นจนเหงื่อเย็นผุดขึ้นมาบนผิว

“ธุรกิจ…ไม่ใช่การเร่งขยายเพียงอย่างเดียว หากแต่คือการวางหมากให้ครบ ก่อนจะลงมือเดิน”

ภาพสุดท้ายที่ปรากฏขึ้นบนจอ คือเรือนหลังหนึ่งในโลกยุคโบราณที่ปลูกผัก ทอผ้า ทำอาหารอย่างเรียบง่าย พร้อมเสียงเด็กหญิงเด็กชายหัวเราะเบาๆ ดังลอดออกมา

หลี่โต๋วเปามองมันเพียงครู่หนึ่ง ก่อนเอ่ยต่อ

“และหมากที่สำคัญที่สุดก็อยู่ในกำมือของผมแล้ว หวังว่าพวกคุณจะตั้งใจอ่านแผนธุรกิจค้าขายของผมอย่างตั้งใจ และสามารถปฏิบัติได้ตามช่วงเวลาที่ผมกำหนดไว้”

ในอีกด้านของโลกใบเก่า…

หลังจากส่งสามีออกเดินทางไปกับคณะพ่อค้าของผู้อาวุโสสวี่ ตอนนี้วันเวลาผ่านไปได้เดือนกว่าแล้ว ภายในห้องเล็กริมสวน ฉินอี้หนิงยืนนิ่งอยู่ริมหน้าต่าง ดวงตากลมสวยทอดมองแปลงผักที่หลี่โต๋วเปาเป็นผู้ปลูก มองเครื่องเรือนไม้ที่เขาประดิษฐ์ขึ้นมาเองกับมือ มองอุปกรณ์ทำไร่ที่เขามักถือมันขึ้นมาในทุกเช้า แต่บัดนี่เจ้าของของมันกลับไม่อยู่ให้เห็นหน้านานนับเดือน

“หนิงเอ๋อร์ เจ้าแน่ใจแล้วหรือว่าจะสามารถรออยู่ที่นี่เพียงคนเดียวได้จริงๆ” เสียงท่านยายดังขึ้นเบื้องหลัง หญิงชราถือถ้วยน้ำขิงอุ่นๆ ไว้ในมือ ดวงตาเต็มไปด้วยความอบอุ่นปนสงสารในชะตาของหลานสาว

ฉินอี้หนิงพยักหน้าเบาๆ มือเรียวสวยยกขึ้นแตะบนหน้าท้องที่เริ่มนูนขึ้นมานิดๆ ของตน

“แน่ใจเจ้าค่ะ เพราะข้าสัญญากับเขาไว้ว่าจะรอเขาอยู่ที่บ้านของเรา แถมตอนนี้ก็เกินหนึ่งเดือนไปมากแล้ว ไม่นานเขาก็คงจะกลับมาหาข้า”

ท่านตาและท่านยายเงียบไปชั่วขณะ ก่อนจะหันมองหน้ากันด้วยความกังวลใจ ท่านตายกมือขึ้นสัมผัสไหล่ภรรยาเบาๆ ก่อนจะแสร้งทำตัวมีความสุขเพื่อกล่าวบางอย่างให้บรรยากาศสดใสขึ้น

“อีกไม่นานเจ้าตัวน้อยในครรภ์ก็คงออกมาดูโลก” ท่านตากล่าวพลางลูบเคราเบาๆ “นับจากนั้นเรือนนี้คงไม่เงียบเหงาอีกต่อไปแล้วละนะ…”

ทว่าในขณะที่ทุกคนต่างแสดงความยินดี ฉินอี้หนิงกลับนิ่งเงียบ ดวงตาของนางยังคงทอดมองไปบนฟ้าไกล ส่งความคิดคำนึงไปถึงบุรุษผู้เป็นสามี ผู้ที่พานางออกจากความเศร้าในอดีต ผู้ที่ทำให้นางกล้าที่จะรักใครอีกครั้ง และทำให้นางมีทุกอย่างเช่นวันนี้

หลี่โต๋วเปายังไม่รู้ว่านางกำลังจะมีบุตรกับเขา ว่าบุตรของเราทั้งสองมีอายุได้สี่เดือนกว่าแล้ว หญิงสาวครุ่นคิดมาหลายวัน กระทั่งวันต่อมานางจึงตัดสินใจที่จะทำบางอย่าง

