“หนูก็กินอย่างที่คนงานกินนั่นแหละค่ะ กับข้าวก็ไม่ได้มีอะไรพิเศษ” นาราตอบ เดินตรงไปที่รถมอเตอร์ไซค์ของตัวเอง
ธัญญายิ้มหมั่นไส้ที่เหมือนหลานสาวหลีกเลี่ยงคำถามเธอ แต่อย่าหวังว่าเธอจะปล่อยไป เพราะตระกูลนี้ต้องมีหน้ามีตาเท่านั้น และคนที่จะมีสามีที่ดีต้องเป็นลูกสาวของเธอ ใครจะมาแซงหน้าลูกเธอเป็นไม่ได้ แต่เธอลืมไปว่ายังไงหลานสาวคนนี้ก็เป็นได้แค่อีตัวบนเตียงของนายหัวธรภูมิ! เพราะแบบนั้นอีธัญญาคนนี้จะกลัวอะไร๊
หญิงแก่ซ่อนรอยยิ้มร้าย “แหม ใช่เหรอ ไม่ใช่นายหัวเลี้ยงดีหรอกเหรอถึงได้มีน้ำมีนวลขนาดนี้ อย่าบอกนะว่าหลังจากกินข้าวกันแล้วก็กินอย่างอื่นกันต่อ ระวังน้า เป็นของเล่นเขา สักวันจะโดนเขี่ยทิ้งเอา”
ร่างบางพยายามสูดลมหายใจเข้าลึก ยอมรับว่าเธอโกรธมากที่ได้ยินคำพูดที่ไม่มีมารยาทและกล้าพูดกับคนอื่นอย่างตรงๆ ไม่ได้แรงแต่ไม่มีมารยาททางสังคมที่ควรกระทำกัน สงสัยว่าเธอไปทำอะไรให้ผู้เป็นป้าโกรธนักหนา ถึงได้กระแนะกระแหนกันไม่หยุด แต่อย่างว่าเธอถือคติมีความสุขแล้วทุกอย่างจะชนะ เพราะแบบนั้นนาราจึงเงยหน้าขึ้นยิ้มให้ผู้เป็นป้าตอกกลับไป
“ไม่รู้สินะคะ ตอนนี้นายหัวหลงหนูมากเลย ไม่รู้เขาจะเบื่อเมื่อไหร่ ไม่แน่นานๆไปหนูอาจจะเป็นนายหญิงของไร่ธรภูมิก็ได้ ใครจะไปรู้”
นารายิ้มปิดท้าย ก่อนสตาร์ทมอเตอร์ขับออกมา ปล่อยให้ธัญญากำมือแน่นด้วยความโกรธเกรี้ยว โกรธมาก โกรธที่นังเด็กคนนี้กล้าต่อกรกับเธอ ทั้งๆที่มันเป็นแค่หลานนอกคอกเท่านั้น อยู่นอกสายตาของตากับยายมาโดยตลอด นังเด็กไม่รักดี!
