แม้แต่ในความฝันคำพูดเหล่านั้นยังตามมาหลอกหลอนเธอ นาราตื่นมาน้ำตานอง หลังมือน้อยเช็ดน้ำตาตัวเอง เธอสัญญากับตนว่าจะไม่ร้องไห้กับเรื่องพรรคนี้อีกแล้ว ก็แค่ปากคน ใครจะพูดอะไรก็ได้ ไม่ควรที่เธอจะเก็บนำมาใส่ใจ
หญิงสาวเดินออกมาจากห้อง ตัดสินใจแล้วว่าจะเข้าไปทำกับข้าวช่วยแม่สักหน่อย ทว่าพอเดินเข้ามาในครัว กลับได้ยินเสียงรถเคลื่อนเข้ามาในบ้าน บ้านของเธอยังไม่ปิดประตู
ร่างบางเดินออกไปดู แล้วเธอก็ต้องตกใจเมื่อเห็นนายหัวของธรภูมิเดินย่างสามขุมเข้ามาอย่างไม่เกรงกลัวตรงมาหานาราที่กำลังยืนค้างอยู่
“ใครบอกให้เธอกลับบ้าน” เขาคว้าแขนเธอ บีบมันจนแน่น นาราเจ็บไปทั้งแขน เธอได้แต่จับมือใหญ่ไว้
“นาคเจ็บ! นี่คุณจะทำอะไร”
“ใครสั่งให้เธอมา” เขาเอ่ยเสียงไม่พอใจใส่ ซึ่งนาราก็โกรธเช่นเดียวกัน
“ฉันจะกลับบ้านมันจะทำไม พรุ่งนี้ก็จะกลับไปทำงานเหมือนเดิมแล้ว ทำไมคุณต้องว่าด้วย”
“แต่ฉันไม่อนุญาต กลับไร่เดี๋ยวนี้!”“ไม่ ปล่อย!” นารายื้อแขนตัวเองไว้ ไม่ยอมไปกับเขา ไม่เข้าใจว่าทำไมเขาต้องลากเธอกลับไปด้วย กลับไปแล้วทำไม กลับไปเพื่อนอนกับเขาเหรอ อยากขนาดนั้นเลย ทำไมไม่ไปซื้อกินล่ะ!
“นี่มันอะไรกันลูก!” ประพาที่ได้ยินเสียงเอะอะโวยวายของลูกสาวและเสียงทุ้มใหญ่น่าเกรงของใครบางคน เธอจึงรีบออกมา ผู้เป็นมารดาตกใจอย่างมากเมื่อเห็นนายหัวของไร่กระชากแขนลูกสาวตัวเอง
“มีอะไรหรือเปล่าคะนายหัว” ถึงรังสีอันน่ากลัวจะแผ่กระจายออกมาจากชายหนุ่มมากเพียงใด ทว่าเพื่อลูกสาวประพาจึงทำใจกล้าเอ่ยออกไป สิงหราชปรายตามอง เสียงที่ออกมายังคงแข็งกระด้าง
“ผมมาตามคนงานกลับ ขอโทษที่รบกวน”
“แต่ยัยหนูบอกว่าจะกลับพรุ่งนี้นะคะ” เธอรีบขัด “เดี๋ยวพรุ่งนี้เช้าฉันจะปลุกแกแต่เช้า ยังไงคุณสิงให้แกนอนที่นี่เถอะค่ะ ไม่ต้องห่วงหรอก เดี๋ยวแกก็กลับเอง”
ใจของประพาแทบตกลงไปยังตาตุ่มเมื่อสิงหราชเอ่ยว่า
“ไม่” ดวงตาสีน้ำตาลมองกดดันคนตัวเล็ก
“กลับบ้านเดี๋ยวนี้!”
