/ รักโบราณ / นางกลับมาเพื่อร่ำรวย / บทที่ 16 หนึ่งยามในคืนวสันต์ มีค่าดั่งพันทอง

공유

บทที่ 16 หนึ่งยามในคืนวสันต์ มีค่าดั่งพันทอง

last update 최신 업데이트: 2025-08-20 21:46:24

หลังผ่านพ้นค่ำคืนของการร่วมหอ ร่างงามก็ซุกตัวอยู่ในอ้อมอกแกร่งไม่ไปไหน หลี่โต๋วเปาไม่ได้นอนทั้งคืน เพราะกว่าเขาจะเสร็จกิจแต่ละรอบก็ใช้เวลานานเสียจนตัวเขาเริ่มนอนไม่หลับ ได้แต่กอดฉินอี้หนิงไว้ ขณะมองใบหน้าขาวนวลในยามนิทรา

บนโต๊ะข้างเตียงมีกะละมังไม้ใส่น้ำอุ่นที่เริ่มจะเย็นชืด พร้อมด้วยผ้าขาวที่ถูกใช้แล้ววางพาดอยู่ แน่นอนว่าเป็นหลี่โต๋วเปาที่นำมันมาเพื่อเช็ดผิวกายให้ภรรยาตัวน้อย อาจเพราะเขาไม่ได้ปลดปล่อยตนเองมานานหลายปี เจ้าของเหลวสีขาวขุ่นเหล่านั้น จึงมีมากเสียจนอาจทำให้ฉินอี้หนิงนอนหลับแบบไม่สบายตัวนัก ซึ่งในฐานะผู้กระทำ เขาจึงต้องทำความสะอาดให้นางทุกครั้ง

แพขนตาหนาที่เริ่มขยับน้อยๆ ทำให้หลี่โต๋วเปาอดไม่ได้ที่จะก้มลงไปจุมพิตบนเปลือกตาของนาง ไล่เรื่อยลงไปจนถึงหน้าอกนุ่มที่เต็มไปด้วยร่องรอยสีกุหลาบ

ฉินอี้หนิงที่เพิ่งลืมตาตื่นขึ้นมา เผลอทำหน้าอิดออดน้อยๆ เมื่อส่วนล่างของนางมันทั้งบวมและเจ็บระบมอย่างที่ไม่เคยเป็น ค่ำคืนเข้าหอนี้ผ่านไปอย่างยากลำบากจริงๆ ยิ่งเมื่อผู้เป็นสามีไม่ยอมจบดังที่ควรเป็น

ใต้ผ้าห่มมีบางอย่างขยับอยู่ เคลื่อนจากหน้าอกสู่ส่วนล่างอย่างเชื่องช้า ทว่าทุกการสัมผัสล้วนเต็มไปด้วยความเสียวซ่าน ร่างเล็กสะดุ้งน้อยๆ เมื่อถูกปลุกเร้าความรัญจวนใจ ฉินอี้หนิงจิกเล็บลงบนฟูกนอน ไม่นานเรียวขางามก็ถูกแยกออกและตามมาด้วยความรู้สึกคับแน่นที่นางคุ้นเคย

เตียงไม้เริ่มขยับตามจังหวะของเอวสอบ บางคราก็เนิบช้าอย่างหนักแน่น บางคราก็ถี่รัวเสียจนฉินอี้หนิงอยากร้องขอชีวิต

ร่างสูงกำยำยังคงอยู่ใต้ผ้าห่ม มีเพียงเสียงหอบหายใจและเสียงครางทุ้มต่ำของเขาที่ดังลอดออกมาเป็นระยะ

“โต๋วเปา…” เสียงหวานเรียกชื่อของฝ่ายตรงข้ามราวกับพึมพำ ขณะที่มือเรียวเล็กพยายามดึงผ้าห่มออกเพื่อคว้าจับมือใหญ่ไว้ให้อุ่นใจ “กอดข้าหน่อยเจ้าค่ะ”