แต่อย่าหวังเลย เพราะธัญญาจะขัดขวางมันทุกวิถีทาง เธอจะไม่ยอมให้ใครมาแซงหน้าลูกสาวเธอเด็ดขาด ธัญญาต้องเป็นใหญ่ในตระกูลนี้
แต่ใครจะรู้ว่าภายนอกที่เข้มแข็งของหญิงสาวคนนี้ช่างเปราะบางเหลือเกิน คำพูดพวกนั้นเสียดแทงใจนารา จนเธอน้ำตาไหลออกมา และเหมือนฟ้าอยากจะกลั่นแกล้งกัน มันโหมกระหน่ำ สาดซัดใส่ตัวหญิงสาวจนเปียกโชกไปทั้งตัว นาราตากฝนร้องไห้อยู่แบบนั้นจนกระทั่งถึงบ้าน
มาถึงหญิงสาวอาบน้ำ เตรียมตัวใส่ชุดนอนเข้าไปพักผ่อนในห้อง กระทั่งหลับไป โดยไม่รู้ว่าโทรศัพท์ของตนนั้นมีสายโทรเข้ามามากแค่ไหน
“ทำไมไม่รับ” ร่างสูงหัวฟัดหัวเหวี่ยง หงุดหงิดที่คนปลายสายไม่กดรับสักที มือหนาเสยผมไปด้านหลัง เผยให้เห็นใบหน้าหล่อเหลาราวกับเทพเจ้ามากขึ้น
วันนี้สิงหราชแวะไปในเมือง เข้าไปคุยธุระเกี่ยวกับร้านค้าที่รับผลผลิตของธรภูมิไปขาย ตามด้วยซื้อของนิดหน่อยกระทั่งกลับมาตอนหกโมงเย็น ทว่าเมื่อมาถึงกลับต้องหงุดหงิดเพราะรู้ว่านาราไม่อยู่ไร่แล้ว
ไปดื้อที่ไหน กลับมาจะตีให้ก้นลายเลย
“โทรหาใครอยู่เหรอคะคุณสิง” นงรักเดินขึ้นเรือนมาพอดี เห็นนายหัวของไร่ทำท่าหงุดหงิดใจ โทรหาใครหลายรอบจึงถามเผื่อจะช่วยได้ เธอเห็นสิงหราชมาตั้งแต่เล็กแล้ว ถึงเขาจะน่ากลัว แต่ก็ยังเป็นเด็กในสายตาคนแก่แบบเธอ
นายหัวของไร่นิ่งเงียบ ท่าทางไม่พอใจเหล่านั้นหายไป เขาไม่คิดจะบอกใครเรื่องนี้ แต่ก็อดถามไม่ได้จริงๆ
“ยัยคนนั้นไปไหนครับ” ร่างใหญ่กำยำเดินมานั่งบนโต๊ะ
“คนไหนคะ” ไม่ใช่นงรักไม่รู้ แต่เธออยากกวนประสาทนายใหญ่มากกว่า แล้วเหมือนจะได้ผลเพราะคนตรงหน้าเหลือบตามองเธอด้วยสายตาดุนิดหนึ่ง ถอนหายใจออกมา
“ป้าก็รู้ว่าผมหมายถึงใคร แล้วจะถามทำไม” นงรักเคยเห็นนาราขึ้นมาบนบ้านหลายครั้ง กับข่าวคราวที่คนงานลือกัน จะว่าเปิดเผยก็เปิดเผยจะว่าปิดบังก็ปิดบัง เพราะแบบนั้นหญิงวัยป้าจึงตอบสิ่งที่นายหัวอยากรู้
“หนูนาคน่าจะกลับบ้านค่ะ เพราะป้าเห็นขับรถแล้วออกไปเลย ยังไม่กลับมา เป็นแบบนี้ส่วนมากเธอจะกลับบ้านแล้วมาไร่อีกทีตอนเช้า”
“กลับโดยไม่บอกเนี่ยนะ” เสียงเข้มเอ่ยอย่างหงุดหงิด นงรักยิ้มน้อยๆ
“เดี๋ยวเธอก็กลับมาเองแหละค่ะ เด็กคนนี้ไม่เบี้ยวงานหรอก ป้าไม่เห็นเธอมาทำงานสายสักที ไม่ต้องห่วงเธอหรอกนะคะ”