“แต่คุณ”
“อื้อ”
ไม่ทันแล้ว ไม่ทันให้เธอได้ค้านอะไร เขาก็ลากขึ้นมาบนรถปิดประตูดังปัง เพราะรู้อยู่แก่ใจว่านายหัวของไร่เป็นยังไง และเขาต้องเอาตัวเธอกลับบ้านให้ได้ เพราะแบบนั้นนาราจึงขอเก็บของก่อน เธอดีใจมากที่เขาอนุญาต หญิงสาวรีบเก็บสัมภาระตัวเอง ก่อนจะมานั่งหน้ามุ่ยเป็นตุ๊กตาหน้ารถของเขาอย่างไม่เต็มใจ
เมื่อคืนนายหัวของไร่พาเธอไปนอนด้วยทั้งคืน แถมเขายังกอดเธอแน่นไม่ให้ไปไหน กระทั่งนาราหลับไปอีกทีตอนเช้า ตอนนี้หญิงสาวตื่นขึ้นมาแล้ว พอมองในห้องกลับไม่พบผู้ใด
ทำยังไงดีล่ะเนี่ย เธอยังนอนอยู่ในห้องเขา ทุกคนไม่เอาไปนินทาหนักเลยเหรอ หญิงสาวคิดอย่างหนักใจ แต่อีกใจก็คิดว่าช่างเถอะในเมื่อทุกคนรู้เรื่องนี้แล้ว ซ้ำยังเอาเธอไปนินทาไม่เว้นวัน นาราต้องมีอะไรให้เสียอีก เธอเพียงรอ รอสักวันจะออกไปจากที่นี่ ทว่าไม่รู้เมื่อไหร่เท่านั้นเอง
หลังจากใส่เสื้อผ้าเรียบร้อย หญิงสาวก็ออกมาจากห้อง ทว่าจากที่เคยคิดว่าสิงหราชไปทำงานแล้ว เขากลับนั่งทานข้าวต้มอยู่เงียบๆ โดยมีป้านงรักยืนอยู่ข้างๆ
นารารีบก้มหน้าหลบด้วยความกระดากอาย เธอรู้สึกราวกับว่าตนเป็นหญิงหน้าด้านเข้ามานอนในบ้านผู้ชาย ตื่นเช้าขึ้นมาเจอคนในบ้านนั้น ซ้ำเธอยังตื่นสายอันเป็นสาเหตุพาลให้คิดไปไกลอีก
“ตื่นแล้วเหรอคะ เอาข้าวต้มร้อนๆมั้ย” นงรักเอ่ยถามเมื่อเห็นหญิงสาวตัวเล็ก ใบหน้าสวยทำหน้าเกรงใจอย่างน่าเอ็นดู
“ไม่ดีกว่าค่ะ” ทว่าตรงข้ามกับนาราที่อายแทบแทรกแผ่นดินหนี เธอเดินตรงไปที่บันไดโดยทันที ไม่กินแล้วข้าวอายขนาดนี้
“มานั่ง” ทว่าก่อนที่จะได้เดินไป เสียงทุ้มใหญ่ของคนที่นั่งอยู่บนโต๊ะเรียกเธอไว้ นาราจำใจหันไปมองทางเดิม ทว่าเธอไม่ได้เดินเข้าไปใกล้
“นาคต้องรีบไปทำงานค่ะ วันนี้ต้องไปเก็บส้มด้วย” หญิงสาวเอ่ยไม่มองหน้าเขา
“ไม่ต้องทำ เธอต้องไปกับฉัน”
“กับคุณ?”
