“หนูก็กินอย่างที่คนงานกินนั่นแหละค่ะ กับข้าวก็ไม่ได้มีอะไรพิเศษ” นาราตอบ เดินตรงไปที่รถมอเตอร์ไซค์ของตัวเอง
ธัญญายิ้มหมั่นไส้ที่เหมือนหลานสาวหลีกเลี่ยงคำถามเธอ แต่อย่าหวังว่าเธอจะปล่อยไป เพราะตระกูลนี้ต้องมีหน้ามีตาเท่านั้น และคนที่จะมีสามีที่ดีต้องเป็นลูกสาวของเธอ ใครจะมาแซงหน้าลูกเธอเป็นไม่ได้ แต่เธอลืมไปว่ายังไงหลานสาวคนนี้ก็เป็นได้แค่อีตัวบนเตียงของนายหัวธรภูมิ! เพราะแบบนั้นอีธัญญาคนนี้จะกลัวอะไร๊
หญิงแก่ซ่อนรอยยิ้มร้าย “แหม ใช่เหรอ ไม่ใช่นายหัวเลี้ยงดีหรอกเหรอถึงได้มีน้ำมีนวลขนาดนี้ อย่าบอกนะว่าหลังจากกินข้าวกันแล้วก็กินอย่างอื่นกันต่อ ระวังน้า เป็นของเล่นเขา สักวันจะโดนเขี่ยทิ้งเอา”
ร่างบางพยายามสูดลมหายใจเข้าลึก ยอมรับว่าเธอโกรธมากที่ได้ยินคำพูดที่ไม่มีมารยาทและกล้าพูดกับคนอื่นอย่างตรงๆ ไม่ได้แรงแต่ไม่มีมารยาททางสังคมที่ควรกระทำกัน สงสัยว่าเธอไปทำอะไรให้ผู้เป็นป้าโกรธนักหนา ถึงได้กระแนะกระแหนกันไม่หยุด แต่อย่างว่าเธอถือคติมีความสุขแล้วทุกอย่างจะชนะ เพราะแบบนั้นนาราจึงเงยหน้าขึ้นยิ้มให้ผู้เป็นป้าตอกกลับไป
“ไม่รู้สินะคะ ตอนนี้นายหัวหลงหนูมากเลย ไม่รู้เขาจะเบื่อเมื่อไหร่ ไม่แน่นานๆไปหนูอาจจะเป็นนายหญิงของไร่ธรภูมิก็ได้ ใครจะไปรู้”
นารายิ้มปิดท้าย ก่อนสตาร์ทมอเตอร์ขับออกมา ปล่อยให้ธัญญากำมือแน่นด้วยความโกรธเกรี้ยว โกรธมาก โกรธที่นังเด็กคนนี้กล้าต่อกรกับเธอ ทั้งๆที่มันเป็นแค่หลานนอกคอกเท่านั้น อยู่นอกสายตาของตากับยายมาโดยตลอด นังเด็กไม่รักดี!
แต่อย่าหวังเลย เพราะธัญญาจะขัดขวางมันทุกวิถีทาง เธอจะไม่ยอมให้ใครมาแซงหน้าลูกสาวเธอเด็ดขาด ธัญญาต้องเป็นใหญ่ในตระกูลนี้
แต่ใครจะรู้ว่าภายนอกที่เข้มแข็งของหญิงสาวคนนี้ช่างเปราะบางเหลือเกิน คำพูดพวกนั้นเสียดแทงใจนารา จนเธอน้ำตาไหลออกมา และเหมือนฟ้าอยากจะกลั่นแกล้งกัน มันโหมกระหน่ำ สาดซัดใส่ตัวหญิงสาวจนเปียกโชกไปทั้งตัว นาราตากฝนร้องไห้อยู่แบบนั้นจนกระทั่งถึงบ้าน
มาถึงหญิงสาวอาบน้ำ เตรียมตัวใส่ชุดนอนเข้าไปพักผ่อนในห้อง กระทั่งหลับไป โดยไม่รู้ว่าโทรศัพท์ของตนนั้นมีสายโทรเข้ามามากแค่ไหน
