بيت / รักโบราณ / นางกลับมาเพื่อร่ำรวย / บทที่ 4 ภาพสะท้อนในม่านน้ำตก

مشاركة

บทที่ 4 ภาพสะท้อนในม่านน้ำตก

last update آخر تحديث: 2025-08-20 21:13:23

เพราะมีหลายสิ่งต้องจัดการ หลี่โต๋วเปาจึงเข้ามาในโลกนี้ช้ากว่าปกติ

พืชที่เรียกว่าสมุนไพรคงเป็นเป้าหมายสูงสุดของสองยายหลานสกุลฉิน

แม้แต่ตอนนี้ สตรีทั้งสองคนก็ยังคงเดินตามหาบางอย่าง จนกระทั่งมาถึงส่วนยอดของภูเขาลูกนี้ เพราะเริ่มเหนื่อยหน่ายที่จะเดินเอง หลี่โต๋วเปาจึงขึ้นไปนอนอยู่ในตะกร้าซึ่งถูกฉินอี้หนิงสะพายไว้ด้านหลัง เผลอทับเห็ดที่นางเก็บมาแตกไปหลายดอก แต่ก็ทำทีเงียบกริบไว้เพื่อไม่ให้นางหันมาโวยวาย

“ได้ยินเสียงหรือไม่ เราใกล้จะถึงน้ำตกแล้วล่ะ เจ้าอาจจะชอบทิวทัศน์ของน้ำตกแห่งนี้” เสียงหวานใสกล่าวเบาๆ ด้วยรอยยิ้มหวาน

เมี้ยวววว

ชายหนุ่มแสร้งส่งเสียงตอบกลับนางพอเป็นพิธี รู้สึกได้ว่าบรรยากาศบริเวณนี้มันเย็นและมีไอน้ำกว่าปกติจริงๆ

“ยายจะไปเก็บดอกจินอิ๋นฮวา [1] ตรงร่องหินแถวน้ำตก เสี่ยวหนิงรออยู่ตรงนี้นะลูก”

เสียงเรียกนั้นทำให้ฉินอี้หนิงต้องรีบวิ่งเข้าไปห้ามคนชราอย่างรวดเร็ว นางพินิจแล้วว่าบริเวณที่จินอิ๋นฮวาเกิด อยู่บนหินตะไคร่ซึ่งวางเรียงบริเวณขอบน้ำตก ซึ่งดูอันตรายยิ่งนักเมื่อเทียบกับร่างกายชราภาพของผู้เก็บ แบบนี้นางจะยอมให้ผู้มีพระคุณเอาตัวเข้าไปเสี่ยงได้อย่างไร

“ให้หนิงเอ๋อร์เก็บเถอะเจ้าค่ะ ตอนมากับท่านตาหนิงเอ๋อร์ก็เป็นคนเก็บ ท่านยายไปเก็บเถี่ยนซิงเหย้า [2] ที่เกิดอยู่ตรงนั้นดีกว่า” กล่าวจบนางก็วางตะกร้าที่สะพายลงบนพื้น ก่อนจะรีบเดินเข้าไปหาเป้าหมาย

“ระวังลื่นนะเสี่ยวหนิง” แม้ใบหน้าของท่านยายจะเป็นกังวลอย่างชัดเจน แต่เมื่อได้ยินว่าตาแก่ที่บ้านก็ยินยอมให้เด็กหญิงเป็นคนเก็บ อีกทั้งบริเวณพื้นที่เหยียบไปหาจินอิ๋นฮวาก็ไม่ได้ดูอันตรายนัก ฉินอี้เอินจึงยินยอมทำตามคำพูดของฉินอี้หนิง

“ท่านยายไม่ต้องห่วง ดูสิ! ข้าเก็บได้แล้วเจ้าค่ะ” กล่าวจบนางก็โบกจินอิ๋นฮวาสีขาวออกเหลืองหนึ่งกิ่งไปมาอย่างสดใส “ท่านยายไว้ใจเถอะ หนิงเอ๋อร์ของท่านเอาตัวรอดเก่งแถมยังเร็วยิ่งกว่าลิงเสียอีก”

หญิงชรามองดูนางอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะวางใจแล้วยอมนั่งเก็บสมุนไพรชนิดอื่นเข้าตะกร้าบนหลัง พอเห็นว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นก็ยิ่งสบายใจมากกว่าเดิม หลังจากเก็บสมุนไพรเสร็จเป้าหมายต่อไปจึงกลายเป็นหน่อไม้หวานกอเล็กๆ ที่อยู่บริเวณนั้น

