ปัง!
เสียงปืนดังทั่วบริเวณ ทั้งห้าคนที่กำลังนัวเนียกันด้วยฝ่ามือหยุดชะงัก ทั้งหมดแยกออกจากกันราวกับผึ้งแตกรัง ก่อนมายืนหอบหายใจเหนื่อย ผมเผ้ากระเซอะกระเซิง
“ฉันไม่เคยสอนให้คนงานทะเลาะกัน อยากโดนไล่ออกใช่มั้ย” สิงหราชกราดมองหญิงสาวทุกคน เขาไม่ไว้หน้าใครไม่ว่าคนนั้นจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย เมื่อคนคนนั้นทำผิดสมควรได้รับการลงโทษ
“แต่นายคะ นารามาหาเรื่องพวกเราก่อน เราแค่คุยกันเฉยๆ พวกเรายังไม่ได้ทำอะไรเลย” ผินรีบฟ้อง ก็จริงนาราเดินเข้ามาถามพวกเธอก่อนจริงๆ ถึงมะลิจะเป็นคนลงไม้ลงมือก่อน แต่ถ้านารายอมคงไม่มีเรื่องตั้งแต่แรก
“ไม่ต้องพูด ฉันไม่ได้ขอความคิดเห็น” สิงหราชไม่สนใจ ไม่ว่าใครก่อเรื่องในไร่นี้ เขาจะไม่มีการละเว้นทั้งนั้น ตาคมมองไปที่นารานึกโกรธที่หญิงสาวถึงขั้นลงไม้ลงมือกับคนอื่นก่อน เขารู้ดีว่าเธอเป็นคนใจเย็นเสมอ
นายหัวหันมองผู้หญิงทั้งสี่คนที่นอกเหนือจากนารา สั่งเสียงทรงอำนาจ “ไปทำงานท้ายไร่ ถ้าไม่ค่ำไม่ต้องกลับมา แล้วฉันจะหักเงินเดือนสิบห้าเปอร์เซ็นต์ ไม่มีข้อแม้”
ชะอม ผิน และมะลิต่างหันหน้ามองกันด้วยความหน้าเสีย โดนหักเงินเดือนก็ว่าหนักแล้ว แต่นี่ต้องโดนสั่งให้ไปทำงานท้ายไร่ ซึ่งคนงานจะรู้กันดีว่า งานท้ายไร่เป็นงานหนักมาก มันหนักเกินไปสำหรับคนไม่ค่อยสู้งานอย่างพวกเธอ
“แต่นายคะ” มะลิพยายามต่อรอง
“ไม่มีคำว่าแต่” นายหัวของไร่เอ่ยอย่างเด็ดขาด เดินออกไปมือใหญ่คว้าเอาแขนของนาราตามมาด้วย หญิงสาวร่างบางเบิกตาโต เพราะเธอไม่คิดว่าต้องไปกับสิงหราช นารานึกว่าต้องไปทำงานกับคนพวกนั้นเสียอีก
“เดี๋ยวค่ะ” นาราขืนตัวไว้ เพราะเธอรู้สึกว่ามันไม่ถูกต้อง
“ฉันเป็นคนชวนพวกนั้นทะเลาะด้วย ฉันมีส่วนที่ต้องรับผิดชอบร่วมกับพวกเขา”
ตาคมหันมองเธออย่างเกรี้ยวกราด “มีแน่ และแน่นอนมันหนักกว่าพวกนั้นแน่นอน ขึ้นบ้าน”
ชายกำยำกระตุกแขนหญิงสาว นาราได้แต่เดินตามไปด้วยความรู้สึกผิด เธอก่อความวุ่นวายจนคนอื่นไม่ได้ทำงานทำการ ทำให้เขาโกรธ ในสายตาของสิงหราชนายหัวของไร่คนนี้เธอคงผิดมาก เพราะคนอย่างเธอทำอะไรก็ผิด
จนในที่สุดนาราก็ขึ้นมาบนบ้านเรือนไทยอันสวยงาม หญิงสาวคอตกยิ่งกว่าอะไร เธอรู้ดีว่าต้องได้รับโทษอย่างสาสม