“ผมเปล่าห่วง แค่อยากให้รับผิดชอบงานได้ก็เท่านั้น” เพราะเขาไม่มีมาตรการให้คนงานออกไปค้างคืนข้างนอก ถ้าไม่จำเป็น แต่สำหรับนาราเธอไม่ใช่คนงานประจำ แต่เป็นคนงานพิเศษที่เข้ามาเพื่อใช้หนี้
“แล้วป้าก็ไม่ต้องคิดด้วยว่าผมจะคิดอะไรกับเธอ” ดวงตาคมดุตวัดมองนงรัก หญิงแม่บ้านขนกายลุกวาบ นายหัวเป็นแบบนี้ทุกทีที่เธอพูดถึงนาราในเชิงมีความสัมพันธ์ชู้สาว ไม่รู้ว่าเขาพูดจริงหรือแค่ปากแข็งกันแน่
“ก็ได้ค่ะๆ ป้าจะไม่พูดแบบนี้อีกแล้ว” นงรักเปลี่ยนเรื่อง “แล้วเย็นนี้คุณสิงจะทานอะไรเหรอคะ เดี๋ยวป้าทำไว้ให้”
ชายหนุ่มลุกขึ้น กล่าวเสียงกระด้าง
“ไม่ต้องครับ ผมจะไปทานที่อื่นสักหน่อย” ว่าจบสิงหราชก็หยิบเอากุญแจเดินออกไปทางประตู เขาขับรถตรงดิ่งไปยังหมู่บ้านที่ตั้งอยู่ใกล้ธรภูมิ
หลังจากลงมาจากเรือนใหญ่ หญิงสาวก็ตรงดิ่งเข้ามาในบ้านพักของตัวเอง ความปวดหนึบตรงข้างขมับทำให้ต้องเปลี่ยนจากสถานที่ในไร่มาเป็นนอนบนเตียงแทน นาราหลับตาลง เธอขอพักผ่อนนิดหน่อยแล้วค่อยไป อย่างน้อยก็ขอหลีกหนีจากเรื่องราวทั้งหมดเพียงชั่วครู่ก็ยังดี ภายในห้องที่เงียบเชียบไม่มีสิ่งใดเคลื่อนไหวนั้น มือหนาไขประตูเข้ามา พอเปิดเข้าไปในห้องขนาดเล็กได้ ก็จัดการลงกลอนด้วยความรวดเร็ว ฝีเท้าหนักๆย่างเข้าไปหาคนตัวเล็กที่อยู่บนเตียง ก่อนจะทิ้งตัวลงไปกอดหญิงสาว ตามด้วยประทับจูบลงบนหน้าผากมน ความรู้สึกถูกรัดปลุกนาราขึ้นมา แล้วเธอก็ต้องตกใจเพราะคนที่กำลังกอดเธออยู่นั้นคือสิงหราช นายหัวใหญ่ของไร่แห่งนี้ “ตกใจอะไร นึกว่าฉันเป็นคนในฝันของเธอรึไง” มือหนาบีบปลายคางเล็ก นาราเจ็บแปลบไปทั่วสันกราม เขายังเป็นแบบนี้เสมอ ใช้กำลังบังคับเธอ “แล้วทำไม ทำไมฉันจะตกใจไม่ได้ คุณไม่ได้เป็นคนที่ฉันอยากเจอนี่จะผิดหวังก็คงไม่แปลก” ตอกคืนอย่างไม่ยอมแพ้เช่นกัน เตรียมพร้อมกวาดมองรอบๆห้องเพื่อหาอาวุธมาทำร้ายเขา ไม่รู้ทำไมว่าต้องโกรธขนาดนี้เหมือนกัน แต่เมื่อนึกถึงภาพของเขาอยู่กับผู้หญิง