ฉินอี้หนิงจึงเดินทางไปหาอดีตขุนนางสวี่อี้เจินด้วยตนเอง หวังให้เขาช่วยส่งข่าวถึงหลี่โต๋วเปาในแดนไกล เพราะตอนนี้มันเลยเวลาที่เขาควรกลับมาไปไกลโขแล้ว

บ่ายวันนั้น ที่ใต้ต้นหลิวซึ่งกำลังออกดอกอ่อน กลีบสีขาวโปรยปรายลงบนพื้นดิน มองแล้วสวยงามอย่างยิ่ง

“ผู้อาวุโสสวี่…” นางโค้งคำนับอย่างนอบน้อม “ข้ามีเรื่องหนึ่งอยากขอร้องผู้อาวุโส”

ชายชราหยุดลูบเครา ก่อนหันมามองด้วยแววตาสงบ “นึกว่าใคร ที่แท้ก็ภรรยาของเจ้าหนุ่มสกุลเยว่ผู้นั้นนี่เอง เจ้าว่าไปมาเถิดแม่หนู”

“ข้าต้องการส่งข่าวถึงสามีของข้าเจ้าค่ะ…เขาไปค้าขายกับท่าน ใช่หรือไม่เจ้าคะ เหตุใดหนึ่งเดือนกว่าแล้วเขาจึงยังไม่กลับมา?”

คำถามนั้นทำให้คิ้วของสวี่อี้เจินขมวดเล็กน้อย ราวกับไม่เข้าใจ

“ค้าขายรึ?” เขาทวนคำ “ข้าไม่เคยมีแผนออกเดินทางในช่วงสองสามเดือนที่ผ่านมา และข้าก็ไม่เคยชวนเยว่หนี่ฉางออกไปที่ใด แม้จะมีความคิดนั้นอยู่ เพียงแต่ข้ายังไม่มีเรื่องน่าสนใจให้คนฝีมือดีอย่างเขาไปทำ”

“ท่านว่าอย่างไรนะเจ้าคะ…” ฉินอี้หนิงเบิกตากว้าง ราวกับโลกทั้งใบของนางได้หยุดหมุนไปชั่ววินาทีหนึ่ง เสียงใบหลิวที่ร่วงลงมาดังแผ่วในความเงียบงัน ดวงตาของหญิงสาวสั่นไหวก่อนจะก้มต่ำ

หลี่โต๋วเปา…หายไปเอง โดยไม่บอกกล่าว และไม่ได้เดินทางไปกับใคร

แล้วเขาอยู่ที่ไหน?

เขาจะยังจะกลับมาหานางอยู่หรือไม่?

ต่างฝ่ายต่างเงียบไปครู่หนึ่ง อดีตขุนนางเฒ่าสวี่อี้เจินยกพัดขนนกกระเรียนขึ้นมาปิดริมฝีปากของตนเล็กน้อย ดวงตาลุ่มลึกจงใจจับจ้องใบหน้าของหญิงสาวตรงหน้าอย่างครุ่นคิด

“แม่นางฉิน…พอเจ้าโตขึ้น ข้าคงไม่เคยพบหน้าเจ้านานเกินไป แต่ไม่รู้เหตุใด พอได้เห็นเจ้าใกล้ๆ กลับให้ความรู้สึกคล้ายคลึงกับ…” ชายชราเว้นคำ ทว่าแววตากลับเปี่ยมความสงสัยระคนระวัง

“คล้ายใครหรือเจ้าคะ?” เสียงของอี้หนิงเบาลงโดยไม่รู้ตัว

“คล้ายฮองเฮาในรัชสมัยก่อน” สวี่อี้เจินตอบช้าๆ พลางจ้องมองดวงหน้างามล้ำของหญิงสาวอีกครั้ง “เมื่อข้ายังเป็นขุนนางฝ่ายธรรมการ เคยเข้าเฝ้าพระนางอยู่หลายครั้ง ฮองเฮาพระองค์นั้นก็มีนัยน์ตาเรียวยาวเช่นนี้…ผิวพรรณก็คล้ายกันนัก หากกล่าวว่าเจ้าเป็นสายเลือดเดียวกัน ข้าก็ย่อมเชื่อ”

ฉินอี้หนิงชะงัก หัวใจเริ่มสั่นไหวอย่างประหลาด ฉับพลันที่ความหวาดกลัวต่างๆ แล่นเข้ามาผสมปนเปอยู่ในทรวงอกของนาง จนพาลให้รู้สึกสะอิดสะเอียน