“สิงคะ ปราณมาหาค่ะ” ทันใดนั้นนาราก็รู้ว่าบนบ้านไม่ได้มีเพียงแค่เธอกับนายหัว แต่ภายใต้ชายคาเดียวกัน ยังมีสาวสวยอีกคนและแม่บ้านอย่างนงรักรวมอยู่ด้วย
“ป้ากำลังจะไปตามคุณพอดีเลยค่ะ”
“มีอะไรหรือเปล่าครับ” สิงหราชถามร่างอวบอิ่มที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ วันนี้ปราณนารีใส่เสื้อเกาะอกสีแดง กับกระโปรงสีขาวยาวถึงพื้น เผยหน้าอกหน้าใจ ผมยาวสลวยรวบไปด้านหลัง ถ้าคนอื่นมาเห็นคงจับปราณนารีเข้าห้องไปขย้ำแล้ว แต่นี่คือสิงหราชชายหนุ่มมองเธอนิ่งๆ ดวงตาทรงเสน่ห์ยังคงเรียบตึงเหมือนเดิม
ช่างเร้าใจเสียนี่กระไร
ร่างสะโอดสะองเดินเข้ามา ดวงตาหวานเหลือบมองผู้หญิงอีกคนที่ยืนอยู่ข้างๆนายหัวของธรภูมิด้วย เธอเคยเจอผู้หญิงคนนี้อยู่สองสามครั้ง และได้ยินข่าวลือมา ทว่าหญิงสาวก็ไม่ได้สนใจ เพราะมันก็เป็นได้แค่นางบำเรอเท่านั้น เธอนี่สิ เมียตัวจริงในอนาคต
ปราณนารีเป็นเจ้าของบริษัทจัดเลี้ยงที่ใหญ่ที่สุดของจังหวัดนี้ ไม่เพียงแค่นั้นเธอยังมีธุรกิจรีสอร์ตอีกมากมาย ส่วนพ่อก็เป็นนายตำรวจใหญ่ ไม่มีใครไม่รู้จักเธอ เพราะแบบนั้นปราณนารีจึงเหมาะสมกับสิงหราชทุกอย่าง แต่งงานกันได้เลยขอเพียงเขาเอ่ยปากกับเธอ ขบวนขันหมากจะอยู่หน้าบ้านเจ้าบ่าวทันที!
“ปราณจะมาคุยเรื่องรับผลไม้จากไร่ของคุณน่ะค่ะ บอกตามตรงนะคะว่าผลผลิตของที่นี่อร่อยมาก ลูกค้าก็ชอบเช่นเดียวกัน เพราะอย่างนั้นปราณเลยอยากขอให้คุณขายสินค้าให้ปราณ” เธอเข้าเรื่องอย่างไม่ลังเล
“อย่างนั้นเหรอครับ” เขาเอ่ยตอบเธอ นัยน์ตาคมเฉี่ยวดุจตาเหยี่ยวเหลือบมองหญิงสาวข้างกายแวบหนึ่ง
“คุณปราณอยากได้เท่าไหร่ล่ะครับ ล็อตนี้ของสวยๆดีๆทั้งนั้นเลย ถ้าคุณอยากได้ผมจะจัดส่งให้ถึงที่”
ปราณนารียิ้มร่า เพราะไม่คิดว่าสิงหราชจะพูดง่ายขนาดนี้ ลำพังเธอเป็นลูกค้าของทางไร่อยู่แล้ว เนื่องจากลูกค้าของธรภูมิมีมากมาย จึงไม่เป็นเรื่องง่ายที่จะได้สินค้ามาง่ายๆ เธอเคยขอเขาไปหลายรอบ ทั้งอ้อน ทั้งให้ค่าตอบแทนที่เยอะกว่าเดิม แต่เขาก็ยังไม่สนใจ หรือว่าสิงหราชกำลังพิศวาสในตัวเธอถึงได้ตอบรับราวกับปอกกล้วยเข้าปาก
“ยืนอยู่ทำไม ไปเอาของว่างมาให้คุณปราณสิ”
นาราที่รู้สึกตัวราวเหมือนอากาศธาตุเงยหน้ามองคนตัวสูง หัวใจด้านซ้ายบีบรัดอย่างรุนแรงเมื่อเขาเอ่ยแบบนั้น เธอไม่เข้าใจว่าทำไมถึงรู้สึกเจ็บขนาดนี้
“ไปสิ หรือลืมหน้าที่ตัวเองแล้ว?”