สายตาคมปราดมองทางเธอ ทำเอานาราต้องรีบหลบสายตาคมดุนั่น บอกตามตรงเธอไม่อยากไปกับเขาเลย เพราะการที่ไปไหนมาไหนกับนายหัวใหญ่ เจ้าของพื้นที่เกือบห้าพันไร่นั้นมักได้รับการจับตามองเสมอ ที่ผ่านมาเธอหลีกเลี่ยงการใกล้ชิดต่อหน้าผู้คนกับสิงหราชมาโดยตลอด มันเลยทำให้นาราลำบากใจจนอยู่ไม่สุข
“แต่ฉันไม่อยากไป ไม่ไปไม่ได้เหรอคะ” เธอขอร้อง เพราะไม่อยากไปจริงๆ ทว่าได้รับการปฏิเสธหนักแน่นกลับมา
“ไม่ เธอไม่มีสิทธิ์ขัดคำสั่งฉัน ไปแต่งตัว ฉันจะพาไปท้ายไร่”
นาราคอตก เธออยากเอ่ยอะไรมากกว่าจำยอม แต่รู้ดีว่าไม่ว่าจะพูดยังไง คนเอาแต่ใจอย่างเขาไม่มีทางยอมหรอก เพราะแบบนั้นจึงต้องรับสภาพไปกับเขาในที่สุด
นาราเดินขึ้นมาตามเนินเขาเรื่อยๆ แสงของพระอาทิตย์สาดส่องไปทั่วและสายลมที่พัดเอื่อยๆต้องผิวกายพลันทำให้เย็นสดชื่นราวกับได้เกิดใหม่ ปลดระวางความเหนื่อยล้าที่มีมาทั้งวัน หญิงสาวยิ้มร่าเมื่อคิดว่าขึ้นไปบนหน้าผาแล้วจะเจอใครคนหนึ่ง คน...ที่วันนี้คิดถึงเป็นร้อยครั้ง และใช่ เมื่อขึ้นมาก็เห็นเขายืนอยู่ก่อนแล้ว คนตัวเล็กคลี่ยิ้ม ด้านข้างของสิงหราชนั้นช่างดูดีเสียจริง หล่อเหลาราวกับรูปปั้น ไม่รวมผิวสีเข้มที่บ่งบอกว่าผ่านการแตกแดดมานมนาน เสริมให้บุคลิกของคนร่างสูงดูองอาจขึ้นไปอีก เธอไม่อยากเชื่อว่าวันหนึ่งคนคนนี้จะเป็นของเธอ ทว่าเวลานี้เขายืนอยู่ตรงหน้าแล้ว พร้อมกับยิ้มให้เธอด้วยความจริงใจ นาราวิ่งเข้าไปหาแขนที่อ้าออก หลับตาสูดเอากลิ่นหอมๆของชายคนรักเข้าปอด ซึ่งอีกคนก็เช่นเดียวกัน เขาประทับริมฝีปากลงบนกระหม่อมบาง ลอบดมกลิ่นหอมหวานจนชื่นใจ “เหนื่อยมั้ย” เสียงทุ้มทรงเสน่ห์เอ่ยอย่างเป็นห่วง ใครจะคิดว่านาราจะอึดขนาดนี้ ทำสวนไม่รู้จักเหน็ดจักเหนื่อย บ้ากว่าเขาตอนทำไร่ใหม่ๆอีกมั้ง แล้วคำตอบของเธอทำเขายิ้มออกมาอย่างไม่ยาก “ไม่เหนื่อย
“แต่หนูไม่โกรธยายหรอกค่ะ แต่มาวันนี้ก็เพื่อบอกให้ยายรู้ว่าหนูจะไม่ทนอีกแล้ว ยายต้องรับผิดชอบในส่วนที่ยายทำ ถ้ายังหาเงินมาคืนสามีหนูไม่ได้ แน่นอนว่าบ้านหลังนี้กับที่ดินหนูจะยืดไปให้หมด” “นี่แก๊” ธัญญาหมดความอดทนจริงๆ ไม่คิดว่าหลานตัวเองจะเลวร้ายแบบนี้ เธอรู้ว่าตัวเองผิดที่เห็นแก่ตัวไม่ใช้หนี้ แต่เธอก็เอาเงินของเธอมาดูแลแม่ไง แม่มันไม่ดูแลยายก็ให้มันใช้หนี้ไปสิ ผิดตรงไหน คนเป็นป้าอยากพูดแบบนั้นทว่าพอเห็นสายตาเลือดเย็นของหลานสาว ก็ถึงกลับต้องหุบปากไป