Share

บทที่ 43

Author: Karawek House
last update Last Updated: 2025-08-29 22:25:48

“คนผู้หนึ่งจะหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยได้อย่างไร” ท่านจ้าวหุบเขาเอ่ยน้ำเสียงเรียบเรื่อย “เล่ามา...หญิงงามชนวนสงครามที่ไม่มีใครหาตัวพบผู้นั้น ที่แท้แล้วมีรูปร่างลักษณะ อุปนิสัยเป็นอย่างไร ผู้คนสันนิษฐานเรื่องนี้เอาไว้อย่างไรบ้าง”

“องค์หญิงสี่หมิงเซียนน่ะรึ?” ท่าทีของสหายคู่ค้าทำให้เยว่เทียนฟงเอะใจขึ้นมาเล็กน้อย ว่าสิ่งที่สงสัยเกี่ยวกับแม่นางน้อยผู้สวมผ้าคลุมปกปิดใบหน้านางนั้นอาจมีมูลความจริง ยิ่งคิดว่าช่วงเวลาที่องค์หญิงเทียนจินหายตัวไปคือช่วงที่ตนและเหยี่ยวราตรีกำลังวิ่งวุ่นเพราะเกิดโรคฝีเมล็ดถั่วแพร่ระบาดตามเส้นทางการค้าอย่างน่าสงสัยจนไม่ว่างตรวจสอบเรื่องใดก็ยิ่งรู้สึกว่าเข้าเค้า ทว่ายิ่งเล่าถึงคุณธรรมความสามารถ อุปนิสัย และกิริยาท่าทีขององค์หญิงสี่ผู้เป็นถึงยอดหญิงงามอันดับหนึ่งแห่งอาณาจักรเทียนจิน กลับยิ่งรู้สึกว่าเรื่องนี้เป็นเพียงข้อสงสัยเหลวไหลไร้สาระเท่านั้น

อุปนิสัยเช่นนั้น...ความเจ้าคิดเจ้าแค้นอย่างไร้เดียงสานั่น...ดูอย่างไรก็ไม่คล้ายหญิงงามยอดเมธีผู้มีอุดมการณ์สูงส่งและเติบโตในรั้วในวังเลยสักนิด

เยว่เทียนฟงยังครุ่นคิดเรื่องนี้ต่อไปอีกครู่ใหญ่ จวบจนสองชั่วยามถัดมา ข้อสงสัยเรื่ององค์หญิงหมิงเซียนพลันตกไปเพราะข่าวใหม่จากองครักษ์เงา

“ท่านประมุข...เหยี่ยวดำแจ้งว่าพบร่องรอยเด็กติดโรคที่ชายใบ้เล่าถึงแล้ว”

เดือนสามเช่นนี้ดอกไม้ในหุบเขาเดียวดายกำลังเบ่งบานงดงาม ทว่าดอกไม้ใบหญ้าในหมู่บ้านชาวป่ากลางหุบเขาเล็กๆ ที่ตั้งอยู่ห่างออกไปไม่ถึงห้าสิบลี้[1]กลับเหี่ยวเฉา ที่เหลือรอดอยู่ได้ก็ล้วนปกคลุมด้วยคราบเขม่าและขี้เถ้าจากการเผาซากศพและข้าวของเครื่องใช้ มองแล้วชวนให้สังเวชใจ

ท่ามกลางลานกว้างท้ายหมู่บ้านขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่ เยว่เทียนฟงมองภาพชาวบ้านช่วยกันยกที่นอน ลากผ้าดิบ ขนย้ายร่างที่เต็มไปด้วยตุ่มหนองทั้งประเภทที่ยังมีชีวิตและไร้ชีวิตออกมาวางเรียง ยิ่งมองนัยน์ตาสีดำสนิทก็ยิ่งดิ่งลึก

“คอกเลี้ยงสัตว์ที่ส่งกลิ่นรบกวน...ตรวจสอบดีแล้วหรือยัง”

