INICIAR SESIÓN“คุณยาย!...ผมยังไม่ได้ทำอะไรเลยนะครับ...วันนี้ ยายตัวเล็กคงจะอยากอ่านหนังสืออย่างที่เขาบอกแหละครับ รู้ๆอยู่ว่ายายนั้นโง่จะตายไป”
“ไอเดน ตาว่าเราไม่ได้หมายความอย่างที่พูดหรอกมั้ง ระดับคะแนนเฉลี่ยของเชือกฟางติดอันดับท๊อปเท็นของระดับชั้นเรียนนะ ถึงเธอจะไม่เก่งเท่ากับหลานที่เป็นอันดับหนึ่งมาโดยตลอดก็ตามทีเถอะ...ที่ว่าเธอโง่เพราะเธอไม่ได้เป็นที่หนึ่งเหมือนกับหลานใช่มั้ย”
“ผมขอโทษครับ ผมไม่ได้หมายความแบบนั้น เดี๋ยวเรื่องนี้ผมจัดการเองครับ คุณตากับคุณยายอย่ากังวลไปเลยครับ”
“ที่ว่าจัดการเอง คงไม่ไปก่อเรื่องให้คุณยายถูกเรียกพบผู้ปกครองอีกนะ” เอกวุฒิย้ำหลานชายอีกครั้ง ตั้งแต่ที่เชือกฟางมาอยู่ที่นี่ ไอเดนก็มีเรื่องกับเพื่อนในโรงเรียนหลายต่อหลายครั้ง ถึงจะไม่ถึงการลงไม้ลงมือกันก็ตามที นั้นเพราะถูกขัดขวางจากเชือกฟางได้ก่อนทุกครั้ง แต่ก็ไม่พ้นที่จะต้องถูกเชิญผู้ปกครองหลายต่อหลายครั้ง
“ครับ!” ไอเดนรับปากสั้นๆ แต่นั้นก็ไม่ทำให้เอกวุฒิวางใจ เขาไม่ได้กังวลใจเรื่องที่ไอเดนจะเป็นอันธพาลเพราะไม่มีทางเกิดขึ้น เพียงแต่ไอเดนขาดความยับยั้งชั่งใจยามที่เจอเรื่องที่ไม่แฟร์ โดยที่เอกวุฒิพยายามหลายครั้งที่จะบอกให้ไอเดนเข้าใจว่าโลกใบนี้ ไม่ใช่มีเพียงสีขาวและดำ มันยังมีสีเทา ซึ่งตอนนี้ไอเดนอายุแค่สิบหกเขาอาจจะไม่เข้าใจสักเท่าไหร่ แต่เมื่อเขาโตขึ้นเขาจะเข้าใจในที่สุด และจะรับมือกับมันได้ เพราะถึงแม้ไอเดนจะอยู่และเติบโตที่ประเทศไทย แต่ไอเดนก็รับรู้และเข้าใจวัฏจักรของตระกูลเขาเป็นอย่างดี ว่าพี่ๆและญาติๆเป็นใคร
ก็อก ก็อก เชือกฟางลุกจากเก้าอี้เมื่อได้ยินเสียงเคาะประตู ตอนนี้เป็นเวลาสามทุ่มแล้ว เธอเตรียมจะเข้านอน
“ไอเดน” เชือกฟางเรียกชื่อคนที่เคาะประตูเมื่อเธอเปิดประตูห้องไอเดนแทรกตัวเข้าไปในห้องนอนทันที ซึ่งนั้นไม่ใช่เรื่องแปลก “ไอเดน ขอร้องล่ะ ออกไป เชือกฟางง่วงนอนแล้ว”
“มานั่งตรงนี้” ไอเดนไม่สนใจคำไล่ของเชือกฟาง เขาสั่งให้เชือกฟางมานั่งบนเก้าอี้ที่โต๊ะหนังสือ เชือกฟางทำตามนั้นเพราะเธอไม่สามารถขัดคำสั่งของไอเดนได้ เพราะเธอยังจำคำของไอเดนได้ทันทีที่เธอมาถึงประเทศไทย
“เชือกฟาง ต่อจากนี้ไปเธอคือคนรับใช้ประจำตัวฉัน หน้าที่เธอคือทำตามที่ฉันสั่ง เข้าใจตรงกันนะ” ประโยคยาวๆประโยคแรกที่เธอได้รับจากไอเดนที่เขามารอรับเธอที่สนามบินนานาชาติสุวรรณภูมิเมื่อสองปีก่อน