หลี่โต๋วเปาวางผ้าห่มไว้ข้างๆ ก่อนจะก้มลงไปหาร่างบอบบางของภรรยาตัวน้อย มือใหญ่จับสะโพกเล็กล็อกไว้เมื่อใกล้ถึงฝั่ง ในขณะที่ฉินอี้หนิงโอบกอดเขาด้วยอ้อมแขนที่สั่นเทา

“เหตุใดท่านถึงไม่รู้จักพอเสียที” นางกระซิบถามคนตัวโตที่กำลังครางกระเส่า “ข้าควรลุกไปทำอาหารเช้าได้แล้ว”

ชายหนุ่มหัวเราะเบาๆ “เช้านี้ข้าทำให้กินเอง” เพราะเขากินนางบนเตียงไม่เคยอิ่มจริงๆ ยิ่งได้ยินเสียงหวานคราง หรือได้อยู่ในอ้อมกอดนุ่มนิ่มของนางเขาก็ยิ่งต้องการมากขึ้นเรื่อยๆ

“ท่านทำอาหารเป็นด้วยหรือเจ้าคะ” ว่าพลางยื่นมือเรียวสวยไปเช็ดเหงื่อเย็นบนใบหน้าหล่อเหลา ทว่าเช็ดได้ไม่นานมือข้างนั้นก็ถูกคนตัวโตยึดไปจุมพิตอย่างอ่อนโยน

“ทำข้าวโจ๊กที่เจ้าเคยสอน แต่ไม่แน่ใจว่าจะอร่อยมั้ย เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่คิดจะทำ”

ฉินอี้หนิงหัวเราะเบาๆ นึกเอ็นดูที่เขาพยายามเอาอกเอาใจนาง

“อื้อ ท่านพี่” นางครางไม่เป็นภาษาเมื่อคนตัวโตจงใจรังแก

“เจ้าชอบมั้ย” เสียงทุ้มกระซิบถามขณะเร่งบทรักให้เร็วมากขึ้น

“ชอบอะไร?”

“ชอบข้า…ที่เป็นสามีของเจ้า”

“อื่ม” หญิงสาวพยักหน้าเบาๆ นางเขินอายจนไม่กล้าลืมตาขึ้นมองเขา

“เจ้าสัญญาแล้วว่าจะมีข้าเป็นสามีเพียงคนเดียว” ใบหน้าหล่อเหลาคลอเคลียอยู่บนดวงหน้างามอย่างออดอ้อน เกิดหวาดกลัวขึ้นมานิดๆ ว่าหากวันใดวันหนึ่งที่นางไม่พอใจเขา นางจะทิ้งเขาไปมีสามีใหม่หรือไม่?

“ข้าจะไม่มีวันทำผิดต่อท่านพี่”

หลี่โต๋วเปากอดร่างนุ่มแน่นกว่าเดิม “ข้าก็สัญญา จะไม่มีผู้หญิงคนไหนอีก” เพราะเขารักนางมากเกินกว่าจะทำเรื่องไม่ดี ต่อให้สิ่งนี้จะอยู่ภายใต้ตัวตนที่เขาจงใจโกหกนางขึ้นมา ทว่าเรื่องอื่นย่อมไม่ใช่เรื่องโกหกอย่างแน่นอน

ไม่นานธารอุ่นก็ถูกปลดปล่อย หลี่โต๋วเปาก้มลงไปหยิบกางเกงขึ้นมาสวม ก่อนจะใช้ผ้าสะอาดเช็ดคราบบางส่วนที่กำลังไหลล้นออกมาจากดอกไม้งามของฉินอี้หนิง

นางทำให้เขาได้มีค่ำคืนที่วิเศษจริงๆ เหมือนดังคำปรามาสของบุรุษน้อยใหญ่ที่มาร่วมงามแต่ง

ชายหนุ่มก้มลงไปจุมพิตบนแก้มนุ่มของฉินอี้หนิง

“นอนพักเถอะ ข้าจะทำจนสุดฝีมือ”

ทว่าเดินเข้าห้องครัวไปได้ไม่นาน อดีตจอมพลจากยุคจักรวรรดิอวกาศก็ต้องปวดหัวกับสิ่งที่เรียกว่าวัตถุดิบบนโลกสีฟ้าใบนี้ ชายหนุ่มยืนเกาศีรษะได้ไม่นาน ร่างบอบบางของภรรยาเพียงคนเดียวก็เข้ามายืนข้างๆ