หลังจากลงมาจากเรือนใหญ่ หญิงสาวก็ตรงดิ่งเข้ามาในบ้านพักของตัวเอง ความปวดหนึบตรงข้างขมับทำให้ต้องเปลี่ยนจากสถานที่ในไร่มาเป็นนอนบนเตียงแทน นาราหลับตาลง เธอขอพักผ่อนนิดหน่อยแล้วค่อยไป อย่างน้อยก็ขอหลีกหนีจากเรื่องราวทั้งหมดเพียงชั่วครู่ก็ยังดี ภายในห้องที่เงียบเชียบไม่มีสิ่งใดเคลื่อนไหวนั้น มือหนาไขประตูเข้ามา พอเปิดเข้าไปในห้องขนาดเล็กได้ ก็จัดการลงกลอนด้วยความรวดเร็ว ฝีเท้าหนักๆย่างเข้าไปหาคนตัวเล็กที่อยู่บนเตียง ก่อนจะทิ้งตัวลงไปกอดหญิงสาว ตามด้วยประทับจูบลงบนหน้าผากมน ความรู้สึกถูกรัดปลุกนาราขึ้นมา แล้วเธอก็ต้องตกใจเพราะคนที่กำลังกอดเธออยู่นั้นคือสิงหราช นายหัวใหญ่ของไร่แห่งนี้ “ตกใจอะไร นึกว่าฉันเป็นคนในฝันของเธอรึไง” มือหนาบีบปลายคางเล็ก นาราเจ็บแปลบไปทั่วสันกราม เขายังเป็นแบบนี้เสมอ ใช้กำลังบังคับเธอ “แล้วทำไม ทำไมฉันจะตกใจไม่ได้ คุณไม่ได้เป็นคนที่ฉันอยากเจอนี่จะผิดหวังก็คงไม่แปลก” ตอกคืนอย่างไม่ยอมแพ้เช่นกัน เตรียมพร้อมกวาดมองรอบๆห้องเพื่อหาอาวุธมาทำร้ายเขา ไม่รู้ทำไมว่าต้องโกรธขนาดนี้เหมือนกัน แต่เมื่อนึกถึงภาพของเขาอยู่กับผู้หญิง
“เป็นอะไรมั้ยนาค” นงรักตบบ่าเด็กสาว เธอเห็นว่านาราน้ำตาซึมออกมา หญิงวัยกลางคนเข้าใจว่าท่าทางเย็นชาของนายหัวของไร่คงทำร้ายจิตใจหญิงรุ่นลูกของเธอไม่น้อย แล้วนาราก็ตัวนิดเดียวกลับต้องแบกรับความรู้สึกทั้งหมดไว้เพียงลำพัง โดนกลั่นแกล้งในไร่ก็เกินพอแล้ว “นาคไม่เป็นไรค่ะ” นาราพยายามส่ายหัวบอกตัวเองว่าไม่เป็นอะไร เรื่องแค่นี้เล็กน้อยสำหรับเธอ แต่จะทำได้มั้ยนั้นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง “แล้วนี่เราไปโดนอะไรมา” มือเหี่ยวย่นจับรอยแดงช้ำที่มีเลือดซึมน้อยๆบนปากนารา หญิงวัยกลางคนรู้สึกเจ็บแทน อยากถามตั้งนานแล้ว แต่ต่อหน้าเจ้านายคงไม่สะดวก “มีเรื่องมาค่ะ หนูเป็นคนหาเรื่องพวกเขาเอง” “กับใคร! กับพวกอีผินเหรอ” นงรักเบิกตาโต เธอไม่เชื่อว่านาราจะเป็นคนหาเรื่องพวกนั้นก่อน เธออยู่ที่นี่มานานทำไมจะไม่รู้ว่าเด็กพวกนั้นนิสัยเป็นยังไง ทำตัวเบ่งไปเรื่อย มักกดคนที่อ่อนแอกว่า ถ้าจะบอกว่าเด็กสาวคนนี้ไปหาเรื่องก่อน ไม่เป็นความจริงอย่างแน่นอน “มันมาหาเรื่องหนูก่อนใช่มั้ย อีพวกนี้มันนิสัยไม่ดี ชอบด่าคนอื่นไปทั่ว เดี๋ยวป้าไปบอกนายหัวให้ ว่าพวกนี้เป็นยังไ