“ทำไมไม่รับ” ร่างสูงหัวฟัดหัวเหวี่ยง หงุดหงิดที่คนปลายสายไม่กดรับสักที มือหนาเสยผมไปด้านหลัง เผยให้เห็นใบหน้าหล่อเหลาราวกับเทพเจ้ามากขึ้น
วันนี้สิงหราชแวะไปในเมือง เข้าไปคุยธุระเกี่ยวกับร้านค้าที่รับผลผลิตของธรภูมิไปขาย ตามด้วยซื้อของนิดหน่อยกระทั่งกลับมาตอนหกโมงเย็น ทว่าเมื่อมาถึงกลับต้องหงุดหงิดเพราะรู้ว่านาราไม่อยู่ไร่แล้ว
ไปดื้อที่ไหน กลับมาจะตีให้ก้นลายเลย
“โทรหาใครอยู่เหรอคะคุณสิง” นงรักเดินขึ้นเรือนมาพอดี เห็นนายหัวของไร่ทำท่าหงุดหงิดใจ โทรหาใครหลายรอบจึงถามเผื่อจะช่วยได้ เธอเห็นสิงหราชมาตั้งแต่เล็กแล้ว ถึงเขาจะน่ากลัว แต่ก็ยังเป็นเด็กในสายตาคนแก่แบบเธอ
นายหัวของไร่นิ่งเงียบ ท่าทางไม่พอใจเหล่านั้นหายไป เขาไม่คิดจะบอกใครเรื่องนี้ แต่ก็อดถามไม่ได้จริงๆ
“ยัยคนนั้นไปไหนครับ” ร่างใหญ่กำยำเดินมานั่งบนโต๊ะ
“คนไหนคะ” ไม่ใช่นงรักไม่รู้ แต่เธออยากกวนประสาทนายใหญ่มากกว่า แล้วเหมือนจะได้ผลเพราะคนตรงหน้าเหลือบตามองเธอด้วยสายตาดุนิดหนึ่ง ถอนหายใจออกมา
“ป้าก็รู้ว่าผมหมายถึงใคร แล้วจะถามทำไม” นงรักเคยเห็นนาราขึ้นมาบนบ้านหลายครั้ง กับข่าวคราวที่คนงานลือกัน จะว่าเปิดเผยก็เปิดเผยจะว่าปิดบังก็ปิดบัง เพราะแบบนั้นหญิงวัยป้าจึงตอบสิ่งที่นายหัวอยากรู้
“หนูนาคน่าจะกลับบ้านค่ะ เพราะป้าเห็นขับรถแล้วออกไปเลย ยังไม่กลับมา เป็นแบบนี้ส่วนมากเธอจะกลับบ้านแล้วมาไร่อีกทีตอนเช้า”
“กลับโดยไม่บอกเนี่ยนะ” เสียงเข้มเอ่ยอย่างหงุดหงิด นงรักยิ้มน้อยๆ
“เดี๋ยวเธอก็กลับมาเองแหละค่ะ เด็กคนนี้ไม่เบี้ยวงานหรอก ป้าไม่เห็นเธอมาทำงานสายสักที ไม่ต้องห่วงเธอหรอกนะคะ”
“ผมเปล่าห่วง แค่อยากให้รับผิดชอบงานได้ก็เท่านั้น” เพราะเขาไม่มีมาตรการให้คนงานออกไปค้างคืนข้างนอก ถ้าไม่จำเป็น แต่สำหรับนาราเธอไม่ใช่คนงานประจำ แต่เป็นคนงานพิเศษที่เข้ามาเพื่อใช้หนี้
“แล้วป้าก็ไม่ต้องคิดด้วยว่าผมจะคิดอะไรกับเธอ” ดวงตาคมดุตวัดมองนงรัก หญิงแม่บ้านขนกายลุกวาบ นายหัวเป็นแบบนี้ทุกทีที่เธอพูดถึงนาราในเชิงมีความสัมพันธ์ชู้สาว ไม่รู้ว่าเขาพูดจริงหรือแค่ปากแข็งกันแน่
“ก็ได้ค่ะๆ ป้าจะไม่พูดแบบนี้อีกแล้ว” นงรักเปลี่ยนเรื่อง “แล้วเย็นนี้คุณสิงจะทานอะไรเหรอคะ เดี๋ยวป้าทำไว้ให้”
ชายหนุ่มลุกขึ้น กล่าวเสียงกระด้าง