“ข้าเป็นเพียงสาวชาวบ้าน เรื่องนั้นอาจเป็นเพียงเรื่องบังเอิญกระมังเจ้าคะ” นางเอ่ยเสียงเบา พร้อมรอยยิ้มที่จืดเจื่อน ไม่รอช้า หญิงสาวรีบค้อมกายเป็นเชิงขอตัวลาทันที “หากไม่มีข่าวจากสามี เช่นนั้นข้าคงต้องขอตัวกลับก่อนนะเจ้าค่ะ ขอบพระคุณผู้อาวุโสที่กรุณารับฟัง”

“อืม…” ขุนนางเฒ่าพยักหน้าเบาๆ

ฉินอี้หนิงหมุนกายกลับ ร่างงามเดินผ่านร่มเงาของต้นหลิวที่โปรยกลีบลงมาเป็นสาย ในใจเต็มไปด้วยความกังวลอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ทั้งเรื่องของสามีและเรื่องที่อดีตขุนนางสวี่ผู้นี้กล่าวออกมา

เงาหลังของหญิงสาวหายลับไปตามแนวทางหินกรวดที่ทอดตัวยาว ขณะที่ขุนนางสวี่ยังคงยืนนิ่งอยู่ใต้ชายคาเรือนใหญ่ ใบหน้าชราภาพแฝงไปด้วยความเจ้าเล่ห์ ก่อนที่ชายชราจะเรียกพ่อบ้านคนสนิทมารับคำสั่ง

“นายท่าน สตรีงามล่มเมืองจะมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร บนโลกนี้ไม่มีความบังเอิญอย่างแน่นอน ข้าได้ยินมาว่าผู้อาวุโสฉินและภรรยาพบนางนอนสลบอยู่ที่ริมแม่น้ำ จึงนำมาเลี้ยงดู อีกทั้งในตอนที่พบนั้น เป็นวันเดียวกับที่องค์หญิงหรันฝูหรงหายตัวไปขอรับ”

ชายชราลูบเคราของตนเบาๆ “เช่นนั้นข้าจะพลาดรางวัลชิ้นใหญ่ไปได้อย่างไร ฮ่าๆๆ ส่งคนไปแจ้งแก่องค์จักรวรรดิ ว่าข้าพบองค์หญิงหรันฝูหรงแล้ว”

이 책을 계속 무료로 읽어보세요.
QR 코드를 스캔하여 앱을 다운로드하세요

최신 챕터

  • นางกลับมาเพื่อร่ำรวย   บทที่ 21 ทวงคืนภรรยาที่ถูกพรากไป (จบบริบูรณ์)

    กลับมาที่สถานการณ์ในปัจจุบัน…สิ้นเสียงเหี้ยมกับประโยคไร้มารยาทนั้น เมื่อหลี่หยางหนิงอันหันไปสบสายตากับอีกฝ่าย สิ่งที่เห็นตรงหน้านั้นไม่ใช่เพียงใบหน้าที่ดูคล้ายเขาราวกับแกะ แต่เป็นโทสะและความเหี้ยมเกรียมในแบบที่เขารู้จักดี“เจ้ากล้ามาก ที่มาแตะต้องภรรยา และแตะต้องลูกของข้า” เสียงของหลี่โต๋วเปานิ่งงัน แต่ทุ้มต่ำจนเหมือนจะสามารถสะเทือนผนังหินของตำหนักได้อย่างง่ายดายหลี่หยางหนิงอันเลิกคิ้วเล็กน้อย “ข้ากำลังจะสั่งให้หมอหลวงเอาเด็กในท้องนางออกพอดี แต่เพราะต้องพักฟื้นร่างกายนาน เลยคิดว่าจะพาขึ้นเตียงทั้งที่ยังท้อง คงให้อารมณ์แปลกใหม่ไม่น้อย” ฮ่องเต้องค์ปัจจุบันจงใจยั่วโมโหฝ่ายนั้น “เช่นนั้นเจ้าคงคิดจะฆ่าข้าสินะ?”ชายหนุ่มในชุดซอมซ่อสีเทาไม่ตอบ มือข้างหนึ่งยกขึ้นช้าๆ ดวงตาของเขาเรืองแสงวาบสีฟ้าอความารีนแผ่วเบา คล้ายกระจกจักรวาลที่สามารถสะท้อนแรงโน้มถ่วงให้ย้อนคืนได้ฉับพลันที่อากาศรอบตัวเริ่มสั่นสะเทือน แรงกดดันไร้รูปประหนึ่งกำปั้นพลังจิตกระแทกเข้าที่กลางอกของจักรพรรดิหนุ่มหลี่หยางหนิงอัน จนเจ้าตัวต้องยกมือขึ้นป้องกันอันตรายที่มองไม่เห็น“อย่าคิดว่าต่อจากนี้เจ้ายังจะสามารถอยู่หายใจได้อีก…”