ฝ่ายหลี่โต๋วเปาที่เคยนอนอยู่บนตะกร้าอย่างเกียจคร้าน ก็เลือกที่จะถอนหายใจยาวเหยียด ก่อนจะเดินไปหาเจ้านายตัวน้อยที่กำลังเอื้อมมือจนสุดแขนเพื่อเก็บจินอิ๋นฮวาสีขาวดอกสุดท้าย

ข้างๆ ตัวของเด็กหญิงเป็นน้ำตกขนาดกลางที่ไหลลงเขาอย่างสงบนิ่ง ผิวน้ำตกดูคล้ายกระจกใสที่สามารถสะท้อนภาพบางอย่างออกมาได้ ในจังหวะที่นางได้ดอกจินอิ๋นฮวาต้นสุดท้ายมาอยู่ในกำมือ และกำลังจะเอี้ยวตัวลงจากหินตะไคร่ เป็นจังหวะเดียวกับที่ร่างแมวอ้วนสีขาวเดินนวยนาดเข้ามาหา

ดวงตากลมสวยสีดำสนิทเบิกกว้างเล็กน้อยเมื่อแว๊บหนึ่งได้เห็นบางอย่าง เพราะขณะที่หัน นางเห็นเงาสะท้อนของเจ้าโต๋วเปากลายเป็นเงาของบุรุษเพศใส่เครื่องแต่งกายแสนประหลาด ทว่าพอหันกลับมามองอีกครั้งเพื่อยืนยันว่าตัวเองไม่ได้ตาฝาดหรือเพ้อฝันไป เจ้าแมวขาวตัวนั้นก็กระโดดหนีหายไปทางอื่นเสียแล้ว

ฉินอี้หนิงมั่นใจว่านางเห็นเงาบุรุษสะท้อนออกมาจากน้ำตกแห่งนี้จริงๆ จุดนั้นเป็นจุดที่โต๋วเปายืนอยู่…นั่นคือข้างๆ นาง

แต่เพราะบุรุษคนนั้นมีใบหน้าคล้ายทรราชหลี่หยางหนิงอันผู้โฉดชั่ว ในใจของเด็กหญิงจึงเริ่มไม่แน่ชัดนักว่านางหวาดกลัวคนผู้นั้นจนคิดมากเกินไป หรือเพราะนางได้เห็นจริงๆ ว่าภาพนั้นเกิดขึ้น

เด็กหญิงพยายามควบคุมลมหายใจของตนเองให้กลับมาเป็นปกติ ขณะเดินกลับมาหาเจ้าโต๋วเปาที่กำลังร้องเหมียวๆ ราวกับมันพยายามกลบเกลื่อนเรื่องบางอย่าง

สมุนไพรถูกห่อด้วยใบไม้แล้วใส่ลงในตะกร้า ฉินอี้หนิงลูบขนเจ้าแมวของนางเพื่อให้ตนเองคลายความหวาดกลัว แต่ก่อนจะได้กล่าวอะไรท่านยายก็เดินเข้ามาเสียก่อน

“เรากลับกันเถอะ ได้สมุนไพรทั้งร้อนทั้งเย็นขนาดนี้คงพอขายได้หลายวันอยู่หรอก ป่านนี้ท่านตาของเจ้าก็คงรอกินอาหารเที่ยงแล้วกระมัง”

ดวงหน้างามล้ำภายใต้ผ้าโพกหน้าเก่าๆ กำลังซีดเผือด แต่ถึงกระนั้นฉินอี้หนิงก็ยังสามารถฝืนตนเองให้ทำตัวเป็นปกติสุขได้ดังเดิม

“เจ้าค่ะท่านยาย” นางตอบอย่างสดใส “ท่านยายหนักหรือไม่ มีหน่อไม้ตั้งสี่หน่อ แบ่งมาให้หนิงเอ๋อร์แบกเถอะเจ้าค่ะ”

“ไม่เป็นไรๆ ของแค่นี้จะไปหนักหนาอะไรกัน ฮ่าๆๆ” ท่านยายสกุลฉินกล่าวพร้อมทั้งอุ้มเจ้าโต๋วเปาขึ้นไปใส่บนตะกร้าของฉินอี้หนิง “แค่เจ้านี่ตัวเดียวก็คงหนักกว่าหน่อไม้สิบหน่อแล้วล่ะ” คนอารมณ์ดีคล้ายต้องการแซวสิ่งมีชีวิตตัวอ้วนกลม