ไอเดนถลกแขนเสื้อนอนข้างหนึ่งของเชือกฟางขึ้นทันที และเป็นอย่างที่เขาคาดไว้ ว่ารอยแผลที่เขาเห็นเมื่อตอนเย็นเขียวช้ำอย่างชัดเจน ไอเดนไม่มีคำถาม แต่เขาล้วงกระเป๋ากางเกงหยิบหลอดยาเรพาริล เจล แก้ฟกช้ำ เขาเปิดฝา บีบยา และทาที่ท่อนแขนให้เชือกฟางอย่างระมัดระวัง
“แสบมั้ย?” ไอเดนเอ่ยถาม เมื่อเขาต้องทายาบริเวณที่มีลอยถลอก
“นิดหน่อย”
“ยาจะช่วยได้ดีกว่า ที่จะปล่อยให้หายเอง” เชือกฟางพยักหน้าอย่างเห็นด้วย เธอกล่าวขอบคุณออกมาก่อนที่ไอเดนจะยอมออกไปจากห้องเมื่อทายาให้เธอเรียบร้อยแล้ว เขาออกไปพร้อมกับหลอดยาโดยไม่พูดอะไรต่อ
เช้าวันรุ่งขึ้น นีออนที่กำลังเดินออกมาไปยังโต๊ะอาหารก็ต้องคิ้วขมวดเมื่อเห็นกายยืนกอดอกหลบมุมอยู่ที่หน้าประตูทางเข้าห้องอาหาร
“มีอะไรเหรอกาย” กายโน้มศีรษะเล็กน้อย และย้ายสายตากลับเข้าไปในห้องอาหาร นีออนมองตาม เห็นไอเดนกำลังทำอะไรสักอย่างที่แขนของเชือกฟาง นีออนขยับเพื่อที่จะได้เห็นชัดๆ ไอเดนกำลังทายาที่เขามาถามหากับเธอเมื่อคืน “ที่แท้เป็นแบบนี้นี่เอง...ก็ภาวนาว่าวันนี้ฉันคงไม่ต้องรับสายจากทางโรงเรียนเชิญไปพบล่ะนะ” กายทำเพียงหันมายิ้มเป็นกำลังใจให้กับนีออน เพราะเรื่องนี้ไม่มีใครคาดการณ์ได้ อะไรก็เกิดขึ้นได้กับไอเดน ทุกคนที่บ้านมองออกว่าไอเดนที่ทำเหมือนชอบแกล้งและรังแกเชือกฟาง แต่ที่จริงแล้วนั้นเป็นวิธีปกป้องเชือกฟางในแบบของไอเดน
คริสตี้ เลอนาร์ด & เอริค ซาวันเดอร์
‘กรุงลอนดอน’
คริสตี้มองทัศนียภาพข้างทางขณะที่เธอนั่งรถรางไปยังจุดหมายปลายทางที่ได้รับคำสั่งมาด้วยความกังวล แต่ก็ไม่มากเท่าที่เธอต้องทำความสะอาดในอาคารซาวันเดอร์กรุ๊ป เมื่อเธอต้องกลับไปที่นั้นอีกครั้ง หลังจากที่ดีน เลอร์นาร์ดพ่อบุญธรรมกลับมาหลังจากที่เขาหายไปสองวัน
“พ่อ คืนเงินเขาไปได้มั้ยคะ หนูไม่อยากกลับไปที่นั้นอีกแล้ว”คริสตี้ร้องขอต่อดีน และเธอเลี่ยงที่จะไม่บอกเรื่องที่ ที่นี่ถูกบุกรุกโดยชายที่เธอไม่อาจรู้ได้ว่าเขาเป็นใคร มีเพียงเน็คไทเส้นนั้นที่บอกให้เธอรู้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริงที่เธอเกือบถูกข่มขู่ให้ต้องเสียความสาวไป