ผู้ได้รับมอบหน้าที่รีบก้าวขาออกมาประสานมือรายงาน “ตอบท่านประมุข ตรวจสอบอย่างละเอียดแล้ว ไม่พบความเชื่อมโยงกับโรคฝีเมล็ดถั่วแม้แต่น้อย”

“ถ้าอย่างนั้นก็คงเป็นอย่างที่สงสัยจริงๆ”

เหล่าผู้ติดตามไม่กล้าออกความเห็นในเรื่องนี้ หน้าที่ของพวกเขามีเพียงค้นหาเบาะแสและทำตามคำสั่งเท่านั้น

“ส่งสารกลับไปที่หุบเขาเดียวดาย หมู่บ้านสือหูในหุบเขาเล็กๆ ฝั่งตะวันตกเฉียงเหนือของผาเฉียงหลงเกิดโรคระบาดฝีเมล็ดถั่ว สมาพันธ์เฮยอิงขอความช่วยเหลือจากหุบเขาเดียวดาย”

ผู้ติดตามคนสนิทฟังแล้วตกอกตกใจ

“แต่...ท่านประมุข เชิญจ้าวหุบเขาออกมาอีกเช่นนี้ ค่าตอบแทนที่ได้—”

คำว่า “จะคุ้มค่ารึ” ยังไม่ทันได้หลุดออกมา เยว่เทียนฟงก็ชิงตัดบทเอ่ยซ้ำ

“รีบส่งสารไป” ประมุขสมาพันธ์เฮยอิงเอ่ยเสียงขรึม “ปล่อยให้เกิดเรื่องบานปลายเช่นนี้ หากสมาพันธ์สูญเสียความไว้วางใจ ก็นับว่าขาดทุนย่อยยับเช่นกัน”

“ขอรับ” ผู้ติดตามคนสนิทรับคำแล้วเร่งส่งสารตามคำสั่งทันที

“ในเมื่อพวกชาวบ้านพร้อมใจกันโยนร่างคนป่วยทิ้งไว้ที่นี่ ก็สร้างศาลาสักหลังก็แล้วกัน สร้างเสร็จเมื่อไหร่ให้พวกชาวบ้านแยกคนโชคร้ายพวกนั้นมาไว้ในศาลา ระหว่างนี้แบ่งกำลังกระจายตัวออกค้นหาให้ทั่ว โรคระบาดไม่มีทางเกิดขึ้นโดยไร้สาเหตุ จู่ๆ หมู่บ้านที่ผู้คนอายุยืนยาวที่สุดในแถบนี้เกิดโรคระบาด มีผู้ล้มป่วยพร้อมๆ กันมากกว่าสิบชีวิต เด็กติดโรคนั่นต้องอยู่ไม่ไกลจากที่นี่แน่”

“ขอรับ” ผู้ติดตามรายที่เหลือรับคำแล้วแยกย้าย

สั่งการเสร็จสรรพ เยว่เทียนฟงก็หันมาสอบถามหัวหน้ากลุ่มองครักษ์

“เรื่องพวกสกุลเถียนไปถึงไหนแล้ว”

“ตอบท่านประมุข ผู้น้อยไร้สามารถ ไม่อาจหาตัวพยาน กระทั่งผู้ลงมือสังหารชายใบ้อย่างเถียนสือหู่ที่เคยเข้าใจว่าหายตัวไปและกลุ่มผู้ติดตามคนสนิทเหล่านั้นก็ล้วนเป็นศพ สกุลเถียน...สกุลเถียนหมู่บ้านเถียหู่ล้วนโดนถอนรากถอนโคนจนหมด ไม่เหลือรอดชีวิตสักราย”

“ช่างเถอะ...พวกมันวางแผนทั้งรัดกุมทั้งอำมหิต พวกสกุลเถียนล้วนไร้ทางรอดแต่แรกแล้ว”