เพราะกลัวมันจะเพิ่มหนี้ให้เธอ “หนูมาบอกแค่นี้ล่ะค่ะ ขอตัว” หญิงสาวเดินออกมา เธอแทบจะล้มลงไปกับพื้นทว่าได้สิงหราชประคองตัวไว้ เธอพยักหน้าให้เพื่อบอกเขาว่าไม่เป็นไร ทว่าพอได้ขึ้นมาบนรถ ก็อดกลั้นไม่ไหวร้องไห้ออกมาในที่สุด คนตัวใหญ่ดึงเธอเข้าไปกอด ลูบแผ่นหลังเบาๆ ความอ่อนแอยิ่งถูกกระตุ้นไหลเป็นสาย บางทีโลกเราก็โหดร้ายเกินไป พยายามคิดในแง่บวกไว้ ปกปิดมันด้วยเหตุผลทุกอย่าง ทว่าพอเผชิญหน้ากับความจริงกลับเกินทนจนยากที่จะรับไหว “พี่อยู่นี่ ไม่เป็นไร” สิงหราชปลอบโยนคนต
รถกระบะคันเก่าวิ่งเข้ามาจอดกลางบ้าน ทำให้ธัญญาที่กำลังร้องไห้ราวกับจะขาดใจเงยหน้ามอง จากที่ราวถูกเหยียบย่ำหัวใจไปแล้ว หญิงวัยกลางคนยิ่งแหลกสลายเข้าไปกันใหญ่เมื่อเห็นหลานสาวของตนและผู้มีอิทธิพลในแถบนี้เดินเข้ามา และใช่ ลูกสาวเธอโดนจับก็เพราะพวกมัน “อีนารา! มึงยังเสนอหน้ามาอีกเหรอ” ธัญญาตะโกนดังลั่น ความโกรธเกรี้ยวของเธอทำให้ยายของนาราที่นั่งอยู่ข้างๆธัญญาลูบหลังลูกสาวเบาๆ นาราปรายตามองยายของตน หญิงใจร้ายที่ไม่เคยคิดบอกความจริงกับเธอ ที่ผ่านมาเธอใจดีมาก ทำดีกับยายมาโดยตลอดเพราะหวังว่าสักวันหญิงชราจะเห็นความดีแล้วรักเธอบ้าง ทว่าตอนนี้หญิงสาวได้รู้ว่าสิ่งที่ทำไปมันสูญเปล่า ผู้หญิงคนนี้ไม่เคยรักเธอในฐานะหลานเลย แม้ใจจะปวดหนึบ แต่ก็พยายามเก็บมันไว้ คงเห็นท่าไม่ได้ สิงหราชเลยกุมมือเธอ หญิงสาวส่ายหัวบอกเขาว่าไม่เป็นอะไร ใจเข้มแข็งพอแล้ว และส่วนหนึ่งที่ทำให้เธอเป็นแบบนี้ได้ก็เพราะเขา “ป้าทำเหมือนโกรธหนู แต่หนูมากกว่าที่ต้องโกรธป้า” คนตัวเล็กตอบโต้กลับทันที “โกรธกูเรื่องอะไร!” ตอนนี้ธัญญาไม่วางมาดอะไรอีกแล้ว นังเด็กนี่มัน
“ครับ เมียเอายังไงก็เอา แต่บอกก่อนได้มั้ยว่าจะไม่โกรธกัน” เขากลัวเมียหายไปนะ ถ้าเธอจากเขาไปทั้งไร่ต้องลุกเป็นไฟอย่างแน่นอน พลิกแผ่นดินหาไม่เจอก็จะหาอยู่แบบนั้น นาราหลุบมองคนที่ซุกอยู่บนอก ดวงตาดุๆ พลันทำให้ชายหนุ่มก้มหน้าลง เผลอใช้โอกาสนี้ซุกใบหน้าลงมามากกว่าเดิม นาราอึดอัดจนต้องขยับดิ้น เธอจิ๊ปากทีหนึ่ง “อื้อ!” เสียงอ้อนเอ่ยตามมา “บอกก่อนว่าจะไม่โกรธ” “ไม่” “ทำไมไม่” “ก็โกรธ” “แล้วทำยังไงถึงจะหายโกรธ” “ไม่รู้ ออกไปจากที่นี่มั้ง” วินาทีนั้นอ้อมแขนที่กอดเธออยู่รัดแน่นขึ้น นาราเกือบหายใจไม่ออก ทว่าต้องทำเก๊กเพราะกลัวเขาจะได้ใจ หญิงสาวเลยนิ่งไว้ “ไม่ให้ไป ไปสิ จะขังไว้ที่นี่เลย” ตัวเล็กดวงตาวาวโรจน์ “กล้าเหรอ?” “ไม่กล้า” เสียงหงอยเอ่ย นารานิ่งไป มองคนตัวใหญ่ที่กำลังไซ้หัวลงบนหน้าอกเธอเหมือนเด็ก “งั้นเอาไร่มั้ย เอาไร่ส้มสักร้อยไร่ หรือตรงที่น้องทำ พี่ยกให้หมดเลย” “ยกให้แฟนเก่ากับคุณปราณนารีสิ มาให้ฉันทำไม”