“ให้ข้าสอนใหม่ดีหรือไม่เจ้าคะ” นางเอ่ยติดตลก ขณะที่มือเรียวสวยค้นหาวัตถุดิบเพื่อใช้ในการทำโจ๊กข้าวฟ่าง [1]

มือเรียวเล็กของฉินอี้หนิงคลี่ถุงผ้าฝ้ายออก เผยให้เห็นเมล็ดข้าวฟ่างสีทองอ่อนซึ่งผ่านการคัดสรรมาอย่างดีจากอดีตขุนนางสวี่

“ท่านช่วยก่อไฟให้ข้าได้หรือไม่” นางหันไปบอกคนข้างๆ ซึ่งเขาก็พยักหน้ารับคำสั่งเบาๆ “ก่อนจะนำเมล็ดข้าวฟ่างไปต้ม ต้องล้างเสียก่อนนะเจ้าคะ…” นางเอ่ยเสียงนุ่มพลางเดินไปหยิบกระด้งไม้ไผ่มา

หลี่โต๋วเปาที่ก่อไฟจนติดแล้วรีบเข้ามาจับกระด้งออกจากมือของภรรยาตัวน้อยทันที

“ข้าทำเอง เจ้าเพียงดูอยู่ห่างๆ ก็พอ” เพราะเห็นว่านางค่อนข้างเดินลำบาก ซ้ำยังทำอะไรช้ากว่าปกติ ตัวต้นเหตุอย่างหลี่โต๋วเปาจึงอดไม่ได้ที่จะห่วงใย

“ก็ได้เจ้าค่ะ” ฉินอี้หนิงยอมปล่อยมือจากทุกอย่างแต่โดยดี

“อย่างไรจึงจะถือว่าสะอาด?” เขาถามด้วยความจริงจังราวกับกำลังฟังผู้บัญชาการรบ

ฉินอี้หนิงกลั้นเสียงหัวเราะไว้ในลำคอ “ล้างด้วยน้ำสะอาดสองถึงสามครั้งจนกว่าน้ำจะใส ข้าวฟ่างจึงจะพร้อมลงหม้อ”

หลี่โต๋วเปาทำตามทุกขั้นตอนที่นางบอกด้วยความตั้งใจ ขณะที่หญิงสาวหันไปเตรียมวัตถุดิบอย่างอื่นไว้รอเขา

นางหยิบเห็ดหอมแห้งออกมาจากห่อผ้าเล็ก แล้วแช่ลงในน้ำอุ่น ขณะใช้มีดบางเฉียบหั่นขิงแก่เป็นเส้นบางเท่าเส้นด้าย กลิ่นฉุนอ่อนๆ ของขิงสดเริ่มแตะปลายจมูก

“เห็ดหอมนี่ต้องแช่ให้นุ่มก่อน แล้วค่อยซอยเป็นเส้นนะเจ้าคะ ส่วนใบหอมต้องซอยเอาเฉพาะปลายสีเขียวอ่อน แบบนั้นมันถึงจะหอมกว่า” นางสอนด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล พลางตวัดมีดลงบนเขียงไม้

ชายหนุ่มยืนมองราวคนต้องมนตร์ แม้ไม่รู้ว่าตนจะจดจำวิธีการทำได้หมดหรือไม่ แต่ภาพของฉินอี้หนิงที่อยู่ในชุดธรรมดา พร้อมทั้งกำลังขะมักเขม้นอยู่ตรงหน้าขิงกับเห็ด กลับดูงดงามกว่าหญิงใดที่เขาเคยพบเจอมาทั้งชีวิต