  • นางกลับมาเพื่อร่ำรวย   บทที่ 20 ไม่ให้อดีตซ้ำรอยเดิม

    หนึ่งเดือนกับอีกสามสัปดาห์ที่หลี่โต๋วเปายังไม่กลับมา ฉินอี้หนิงนั่งจิบชากุหลาบอยู่ที่ชายเรือนสกุลฉิน ลมยามบ่ายพัดกรูจากทิศตะวันออก พาเอาใบไผ่ที่ลู่ลมอยู่บนเนินเตี้ยหล่นเกลื่อนทั่วลานทว่าเสียงกีบม้านับสิบและฝีเท้าเกราะเหล็กที่ดังกึกก้องยิ่งกว่าเสียงพายุ กลับทำให้หมู่บ้านฮุ่ยฟางที่เคยเงียบงัน เกิดความสนันหวั่นไหวราวกับมีเงามรณะเคลื่อนเข้ามาปกคลุมทั่วผืนดินรถม้าขนาดใหญ่สลักลายมังกรดำขอบทอง เคลื่อนมาหยุดลงบริเวณหน้าบ้านสกุลฉิน ก่อนที่บรรดาทหารสวมเกราะดำประทับตราจักรพรรดิหลี่จะวิ่งเข้ามารายล้อมรอบบ้านเอาไว้ ตามมาด้วยเสียงแม่ทัพหนุ่มผู้หนึ่งตวาดดังแทรกเสียงใบไม้ปลิว“เรามารับตัวหรันฝูหรง สตรีอายุสิบเก้าหนาวที่ซ่อนตัวในหมู่บ้านแห่งนี้!”ท่านตาฉินที่กำลังสานกระด้งไม้ไผ่รีบก้าวออกมาจากเรือน ร่างชราภาพฝืนฝ่าแนวทหารเข้ามาขวาง“ขออภัยด้วย ที่นี่ไม่มีใครชื่อเช่นนั้นหรอกขอรับ ข้าไม่รู้จัก! ส่วนสตรีที่อายุสิบเก้า ที่นี่ก็มีเพียงบ้านสกุลหลาน สกุลซ่ง สกุลกั๋ว และหลานสาวของข้า…นางชื่อฉินอี้หนิง”แม่ทัพผู้นั้นกระตุกยิ้มมุมปาก พร้อมทั้งจ้องมองฉินอี้หนิงอย่างเย้ยหยัน“เช่นนั้นข้าก็มาถูกแล้วล่ะ เพราะนามเ

  • นางกลับมาเพื่อร่ำรวย   บทที่ 19 ความวุ่นวายในยุคจักรวรรดิอวกาศ

    ยุคจักรวรรดิอวกาศ ภายในสถานีวิจัยหลักของตระกูลหลี่ ชั้นบัญชาการพลังงานควอนตัม ความวุ่นวายกำลังเกิดขึ้นเมื่อคนที่หายตัวไปกลับเข้ามาสั่งงานจนกองพะเนิน“โธ่เอ๋ย…ครั้งแรกผมก็นึกว่าท่านประธานหลี่ของเราหลุดเข้าไปอยู่ในปฏิกรณ์ชีวภาพจนแยกโมเลกุลไม่ออกเสียแล้ว ที่แท้…ก็แค่ติดภรรยาเท่านั้น”ร่างสูงของหลี่โต๋วเปายืนพิงกรอบประตู มือซุกกระเป๋าเสื้อโค้ตสีเทาเรียบทว่าหรูหรา ไม่มีคำเถียงใด มีเพียงรอยยิ้มมุมปากที่เจือแววอ่อนโยนบางอย่าง…คล้ายไม่คิดปฏิเสธความจริงข้อนั้น“ก็แค่ใช้เวลาให้คุ้มกับชีวิตบ้าง คุณต้องลองไปปลูกฟักทองดูสักครั้งสิ แล้วจะเข้าใจว่าทุกเช้าในทุ่งหมอกนั้นมีค่ามากกว่างานวิจัยที่เขียนมาพันปีเสียอีก”หลี่เฮ้าถงกลอกตาเล็กน้อยขณะมองหลายชายเพียงคนเดียว ก่อนจะหัวเราะในลำคอเบาๆ“อา…ฟักทองยังไม่เท่าไร แต่ถ้าประธานหลี่ของเราหายหน้าไปอีกสามเดือน ผมอาจจะกลับเข้าไปลักพาตัวภรรยาของท่านมาขังไว้ที่นี่แทน แล้วให้ท่านประธานเข้าออกห้องทดลองตลอดยี่สิบชั่วโมงเสียเลย”“แบบนั้นก็เป็นความคิดที่ดีนะ” หลี่โต๋วเปาพึมพำ พร้อมกับหยิบซาลาเปาไส้เห็ดหอมออกมาจากถุงเล็กๆ ในมือ ก่อนจะยื่นให้ฝ่ายตรงข้ามอย่างไม่รีบร้อน “ข