“ไม่ต้องครับ ผมจะไปทานที่อื่นสักหน่อย” ว่าจบสิงหราชก็หยิบเอากุญแจเดินออกไปทางประตู เขาขับรถตรงดิ่งไปยังหมู่บ้านที่ตั้งอยู่ใกล้ธรภูมิ
นาราเดินขึ้นมาตามเนินเขาเรื่อยๆ แสงของพระอาทิตย์สาดส่องไปทั่วและสายลมที่พัดเอื่อยๆต้องผิวกายพลันทำให้เย็นสดชื่นราวกับได้เกิดใหม่ ปลดระวางความเหนื่อยล้าที่มีมาทั้งวัน หญิงสาวยิ้มร่าเมื่อคิดว่าขึ้นไปบนหน้าผาแล้วจะเจอใครคนหนึ่ง คน...ที่วันนี้คิดถึงเป็นร้อยครั้ง และใช่ เมื่อขึ้นมาก็เห็นเขายืนอยู่ก่อนแล้ว คนตัวเล็กคลี่ยิ้ม ด้านข้างของสิงหราชนั้นช่างดูดีเสียจริง หล่อเหลาราวกับรูปปั้น ไม่รวมผิวสีเข้มที่บ่งบอกว่าผ่านการแตกแดดมานมนาน เสริมให้บุคลิกของคนร่างสูงดูองอาจขึ้นไปอีก เธอไม่อยากเชื่อว่าวันหนึ่งคนคนนี้จะเป็นของเธอ ทว่าเวลานี้เขายืนอยู่ตรงหน้าแล้ว พร้อมกับยิ้มให้เธอด้วยความจริงใจ นาราวิ่งเข้าไปหาแขนที่อ้าออก หลับตาสูดเอากลิ่นหอมๆของชายคนรักเข้าปอด ซึ่งอีกคนก็เช่นเดียวกัน เขาประทับริมฝีปากลงบนกระหม่อมบาง ลอบดมกลิ่นหอมหวานจนชื่นใจ “เหนื่อยมั้ย” เสียงทุ้มทรงเสน่ห์เอ่ยอย่างเป็นห่วง ใครจะคิดว่านาราจะอึดขนาดนี้ ทำสวนไม่รู้จักเหน็ดจักเหนื่อย บ้ากว่าเขาตอนทำไร่ใหม่ๆอีกมั้ง แล้วคำตอบของเธอทำเขายิ้มออกมาอย่างไม่ยาก “ไม่เหนื่อย
“แต่หนูไม่โกรธยายหรอกค่ะ แต่มาวันนี้ก็เพื่อบอกให้ยายรู้ว่าหนูจะไม่ทนอีกแล้ว ยายต้องรับผิดชอบในส่วนที่ยายทำ ถ้ายังหาเงินมาคืนสามีหนูไม่ได้ แน่นอนว่าบ้านหลังนี้กับที่ดินหนูจะยืดไปให้หมด” “นี่แก๊” ธัญญาหมดความอดทนจริงๆ ไม่คิดว่าหลานตัวเองจะเลวร้ายแบบนี้ เธอรู้ว่าตัวเองผิดที่เห็นแก่ตัวไม่ใช้หนี้ แต่เธอก็เอาเงินของเธอมาดูแลแม่ไง แม่มันไม่ดูแลยายก็ให้มันใช้หนี้ไปสิ ผิดตรงไหน คนเป็นป้าอยากพูดแบบนั้นทว่าพอเห็นสายตาเลือดเย็นของหลานสาว ก็ถึงกลับต้องหุบปากไป เพราะกลัวมันจะเพิ่มหนี้ให้เธอ “หนูมาบอกแค่นี้ล่ะค่ะ ขอตัว” หญิงสาวเดินออกมา เธอแทบจะล้มลงไปกับพื้นทว่าได้สิงหราชประคองตัวไว้ เธอพยักหน้าให้เพื่อบอกเขาว่าไม่เป็นไร ทว่าพอได้ขึ้นมาบนรถ ก็อดกลั้นไม่ไหวร้องไห้ออกมาในที่สุด คนตัวใหญ่ดึงเธอเข้าไปกอด ลูบแผ่นหลังเบาๆ ความอ่อนแอยิ่งถูกกระตุ้นไหลเป็นสาย บางทีโลกเราก็โหดร้ายเกินไป พยายามคิดในแง่บวกไว้ ปกปิดมันด้วยเหตุผลทุกอย่าง ทว่าพอเผชิญหน้ากับความจริงกลับเกินทนจนยากที่จะรับไหว “พี่อยู่นี่ ไม่เป็นไร” สิงหราชปลอบโยนคนต
