“เป็นอะไรมั้ยนาค” นงรักตบบ่าเด็กสาว เธอเห็นว่านาราน้ำตาซึมออกมา หญิงวัยกลางคนเข้าใจว่าท่าทางเย็นชาของนายหัวของไร่คงทำร้ายจิตใจหญิงรุ่นลูกของเธอไม่น้อย แล้วนาราก็ตัวนิดเดียวกลับต้องแบกรับความรู้สึกทั้งหมดไว้เพียงลำพัง โดนกลั่นแกล้งในไร่ก็เกินพอแล้ว
“นาคไม่เป็นไรค่ะ” นาราพยายามส่ายหัวบอกตัวเองว่าไม่เป็นอะไร เรื่องแค่นี้เล็กน้อยสำหรับเธอ แต่จะทำได้มั้ยนั้นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง
“แล้วนี่เราไปโดนอะไรมา” มือเหี่ยวย่นจับรอยแดงช้ำที่มีเลือดซึมน้อยๆบนปากนารา หญิงวัยกลางคนรู้สึกเจ็บแทน อยากถามตั้งนานแล้ว แต่ต่อหน้าเจ้านายคงไม่สะดวก
“มีเรื่องมาค่ะ หนูเป็นคนหาเรื่องพวกเขาเอง”
“กับใคร! กับพวกอีผินเหรอ” นงรักเบิกตาโต เธอไม่เชื่อว่านาราจะเป็นคนหาเรื่องพวกนั้นก่อน เธออยู่ที่นี่มานานทำไมจะไม่รู้ว่าเด็กพวกนั้นนิสัยเป็นยังไง ทำตัวเบ่งไปเรื่อย มักกดคนที่อ่อนแอกว่า ถ้าจะบอกว่าเด็กสาวคนนี้ไปหาเรื่องก่อน ไม่เป็นความจริงอย่างแน่นอน
“มันมาหาเรื่องหนูก่อนใช่มั้ย อีพวกนี้มันนิสัยไม่ดี ชอบด่าคนอื่นไปทั่ว เดี๋ยวป้าไปบอกนายหัวให้ ว่าพวกนี้เป็นยังไง” นงรักจะเดินออกไป ทว่านาราดึงแขนไว้ หญิงสาวส่ายหัวด้วยใบหน้าที่เปรอะเปื้อนคราบน้ำตา
“ไม่ต้องหรอกค่ะ หนูผิดเองที่เดินไปถามพวกเขา ป้าไม่ต้องไปนะ” ถ้าไปสิงหราชก็จะยิ่งเกลียดเธอ เธอไม่อยากให้ตัวเองต้องรู้สึกต้อยต่ำกว่านี้อีกแล้ว
นารายกถาดของว่างที่จัดไว้ขึ้นมา เธอเช็ดคราบน้ำตา มองคนตรงหน้าด้วยความพยายามสดใส นาราจะไม่เสียใจอีก เธอจะรอวันนั้น วันที่ได้ไปจากที่นี่
“นาคเอาของไปให้นายหัวก่อนนะคะ ป้าไม่ต้องคิดมากนะ” ร่างบางเดินออกไป ปล่อยให้นงรักทำหน้าเครียดสงสารเด็กสาวสุดใจ นึกโกรธไปถึงครอบครัวของนารา ตัวเองเป็นพ่อแม่คนแท้ๆ ยังรับผิดชอบตัวเองไม่ได้ แต่กลับทิ้งภาระมาให้หญิงสาวตัวคนเดียว น่าอนาถใจจริงๆ นงรักส่ายหัว ก่อนจะเดินออกไปจากครัวในที่สุด
กลับออกมาพร้อมกับถาดของว่างในมือ เธอวางลงบนโต๊ะด้วยความสงบเสงี่ยม โดยไม่รู้ตัวเลยว่ามีสายตาสองคู่มองอยู่ตลอดเวลา คนหนึ่งมองอย่างไม่ชอบใจ อีกคนจ้องอยู่แบบนั้นไล่มองไปทั่วดวงหน้าสวย
“แหม สิงนี่ดีจังเลยนะคะ มีเด็กมาคอยรับใช้ด้วย” ปราณนารีมองกดนารา เธอไม่ชอบใจอย่างแรงที่หญิงสาวหน้าตาดีคนนี้ใกล้ชิดกับสิงหราช