ไม่นานสองยายหลานก็เดินตามกันลงเขาด้วยเส้นทางใหม่ ระหว่างทางได้เจอทั้งมูลกวาง และร่องรอยหน่อไม้ที่ถูกกัดกินโดยครอบครัวหมูป่า กระทั่งเจอไก่ฟ้าหลังเทาตัวหนึ่ง หญิงสาวผู้ดูอ่อนหวานอย่างฉินอี้หนิงก็ได้แสดงทักษะการใช้ฉมวกแหลมที่นางพกมาให้ชายหนุ่มจากยุคจักรวรรดิอวกาศได้ชม

ฉึก! โอ๊กกก!!!

ท่านยายสกุลฉินเป็นผู้ดับชีวิตของเจ้าไก่ฟ้าหลังเทาจากความทรมานของบาดแผล ก่อนที่นางจะเป็นผู้ถือขามันลงมาจากบนภูเขา

ระหว่างทางฉินอี้หนิงก็พูดถึงอาหารที่นางจะทำไปพลางๆ หลี่โต๋วเปาจับใจความได้ว่ามีทั้งผัดไก่ฟ้าหลังเทาตัวนี้ใส่หน่อไม้หวาน และต้มมันใส่บรรดาเห็ดที่เก็บลงมาจากภูเขาเพื่อทำน้ำแกงบำรุงร่างกาย

 

 

[1] ดอกสายน้ำผึ้ง มีสรรพคุณขับพิษ แก้ไข้ บรรเทาอาการอักเสบ มักไต่ตามหินริมลำธาร น้ำตก หรือหน้าผาชื้น ใช้ในตำรับ “ยิ่นเฉียวซ่าน” เพื่อแก้ไข้หวัด

[2] เป็นชื่อพื้นบ้านท้องถิ่น สรรพคุณหวานเย็น ขับพิษ แก้กระหายน้ำ ขึ้นริมผาหินที่มีหยดน้ำตลอดเวลา เช่น ริมน้ำตก มักใช้ต้มเป็นยาดื่ม บางพื้นที่ใช้ผสมในชาเขียว

استمر في قراءة هذا الكتاب مجانا
امسح الكود لتنزيل التطبيق

أحدث فصل

  • นางกลับมาเพื่อร่ำรวย   บทที่ 21 ทวงคืนภรรยาที่ถูกพรากไป (จบบริบูรณ์)

    กลับมาที่สถานการณ์ในปัจจุบัน…สิ้นเสียงเหี้ยมกับประโยคไร้มารยาทนั้น เมื่อหลี่หยางหนิงอันหันไปสบสายตากับอีกฝ่าย สิ่งที่เห็นตรงหน้านั้นไม่ใช่เพียงใบหน้าที่ดูคล้ายเขาราวกับแกะ แต่เป็นโทสะและความเหี้ยมเกรียมในแบบที่เขารู้จักดี“เจ้ากล้ามาก ที่มาแตะต้องภรรยา และแตะต้องลูกของข้า” เสียงของหลี่โต๋วเปานิ่งงัน แต่ทุ้มต่ำจนเหมือนจะสามารถสะเทือนผนังหินของตำหนักได้อย่างง่ายดายหลี่หยางหนิงอันเลิกคิ้วเล็กน้อย “ข้ากำลังจะสั่งให้หมอหลวงเอาเด็กในท้องนางออกพอดี แต่เพราะต้องพักฟื้นร่างกายนาน เลยคิดว่าจะพาขึ้นเตียงทั้งที่ยังท้อง คงให้อารมณ์แปลกใหม่ไม่น้อย” ฮ่องเต้องค์ปัจจุบันจงใจยั่วโมโหฝ่ายนั้น “เช่นนั้นเจ้าคงคิดจะฆ่าข้าสินะ?”ชายหนุ่มในชุดซอมซ่อสีเทาไม่ตอบ มือข้างหนึ่งยกขึ้นช้าๆ ดวงตาของเขาเรืองแสงวาบสีฟ้าอความารีนแผ่วเบา คล้ายกระจกจักรวาลที่สามารถสะท้อนแรงโน้มถ่วงให้ย้อนคืนได้ฉับพลันที่อากาศรอบตัวเริ่มสั่นสะเทือน แรงกดดันไร้รูปประหนึ่งกำปั้นพลังจิตกระแทกเข้าที่กลางอกของจักรพรรดิหนุ่มหลี่หยางหนิงอัน จนเจ้าตัวต้องยกมือขึ้นป้องกันอันตรายที่มองไม่เห็น“อย่าคิดว่าต่อจากนี้เจ้ายังจะสามารถอยู่หายใจได้อีก…”

