LOGINยุวดานั่งเงียบไปตลอดทาง เธอไม่กล้าสู้หน้าสามีหมาดๆ อย่างหิรัญ เนื่องจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในรถเมื่อครู่นั้น ใช่ว่านายหัวหิรัญจะขืนใจเธอเสียเมื่อไหร่ เขาหลอกล่อเธอจนยินยอมพร้อมใจไปกับเขาต่างหาก แล้วเธอก็ดันตอบสนองบทรักสุดเร่าร้อนของนายหัวหิรัญเสียด้วยสิ คิดแล้วมันน่าอับอายสิ้นดี
"นี่หนูยิ้มหลับหรือยัง" นี่เป็นครั้งแรกที่นายหัวหิรัญเรียกเธอแบบนั้น ปกติเขาจะเรียกเธอว่ายุวดา "ยังไม่หลับค่ะ" เธออ้อมแอ้มพูดออกมาแต่ไม่ยอมหันหน้ามาทางหิรัญ "อีกเดี๋ยวเราจะต้องนั่งเรือไปที่เกาะกัน คุณเมาเรือหรือเปล่า" "เปล่า" เธอตอบมาแค่นั้นยังคงหันหน้าไปทางหน้าต่าง หล่อนไม่อยากให้นายหัวหิรัญเห็นแก้มแดงๆ ที่กำลังสุกปลั่ง เพราะเผลอนึกถึงภาพเหตุการณ์สุดวาบหวามเมื่อครู่ "ไม่เมาเรือก็ดี เพราะผมไม่ได้เตรียมยามา" หิรัญจอดรถกระบะแล้วลงมาขนกระเป๋าสัมภาระขึ้นเรือทั้งหมดด้วยตัวเอง ทันทีที่เรือออกจากฝั่งไปสักระยะ คนที่นั่งหน้าตูมอยู่ข้างๆ คนขับ ก็มีอาการโงนเงน หล่อนรู้สึกเวียนหัว อยากจะอาเจียน จนในที่สุดก็สำรอกออกมา "ไหนบอกว่าไม่เมาเรือไง นี่มันอาการเมาเรือชัดๆ" นายหัวหิรัญคำรามลั่น รีบหาน้ำหาท่าส่งให้ถึงมือยุวดา "กลั้วปากซะ แล้วหลับตาไม่ต้องมองไปที่คลื่นในทะเล อีกเดี๋ยวคุณจะรู้สึกดีขึ้น หายใจเข้าลึกๆ....อย่างนั้น" ยุวดาทำตามคำสั่งของหิรัญอย่างว่าง่าย เธอหลับตาลงไม่มองอะไรอีกต่อไป จนผล็อยหลับไปในที่สุด หิรัญช้อนอุ้มคนตัวเล็กที่กำลังหลับสนิทลงมาบนเกาะ เขาไม่อยากปลุกให้หล่อนต้องตื่น คนมีอาการเมาเรือเมาคลื่นต้องหลับเยอะๆ ตื่นมาจะได้รู้สึกสบาย เธอคงอ่อนเพลียไม่น้อยเพราะอาเจียนจนหมดไส้หมดพุง "ยัยตัวยุ่ง" ชายหนุ่มพึมพำเบาๆ เขาอุ้มร่างหญิงสาวไปพักบนแพหลังเกาะ แทนที่จะพักในบ้านพักที่ริมหาด เพราะบริเวณนี้คนงานจะไม่พลุกพล่าน มีความเป็นส่วนตัวมากกว่า เขาจึงเลือกพาเธอมาพักที่นี่ ยุวดายังคงหลับสนิท เธอน่าจะมีไข้นิดๆ เพราะหน้าผากเธอร้อน หิรัญวางเธอลงบนเบาะนอนก่อนจะถอดชุดเธอออกจนเนื้อตัวเปลือยเปล่า ใช่ว่าเขาจะทำอะไร แค่จะเช็ดตัวลดไข้ให้เธอเท่านั้น คนตัวโตพยายามควบคุมอารมณ์หวามไหวที่กำลังก่อตัวขึ้นมาอย่างหนัก หลังจากที่ได้สัมผัสและเห็นเรือนร่างทุกส่วนสัดของภรรยา ลมหายใจก็ร้อนผ่าวขึ้นมาทันที ร่างกายนี้เป็นของเขา ทุกส่วนของเธอเป็นของเขา ใบหน้าหิรัญร้อนผ่าวเป็นระลอกที่สอง ตอนนี้หล่อนยังคงนอนหลับไหลเพราะพิษไข้ บราเซียตัวสวยถูกถอดทิ้งไปทางตะขอหน้า ทรวงอกนุ่มหยุ่นกระเพื่อมขึ้นลงช้าๆ ตามแรงหายใจ เธอสวย เธอช่างงดงามยิ่งนัก ผิวขาวเนียนสะอาดในยามต้องแสงจันทราช่างน่าหลงใหล หนุ่มใหญ่ลมหายใจสะดุด เมื่อก้มมองดอกบัวตูมที่เคลื่อนไหวขึ้นลงช้าๆ เม็ดบัวอวบใหญ่สีชมพูหวานนั่นก็น่า..