“คนงานน่ะครับ ไม่มีอะไรหรอก” ชายหนุ่มตอบ ยกน้ำขึ้นดื่ม ปราณนารียกยิ้มอย่างผู้ชนะ ไม่ใช่เธอไม่รู้ที่เขาลือกันให้แซดว่าสิงหราชกับผู้หญิงคนนี้เป็นคู่นอนกัน เธอมีสายในไร่พวกนั้นรายงานเธออย่างละเอียดทุกวัน แต่ที่น่าโกรธคือเขากลับเก็บหญิงสาวไว้ข้างกายตลอด จนตอนนี้เป็นเวลาสองปีแล้วที่ผู้หญิงคนนี้อยู่ที่นี่ และมันชักนานเกินไป
“คนงานสวยนะคะ ทำไมยังไม่แต่งงานล่ะ” ปราณนารีมองไปที่นารา หญิงสาวยิ้มแย้มน้อยๆ และมันทำให้นารานิ่งไปเลย ใช่ นาราอยากตอบว่าก็เพราะนายหัวของไร่แห่งนี้ไม่ปล่อยเธอไป เพราะไม่อย่างนั้นเธอคงแต่งงานกับผู้ชายคนอื่นไปแล้ว
“ไม่รู้สิ ยังไม่เจอคนที่ใช่มั้งคะ คุณปราณพอจะแนะนำใครให้นาคได้รึเปล่า” อยากพูดแบบนั้น ทว่าเธอพูดอีกอย่างแทน
ตึก!
เสียงวางแก้วดังอย่างน่าตกใจ ทุกคนต่างหันไปมองที่นายหัวหนุ่มของไร่
“โทษที ไม่ได้มอง พูดต่อสิ?” สิงหราชจ้องที่ร่างของนาราราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ เขาอยากรู้เหมือนกันว่าเธอจะพูดยังไงต่อ นารายกยิ้ม
“นาคก็อยากมีใครสักคนเหมือนกันค่ะ อยู่แต่ไร่ไม่เจอคนที่ชอบเลย นาคหวังว่าสักวันนาคจะไปจากที่นี่ ทำตามความฝันของนาคด้วยการแต่งงานกับใครสักคน”
ภายใต้โต๊ะที่ไม่มีใครเห็น นาราคงไม่รู้มือใหญ่ของคนแข็งแรงกำเข้าหากันแน่น หญิงสาวยังยิ้มแย้มเสแสร้งว่ามีความสุข โดยที่ไม่รู้ตัวว่าได้ปลุกปั่นพายุร้ายเข้าเสียแล้ว
“ในไร่ก็ไม่มีคนที่ชอบเลยเหรอจ๊ะ” ได้คำตอบถูกใจ ปราณนารีก็ยิ่งถามจี้เข้าไปใหญ่ เธออยากรู้ว่าผู้หญิงคนนี้คิดอย่างที่พูดจริงๆ
นารายืนยันด้วยความหนักแน่น “จริงค่ะ นาคยังไม่เจอคนที่ชอบเลย อยู่แต่กับไร่ จะเจอใครได้ล่ะคะ”
“อุ๊ย ตายจริง นั่นสินะจ๊ะ” ปราณนารีหัวเราะชอบใจ แอบสังเกตสีหน้าของสิงหราชไปด้วย และก็ต้องพบว่าชายหนุ่มนิ่งจนน่ากลัว เพราะแบบนั้นหญิงสาวจึงลดเสียงลงมา
“เดี๋ยวก็เจอเองแหละจ้ะ เราคนสวยขนาดนี้ ผู้ชายไม่ค้านจะเข้าหา ออกไปเจอผู้คนบ้าง เดี๋ยวคนก็มาชอบเองแหละ หรือไม่ก็จีบก่อนไปเลย สมัยไหนแล้วผู้ชายไม่ว่าหรอกจ้ะ”
นารายิ้มทั้งที่ในใจไม่ยิ้มตาม เธอถอยหลังออกมา และใช้โอกาสนี้เดินออก พอลงมาถึงใต้บันได น้ำตาของร่างบางก็ร่วงเผาะอีกครั้ง นาราพยายามเข้มแข็งมาโดยตลอด แต่ความจริงแล้วเธอไม่เคยรู้สึกแบบนั้นเลย เธอยังเป็นผู้หญิงตัวเล็กๆที่แบกรับอะไรมากมายคนเดียว รวมถึงความรู้สึกที่กำลังแอบรักใครสักคน...