“แค่ซอยขิงก็ต้องมีศิลปะด้วยหรือ?” เขาถามติดตลก

“แน่นอนสิเจ้าคะ หรือท่านเห็นว่าการซอยแบบนี้ไม่ดูสวยจนน่ากิน อีกอย่างถ้าเผลอพลาด…ก็จะเหลือแต่นิ้วตัวเองบนเขียง” นางหันมายิ้ม พลางวางปลายมีดลงอย่างอ่อนโยน จากนั้นทั้งสองก็ช่วยกันนำวัตถุดิบทุกอย่างที่เตรียมไว้ ใส่ลงในจานเล็ก แล้วเรียงไว้ด้านข้างหม้อดินที่ตั้งอยู่บนไฟร้อน

ทั้งเห็ดหอมนุ่มละมุน ขิงหอมสดหั่น ใบหอมซอย และข้าวฟ่างล้างสะอาด ทุกสิ่งพร้อมจะรวมกันกลายเป็นโจ๊กข้าวฟ่างแล้วล่ะ

 

 

[1] หลี่ซื่อเจินแห่งราชวงศ์หมิง บันทึกไว้ว่า ข้าวฟ่างมีฤทธิ์เย็น และปลอดสารพิษ ส่วนใหญ่ใช้เพื่อบำรุงฉี ขจัดความร้อนในม้ามและกระเพาะอาหาร

이 책을 계속 무료로 읽어보세요.
QR 코드를 스캔하여 앱을 다운로드하세요

최신 챕터

  • นางกลับมาเพื่อร่ำรวย   บทที่ 21 ทวงคืนภรรยาที่ถูกพรากไป (จบบริบูรณ์)

    กลับมาที่สถานการณ์ในปัจจุบัน…สิ้นเสียงเหี้ยมกับประโยคไร้มารยาทนั้น เมื่อหลี่หยางหนิงอันหันไปสบสายตากับอีกฝ่าย สิ่งที่เห็นตรงหน้านั้นไม่ใช่เพียงใบหน้าที่ดูคล้ายเขาราวกับแกะ แต่เป็นโทสะและความเหี้ยมเกรียมในแบบที่เขารู้จักดี“เจ้ากล้ามาก ที่มาแตะต้องภรรยา และแตะต้องลูกของข้า” เสียงของหลี่โต๋วเปานิ่งงัน แต่ทุ้มต่ำจนเหมือนจะสามารถสะเทือนผนังหินของตำหนักได้อย่างง่ายดายหลี่หยางหนิงอันเลิกคิ้วเล็กน้อย “ข้ากำลังจะสั่งให้หมอหลวงเอาเด็กในท้องนางออกพอดี แต่เพราะต้องพักฟื้นร่างกายนาน เลยคิดว่าจะพาขึ้นเตียงทั้งที่ยังท้อง คงให้อารมณ์แปลกใหม่ไม่น้อย” ฮ่องเต้องค์ปัจจุบันจงใจยั่วโมโหฝ่ายนั้น “เช่นนั้นเจ้าคงคิดจะฆ่าข้าสินะ?”ชายหนุ่มในชุดซอมซ่อสีเทาไม่ตอบ มือข้างหนึ่งยกขึ้นช้าๆ ดวงตาของเขาเรืองแสงวาบสีฟ้าอความารีนแผ่วเบา คล้ายกระจกจักรวาลที่สามารถสะท้อนแรงโน้มถ่วงให้ย้อนคืนได้ฉับพลันที่อากาศรอบตัวเริ่มสั่นสะเทือน แรงกดดันไร้รูปประหนึ่งกำปั้นพลังจิตกระแทกเข้าที่กลางอกของจักรพรรดิหนุ่มหลี่หยางหนิงอัน จนเจ้าตัวต้องยกมือขึ้นป้องกันอันตรายที่มองไม่เห็น“อย่าคิดว่าต่อจากนี้เจ้ายังจะสามารถอยู่หายใจได้อีก…”