หลังจากลงมาจากเรือนใหญ่ หญิงสาวก็ตรงดิ่งเข้ามาในบ้านพักของตัวเอง ความปวดหนึบตรงข้างขมับทำให้ต้องเปลี่ยนจากสถานที่ในไร่มาเป็นนอนบนเตียงแทน นาราหลับตาลง เธอขอพักผ่อนนิดหน่อยแล้วค่อยไป อย่างน้อยก็ขอหลีกหนีจากเรื่องราวทั้งหมดเพียงชั่วครู่ก็ยังดี ภายในห้องที่เงียบเชียบไม่มีสิ่งใดเคลื่อนไหวนั้น มือหนาไขประตูเข้ามา พอเปิดเข้าไปในห้องขนาดเล็กได้ ก็จัดการลงกลอนด้วยความรวดเร็ว ฝีเท้าหนักๆย่างเข้าไปหาคนตัวเล็กที่อยู่บนเตียง ก่อนจะทิ้งตัวลงไปกอดหญิงสาว ตามด้วยประทับจูบลงบนหน้าผากมน ความรู้สึกถูกรัดปลุกนาราขึ้นมา แล้วเธอก็ต้องตกใจเพราะคนที่กำลังกอดเธออยู่นั้นคือสิงหราช นายหัวใหญ่ของไร่แห่งนี้ “ตกใจอะไร นึกว่าฉันเป็นคนในฝันของเธอรึไง” มือหนาบีบปลายคางเล็ก นาราเจ็บแปลบไปทั่วสันกราม เขายังเป็นแบบนี้เสมอ ใช้กำลังบังคับเธอ “แล้วทำไม ทำไมฉันจะตกใจไม่ได้ คุณไม่ได้เป็นคนที่ฉันอยากเจอนี่จะผิดหวังก็คงไม่แปลก” ตอกคืนอย่างไม่ยอมแพ้เช่นกัน เตรียมพร้อมกวาดมองรอบๆห้องเพื่อหาอาวุธมาทำร้ายเขา ไม่รู้ทำไมว่าต้องโกรธขนาดนี้เหมือนกัน แต่เมื่อนึกถึงภาพของเขาอยู่กับผู้หญิง
“เป็นอะไรมั้ยนาค” นงรักตบบ่าเด็กสาว เธอเห็นว่านาราน้ำตาซึมออกมา หญิงวัยกลางคนเข้าใจว่าท่าทางเย็นชาของนายหัวของไร่คงทำร้ายจิตใจหญิงรุ่นลูกของเธอไม่น้อย แล้วนาราก็ตัวนิดเดียวกลับต้องแบกรับความรู้สึกทั้งหมดไว้เพียงลำพัง โดนกลั่นแกล้งในไร่ก็เกินพอแล้ว “นาคไม่เป็นไรค่ะ” นาราพยายามส่ายหัวบอกตัวเองว่าไม่เป็นอะไร เรื่องแค่นี้เล็กน้อยสำหรับเธอ แต่จะทำได้มั้ยนั้นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง “แล้วนี่เราไปโดนอะไรมา” มือเหี่ยวย่นจับรอยแดงช้ำที่มีเลือดซึมน้อยๆบนปากนารา หญิงวัยกลางคนรู้สึกเจ็บแทน อยากถามตั้งนานแล้ว แต่ต่อหน้าเจ้านายคงไม่สะดวก “มีเรื่องมาค่ะ หนูเป็นคนหาเรื่องพวกเขาเอง” “กับใคร! กับพวกอีผินเหรอ” นงรักเบิกตาโต เธอไม่เชื่อว่านาราจะเป็นคนหาเรื่องพวกนั้นก่อน เธออยู่ที่นี่มานานทำไมจะไม่รู้ว่าเด็กพวกนั้นนิสัยเป็นยังไง ทำตัวเบ่งไปเรื่อย มักกดคนที่อ่อนแอกว่า ถ้าจะบอกว่าเด็กสาวคนนี้ไปหาเรื่องก่อน ไม่เป็นความจริงอย่างแน่นอน “มันมาหาเรื่องหนูก่อนใช่มั้ย อีพวกนี้มันนิสัยไม่ดี ชอบด่าคนอื่นไปทั่ว เดี๋ยวป้าไปบอกนายหัวให้ ว่าพวกนี้เป็นยังไง” นงรักจะเด