นาราเดินขึ้นมาตามเนินเขาเรื่อยๆ แสงของพระอาทิตย์สาดส่องไปทั่วและสายลมที่พัดเอื่อยๆต้องผิวกายพลันทำให้เย็นสดชื่นราวกับได้เกิดใหม่ ปลดระวางความเหนื่อยล้าที่มีมาทั้งวัน หญิงสาวยิ้มร่าเมื่อคิดว่าขึ้นไปบนหน้าผาแล้วจะเจอใครคนหนึ่ง คน...ที่วันนี้คิดถึงเป็นร้อยครั้ง และใช่ เมื่อขึ้นมาก็เห็นเขายืนอยู่ก่อนแล้ว คนตัวเล็กคลี่ยิ้ม ด้านข้างของสิงหราชนั้นช่างดูดีเสียจริง หล่อเหลาราวกับรูปปั้น ไม่รวมผิวสีเข้มที่บ่งบอกว่าผ่านการแตกแดดมานมนาน เสริมให้บุคลิกของคนร่างสูงดูองอาจขึ้นไปอีก เธอไม่อยากเชื่อว่าวันหนึ่งคนคนนี้จะเป็นของเธอ ทว่าเวลานี้เขายืนอยู่ตรงหน้าแล้ว พร้อมกับยิ้มให้เธอด้วยความจริงใจ นาราวิ่งเข้าไปหาแขนที่อ้าออก หลับตาสูดเอากลิ่นหอมๆของชายคนรักเข้าปอด ซึ่งอีกคนก็เช่นเดียวกัน เขาประทับริมฝีปากลงบนกระหม่อมบาง ลอบดมกลิ่นหอมหวานจนชื่นใจ “เหนื่อยมั้ย” เสียงทุ้มทรงเสน่ห์เอ่ยอย่างเป็นห่วง ใครจะคิดว่านาราจะอึดขนาดนี้ ทำสวนไม่รู้จักเหน็ดจักเหนื่อย บ้ากว่าเขาตอนทำไร่ใหม่ๆอีกมั้ง แล้วคำตอบของเธอทำเขายิ้มออกมาอย่างไม่ยาก “ไม่เหนื่อย
“แต่หนูไม่โกรธยายหรอกค่ะ แต่มาวันนี้ก็เพื่อบอกให้ยายรู้ว่าหนูจะไม่ทนอีกแล้ว ยายต้องรับผิดชอบในส่วนที่ยายทำ ถ้ายังหาเงินมาคืนสามีหนูไม่ได้ แน่นอนว่าบ้านหลังนี้กับที่ดินหนูจะยืดไปให้หมด” “นี่แก๊” ธัญญาหมดความอดทนจริงๆ ไม่คิดว่าหลานตัวเองจะเลวร้ายแบบนี้ เธอรู้ว่าตัวเองผิดที่เห็นแก่ตัวไม่ใช้หนี้ แต่เธอก็เอาเงินของเธอมาดูแลแม่ไง แม่มันไม่ดูแลยายก็ให้มันใช้หนี้ไปสิ ผิดตรงไหน คนเป็นป้าอยากพูดแบบนั้นทว่าพอเห็นสายตาเลือดเย็นของหลานสาว ก็ถึงกลับต้องหุบปากไป เพราะกลัวมันจะเพิ่มหนี้ให้เธอ “หนูมาบอกแค่นี้ล่ะค่ะ ขอตัว” หญิงสาวเดินออกมา เธอแทบจะล้มลงไปกับพื้นทว่าได้สิงหราชประคองตัวไว้ เธอพยักหน้าให้เพื่อบอกเขาว่าไม่เป็นไร ทว่าพอได้ขึ้นมาบนรถ ก็อดกลั้นไม่ไหวร้องไห้ออกมาในที่สุด คนตัวใหญ่ดึงเธอเข้าไปกอด ลูบแผ่นหลังเบาๆ ความอ่อนแอยิ่งถูกกระตุ้นไหลเป็นสาย บางทีโลกเราก็โหดร้ายเกินไป พยายามคิดในแง่บวกไว้ ปกปิดมันด้วยเหตุผลทุกอย่าง ทว่าพอเผชิญหน้ากับความจริงกลับเกินทนจนยากที่จะรับไหว “พี่อยู่นี่ ไม่เป็นไร” สิงหราชปลอบโยนคนต