  • นางกลับมาเพื่อร่ำรวย   บทที่ 20 ไม่ให้อดีตซ้ำรอยเดิม

    หนึ่งเดือนกับอีกสามสัปดาห์ที่หลี่โต๋วเปายังไม่กลับมา ฉินอี้หนิงนั่งจิบชากุหลาบอยู่ที่ชายเรือนสกุลฉิน ลมยามบ่ายพัดกรูจากทิศตะวันออก พาเอาใบไผ่ที่ลู่ลมอยู่บนเนินเตี้ยหล่นเกลื่อนทั่วลานทว่าเสียงกีบม้านับสิบและฝีเท้าเกราะเหล็กที่ดังกึกก้องยิ่งกว่าเสียงพายุ กลับทำให้หมู่บ้านฮุ่ยฟางที่เคยเงียบงัน เกิดความสนันหวั่นไหวราวกับมีเงามรณะเคลื่อนเข้ามาปกคลุมทั่วผืนดินรถม้าขนาดใหญ่สลักลายมังกรดำขอบทอง เคลื่อนมาหยุดลงบริเวณหน้าบ้านสกุลฉิน ก่อนที่บรรดาทหารสวมเกราะดำประทับตราจักรพรรดิหลี่จะวิ่งเข้ามารายล้อมรอบบ้านเอาไว้ ตามมาด้วยเสียงแม่ทัพหนุ่มผู้หนึ่งตวาดดังแทรกเสียงใบไม้ปลิว“เรามารับตัวหรันฝูหรง สตรีอายุสิบเก้าหนาวที่ซ่อนตัวในหมู่บ้านแห่งนี้!”ท่านตาฉินที่กำลังสานกระด้งไม้ไผ่รีบก้าวออกมาจากเรือน ร่างชราภาพฝืนฝ่าแนวทหารเข้ามาขวาง“ขออภัยด้วย ที่นี่ไม่มีใครชื่อเช่นนั้นหรอกขอรับ ข้าไม่รู้จัก! ส่วนสตรีที่อายุสิบเก้า ที่นี่ก็มีเพียงบ้านสกุลหลาน สกุลซ่ง สกุลกั๋ว และหลานสาวของข้า…นางชื่อฉินอี้หนิง”แม่ทัพผู้นั้นกระตุกยิ้มมุมปาก พร้อมทั้งจ้องมองฉินอี้หนิงอย่างเย้ยหยัน“เช่นนั้นข้าก็มาถูกแล้วล่ะ เพราะนามเ

  • นางกลับมาเพื่อร่ำรวย   บทที่ 19 ความวุ่นวายในยุคจักรวรรดิอวกาศ

    ยุคจักรวรรดิอวกาศ ภายในสถานีวิจัยหลักของตระกูลหลี่ ชั้นบัญชาการพลังงานควอนตัม ความวุ่นวายกำลังเกิดขึ้นเมื่อคนที่หายตัวไปกลับเข้ามาสั่งงานจนกองพะเนิน“โธ่เอ๋ย…ครั้งแรกผมก็นึกว่าท่านประธานหลี่ของเราหลุดเข้าไปอยู่ในปฏิกรณ์ชีวภาพจนแยกโมเลกุลไม่ออกเสียแล้ว ที่แท้…ก็แค่ติดภรรยาเท่านั้น”ร่างสูงของหลี่โต๋วเปายืนพิงกรอบประตู มือซุกกระเป๋าเสื้อโค้ตสีเทาเรียบทว่าหรูหรา ไม่มีคำเถียงใด มีเพียงรอยยิ้มมุมปากที่เจือแววอ่อนโยนบางอย่าง…คล้ายไม่คิดปฏิเสธความจริงข้อนั้น“ก็แค่ใช้เวลาให้คุ้มกับชีวิตบ้าง คุณต้องลองไปปลูกฟักทองดูสักครั้งสิ แล้วจะเข้าใจว่าทุกเช้าในทุ่งหมอกนั้นมีค่ามากกว่างานวิจัยที่เขียนมาพันปีเสียอีก”หลี่เฮ้าถงกลอกตาเล็กน้อยขณะมองหลายชายเพียงคนเดียว ก่อนจะหัวเราะในลำคอเบาๆ“อา…ฟักทองยังไม่เท่าไร แต่ถ้าประธานหลี่ของเราหายหน้าไปอีกสามเดือน ผมอาจจะกลับเข้าไปลักพาตัวภรรยาของท่านมาขังไว้ที่นี่แทน แล้วให้ท่านประธานเข้าออกห้องทดลองตลอดยี่สิบชั่วโมงเสียเลย”“แบบนั้นก็เป็นความคิดที่ดีนะ” หลี่โต๋วเปาพึมพำ พร้อมกับหยิบซาลาเปาไส้เห็ดหอมออกมาจากถุงเล็กๆ ในมือ ก่อนจะยื่นให้ฝ่ายตรงข้ามอย่างไม่รีบร้อน “ข