ร่างบางสูดลมหายใจ เธอพยายามเชิดหน้าขึ้น ใช่สิ เธอมีหน้าที่เป็นคนรับใช้เขา รวมถึงผู้หญิงของเขาด้วย วันนี้เธอทำผิดมา เพราะแบบนั้นไม่มีอะไรที่เธอต้องหลีกเลี่ยงเลย หญิงสาวเดินเข้าไปในครัวด้วยความเจ็บปวด
“ความจริงป้าเป็นคนไปเอาให้ก็ได้นะคะ” มันเป็นหน้าที่ของแม่บ้านอย่างนงรัก เธอทำมันมาตลอด สิงหราชไม่เคยใช้เด็กสาวคนนี้เลย
“ให้เธอทำครับ” ทว่าสิงหราชปฏิเสธ เขาเดินไปนั่งข้างปราณนารี ซึ่งหญิงสาวดีใจเป็นอย่างหนัก
“เป็นยังไงบ้างคะ เหนื่อยมั้ย” สาวสวยมองคนตรงหน้า ใจเธอเต้นระรัว สิงหราชนี่หล่อจริงๆ หล่อจนเธอห้ามใจไม่ไหวอยากเป็นของเขาจะตายอยู่แล้ว
“ไม่ครับ ผมทำงานทุกวัน” ชายหนุ่มหันมองไปทางอื่น คิดว่าคนตัวเล็กในครัวทำไมไม่ออกมาสักที เขายิ่งหงุดหงิด
“แต่สิงกำลังจะทำสถานที่ท่องเที่ยวไม่ใช่เหรอคะ ไม่เหนื่อยได้ยังไง” ปราณนารีถือวิสาสะเรียกเขาด้วยความสนิทสนม เพื่อหวังว่ามันจะกระชับความสัมพันธ์ระหว่างเราให้ใกล้ชิดกันมากขึ้น
นาราเดินขึ้นมาตามเนินเขาเรื่อยๆ แสงของพระอาทิตย์สาดส่องไปทั่วและสายลมที่พัดเอื่อยๆต้องผิวกายพลันทำให้เย็นสดชื่นราวกับได้เกิดใหม่ ปลดระวางความเหนื่อยล้าที่มีมาทั้งวัน หญิงสาวยิ้มร่าเมื่อคิดว่าขึ้นไปบนหน้าผาแล้วจะเจอใครคนหนึ่ง คน...ที่วันนี้คิดถึงเป็นร้อยครั้ง และใช่ เมื่อขึ้นมาก็เห็นเขายืนอยู่ก่อนแล้ว คนตัวเล็กคลี่ยิ้ม ด้านข้างของสิงหราชนั้นช่างดูดีเสียจริง หล่อเหลาราวกับรูปปั้น ไม่รวมผิวสีเข้มที่บ่งบอกว่าผ่านการแตกแดดมานมนาน เสริมให้บุคลิกของคนร่างสูงดูองอาจขึ้นไปอีก เธอไม่อยากเชื่อว่าวันหนึ่งคนคนนี้จะเป็นของเธอ ทว่าเวลานี้เขายืนอยู่ตรงหน้าแล้ว พร้อมกับยิ้มให้เธอด้วยความจริงใจ นาราวิ่งเข้าไปหาแขนที่อ้าออก หลับตาสูดเอากลิ่นหอมๆของชายคนรักเข้าปอด ซึ่งอีกคนก็เช่นเดียวกัน เขาประทับริมฝีปากลงบนกระหม่อมบาง ลอบดมกลิ่นหอมหวานจนชื่นใจ “เหนื่อยมั้ย” เสียงทุ้มทรงเสน่ห์เอ่ยอย่างเป็นห่วง ใครจะคิดว่านาราจะอึดขนาดนี้ ทำสวนไม่รู้จักเหน็ดจักเหนื่อย บ้ากว่าเขาตอนทำไร่ใหม่ๆอีกมั้ง แล้วคำตอบของเธอทำเขายิ้มออกมาอย่างไม่ยาก “ไม่เหนื่อย