รถกระบะคันเก่าวิ่งเข้ามาจอดกลางบ้าน ทำให้ธัญญาที่กำลังร้องไห้ราวกับจะขาดใจเงยหน้ามอง จากที่ราวถูกเหยียบย่ำหัวใจไปแล้ว หญิงวัยกลางคนยิ่งแหลกสลายเข้าไปกันใหญ่เมื่อเห็นหลานสาวของตนและผู้มีอิทธิพลในแถบนี้เดินเข้ามา และใช่ ลูกสาวเธอโดนจับก็เพราะพวกมัน “อีนารา! มึงยังเสนอหน้ามาอีกเหรอ” ธัญญาตะโกนดังลั่น ความโกรธเกรี้ยวของเธอทำให้ยายของนาราที่นั่งอยู่ข้างๆธัญญาลูบหลังลูกสาวเบาๆ นาราปรายตามองยายของตน หญิงใจร้ายที่ไม่เคยคิดบอกความจริงกับเธอ ที่ผ่านมาเธอใจดีมาก ทำดีกับยายมาโดยตลอดเพราะหวังว่าสักวันหญิงชราจะเห็นความดีแล้วรักเธอบ้าง ทว่าตอนนี้หญิงสาวได้รู้ว่าสิ่งที่ทำไปมันสูญเปล่า ผู้หญิงคนนี้ไม่เคยรักเธอในฐานะหลานเลย แม้ใจจะปวดหนึบ แต่ก็พยายามเก็บมันไว้ คงเห็นท่าไม่ได้ สิงหราชเลยกุมมือเธอ หญิงสาวส่ายหัวบอกเขาว่าไม่เป็นอะไร ใจเข้มแข็งพอแล้ว และส่วนหนึ่งที่ทำให้เธอเป็นแบบนี้ได้ก็เพราะเขา “ป้าทำเหมือนโกรธหนู แต่หนูมากกว่าที่ต้องโกรธป้า” คนตัวเล็กตอบโต้กลับทันที “โกรธกูเรื่องอะไร!” ตอนนี้ธัญญาไม่วางมาดอะไรอีกแล้ว นังเด็กนี่มัน
“ครับ เมียเอายังไงก็เอา แต่บอกก่อนได้มั้ยว่าจะไม่โกรธกัน” เขากลัวเมียหายไปนะ ถ้าเธอจากเขาไปทั้งไร่ต้องลุกเป็นไฟอย่างแน่นอน พลิกแผ่นดินหาไม่เจอก็จะหาอยู่แบบนั้น นาราหลุบมองคนที่ซุกอยู่บนอก ดวงตาดุๆ พลันทำให้ชายหนุ่มก้มหน้าลง เผลอใช้โอกาสนี้ซุกใบหน้าลงมามากกว่าเดิม นาราอึดอัดจนต้องขยับดิ้น เธอจิ๊ปากทีหนึ่ง “อื้อ!” เสียงอ้อนเอ่ยตามมา “บอกก่อนว่าจะไม่โกรธ” “ไม่” “ทำไมไม่” “ก็โกรธ” “แล้วทำยังไงถึงจะหายโกรธ” “ไม่รู้ ออกไปจากที่นี่มั้ง” วินาทีนั้นอ้อมแขนที่กอดเธออยู่รัดแน่นขึ้น นาราเกือบหายใจไม่ออก ทว่าต้องทำเก๊กเพราะกลัวเขาจะได้ใจ หญิงสาวเลยนิ่งไว้ “ไม่ให้ไป ไปสิ จะขังไว้ที่นี่เลย” ตัวเล็กดวงตาวาวโรจน์ “กล้าเหรอ?” “ไม่กล้า” เสียงหงอยเอ่ย นารานิ่งไป มองคนตัวใหญ่ที่กำลังไซ้หัวลงบนหน้าอกเธอเหมือนเด็ก “งั้นเอาไร่มั้ย เอาไร่ส้มสักร้อยไร่ หรือตรงที่น้องทำ พี่ยกให้หมดเลย” “ยกให้แฟนเก่ากับคุณปราณนารีสิ มาให้ฉันทำไม”