ปัง! เสียงปืนดังทั่วบริเวณ ทั้งห้าคนที่กำลังนัวเนียกันด้วยฝ่ามือหยุดชะงัก ทั้งหมดแยกออกจากกันราวกับผึ้งแตกรัง ก่อนมายืนหอบหายใจเหนื่อย ผมเผ้ากระเซอะกระเซิง “ฉันไม่เคยสอนให้คนงานทะเลาะกัน อยากโดนไล่ออกใช่มั้ย” สิงหราชกราดมองหญิงสาวทุกคน เขาไม่ไว้หน้าใครไม่ว่าคนนั้นจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย เมื่อคนคนนั้นทำผิดสมควรได้รับการลงโทษ “แต่นายคะ นารามาหาเรื่องพวกเราก่อน เราแค่คุยกันเฉยๆ พวกเรายังไม่ได้ทำอะไรเลย” ผินรีบฟ้อง ก็จริงนาราเดินเข้ามาถามพวกเธอก่อนจริงๆ ถึงมะลิจะเป็นคนลงไม้ลงมือก่อน แต่ถ้านารายอมคงไม่มีเรื่องตั้งแต่แรก “ไม่ต้องพูด ฉันไม่ได้ขอความคิดเห็น” สิงหราชไม่สนใจ ไม่ว่าใครก่อเรื่องในไร่นี้ เขาจะไม่มีการละเว้นทั้งนั้น ตาคมมองไปที่นารานึกโกรธที่หญิงสาวถึงขั้นลงไม้ลงมือกับคนอื่นก่อน เขารู้ดีว่าเธอเป็นคนใจเย็นเสมอ นายหัวหันมองผู้หญิงทั้งสี่คนที่นอกเหนือจากนารา สั่งเสียงทรงอำนาจ “ไปทำงานท้ายไร่ ถ้าไม่ค่ำไม่ต้องกลับมา แล้วฉันจะหักเงินเดือนสิบห้าเปอร์เซ็นต์ ไม่มีข้อแม้” ชะอม ผิน และมะลิต่างหันหน้ามองกันด้วยความหน้าเสี
“ไม่ใช่ ฉันแค่ร้อน คนเราจะจับกันแบบนี้ไปทุกที่ได้ไง” หญิงสาวงอแง “แต่ฉันจับได้ เธอเชื่อมั้ย” สิงหราชหันมา เพียงได้สบตากับเขาก็ทำใจนาราใจสั่นอย่างรวดเร็ว เธอพยายามไม่สนใจ เมินเฉยประโยคชวนให้อึกอักแบบนั้น เขาคงอยากล้อกัน เพราะอยากแกล้งเธอทีหลัง “ไม่เชื่อ ปล่อยมือฉันได้แล้ว” เชื่อไม่ได้เด็ดขาด โห คำพูดของนาราหยุดไป เมื่อขึ้นมาถึงบนเขา มองลงไปด้านล่าง พระอาทิตย์ดวงใหญ่กำลังจะตกดิน แสงสีส้มสาดไปทั่วบริเวณ รวมถึงท้องฟ้าที่เคยเป็นสีครามบัดนี้ผสมสีเข้าด้วยกันอย่างน่าสะดุดตา วินาทีนั้นนารามองไปยังคนข้างๆที่ยืนอยู่ข้างเธอ เขาจับมือเธอแน่น ไม่รู้ว่าเป็นความตั้งใจหรือบังเอิญที่พามาดูวิวสวยแบบนี้ แต่การมากับเขานี่มัน.... ชายหนุ่มกุมมือเธออยู่แบบนั้น ไม่มีใครพูดอะไร กระทั่งพระอาทิตย์ตกดิน นาราตื่นเช้ามาด้วยใจที่สดใส เมื่อคืนดีหน่อยที่นายหัวของไร่ไม่รังแกเธออย่างที่แล้วๆมา แรงคงไม่มีถ้าเขาจะทำแบบนั้น พอนึกถึงเจ้าของใบหน้าคมคาย ใบหน้าเธอก็ต้องร้อนวูบวาบขึ้นมา ภาพตอนที่เขาจับมือเธอมองพระอาทิตย์ หญิงสาวยิ่งรู้สึก...ช่า