  • นางกลับมาเพื่อร่ำรวย   บทที่ 18 ข้อเสนอปลอมๆ จากขุนนางสวี่

    หลังเกี่ยวและตากข้าวจนเสร็จสรรพ ครอบครัวสกุลฉินก็เว้นช่วงเวลาสำหรับหยุดพักผ่อน ด้วยเพราะร่างกายที่ชราภาพของท่านตาท่านยาย พอทำงานไร่นานานเข้าจึงปวดเมื่อยมากกว่าปกติส่วนหลี่โต๋วเปาและฉินอี้หนิงก็ใช้เวลาส่วนมากอยู่กับการดูแลสวนผัก ขึ้นเขาไปล่าสัตว์มาขาย และใช้เวลาร่วมกันในฐานะสามีภรรยาทว่าวันนี้ แขกผู้มาเยือนกลับเป็นอดีตขุนนางผู้ต้องสูญเสียบ้านให้หลี่โต๋วเปาอย่างสวี่อี้เจิน“คารวะผู้อาวุโส”เสียงทุ้มของหลี่โต๋วเปาเอ่ยช้าๆ ดวงตาเรียวคมสังเกตท่วงท่าการเดินของฝ่ายตรงข้าม รู้สึกคุ้นเคยนัก ทว่านี่ไม่ใช่ท่าทีของผู้อาวุโสสวี่อี้เจินที่เขาเคยประลองหมากล้อมด้วยอย่างแน่นอน“เจ้าน่ะใช้ชีวิตได้ดี กลายเป็นผู้เยาว์ที่สร้างครอบครัวอบอุ่นจริงเชียว” ชายชรามองสำรวจทั่วทุกมุมบ้านราวกับไม่เคยเห็น ก่อนที่สายตาจะพลันมาหยุดลงที่ร่างบอบบางของฉินอี้หนิงซึ่งบัดนี้ได้กลายเป็นสาวงามเต็มตัวไปเสียแล้ว “โอ้~ นี่คือฉินอี้หนิงคนนั้นรึ…” ชายชรายิ้มอย่างสดใสพลางมองสำรวจใบหน้างามอย่างชื่นชม“เชิญผู้อาวุโสสวี่นั่งพักก่อนเจ้าค่ะ ข้าจะไปเอาชาอวิ๋นอู้ [1] ที่ได้จากภูเขาหลูซานมาให้” เสียงหวานกล่าวอย่างอ่อนโยน ขณะเดินหายเข้าไป