“แต่หนูไม่โกรธยายหรอกค่ะ แต่มาวันนี้ก็เพื่อบอกให้ยายรู้ว่าหนูจะไม่ทนอีกแล้ว ยายต้องรับผิดชอบในส่วนที่ยายทำ ถ้ายังหาเงินมาคืนสามีหนูไม่ได้ แน่นอนว่าบ้านหลังนี้กับที่ดินหนูจะยืดไปให้หมด” “นี่แก๊” ธัญญาหมดความอดทนจริงๆ ไม่คิดว่าหลานตัวเองจะเลวร้ายแบบนี้ เธอรู้ว่าตัวเองผิดที่เห็นแก่ตัวไม่ใช้หนี้ แต่เธอก็เอาเงินของเธอมาดูแลแม่ไง แม่มันไม่ดูแลยายก็ให้มันใช้หนี้ไปสิ ผิดตรงไหน คนเป็นป้าอยากพูดแบบนั้นทว่าพอเห็นสายตาเลือดเย็นของหลานสาว ก็ถึงกลับต้องหุบปากไป เพราะกลัวมันจะเพิ่มหนี้ให้เธอ “หนูมาบอกแค่นี้ล่ะค่ะ ขอตัว” หญิงสาวเดินออกมา เธอแทบจะล้มลงไปกับพื้นทว่าได้สิงหราชประคองตัวไว้ เธอพยักหน้าให้เพื่อบอกเขาว่าไม่เป็นไร ทว่าพอได้ขึ้นมาบนรถ ก็อดกลั้นไม่ไหวร้องไห้ออกมาในที่สุด คนตัวใหญ่ดึงเธอเข้าไปกอด ลูบแผ่นหลังเบาๆ ความอ่อนแอยิ่งถูกกระตุ้นไหลเป็นสาย บางทีโลกเราก็โหดร้ายเกินไป พยายามคิดในแง่บวกไว้ ปกปิดมันด้วยเหตุผลทุกอย่าง ทว่าพอเผชิญหน้ากับความจริงกลับเกินทนจนยากที่จะรับไหว “พี่อยู่นี่ ไม่เป็นไร” สิงหราชปลอบโยนคนต
รถกระบะคันเก่าวิ่งเข้ามาจอดกลางบ้าน ทำให้ธัญญาที่กำลังร้องไห้ราวกับจะขาดใจเงยหน้ามอง จากที่ราวถูกเหยียบย่ำหัวใจไปแล้ว หญิงวัยกลางคนยิ่งแหลกสลายเข้าไปกันใหญ่เมื่อเห็นหลานสาวของตนและผู้มีอิทธิพลในแถบนี้เดินเข้ามา และใช่ ลูกสาวเธอโดนจับก็เพราะพวกมัน “อีนารา! มึงยังเสนอหน้ามาอีกเหรอ” ธัญญาตะโกนดังลั่น ความโกรธเกรี้ยวของเธอทำให้ยายของนาราที่นั่งอยู่ข้างๆธัญญาลูบหลังลูกสาวเบาๆ นาราปรายตามองยายของตน หญิงใจร้ายที่ไม่เคยคิดบอกความจริงกับเธอ ที่ผ่านมาเธอใจดีมาก ทำดีกับยายมาโดยตลอดเพราะหวังว่าสักวันหญิงชราจะเห็นความดีแล้วรักเธอบ้าง ทว่าตอนนี้หญิงสาวได้รู้ว่าสิ่งที่ทำไปมันสูญเปล่า ผู้หญิงคนนี้ไม่เคยรักเธอในฐานะหลานเลย แม้ใจจะปวดหนึบ แต่ก็พยายามเก็บมันไว้ คงเห็นท่าไม่ได้ สิงหราชเลยกุมมือเธอ หญิงสาวส่ายหัวบอกเขาว่าไม่เป็นอะไร ใจเข้มแข็งพอแล้ว และส่วนหนึ่งที่ทำให้เธอเป็นแบบนี้ได้ก็เพราะเขา “ป้าทำเหมือนโกรธหนู แต่หนูมากกว่าที่ต้องโกรธป้า” คนตัวเล็กตอบโต้กลับทันที “โกรธกูเรื่องอะไร!” ตอนนี้ธัญญาไม่วางมาดอะไรอีกแล้ว นังเด็กนี่มัน
“ครับ เมียเอายังไงก็เอา แต่บอกก่อนได้มั้ยว่าจะไม่โกรธกัน” เขากลัวเมียหายไปนะ ถ้าเธอจากเขาไปทั้งไร่ต้องลุกเป็นไฟอย่างแน่นอน พลิกแผ่นดินหาไม่เจอก็จะหาอยู่แบบนั้น นาราหลุบมองคนที่ซุกอยู่บนอก ดวงตาดุๆ พลันทำให้ชายหนุ่มก้มหน้าลง เผลอใช้โอกาสนี้ซุกใบหน้าลงมามากกว่าเดิม นาราอึดอัดจนต้องขยับดิ้น เธอจิ๊ปากทีหนึ่ง “อื้อ!” เสียงอ้อนเอ่ยตามมา “บอกก่อนว่าจะไม่โกรธ” “ไม่” “ทำไมไม่” “ก็โกรธ” “แล้วทำยังไงถึงจะหายโกรธ” “ไม่รู้ ออกไปจากที่นี่มั้ง” วินาทีนั้นอ้อมแขนที่กอดเธออยู่รัดแน่นขึ้น นาราเกือบหายใจไม่ออก ทว่าต้องทำเก๊กเพราะกลัวเขาจะได้ใจ หญิงสาวเลยนิ่งไว้ “ไม่ให้ไป ไปสิ จะขังไว้ที่นี่เลย” ตัวเล็กดวงตาวาวโรจน์ “กล้าเหรอ?” “ไม่กล้า” เสียงหงอยเอ่ย นารานิ่งไป มองคนตัวใหญ่ที่กำลังไซ้หัวลงบนหน้าอกเธอเหมือนเด็ก “งั้นเอาไร่มั้ย เอาไร่ส้มสักร้อยไร่ หรือตรงที่น้องทำ พี่ยกให้หมดเลย” “ยกให้แฟนเก่ากับคุณปราณนารีสิ มาให้ฉันทำไม”