สิงหราชพาเธอมายังรถกระบะเก่าแก่ที่จะพังแลมิพังแลของไร่ เขาขึ้นไปด้านบน ก่อนเป็นเธอขึ้นไปตาม เพียงนาราหย่อนก้นลงบนเบาะ ร่างสูงก็โยนแฟ้มแข็งๆมาทางเธอ นาราก้มลงมองพบว่ามันเป็นแผนที่ไร่คร่าวๆ เป็นสิ่งที่น่าประหลาดใจที่สุดที่ภายนอกสิงหราชดูนักเลงและใช้แต่อารมณ์ แต่ในความเป็นจริงแล้วเขาเป็นคนละเอียด รอบคอบ แถมยังขยันอย่างไม่น่าเชื่อ นายสิงของทุกคนมักลงหน้างานเองทุกวัน คอยตรวจตราดูความเป็นไปของไร่อยู่เสมอ เธอมาอยู่ที่นี่เข้าปีที่สองแล้ว ธรภูมิไม่หยุดเติบโตเลย มันยังเป็นพื้นที่ช่วยเหลือให้ชาวบ้านมีงานทำทุกปี “เราจะไปไหนกันเหรอคะ” นาราเอ่ยถามตอนที่คนข้างกายสตาร์ทรถ เธอมองซ้ายมองขวาพบว่าสิงหราชไม่เอาใครไปด้วยเลย เอาแค่เธอไปด้วยเนี่ยนะ แล้วนาราจะช่วยอะไรได้ “ที่ขุดใหม่” เขาตอบพลางมองกระจกหลังหักพวงมาลัย รถเคลื่อนไปยังเส้นทางพื้นดินขรุขระ เนื่องจากไร่แห่งนี้อยู่ติดกับภูเขา เป็นเนินลงไป ธรรมชาติโดยรอบจึงเป็นอะไรที่สวยงามมาก นารามองลงไปยังใต้ถนนที่เป็นที่ลุ่ม มองเห็นหลังคาหมู่บ้านเล็กๆบนดอย หญิงสาวระบายยิ้มออกมา สูดเอาอากาศบริสุทธิ์เข้าปอด
แม้แต่ในความฝันคำพูดเหล่านั้นยังตามมาหลอกหลอนเธอ นาราตื่นมาน้ำตานอง หลังมือน้อยเช็ดน้ำตาตัวเอง เธอสัญญากับตนว่าจะไม่ร้องไห้กับเรื่องพรรคนี้อีกแล้ว ก็แค่ปากคน ใครจะพูดอะไรก็ได้ ไม่ควรที่เธอจะเก็บนำมาใส่ใจ หญิงสาวเดินออกมาจากห้อง ตัดสินใจแล้วว่าจะเข้าไปทำกับข้าวช่วยแม่สักหน่อย ทว่าพอเดินเข้ามาในครัว กลับได้ยินเสียงรถเคลื่อนเข้ามาในบ้าน บ้านของเธอยังไม่ปิดประตู ร่างบางเดินออกไปดู แล้วเธอก็ต้องตกใจเมื่อเห็นนายหัวของธรภูมิเดินย่างสามขุมเข้ามาอย่างไม่เกรงกลัวตรงมาหานาราที่กำลังยืนค้างอยู่ “ใครบอกให้เธอกลับบ้าน” เขาคว้าแขนเธอ บีบมันจนแน่น นาราเจ็บไปทั้งแขน เธอได้แต่จับมือใหญ่ไว้ “นาคเจ็บ! นี่คุณจะทำอะไร” “ใครสั่งให้เธอมา” เขาเอ่ยเสียงไม่พอใจใส่ ซึ่งนาราก็โกรธเช่นเดียวกัน “ฉันจะกลับบ้านมันจะทำไม พรุ่งนี้ก็จะกลับไปทำงานเหมือนเดิมแล้ว ทำไมคุณต้องว่าด้วย” “แต่ฉันไม่อนุญาต กลับไร่เดี๋ยวนี้!” “ไม่ ปล่อย!” นารายื้อแขนตัวเองไว้ ไม่ยอมไปกับเขา ไม่เข้าใจว่าทำไมเขาต้องลากเธอกลับไปด้วย กลับไปแล้