  • นางกลับมาเพื่อร่ำรวย   บทที่ 17 ฤดูเกี่ยวข้าว

    วันเวลาผ่านเลยไปจากวันกลายเป็นหนึ่งเดือน ยามนี้สายลมปลายเดือนเปลี่ยนผิวทุ่งนาหน้าบ้านให้กลายเป็นสีทองอร่าม ลำต้นข้าวโน้มลงตามแรงน้ำหนักของรวงเมล็ดที่สุกงอม ท่ามกลางแสงอาทิตย์อุ่นอ่อนในยามเช้า เสียงเคียวเกี่ยวข้าวเสียดสีเบาๆ สะท้อนชัดอยู่กลางนาหลี่โต๋วเปาค้อมตัวใช้เคียวไม้ด้ามสั้นในมือเกี่ยวรวงข้าวอย่างระมัดระวัง ท่วงท่าของเขาแม้ยังไม่คล่องแคล้วนัก แต่ก็เปี่ยมไปด้วยความตั้งใจ มือทั้งสองที่แกร่งอยู่แล้วบัดนี้ยิ่งแกร่งขึ้นซึ่งเป็นผลจากการจับจอบ ขุดหลุม และหาบน้ำทุกวัน จนรอยด้านปรากฏชัดที่ฝ่ามือ“เจ้าหนุ่มจากเมืองหลวง เจ้าน่ะก้าวหน้ากว่าที่ข้าเคยคิดไว้มากจริงๆ”เสียงของท่านตาดังมาจากอีกฟากของแปลงข้าว ใต้หมวกฟางเก่าคร่ำ ดวงตาของชายชรายังสะท้อนความชื่นชมไม่เสื่อมคลายหลี่โต๋วเปาเช็ดเหงื่อบนหน้าผาก แล้วหัวเราะเบาๆ ชายหนุ่มย้อนนึกถึงตอนที่เขาอยู่ในตำแหน่งจอมพล ถ้าตอนนี้อยู่ในยุคจักรวรรดิ เขาคงสามารถสั่งคนให้ขุดหลุมปลูกข้าวได้เป็นพันหลุม แต่เพิ่งรู้ว่าสิ่งที่ยากที่สุด คือการเกี่ยวข้าวแค่เพียงมัดเดียว“ฮ่าๆๆ เจ้ารู้วิธีปลูกและเก็บเกี่ยวข้าวแล้ว เช่นนั้นก็ถือว่าสำเร็จไปครึ่งหนึ่งของชีวิต” ท่านต

  • นางกลับมาเพื่อร่ำรวย   บทที่ 16 หนึ่งยามในคืนวสันต์ มีค่าดั่งพันทอง

    หลังผ่านพ้นค่ำคืนของการร่วมหอ ร่างงามก็ซุกตัวอยู่ในอ้อมอกแกร่งไม่ไปไหน หลี่โต๋วเปาไม่ได้นอนทั้งคืน เพราะกว่าเขาจะเสร็จกิจแต่ละรอบก็ใช้เวลานานเสียจนตัวเขาเริ่มนอนไม่หลับ ได้แต่กอดฉินอี้หนิงไว้ ขณะมองใบหน้าขาวนวลในยามนิทราบนโต๊ะข้างเตียงมีกะละมังไม้ใส่น้ำอุ่นที่เริ่มจะเย็นชืด พร้อมด้วยผ้าขาวที่ถูกใช้แล้ววางพาดอยู่ แน่นอนว่าเป็นหลี่โต๋วเปาที่นำมันมาเพื่อเช็ดผิวกายให้ภรรยาตัวน้อย อาจเพราะเขาไม่ได้ปลดปล่อยตนเองมานานหลายปี เจ้าของเหลวสีขาวขุ่นเหล่านั้น จึงมีมากเสียจนอาจทำให้ฉินอี้หนิงนอนหลับแบบไม่สบายตัวนัก ซึ่งในฐานะผู้กระทำ เขาจึงต้องทำความสะอาดให้นางทุกครั้งแพขนตาหนาที่เริ่มขยับน้อยๆ ทำให้หลี่โต๋วเปาอดไม่ได้ที่จะก้มลงไปจุมพิตบนเปลือกตาของนาง ไล่เรื่อยลงไปจนถึงหน้าอกนุ่มที่เต็มไปด้วยร่องรอยสีกุหลาบฉินอี้หนิงที่เพิ่งลืมตาตื่นขึ้นมา เผลอทำหน้าอิดออดน้อยๆ เมื่อส่วนล่างของนางมันทั้งบวมและเจ็บระบมอย่างที่ไม่เคยเป็น ค่ำคืนเข้าหอนี้ผ่านไปอย่างยากลำบากจริงๆ ยิ่งเมื่อผู้เป็นสามีไม่ยอมจบดังที่ควรเป็นใต้ผ้าห่มมีบางอย่างขยับอยู่ เคลื่อนจากหน้าอกสู่ส่วนล่างอย่างเชื่องช้า ทว่าทุกการสัมผัสล้วนเต็มไป

더보기
좋은 소설을 무료로 찾아 읽어보세요
GoodNovel 앱에서 수많은 인기 소설을 무료로 즐기세요! 마음에 드는 책을 다운로드하고, 언제 어디서나 편하게 읽을 수 있습니다
앱에서 책을 무료로 읽어보세요
앱에서 읽으려면 QR 코드를 스캔하세요.
DMCA.com Protection Status