“น้ำ” เสียงแหบแห้งและฝืดเคืองครางออกมา ใช่ ตอนนี้รู้สึกราวกับว่าอยู่ในทะเลทรายอันแสนแห้งแล้งและร้อนผ่าวแผดเผาอยู่ภายใต้พระอาทิตย์ แล้วในตอนนั้นเองที่เปลือกตาสีไข่เปิดขึ้น ฝ้าเพดานที่คุ้นเคยทำหญิงสาวกะพริบตาปริบๆ แรงกอดรัดช่วงตัวทำให้เธอเอี้ยวตัวมองคนที่กอดเธอไว้ สิงหราช นี่เขา พาเธอออกมาจากป่าได้จริงๆ “ตื่นแล้วเหรอ” ร่างสูงตื่นขึ้นมาพอดี เขายิ้มให้เธอ เป็นรอยยิ้มที่ไม่เคยเห็นเลยในชาตินี้ ยิ่งทำให้อึ้งไปกว่านั้นเพราะเขาโน้มหน้าลงมาจูบกระหม่อมกันเอ่ยคำพูดแปลกประหลาด “เมียตื่นแล้วเหรอครับ” ราวกับสติได้หลุดล่องหายไป เมื่อกี้เขาว่ายังไงนะ “คุณว่ายังไงนะ” “เมียตื่นแล้ว อยากได้อะไรมั้ย” แม้จะยังมึนงง ทว่านาราตอบอย่างไม่ลังเล เอาไว้ก่อนเรื่องเขาเรียกเธอว่าเมีย “น้ำ” เพียงเท่านั้นเขาก็ลุกขึ้น พร้อมกับเอามันมาให้เธอ ร่างสูงนั่งลงข้างเตียง ประคองเธอขึ้นนั่ง นาราดื่มน้ำด้วยความกระหาย ก่อนดวงตาจะจ้องมองใบหน้าหล่อเหลาเหมือนเดิม ไม่รู้ว่าควรรู้สึกยังไง มันผสมปนเปกันไป
“นายหัว!” นงรักตาเบิกกว้างเมื่อเห็นคนสูงใหญ่ผู้น่าเกรงขามในไร่แบกหญิงสาวตัวเล็กไว้บนหลังเดินเข้ามา พอมองสภาพของทั้งสองคนหญิงแม่บ้านก็ต้องตกใจ อะไรกันเนี่ย ทำไมดำไปทั้งตัวแบบนี้ มิหนำซ้ำท่อนขาและเท้าเปลือยเปล่าของสิงหราชยังเต็มไปด้วยบาดแผลราวกับโดนของร้อนจี้มา หรือว่าที่คนงานพูดกันว่าในป่ามีเพลิงไหม้ เกี่ยวข้องกันนายหัวและหญิงสาวตัวเล็กที่ไม่ได้สตินี่เหรอ เกิดอะไรขึ้น ใครบังอาจทำนายหัวเธอ มันเป็นใคร! วินาทีนั้นราวกับนายหัวของไร่เป็นคนบ้าใบ้ สิงหราชไม่พูดอะไร อุ้มนาราขึ้นมาบนบ้าน ดวงตาชายหนุ่มเหม่อลอย และกว่าจะเอ่ยออกมาก็ปาไปหลายนาที “ป้าเรียกหมอให้หน่อยได้มั้ยครับ” เหนื่อยจนเหมือนตายทั้งเป็น แต่ก็ยังอยากเห็นอีกคนไม่เป็นอะไร “โถ่ ได้ค่ะ” นงรักแทบร้องไห้ เธอรีบกุลีกุจอโทรไปเรียกหมอที่เป็นคนสนิทกับครอบครัว แล้วเวลานั้นเองที่ชายอีกคนโผล่มา “พี่สิง” “มึงไม่ใช่น้องกู...” สิงหราชมองไปที่น้องชายของตน ก่อนหน้านั้นเขาพอรู้มาบ้างว่าอะไรเป็นอะไร แต่ไม่คิดว่ามันจะทำแรงขนาดนี้ “มึง