ได้ยินชื่อ “เถียนสือหู่” เยว่เทียนฟงพลันนึกบางเรื่องขึ้นได้

“สือหู่รึ...? เจาะจงเลือกให้เถียนสือหู่[2]แยกจากพี่น้องไปสังหารพยานปากเดียวที่พวกเรามีอยู่ในมือ หลังสังหารเถียนสือหู่ปิดปากก็ส่งเด็กติดโรค...บุตรชายเพียงคนเดียวของชายที่โดนตัดลิ้นคนนั้นมาที่หมู่บ้านสือหู[3]” เยว่เทียนฟงแค่นหัวเราะ “ผู้บงการหลังม่านช่างมีอารมณ์ขัน...รู้จักละเล่นดีจริงๆ”

ประมุขสมาพันธ์เฮยอิงผูกผ้าที่ใช้ปิดจมูกและปากของตนให้แน่นขึ้น พึมพำเสียงเบา “ปัญหาฝีเมล็ดถั่วไม่จบไม่สิ้น หาตัวผู้บงการที่แท้จริงไม่เจอเสียที ความเสียหายที่พบก็ทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ เช่นนี้ เห็นทีพบจ้าวหุบเขาครั้งหน้า ต้องไหว้วานให้คนผู้นั้นช่วยปลูกหน่ออ่อนของโรคตามวิธีการอะไรนั่นเสียที”

“ท่านประมุข...หากวิธีการสุ่มเสี่ยงนั่นไม่ได้ผล ซ้ำยังส่งผลกระทบบางอย่างต่อร่างกาย...”

“พวกเราต้องคลุกคลีกับโรคระบาด ดื้อแพ่งไม่ยอมรับวิธีการป้องกันเช่นนี้ก็นับว่าสุ่มเสี่ยงมากเหมือนกัน พวกที่ทดลองปลูกฝีหนองไปเมื่อห้าวันก่อนก็ยังปกติกันดีไม่ใช่รึ? จ้าวหุบเขาเองก็หาใช่ผู้ไร้ความรับผิดชอบถึงเพียงนั้น”

จริงสิ...หากเป็นท่านจ้าวหุบเขาผู้นั้น ก็คงจะเชื่อถือได้กระมัง...

เหล่าผู้ติดตามล้วนพยักหน้าเออออ ทว่าเห็นประมุขของตนเที่ยวเดินสั่งการด้วยตนเองเช่นนี้แล้ว แม้ซาบซึ้งอุ่นใจเพียงใดก็ไม่วายลอบทอดถอนใจ

เฮ้อ...ที่จริงแล้วท่านประมุขไม่จำเป็นต้องออกมาเสี่ยงโรคร้ายและภยันตรายจากการลอบสังหารด้วยตนเองเช่นนี้เลย...

[1] หนึ่งลี้มีความยาวประมาณครึ่งกิโลเมตร หรือประมาณ 500 เมตร

[2] 虎อ่านว่าหู่ แปลว่าเสือ รวมกับสือ (石) ที่แปลว่าหิน หมายถึงเสือหิน

[3] 狐อ่านว่าหู แปลว่าจิ้งจอก รวมกับสือ (石) ที่แปลว่าหิน หมายถึงจิ้งจอกหิน

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • นางมารน้อยข้ามภพ   บทที่ 52

    อาจูจ้องมองใบหน้าสตรีอ่อนเยาว์ที่จับประคองหญิงชราอยู่อีกฝั่ง ยิ่งมองก็ยิ่งพลอยรู้สึกชื่นชมลูกสะใภ้คนดีของแม่เฒ่า ทั้งยังรู้สึกว่าใบหน้านางดูงดงามตรึงตาตรึงใจพาให้อยากถลาเข้าไปกอดเรียวขาใต้ชุดสีเขียวเข้มขับผิวที่น่าจะเรียวงามไม่แพ้ท่อนแขนกลมกลึงนั่น เอาหน้าถูไถ เรียกนางว่าเจี่ยเจีย[1]คนดีสักหลายๆ คำอา...นี่คงเป็นเสน่ห์ดึงดูดใจตามธรรมชาติของ “โฉมงามกลางป่าเขา” ที่คนเขาว่ากันละมั้ง...ยิ่งมองอาจูก็ยิ่งอยากจะทรุดตัวลงนั่งราบไปกับพื้นเสียเดี๋ยวนี้ขณะแม่เฒ่าสวีและลูกสะใภ้ชื่นชมกันไปมา ท่านจ้าวหุบเขาก็จัดเตรียมสมุนไพรที่ต้องใช้ไว้ให้ครบถ้วนดีแล้ว“แม้จะเคยล้มป่วยด้วยโรคชนิดนี้มาก่อนก็ไม่แน่ว่าร่างกายจะต้านทานโรคได้เสมอไป หากมีไข้เมื่อไหร่ สมควรรีบไปตรวจรักษาทันที” ท่านจ้าวหุบเขาเอ่ยสั้นๆ“เซียนเหยียนทราบแล้ว...” สะใภ้สกุลสวีเอ่ยเสียงแผ่ว ฟังดูดึงดูดใจอย่างบอกไม่ถูก “เซียนเหยียนขอบคุณเซียนเซิงที่มีใจเมตตา”ยิ่งนางเปิดปากพูดออกมา อาจูก็ยิ่งละสายตาจากริมฝีปากทรงเสน่ห์บนใบหน้าขาวผ่องไม่ได้ท่านจ้