รถกระบะคันเก่าวิ่งเข้ามาจอดกลางบ้าน ทำให้ธัญญาที่กำลังร้องไห้ราวกับจะขาดใจเงยหน้ามอง จากที่ราวถูกเหยียบย่ำหัวใจไปแล้ว หญิงวัยกลางคนยิ่งแหลกสลายเข้าไปกันใหญ่เมื่อเห็นหลานสาวของตนและผู้มีอิทธิพลในแถบนี้เดินเข้ามา และใช่ ลูกสาวเธอโดนจับก็เพราะพวกมัน “อีนารา! มึงยังเสนอหน้ามาอีกเหรอ” ธัญญาตะโกนดังลั่น ความโกรธเกรี้ยวของเธอทำให้ยายของนาราที่นั่งอยู่ข้างๆธัญญาลูบหลังลูกสาวเบาๆ นาราปรายตามองยายของตน หญิงใจร้ายที่ไม่เคยคิดบอกความจริงกับเธอ ที่ผ่านมาเธอใจดีมาก ทำดีกับยายมาโดยตลอดเพราะหวังว่าสักวันหญิงชราจะเห็นความดีแล้วรักเธอบ้าง ทว่าตอนนี้หญิงสาวได้รู้ว่าสิ่งที่ทำไปมันสูญเปล่า ผู้หญิงคนนี้ไม่เคยรักเธอในฐานะหลานเลย แม้ใจจะปวดหนึบ แต่ก็พยายามเก็บมันไว้ คงเห็นท่าไม่ได้ สิงหราชเลยกุมมือเธอ หญิงสาวส่ายหัวบอกเขาว่าไม่เป็นอะไร ใจเข้มแข็งพอแล้ว และส่วนหนึ่งที่ทำให้เธอเป็นแบบนี้ได้ก็เพราะเขา “ป้าทำเหมือนโกรธหนู แต่หนูมากกว่าที่ต้องโกรธป้า” คนตัวเล็กตอบโต้กลับทันที “โกรธกูเรื่องอะไร!” ตอนนี้ธัญญาไม่วางมาดอะไรอีกแล้ว นังเด็กนี่มัน
“ครับ เมียเอายังไงก็เอา แต่บอกก่อนได้มั้ยว่าจะไม่โกรธกัน” เขากลัวเมียหายไปนะ ถ้าเธอจากเขาไปทั้งไร่ต้องลุกเป็นไฟอย่างแน่นอน พลิกแผ่นดินหาไม่เจอก็จะหาอยู่แบบนั้น นาราหลุบมองคนที่ซุกอยู่บนอก ดวงตาดุๆ พลันทำให้ชายหนุ่มก้มหน้าลง เผลอใช้โอกาสนี้ซุกใบหน้าลงมามากกว่าเดิม นาราอึดอัดจนต้องขยับดิ้น เธอจิ๊ปากทีหนึ่ง “อื้อ!” เสียงอ้อนเอ่ยตามมา “บอกก่อนว่าจะไม่โกรธ” “ไม่” “ทำไมไม่” “ก็โกรธ” “แล้วทำยังไงถึงจะหายโกรธ” “ไม่รู้ ออกไปจากที่นี่มั้ง” วินาทีนั้นอ้อมแขนที่กอดเธออยู่รัดแน่นขึ้น นาราเกือบหายใจไม่ออก ทว่าต้องทำเก๊กเพราะกลัวเขาจะได้ใจ หญิงสาวเลยนิ่งไว้ “ไม่ให้ไป ไปสิ จะขังไว้ที่นี่เลย” ตัวเล็กดวงตาวาวโรจน์ “กล้าเหรอ?” “ไม่กล้า” เสียงหงอยเอ่ย นารานิ่งไป มองคนตัวใหญ่ที่กำลังไซ้หัวลงบนหน้าอกเธอเหมือนเด็ก “งั้นเอาไร่มั้ย เอาไร่ส้มสักร้อยไร่ หรือตรงที่น้องทำ พี่ยกให้หมดเลย” “ยกให้แฟนเก่ากับคุณปราณนารีสิ มาให้ฉันทำไม”