  • นางกลับมาเพื่อร่ำรวย   บทที่ 20 ไม่ให้อดีตซ้ำรอยเดิม

    หนึ่งเดือนกับอีกสามสัปดาห์ที่หลี่โต๋วเปายังไม่กลับมา ฉินอี้หนิงนั่งจิบชากุหลาบอยู่ที่ชายเรือนสกุลฉิน ลมยามบ่ายพัดกรูจากทิศตะวันออก พาเอาใบไผ่ที่ลู่ลมอยู่บนเนินเตี้ยหล่นเกลื่อนทั่วลานทว่าเสียงกีบม้านับสิบและฝีเท้าเกราะเหล็กที่ดังกึกก้องยิ่งกว่าเสียงพายุ กลับทำให้หมู่บ้านฮุ่ยฟางที่เคยเงียบงัน เกิดความสนันหวั่นไหวราวกับมีเงามรณะเคลื่อนเข้ามาปกคลุมทั่วผืนดินรถม้าขนาดใหญ่สลักลายมังกรดำขอบทอง เคลื่อนมาหยุดลงบริเวณหน้าบ้านสกุลฉิน ก่อนที่บรรดาทหารสวมเกราะดำประทับตราจักรพรรดิหลี่จะวิ่งเข้ามารายล้อมรอบบ้านเอาไว้ ตามมาด้วยเสียงแม่ทัพหนุ่มผู้หนึ่งตวาดดังแทรกเสียงใบไม้ปลิว“เรามารับตัวหรันฝูหรง สตรีอายุสิบเก้าหนาวที่ซ่อนตัวในหมู่บ้านแห่งนี้!”ท่านตาฉินที่กำลังสานกระด้งไม้ไผ่รีบก้าวออกมาจากเรือน ร่างชราภาพฝืนฝ่าแนวทหารเข้ามาขวาง“ขออภัยด้วย ที่นี่ไม่มีใครชื่อเช่นนั้นหรอกขอรับ ข้าไม่รู้จัก! ส่วนสตรีที่อายุสิบเก้า ที่นี่ก็มีเพียงบ้านสกุลหลาน สกุลซ่ง สกุลกั๋ว และหลานสาวของข้า…นางชื่อฉินอี้หนิง”แม่ทัพผู้นั้นกระตุกยิ้มมุมปาก พร้อมทั้งจ้องมองฉินอี้หนิงอย่างเย้ยหยัน“เช่นนั้นข้าก็มาถูกแล้วล่ะ เพราะนามเ

  • นางกลับมาเพื่อร่ำรวย   บทที่ 19 ความวุ่นวายในยุคจักรวรรดิอวกาศ

    ยุคจักรวรรดิอวกาศ ภายในสถานีวิจัยหลักของตระกูลหลี่ ชั้นบัญชาการพลังงานควอนตัม ความวุ่นวายกำลังเกิดขึ้นเมื่อคนที่หายตัวไปกลับเข้ามาสั่งงานจนกองพะเนิน“โธ่เอ๋ย…ครั้งแรกผมก็นึกว่าท่านประธานหลี่ของเราหลุดเข้าไปอยู่ในปฏิกรณ์ชีวภาพจนแยกโมเลกุลไม่ออกเสียแล้ว ที่แท้…ก็แค่ติดภรรยาเท่านั้น”ร่างสูงของหลี่โต๋วเปายืนพิงกรอบประตู มือซุกกระเป๋าเสื้อโค้ตสีเทาเรียบทว่าหรูหรา ไม่มีคำเถียงใด มีเพียงรอยยิ้มมุมปากที่เจือแววอ่อนโยนบางอย่าง…คล้ายไม่คิดปฏิเสธความจริงข้อนั้น“ก็แค่ใช้เวลาให้คุ้มกับชีวิตบ้าง คุณต้องลองไปปลูกฟักทองดูสักครั้งสิ แล้วจะเข้าใจว่าทุกเช้าในทุ่งหมอกนั้นมีค่ามากกว่างานวิจัยที่เขียนมาพันปีเสียอีก”หลี่เฮ้าถงกลอกตาเล็กน้อยขณะมองหลายชายเพียงคนเดียว ก่อนจะหัวเราะในลำคอเบาๆ“อา…ฟักทองยังไม่เท่าไร แต่ถ้าประธานหลี่ของเราหายหน้าไปอีกสามเดือน ผมอาจจะกลับเข้าไปลักพาตัวภรรยาของท่านมาขังไว้ที่นี่แทน แล้วให้ท่านประธานเข้าออกห้องทดลองตลอดยี่สิบชั่วโมงเสียเลย”“แบบนั้นก็เป็นความคิดที่ดีนะ” หลี่โต๋วเปาพึมพำ พร้อมกับหยิบซาลาเปาไส้เห็ดหอมออกมาจากถุงเล็กๆ ในมือ ก่อนจะยื่นให้ฝ่ายตรงข้ามอย่างไม่รีบร้อน “ข