  • นางมารน้อยข้ามภพ   บทที่ 51

    “เป็นอย่างไรบ้าง ท่านหมอ อาการอาเป่าของพวกเราย่ำแย่มากหรือไม่!” หญิงชราสูงอาวุโสที่สุดในบ้านผุดลุกจากเก้าอี้ทันทีที่จ้าวหุบเขาหลี่ละสายตาจากเด็กตัวจ้อยบนเตียงเตา[1]บ้านหลังนี้ตั้งอยู่ห่างจากบ้านหลังอื่นๆ จนเกือบจะเรียกได้ว่าตั้งอยู่นอกตัวหมู่บ้าน...หญิงชราผู้เป็นเจ้าของบ้านหลังนี้ก็คือแม่เฒ่าสวีนักปลุกปั่นนั่นเองเห็นแม่เฒ่าสวีและลูกสะใภ้ทำท่าจะเดินเข้าไปดูทายาทตัวน้อย อาจูรีบปราดเข้าช่วยศรีสะใภ้รูปร่างอ้อนแอ้นเหมือนหนึ่งจะปลิวลมของครอบครัวสกุลสวีประคองหญิงชรา เจตนาที่แท้จริงคือรั้งไว้ “ท่านป้าอย่าได้เข้าใกล้นัก ระยะนี้พวกท่านจะติดโรคระบาดจากอาเป่าได้ง่าย”กระทั่งตอนนี้ ขณะตรวจรักษาโรคระบาด ท่านจ้าวหุบเขาก็ยังให้ลูกศิษย์เพียงยืนดูอยู่ห่างๆ เหมือนเมื่อครั้งอยู่ในวัดร้างไม่มีผิด เสี่ยวจวี๋ฮวาที่ว่างงานจึงกลายร่างเป็นเจ้าหน้าที่ญาติผู้ป่วยสัมพันธ์ รับหน้าที่คอยกันไม่ให้พวกเขาเข้าไปรบกวนการรักษาโดยปริยายท่านจ้าวหุบเขาเหลียวมองมือลูกศิษย์ที่จับประคองเจ้าบ้านเล็กน้อย ชั่วขณะนั้น ดวงตาคู่คมเจือร่องรอยไม่ชอบใจ“ตุ่มหนองพวกนี้ดูแย่ลงก็จริง ทว่าเป็นอาการตามปกติของโรค” ท่านจ้าวหุบเขาเอ่ยเรียบๆ