“น้ำ” เสียงแหบแห้งและฝืดเคืองครางออกมา ใช่ ตอนนี้รู้สึกราวกับว่าอยู่ในทะเลทรายอันแสนแห้งแล้งและร้อนผ่าวแผดเผาอยู่ภายใต้พระอาทิตย์ แล้วในตอนนั้นเองที่เปลือกตาสีไข่เปิดขึ้น ฝ้าเพดานที่คุ้นเคยทำหญิงสาวกะพริบตาปริบๆ แรงกอดรัดช่วงตัวทำให้เธอเอี้ยวตัวมองคนที่กอดเธอไว้ สิงหราช นี่เขา พาเธอออกมาจากป่าได้จริงๆ “ตื่นแล้วเหรอ” ร่างสูงตื่นขึ้นมาพอดี เขายิ้มให้เธอ เป็นรอยยิ้มที่ไม่เคยเห็นเลยในชาตินี้ ยิ่งทำให้อึ้งไปกว่านั้นเพราะเขาโน้มหน้าลงมาจูบกระหม่อมกันเอ่ยคำพูดแปลกประหลาด “เมียตื่นแล้วเหรอครับ” ราวกับสติได้หลุดล่องหายไป เมื่อกี้เขาว่ายังไงนะ “คุณว่ายังไงนะ” “เมียตื่นแล้ว อยากได้อะไรมั้ย” แม้จะยังมึนงง ทว่านาราตอบอย่างไม่ลังเล เอาไว้ก่อนเรื่องเขาเรียกเธอว่าเมีย “น้ำ” เพียงเท่านั้นเขาก็ลุกขึ้น พร้อมกับเอามันมาให้เธอ ร่างสูงนั่งลงข้างเตียง ประคองเธอขึ้นนั่ง นาราดื่มน้ำด้วยความกระหาย ก่อนดวงตาจะจ้องมองใบหน้าหล่อเหลาเหมือนเดิม ไม่รู้ว่าควรรู้สึกยังไง มันผสมปนเปกันไป
“นายหัว!” นงรักตาเบิกกว้างเมื่อเห็นคนสูงใหญ่ผู้น่าเกรงขามในไร่แบกหญิงสาวตัวเล็กไว้บนหลังเดินเข้ามา พอมองสภาพของทั้งสองคนหญิงแม่บ้านก็ต้องตกใจ อะไรกันเนี่ย ทำไมดำไปทั้งตัวแบบนี้ มิหนำซ้ำท่อนขาและเท้าเปลือยเปล่าของสิงหราชยังเต็มไปด้วยบาดแผลราวกับโดนของร้อนจี้มา หรือว่าที่คนงานพูดกันว่าในป่ามีเพลิงไหม้ เกี่ยวข้องกันนายหัวและหญิงสาวตัวเล็กที่ไม่ได้สตินี่เหรอ เกิดอะไรขึ้น ใครบังอาจทำนายหัวเธอ มันเป็นใคร! วินาทีนั้นราวกับนายหัวของไร่เป็นคนบ้าใบ้ สิงหราชไม่พูดอะไร อุ้มนาราขึ้นมาบนบ้าน ดวงตาชายหนุ่มเหม่อลอย และกว่าจะเอ่ยออกมาก็ปาไปหลายนาที “ป้าเรียกหมอให้หน่อยได้มั้ยครับ” เหนื่อยจนเหมือนตายทั้งเป็น แต่ก็ยังอยากเห็นอีกคนไม่เป็นอะไร “โถ่ ได้ค่ะ” นงรักแทบร้องไห้ เธอรีบกุลีกุจอโทรไปเรียกหมอที่เป็นคนสนิทกับครอบครัว แล้วเวลานั้นเองที่ชายอีกคนโผล่มา “พี่สิง” “มึงไม่ใช่น้องกู...” สิงหราชมองไปที่น้องชายของตน ก่อนหน้านั้นเขาพอรู้มาบ้างว่าอะไรเป็นอะไร แต่ไม่คิดว่ามันจะทำแรงขนาดนี้ “มึง