  • นางกลับมาเพื่อร่ำรวย   บทที่ 18 ข้อเสนอปลอมๆ จากขุนนางสวี่

    หลังเกี่ยวและตากข้าวจนเสร็จสรรพ ครอบครัวสกุลฉินก็เว้นช่วงเวลาสำหรับหยุดพักผ่อน ด้วยเพราะร่างกายที่ชราภาพของท่านตาท่านยาย พอทำงานไร่นานานเข้าจึงปวดเมื่อยมากกว่าปกติส่วนหลี่โต๋วเปาและฉินอี้หนิงก็ใช้เวลาส่วนมากอยู่กับการดูแลสวนผัก ขึ้นเขาไปล่าสัตว์มาขาย และใช้เวลาร่วมกันในฐานะสามีภรรยาทว่าวันนี้ แขกผู้มาเยือนกลับเป็นอดีตขุนนางผู้ต้องสูญเสียบ้านให้หลี่โต๋วเปาอย่างสวี่อี้เจิน“คารวะผู้อาวุโส”เสียงทุ้มของหลี่โต๋วเปาเอ่ยช้าๆ ดวงตาเรียวคมสังเกตท่วงท่าการเดินของฝ่ายตรงข้าม รู้สึกคุ้นเคยนัก ทว่านี่ไม่ใช่ท่าทีของผู้อาวุโสสวี่อี้เจินที่เขาเคยประลองหมากล้อมด้วยอย่างแน่นอน“เจ้าน่ะใช้ชีวิตได้ดี กลายเป็นผู้เยาว์ที่สร้างครอบครัวอบอุ่นจริงเชียว” ชายชรามองสำรวจทั่วทุกมุมบ้านราวกับไม่เคยเห็น ก่อนที่สายตาจะพลันมาหยุดลงที่ร่างบอบบางของฉินอี้หนิงซึ่งบัดนี้ได้กลายเป็นสาวงามเต็มตัวไปเสียแล้ว “โอ้~ นี่คือฉินอี้หนิงคนนั้นรึ…” ชายชรายิ้มอย่างสดใสพลางมองสำรวจใบหน้างามอย่างชื่นชม“เชิญผู้อาวุโสสวี่นั่งพักก่อนเจ้าค่ะ ข้าจะไปเอาชาอวิ๋นอู้ [1] ที่ได้จากภูเขาหลูซานมาให้” เสียงหวานกล่าวอย่างอ่อนโยน ขณะเดินหายเข้าไป

  • นางกลับมาเพื่อร่ำรวย   บทที่ 17 ฤดูเกี่ยวข้าว

    วันเวลาผ่านเลยไปจากวันกลายเป็นหนึ่งเดือน ยามนี้สายลมปลายเดือนเปลี่ยนผิวทุ่งนาหน้าบ้านให้กลายเป็นสีทองอร่าม ลำต้นข้าวโน้มลงตามแรงน้ำหนักของรวงเมล็ดที่สุกงอม ท่ามกลางแสงอาทิตย์อุ่นอ่อนในยามเช้า เสียงเคียวเกี่ยวข้าวเสียดสีเบาๆ สะท้อนชัดอยู่กลางนาหลี่โต๋วเปาค้อมตัวใช้เคียวไม้ด้ามสั้นในมือเกี่ยวรวงข้าวอย่างระมัดระวัง ท่วงท่าของเขาแม้ยังไม่คล่องแคล้วนัก แต่ก็เปี่ยมไปด้วยความตั้งใจ มือทั้งสองที่แกร่งอยู่แล้วบัดนี้ยิ่งแกร่งขึ้นซึ่งเป็นผลจากการจับจอบ ขุดหลุม และหาบน้ำทุกวัน จนรอยด้านปรากฏชัดที่ฝ่ามือ“เจ้าหนุ่มจากเมืองหลวง เจ้าน่ะก้าวหน้ากว่าที่ข้าเคยคิดไว้มากจริงๆ”เสียงของท่านตาดังมาจากอีกฟากของแปลงข้าว ใต้หมวกฟางเก่าคร่ำ ดวงตาของชายชรายังสะท้อนความชื่นชมไม่เสื่อมคลายหลี่โต๋วเปาเช็ดเหงื่อบนหน้าผาก แล้วหัวเราะเบาๆ ชายหนุ่มย้อนนึกถึงตอนที่เขาอยู่ในตำแหน่งจอมพล ถ้าตอนนี้อยู่ในยุคจักรวรรดิ เขาคงสามารถสั่งคนให้ขุดหลุมปลูกข้าวได้เป็นพันหลุม แต่เพิ่งรู้ว่าสิ่งที่ยากที่สุด คือการเกี่ยวข้าวแค่เพียงมัดเดียว“ฮ่าๆๆ เจ้ารู้วิธีปลูกและเก็บเกี่ยวข้าวแล้ว เช่นนั้นก็ถือว่าสำเร็จไปครึ่งหนึ่งของชีวิต” ท่านต