  • นางมารน้อยข้ามภพ   บทที่ 50

    สตรีแซ่เซี่ยยังคงบอกเล่าสถานการณ์ด้วยตนเองอีกครู่ใหญ่ อาจูเห็นท่านหมอยุคเก่าแก่โบราณสองคนพูดคุยกันก็ปั้นหน้าสงบเสงี่ยมยืนฟังด้วยความสนใจ สองหูฟังไป สองตาก็ลอบจับสังเกตศิษย์พี่หญิงของท่านจ้าวหุบเขา ต่อให้ส่วนหนึ่งในใจจะค่อยๆ คล้อยตามว่าครั้งนี้อาจารย์ป้าหน้าเด็กอาจมาด้วยเจตนาดีจริงๆ ลางสังหรณ์บางอย่างในใจกลับไม่ยอมหายไปเสียทีอาจารย์ป้าผู้นี้...มาดีจริงๆ น่ะรึ?อาจูอยากจะยกมือขึ้นนวดขยับ ยิ่งคิดว่าพักนี้ต้องระมัดระวังไม่ให้เผลอใช้ใบหน้าเด็กๆ นี่ขมวดคิ้วสร้างริ้วรอยจนใบหน้าแก่ก่อนวัยก็ยิ่งกว่าหนักอกหนักใจช่างเถอะ ถึงยังไงที่นี่ก็ต้องการแรงงาน...จังหวะอาจารย์ป้ากวาดตามองผ่านมา เสี่ยวจวี๋ฮวาคลี่ยิ้มอ่อนหวานเจิดจ้ายิ่งกว่าผู้สมัครเข้าชิงตำแหน่งนางงามจักรวาล ทว่าอีกฝ่ายกลับมองผ่านเลยไปท่าทีนี้ช่วยให้อาจูสบายใจขึ้นเล็กน้อยถ้าเซี่ยอะไรสักอย่างเหยาๆ นางนี้ทำถึงขั้นคลี่ยิ้มให้ ศิษย์หลานตาดำๆ อย่างจวี๋ฮวาคงไม่แคล้วต้องเกาะติดอาจารย์ทั้งวันทั้งคืน เพื่อป้องกันสตรีคลั่งรักผู้หนึ่งย่องมาบีบคอตอนหลับหรือซัดเข็มพิษเล่มโตลอบสังหารแล้ว...

  • นางมารน้อยข้ามภพ   บทที่ 49

    จู่ๆ ความสลดหดหู่ปนโกรธเกรี้ยวก็พวยพุ่งขึ้นในใจคนฟัง กระทั่งอาจูเองยังกำหมัดแน่น ยากจะสงบอารมณ์เป็นตอนนี้เอง ที่อาจูรู้สึกถึงเหงื่อเย็นชื้นบนฝ่ามือตัวเองท่านจ้าวหุบเขาเหลียวมองลูกศิษย์เล็กน้อย ก่อนหันกลับมาผ่าลำไส้ทั้งหมด ตรวจสอบของเสียตกค้างอย่างละเอียด จากนั้นหันกลับไปตรวจดูเล็บมือและเล็บเท้าซ้ำอีกหน“ไม่มีร่องรอยอย่างอื่นแล้วจริงๆ” ท่านจ้าวหุบเขาสรุปสั้นๆประมุขสมาพันธ์ผู้ต้องแบกรับเรื่องนี้ฟังแล้วยิ่งขบกรามแน่นจนขึ้นสัน“สารเลวพวกนั้นช่างระมัดระวังรอบคอบเกินไปแล้ว”“เรื่องนั้นยังไม่แน่นอนนัก” ท่านจ้าวหุบเขาเหลียวมองเชือกที่คนร้ายใช้มัดร่างเด็กเอาไว้ เอ่ยไม่ดังไม่เบา “ประมุขเยว่คงไม่ทันสังเกตว่าเทียนเฉาตอนล่างมีวัฒนธรรมการฟั่นเชือกแตกต่างจากพื้นที่อื่นเล็กน้อย...พวกนั้นจะจงใจทิ้งร่องรอยหรือไม่ได้ตั้งใจก็ช่าง ถ้าอย่างไรลองสืบสาวจากเชือกพวกนี้ดู ไม่แน่ว่าอาจช่วยเหลือได้ไม่มากก็น้อย”สีหน้าเยว่เทียนฟงดูดีขึ้นเล็กน้อย“ศพเหม็นเน่ามากแล้ว ฝังให้ลึกๆ แทนการเผาจะดีกว่า...น้ำใน