“ทำไม?...อยากจะแกล้งอะไรเขาอีกละ...” “เปล่าสักหน่อย...ยายนั้นมาฟ้องคุณย่าเหรอครับ” “คิดว่าเชือกฟางทำแบบนั้นเหรอ” ไอเดนยิ้มและส่ายหน้า ถึงเขาจะเจอกับเชือกฟางได้ไม่นาน แต่เขารู้ว่าเชือกฟางไม่มีทางทำแบบนั้นแน่นอน “นะครับคุณย่า” “จะดูแลเขาได้เหรอ?” หนูนาถามกลับทันที “ได้ครับคุณย่า” หนูนายิ้มให้กับหลานชาย หนูนามองเข้าไปในดวงตาของไอเดน เธอรู้ว่าไอเดนคิดยังไง และเมื่อไอเดนกล้ามาคุยกับเธอ นั้นก็แสดงให้เธอรู้ว่า ไอเดนคิดยังไงโดยที่ไม่ต้องมีคำพูดมากมาย “คุณปู่และย่าภูมิใจในตัวหลาน
“ไอเดน ฉันชอบเธอ” ไอเดนเบิกตากว้างขึ้น อย่างคาดไม่ถึงว่าจะได้ยินคำนี้จากผู้หญิงอีกคน เชอร์รี่บอกออกไปในที่สุด ซึ่งเรื่องนี้เธออยากจะบอกไอเดนมาตั้งนาน เธอไปขอให้เชือกฟางร่วมมือ ให้เปิดทางให้เธอได้อยู่กับไอเดนเพียงลำพัง แต่... “เธอควรจะหาทางเองดีกว่า” เชือกฟางบอกกับเชอร์รี่ไป หลังจากที่เชอร์รี่บอกให้เชือกฟางกลับบ้านไปเองตามลำพัง ไม่ต้องรอไอเดน “เชือกฟางมันจะยากอะไรนักหนา เธอก็กลับบ้านไปเลย เดี๋ยวฉันจะไปบอกไอเดนแทนเธอเองว่า เธอฝากมาบอกว่ากลับแล้ว” “ไม่ได้!” เชือกฟางตอบเชอร์รี่เพียงแค่นั้น เพราะถ้าเธอขืนทำแบบนั้น ชีวิตเธอคงไม่สงบไปอีกสักพักเป็นแน่ “ทำไมไม่ได้” &ldq
“อุ้ย!” คริสตี้ร้องออกมา เมื่อเธอพยายามจะปิดประตูแต่ฝ่ามือของเอริคก็ดันมันไว้อย่างรวดเร็ว และแน่นอนเธอต้านแรงของเขาไม่ได้ “คุณมาที่นี่ทำไม...” คริสตี้เอ่ยถามด้วยเสียงที่เธอคิดว่าดังมากแล้ว“เป็นอะไรเหรอเปล่า?” เอริคกลับตอบคำถามของเธอด้วยการตั้งคำถามกลับ เพราะคริสตี้ดูซีดเซียวอย่างเห็นได้ชัด “ออกไปนะ!” คริสตี้ไม่สนใจฟังและไม่สนใจใบหน้าที่ดูเป็นกังวลอย่างชัดเจนถ้าเธอจะสังเกตุ และมองใบหน้าของคนตรงหน้าตรงๆ “กินอะไรเหรอยัง?” เอริคหลี่ตามองและตั้งคำถามอีกครั้ง ไม่สนใจคำไล่ของเธอ “ออกไปนะ!...” คริสตี้อ่อนแรง อ่อนเพลีย เธอเหมือนจะเป็นลม และเธอก็เจ็บปวดเมื่อยตามร่างกาย เธอคงกำลังจะไม่สบาย “อ๊ะ!” เอริคขยับรับร่างที่กำลังจะล้มหมดสติได้ทัน 
เฮเลนที่ลอบมองจากหน้าต่าง ล้วงโทรศัพท์ของตัวเองออกมา และกดโทร.ออกทันทีเมื่อเจ้านายขับรถออกไป “คุณมุก...เรื่องน่าจะเลยเถิดไปมากกว่าที่คุณอลันคาดไว้แล้วล่ะคะ” เฮเลนเอ่ยบอกปลายสายทันที เมื่อได้รับเสียงตอบรับมา “เอริค ทำอะไรเหรอคะ?” ปิ่นมุกถามกลับทันที ในขณะที่เธอและ อลันอยู่ที่ญี่ปุ่น “ป้าคิดว่า คุณเอริคมีความสัมพันธ์กับผู้หญิงคนนั้นที่เป็นลูกบุญธรรมของดีน เลอนาร์ด...