“น้ำ” เสียงแหบแห้งและฝืดเคืองครางออกมา ใช่ ตอนนี้รู้สึกราวกับว่าอยู่ในทะเลทรายอันแสนแห้งแล้งและร้อนผ่าวแผดเผาอยู่ภายใต้พระอาทิตย์ แล้วในตอนนั้นเองที่เปลือกตาสีไข่เปิดขึ้น ฝ้าเพดานที่คุ้นเคยทำหญิงสาวกะพริบตาปริบๆ แรงกอดรัดช่วงตัวทำให้เธอเอี้ยวตัวมองคนที่กอดเธอไว้ สิงหราช นี่เขา พาเธอออกมาจากป่าได้จริงๆ “ตื่นแล้วเหรอ” ร่างสูงตื่นขึ้นมาพอดี เขายิ้มให้เธอ เป็นรอยยิ้มที่ไม่เคยเห็นเลยในชาตินี้ ยิ่งทำให้อึ้งไปกว่านั้นเพราะเขาโน้มหน้าลงมาจูบกระหม่อมกันเอ่ยคำพูดแปลกประหลาด “เมียตื่นแล้วเหรอครับ” ราวกับสติได้หลุดล่องหายไป เมื่อกี้เขาว่ายังไงนะ “คุณว่ายังไงนะ” “เมียตื่นแล้ว อยากได้อะไรมั้ย” แม้จะยังมึนงง ทว่านาราตอบอย่างไม่ลังเล เอาไว้ก่อนเรื่องเขาเรียกเธอว่าเมีย “น้ำ” เพียงเท่านั้นเขาก็ลุกขึ้น พร้อมกับเอามันมาให้เธอ ร่างสูงนั่งลงข้างเตียง ประคองเธอขึ้นนั่ง นาราดื่มน้ำด้วยความกระหาย ก่อนดวงตาจะจ้องมองใบหน้าหล่อเหลาเหมือนเดิม ไม่รู้ว่าควรรู้สึกยังไง มันผสมปนเปกันไป
“นายหัว!” นงรักตาเบิกกว้างเมื่อเห็นคนสูงใหญ่ผู้น่าเกรงขามในไร่แบกหญิงสาวตัวเล็กไว้บนหลังเดินเข้ามา พอมองสภาพของทั้งสองคนหญิงแม่บ้านก็ต้องตกใจ อะไรกันเนี่ย ทำไมดำไปทั้งตัวแบบนี้ มิหนำซ้ำท่อนขาและเท้าเปลือยเปล่าของสิงหราชยังเต็มไปด้วยบาดแผลราวกับโดนของร้อนจี้มา หรือว่าที่คนงานพูดกันว่าในป่ามีเพลิงไหม้ เกี่ยวข้องกันนายหัวและหญิงสาวตัวเล็กที่ไม่ได้สตินี่เหรอ เกิดอะไรขึ้น ใครบังอาจทำนายหัวเธอ มันเป็นใคร! วินาทีนั้นราวกับนายหัวของไร่เป็นคนบ้าใบ้ สิงหราชไม่พูดอะไร อุ้มนาราขึ้นมาบนบ้าน ดวงตาชายหนุ่มเหม่อลอย และกว่าจะเอ่ยออกมาก็ปาไปหลายนาที “ป้าเรียกหมอให้หน่อยได้มั้ยครับ” เหนื่อยจนเหมือนตายทั้งเป็น แต่ก็ยังอยากเห็นอีกคนไม่เป็นอะไร “โถ่ ได้ค่ะ” นงรักแทบร้องไห้ เธอรีบกุลีกุจอโทรไปเรียกหมอที่เป็นคนสนิทกับครอบครัว แล้วเวลานั้นเองที่ชายอีกคนโผล่มา “พี่สิง” “มึงไม่ใช่น้องกู...” สิงหราชมองไปที่น้องชายของตน ก่อนหน้านั้นเขาพอรู้มาบ้างว่าอะไรเป็นอะไร แต่ไม่คิดว่ามันจะทำแรงขนาดนี้ “มึง