  • นางกลับมาเพื่อร่ำรวย   บทที่ 18 ข้อเสนอปลอมๆ จากขุนนางสวี่

    หลังเกี่ยวและตากข้าวจนเสร็จสรรพ ครอบครัวสกุลฉินก็เว้นช่วงเวลาสำหรับหยุดพักผ่อน ด้วยเพราะร่างกายที่ชราภาพของท่านตาท่านยาย พอทำงานไร่นานานเข้าจึงปวดเมื่อยมากกว่าปกติส่วนหลี่โต๋วเปาและฉินอี้หนิงก็ใช้เวลาส่วนมากอยู่กับการดูแลสวนผัก ขึ้นเขาไปล่าสัตว์มาขาย และใช้เวลาร่วมกันในฐานะสามีภรรยาทว่าวันนี้ แขกผู้มาเยือนกลับเป็นอดีตขุนนางผู้ต้องสูญเสียบ้านให้หลี่โต๋วเปาอย่างสวี่อี้เจิน“คารวะผู้อาวุโส”เสียงทุ้มของหลี่โต๋วเปาเอ่ยช้าๆ ดวงตาเรียวคมสังเกตท่วงท่าการเดินของฝ่ายตรงข้าม รู้สึกคุ้นเคยนัก ทว่านี่ไม่ใช่ท่าทีของผู้อาวุโสสวี่อี้เจินที่เขาเคยประลองหมากล้อมด้วยอย่างแน่นอน“เจ้าน่ะใช้ชีวิตได้ดี กลายเป็นผู้เยาว์ที่สร้างครอบครัวอบอุ่นจริงเชียว” ชายชรามองสำรวจทั่วทุกมุมบ้านราวกับไม่เคยเห็น ก่อนที่สายตาจะพลันมาหยุดลงที่ร่างบอบบางของฉินอี้หนิงซึ่งบัดนี้ได้กลายเป็นสาวงามเต็มตัวไปเสียแล้ว “โอ้~ นี่คือฉินอี้หนิงคนนั้นรึ…” ชายชรายิ้มอย่างสดใสพลางมองสำรวจใบหน้างามอย่างชื่นชม“เชิญผู้อาวุโสสวี่นั่งพักก่อนเจ้าค่ะ ข้าจะไปเอาชาอวิ๋นอู้ [1] ที่ได้จากภูเขาหลูซานมาให้” เสียงหวานกล่าวอย่างอ่อนโยน ขณะเดินหายเข้าไป