และตอนนี้คุณเอริคก็ออกจากบ้านไปตามลำพังแล้วค่ะ” “ตายจริง!...ขอบคุณนะคะเฮเลน คนที่ก่อเรื่องต้องรับผิดชอบเรื่องนี้ พี่อลันทำเกินไปแล้ว...มุกฝากเฮเลนช่วยดูแลเธอคนนั้นหน่อยนะคะ... คริสตี้เป็นเด็กดี...มุกได้แต่หวังว่าเอริคจะรับผิดชอบสิ่งที่เขาทำลงไป...แต่ตอนนี้มุกต้องไปจัดการคนที่สร้า
“คริสตี้ ฟังสิ่งที่ฉันจะพูดกับเธอให้ดี...” เอริคพูดพร้อมกับที่เขาจัดการตัวเองโดยการเอาเกราะป้องกันที่ยังคงมีคราบเลือดพรหมจรรย์ของเธอติดอยู่ให้เห็นจางๆออกไป “เธอต้องกลับไปบอกพ่อของเธอว่า วันนี้เธอมาทำหน้าที่ของเธอที่บ้านของฉัน และมันยังไม่เรียบร้อย พรุ่งนี้เธอต้องเดินทางมาที่นี่อีก...” เอริคแต่งตัวไปพร้อมๆ กับพูดในสิ่งที่คริสตี้ต้องทำ เขาหยิบเสื้อผ้าของเธอขึ้นมาจากพื้นและวางบนลงเตียง “...แต่งตัวซะ” เอริคสั่งการทันที เมื่อคริสตี้ยังไม่ขยับ แต่เธอได้ยินสิ่งที่เขาพูด คริสตี้ขยับร่างกายที่บอบบางและอ่อนล้านั้นทันทีเท่าที่เธอจะสามารถขยับได้เร็วพอแบบที่ไม่ต้องเจ็บปวดมาก เสียงพูดของเขายังดังต่อไป โดยที่เขาไม่แม้แต่จะมองเธอเลย คริสตี้รีบแต่งตัวตามคำสั่งนั้น เธอไม่มีคำถามต่อคำสั่งนั้น แต่... “ฉันยังต้องมาที่นี่อีกเหรอ?” คริสตี้ถามกลับด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเสียใจ&
สองมือของเอริคไล้เลื่อนไปยังมือเล็กที่เกร็งดึงรั้งผ้าปูที่นอนดั่งกับต้องการหาหลักที่ยึดเหนี่ยว มือที่ใหญ่และแข็งแรงกว่ากอบกุมมือเล็กไว้ ก่อนที่ เอริคจะทำลายกำแพงนั้น ‘พรหมจรรย์’ “อื้มมมมม...” เสียงร้องในคอของคริสตี้ดังออกมา พร้อมกับดวงตาที่ปิดลงอีกครั้ง น้ำตาของเธอไหลออกมาอีกครั้ง เมื่อโพรงสาวถูกล่วงล้ำโดยแก่นกายของเขาจนแนบสนิทกันและกัน เอริคดูดรั้งริมฝีปากของเธอ เขารับรู้ถึงความเจ็บปวดและอาการเกร็งของเธอทั่วทั้งเรือนร่างภายใต้ร่างกายเขา ให้ตายเถอะ! เอริคเกลียดความรู้สึกของตัวเองตอนนี้ เพราะเขาพยายามหักห้ามตัวเอง เขาจะไม่ปลอบประโลมเธอเด็ดขาด คริสตี้ร้องออกมาเพียงครั้งเดียว จากความเจ็บปวดที่เธอไม่เข้าใจสักนิดว่าเซ็กส์ มันมีดีอะไร ในเมื่อตอนนี้เธอทรมานกับสิ่งที่ได้รับอยู่ ร่างกายเธอแทบจะระเบิดออกมา ยามที่เขาเข้ามาในกายเธอ เธอเจ็บจนเกินบร