“น้ำ” เสียงแหบแห้งและฝืดเคืองครางออกมา ใช่ ตอนนี้รู้สึกราวกับว่าอยู่ในทะเลทรายอันแสนแห้งแล้งและร้อนผ่าวแผดเผาอยู่ภายใต้พระอาทิตย์ แล้วในตอนนั้นเองที่เปลือกตาสีไข่เปิดขึ้น ฝ้าเพดานที่คุ้นเคยทำหญิงสาวกะพริบตาปริบๆ แรงกอดรัดช่วงตัวทำให้เธอเอี้ยวตัวมองคนที่กอดเธอไว้ สิงหราช นี่เขา พาเธอออกมาจากป่าได้จริงๆ “ตื่นแล้วเหรอ” ร่างสูงตื่นขึ้นมาพอดี เขายิ้มให้เธอ เป็นรอยยิ้มที่ไม่เคยเห็นเลยในชาตินี้ ยิ่งทำให้อึ้งไปกว่านั้นเพราะเขาโน้มหน้าลงมาจูบกระหม่อมกันเอ่ยคำพูดแปลกประหลาด “เมียตื่นแล้วเหรอครับ” ราวกับสติได้หลุดล่องหายไป เมื่อกี้เขาว่ายังไงนะ “คุณว่ายังไงนะ” “เมียตื่นแล้ว อยากได้อะไรมั้ย” แม้จะยังมึนงง ทว่านาราตอบอย่างไม่ลังเล เอาไว้ก่อนเรื่องเขาเรียกเธอว่าเมีย “น้ำ” เพียงเท่านั้นเขาก็ลุกขึ้น พร้อมกับเอามันมาให้เธอ ร่างสูงนั่งลงข้างเตียง ประคองเธอขึ้นนั่ง นาราดื่มน้ำด้วยความกระหาย ก่อนดวงตาจะจ้องมองใบหน้าหล่อเหลาเหมือนเดิม ไม่รู้ว่าควรรู้สึกยังไง มันผสมปนเปกันไป
“นายหัว!” นงรักตาเบิกกว้างเมื่อเห็นคนสูงใหญ่ผู้น่าเกรงขามในไร่แบกหญิงสาวตัวเล็กไว้บนหลังเดินเข้ามา พอมองสภาพของทั้งสองคนหญิงแม่บ้านก็ต้องตกใจ อะไรกันเนี่ย ทำไมดำไปทั้งตัวแบบนี้ มิหนำซ้ำท่อนขาและเท้าเปลือยเปล่าของสิงหราชยังเต็มไปด้วยบาดแผลราวกับโดนของร้อนจี้มา หรือว่าที่คนงานพูดกันว่าในป่ามีเพลิงไหม้ เกี่ยวข้องกันนายหัวและหญิงสาวตัวเล็กที่ไม่ได้สตินี่เหรอ เกิดอะไรขึ้น ใครบังอาจทำนายหัวเธอ มันเป็นใคร! วินาทีนั้นราวกับนายหัวของไร่เป็นคนบ้าใบ้ สิงหราชไม่พูดอะไร อุ้มนาราขึ้นมาบนบ้าน ดวงตาชายหนุ่มเหม่อลอย และกว่าจะเอ่ยออกมาก็ปาไปหลายนาที “ป้าเรียกหมอให้หน่อยได้มั้ยครับ” เหนื่อยจนเหมือนตายทั้งเป็น แต่ก็ยังอยากเห็นอีกคนไม่เป็นอะไร “โถ่ ได้ค่ะ” นงรักแทบร้องไห้ เธอรีบกุลีกุจอโทรไปเรียกหมอที่เป็นคนสนิทกับครอบครัว แล้วเวลานั้นเองที่ชายอีกคนโผล่มา “พี่สิง” “มึงไม่ใช่น้องกู...” สิงหราชมองไปที่น้องชายของตน ก่อนหน้านั้นเขาพอรู้มาบ้างว่าอะไรเป็นอะไร แต่ไม่คิดว่ามันจะทำแรงขนาดนี้ “มึง