  • นางกลับมาเพื่อร่ำรวย   บทที่ 16 หนึ่งยามในคืนวสันต์ มีค่าดั่งพันทอง

    หลังผ่านพ้นค่ำคืนของการร่วมหอ ร่างงามก็ซุกตัวอยู่ในอ้อมอกแกร่งไม่ไปไหน หลี่โต๋วเปาไม่ได้นอนทั้งคืน เพราะกว่าเขาจะเสร็จกิจแต่ละรอบก็ใช้เวลานานเสียจนตัวเขาเริ่มนอนไม่หลับ ได้แต่กอดฉินอี้หนิงไว้ ขณะมองใบหน้าขาวนวลในยามนิทราบนโต๊ะข้างเตียงมีกะละมังไม้ใส่น้ำอุ่นที่เริ่มจะเย็นชืด พร้อมด้วยผ้าขาวที่ถูกใช้แล้ววางพาดอยู่ แน่นอนว่าเป็นหลี่โต๋วเปาที่นำมันมาเพื่อเช็ดผิวกายให้ภรรยาตัวน้อย อาจเพราะเขาไม่ได้ปลดปล่อยตนเองมานานหลายปี เจ้าของเหลวสีขาวขุ่นเหล่านั้น จึงมีมากเสียจนอาจทำให้ฉินอี้หนิงนอนหลับแบบไม่สบายตัวนัก ซึ่งในฐานะผู้กระทำ เขาจึงต้องทำความสะอาดให้นางทุกครั้งแพขนตาหนาที่เริ่มขยับน้อยๆ ทำให้หลี่โต๋วเปาอดไม่ได้ที่จะก้มลงไปจุมพิตบนเปลือกตาของนาง ไล่เรื่อยลงไปจนถึงหน้าอกนุ่มที่เต็มไปด้วยร่องรอยสีกุหลาบฉินอี้หนิงที่เพิ่งลืมตาตื่นขึ้นมา เผลอทำหน้าอิดออดน้อยๆ เมื่อส่วนล่างของนางมันทั้งบวมและเจ็บระบมอย่างที่ไม่เคยเป็น ค่ำคืนเข้าหอนี้ผ่านไปอย่างยากลำบากจริงๆ ยิ่งเมื่อผู้เป็นสามีไม่ยอมจบดังที่ควรเป็นใต้ผ้าห่มมีบางอย่างขยับอยู่ เคลื่อนจากหน้าอกสู่ส่วนล่างอย่างเชื่องช้า ทว่าทุกการสัมผัสล้วนเต็มไป

더보기
좋은 소설을 무료로 찾아 읽어보세요
GoodNovel 앱에서 수많은 인기 소설을 무료로 즐기세요! 마음에 드는 책을 다운로드하고, 언제 어디서나 편하게 읽을 수 있습니다
앱에서 책을 무료로 읽어보세요
앱에서 읽으려면 QR 코드를 스캔하세요.
DMCA.com Protection Status