  • นางกลับมาเพื่อร่ำรวย   บทที่ 17 ฤดูเกี่ยวข้าว

    วันเวลาผ่านเลยไปจากวันกลายเป็นหนึ่งเดือน ยามนี้สายลมปลายเดือนเปลี่ยนผิวทุ่งนาหน้าบ้านให้กลายเป็นสีทองอร่าม ลำต้นข้าวโน้มลงตามแรงน้ำหนักของรวงเมล็ดที่สุกงอม ท่ามกลางแสงอาทิตย์อุ่นอ่อนในยามเช้า เสียงเคียวเกี่ยวข้าวเสียดสีเบาๆ สะท้อนชัดอยู่กลางนาหลี่โต๋วเปาค้อมตัวใช้เคียวไม้ด้ามสั้นในมือเกี่ยวรวงข้าวอย่างระมัดระวัง ท่วงท่าของเขาแม้ยังไม่คล่องแคล้วนัก แต่ก็เปี่ยมไปด้วยความตั้งใจ มือทั้งสองที่แกร่งอยู่แล้วบัดนี้ยิ่งแกร่งขึ้นซึ่งเป็นผลจากการจับจอบ ขุดหลุม และหาบน้ำทุกวัน จนรอยด้านปรากฏชัดที่ฝ่ามือ“เจ้าหนุ่มจากเมืองหลวง เจ้าน่ะก้าวหน้ากว่าที่ข้าเคยคิดไว้มากจริงๆ”เสียงของท่านตาดังมาจากอีกฟากของแปลงข้าว ใต้หมวกฟางเก่าคร่ำ ดวงตาของชายชรายังสะท้อนความชื่นชมไม่เสื่อมคลายหลี่โต๋วเปาเช็ดเหงื่อบนหน้าผาก แล้วหัวเราะเบาๆ ชายหนุ่มย้อนนึกถึงตอนที่เขาอยู่ในตำแหน่งจอมพล ถ้าตอนนี้อยู่ในยุคจักรวรรดิ เขาคงสามารถสั่งคนให้ขุดหลุมปลูกข้าวได้เป็นพันหลุม แต่เพิ่งรู้ว่าสิ่งที่ยากที่สุด คือการเกี่ยวข้าวแค่เพียงมัดเดียว“ฮ่าๆๆ เจ้ารู้วิธีปลูกและเก็บเกี่ยวข้าวแล้ว เช่นนั้นก็ถือว่าสำเร็จไปครึ่งหนึ่งของชีวิต” ท่านต

  • นางกลับมาเพื่อร่ำรวย   บทที่ 16 หนึ่งยามในคืนวสันต์ มีค่าดั่งพันทอง

    หลังผ่านพ้นค่ำคืนของการร่วมหอ ร่างงามก็ซุกตัวอยู่ในอ้อมอกแกร่งไม่ไปไหน หลี่โต๋วเปาไม่ได้นอนทั้งคืน เพราะกว่าเขาจะเสร็จกิจแต่ละรอบก็ใช้เวลานานเสียจนตัวเขาเริ่มนอนไม่หลับ ได้แต่กอดฉินอี้หนิงไว้ ขณะมองใบหน้าขาวนวลในยามนิทราบนโต๊ะข้างเตียงมีกะละมังไม้ใส่น้ำอุ่นที่เริ่มจะเย็นชืด พร้อมด้วยผ้าขาวที่ถูกใช้แล้ววางพาดอยู่ แน่นอนว่าเป็นหลี่โต๋วเปาที่นำมันมาเพื่อเช็ดผิวกายให้ภรรยาตัวน้อย อาจเพราะเขาไม่ได้ปลดปล่อยตนเองมานานหลายปี เจ้าของเหลวสีขาวขุ่นเหล่านั้น จึงมีมากเสียจนอาจทำให้ฉินอี้หนิงนอนหลับแบบไม่สบายตัวนัก ซึ่งในฐานะผู้กระทำ เขาจึงต้องทำความสะอาดให้นางทุกครั้งแพขนตาหนาที่เริ่มขยับน้อยๆ ทำให้หลี่โต๋วเปาอดไม่ได้ที่จะก้มลงไปจุมพิตบนเปลือกตาของนาง ไล่เรื่อยลงไปจนถึงหน้าอกนุ่มที่เต็มไปด้วยร่องรอยสีกุหลาบฉินอี้หนิงที่เพิ่งลืมตาตื่นขึ้นมา เผลอทำหน้าอิดออดน้อยๆ เมื่อส่วนล่างของนางมันทั้งบวมและเจ็บระบมอย่างที่ไม่เคยเป็น ค่ำคืนเข้าหอนี้ผ่านไปอย่างยากลำบากจริงๆ ยิ่งเมื่อผู้เป็นสามีไม่ยอมจบดังที่ควรเป็นใต้ผ้าห่มมีบางอย่างขยับอยู่ เคลื่อนจากหน้าอกสู่ส่วนล่างอย่างเชื่องช้า ทว่าทุกการสัมผัสล้วนเต็มไป

فصول أخرى
استكشاف وقراءة روايات جيدة مجانية
الوصول المجاني إلى عدد كبير من الروايات الجيدة على تطبيق GoodNovel. تنزيل الكتب التي تحبها وقراءتها كلما وأينما أردت
اقرأ الكتب مجانا في التطبيق
امسح الكود للقراءة على التطبيق
DMCA.com Protection Status