  • นางมารน้อยข้ามภพ   บทที่ 48

    มองจากที่ไกลดูเหมือนใกล้ แต่เมื่อต้องเดินเท้ากันจริงๆ แล้ว บ่อพักน้ำตีนผาที่ว่านี้ กลับอยู่ห่างจากเขตที่พักอาศัยไม่น้อยยิ่งเดินเข้าใกล้ กลิ่นเน่าเหม็นรุนแรงก็ยิ่งโดดออกจากกลิ่นปศุสัตว์ ตอกย้ำให้ผู้มาเยือนตระหนักว่าในบ่อพักน้ำมีศพเด็กคนหนึ่งนอนแช่อยู่จริงๆ“ตรงนั้นขอรับ” องครักษ์ผู้รับหน้าที่นำทางรีบชี้เป้า “ศพโดนผูกไว้กับหลักไม้หลังพงหญ้านั่น”อาจูยกแขนเสื้อขึ้นปิดจมูกอีกชั้น แทบไม่อยากหายใจ เพียงก้าวขาเดินกันต่อไปแค่ไม่กี่ก้าว กลิ่นเน่าเหม็นชวนคลื่นเหียนแฝงกลิ่นสาบคล้ายโคลนก็ลอยมาเตะจมูก ทำเอาชาวบ้านหลายคนที่ตามมาดูต้องโก่งคออาเจียนกันอีกหน แม้แต่คนของเยว่เทียนฟงก็ยังหน้าเขียวหน้าดำ บรรยากาศคุกรุ่นที่เพิ่งจะสงบลงคล้ายถูกแทนที่ด้วยกระแสอารมณ์วิตกกังวลและหวาดผวาบ่อพักน้ำแห่งนี้มีขนาดกว้างยาวเพียงด้านละราวๆ สามถึงสี่วา หากไม่นับเรื่องกลิ่นที่โชยคลุ้งและฟองสีขาวบนผิวน้ำ ก็ยังนับได้ว่าที่นี่ดูสะอาดตา ไร้วี่แววศพเด็กที่ว่า ทั้งอย่างนั้นตำแหน่งที่ผู้นำทางเดินไปหาก็เป็นตำแหน่งที่พงหญ้าสูงท่วมศีรษะ เหมาะแก่การซุกซ่อนข้าวของเป็นอย่างยิ่ง

  • นางมารน้อยข้ามภพ   บทที่ 47

    “มีศพอยู่ที่บ่อพักน้ำ!” ทันทีที่ได้ยินว่ามีศพอยู่ที่บ่อพักน้ำ พวกชาวบ้านในลานพลันหน้าเผือดสี หลังจากส่งต่อประโยคสั้นๆ ประโยคนี้เพียงชั่วครู่ หญิงชาวบ้านจำนวนไม่น้อยถึงขั้นโก่งคออาเจียน ที่ดูคล้ายคนเจ็บไข้ได้ป่วยกันอยู่แล้วก็ยิ่งดูเหมือนคนล้มป่วยยิ่งขึ้นสวรรค์! เกิดโรคระบาดก็แย่แล้ว ต้นคลองส่งน้ำเข้าหมู่บ้านยังมีศพแช่อีกรึ!“ท่านประมุข หรือว่าศพนั่นจะเป็นตัวก่อโรค!” ชาวบ้านชายที่รูปร่างกำยำที่สุดในกลุ่มถามเสียงเครือ ดวงตาแดงก่ำบนใบหน้าอิดโรยเหมือนพร้อมจะหลั่งน้ำตาออกมาทุกเมื่อ “เช่นนั้นพวกเราทุกคน...”“ต้องรอตรวจโรคกันก่อนจึงจะบอกได้” ท่านประมุขผู้ถูกถาม ตอบเสียงขรึม “ระหว่างนี้บอกให้ทุกคนเลิกแตะต้องน้ำจากคลองส่งน้ำนั่น หากจำเป็นต้องนำมาใช้ ต้องต้มให้นานๆ หน่อยถึงจะดี” รับมือกับโรคระบาดชนิดนี้มานาน เยว่เทียนฟงเองก็ได้พื้นความรู้ติดตัวมาไม่น้อยเหมือนกัน“จ้าวหุบเขา เชิญ&rdquo

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status