ดูดดื่มเป็นที่สุด เขาสูดหายใจเข้าปอดลึกๆ แล้วผ่อนออกช้าๆ พยายามไม่มองของสวยงามเบื้องหน้าให้ไฟราคะถูกกระตุ้นขึ้น ความหื่นมันไม่เข้าใครออกใคร ชายหนุ่มสะกดกลั้นความอยากเอาไว้ แล้วเช็ดตัวให้เธอช้าๆ เขาพยายามทำมันช้าๆ นุ่มนวลแผ่วเบาที่สุดเท่าที่จะทำได้ ลมหายใจหนุ่มใหญ่ติดๆ ขัดๆ เป็นระยะ คนตัวโตผ่อนลมหายใจออกมาหนักๆ เมื่อเขาเช็ดตัวให้เธอสำเร็จ เพราะกว่าจะเสร็จ เขาก็ถอนหายใจไปหลายรอบ หนุ่มใหญ่พยายามหักห้ามใจไม่ให้หักหาญน้ำใจหล่อนเป็นครั้งที่สอง ทั้งที่ลูกชายผงกหัวไม่ยอมนอนอยู่ตอนนี้ เล่นเอาเจ้าของร่างหนาต้องรีบพาตัวเองออกไปจากตรงนั้นทันที เมื่อแต่งตัวให้เธอเรียบร้อย เจ้าของร่างแน่งน้อยยังคงหลับไม่ยอมตื่น ขืนเขาอยู่ตรงนี้อีกต่อไป เขาต้องแพ้ใจตัวเองเป็นแน่ ก็แหม..หล่อนออกจะหวานหอมไปทั้งเนื้อทั้งตัวอย่างนี้ ใครจะไปอดใจไหว ยิ่งตอนนี้อารมณ์กำหนัดกำลังก่อตัวขึ้นมาเรื่อยๆ ยุวดาสวยจนเขาอยากฉกฉวยโอกาสลักลับเธอเสียจริง หนุ่มใหญ่วัยสี่สิบห้าปีต้องพาตัวเองออกไปนอกห้อง เพื่อสงบอารมณ์ของตัวเองให้นิ่งพอ ก่อนจะเข้ามานอนลงบนที่นอนใกล้ๆ ยุวดา แรงยวบของเบาะทำให้เธอลืมตาขึ้นมาช้าๆ จากการหลับไหล "นี่คุณกำลังทำอะไร" ตื่นมาเธอก็แหวใส่คนตัวโต "โง่หรือเปล่าคุณ..ก็นอนไง คุณเห็นผมกำลังล้างจานอยู่หรือไง" อ๊าย!!! "ไอ้บ้า! ฉันถามดีๆ นะ" "ผมไม่ได้บ้า คุณนั่นแหละบ้า! ห๊าววววว...ง่วงละ นอนดีกว่า ขี้เกียจเถียงกับคนบ้า ยาไม่รู้จักกิน" เพี๊ยะ!! "นี่แหน่คุณหิน ลุกขึ้นมาคุยกันให้รู้เรื่องนะ" เธอตีไปที่แขนแข็งแกร่งกำยำ คนถูกตีถึงกับนิ่วหน้า ชักสีหน้าใส่ยุวดา ยกมือขึ้นมาลูบแขนตัวเองป้อยๆ "นี่คุณตีผมทำไมเนี่ย" "ก็ลุกขึ้นมาคุยกันดีๆ สิ" "ผมไม่มีอะไรจะคุยกับคุณ" "แต่ฉันมีเรื่องจะคุยกับคุณ" หิรัญฉุน "เอ๊ะ! คุณนี่มันยังไง อยากโดนปล้ำใช่มั้ย..ได้!" อ๊าย!!!! "ไม่นะ! ไอ้หนวดบ้า!" ยุวดากรีดร้องออกมาเสียงดัง "เรียกผัวดีๆ สิคะ" หิรัญกระชากเธอมาโอบกอดเอาไว้ทันที "หนูต้องเรียกพี่ว่าอะไร? เรียกใหม่ให้ชื่นใจหน่อยสิคะ" "ไม่" เธอเชิ่ดใส่ รีบหันหน้าไปทางอื่น "เด็กดื้อต้องโดนอะไร" หิรัญก้มหน้าลงมาเรื่อยๆ จนปลายจมูกโด่งเกือบจะชิดติดกัน "อย่านะ!" หล่อนพูดยังไม่ทันจบคำ ร่างทั้งร่างก็ถูกกดทับไว้ทันที "นี่!..คุณหิน อย่าทับฉันไว้แบบนี้ ตัวคุณใหญ่อย่างกับยักษ์ ฉันหนักรู้มั้ยฮ๊ะ!" "ทีตอนทับบนรถไม่เห็นหนัก แถมตอบรับเสียด้วย นี่คนสวย อย่าเล่นตัวไปหน่อยเลยน่า มามีความสุขกันดีกว่า" "ไอ้หนวดบ้า!..อย่าทำอะไรบ้าๆ นะ" ยุวดาอยากจะเอาเล็บข่วนหน้าเขายิ่งนัก แต่ติดตรงที่ทำไม่ได้ "ถ้าคุณทำอะไรฉัน..ฉันจะร้องให้คนช่วย" "ร้องให้คนช่วย!" ชายหนุ่มทวนคำ "คุณลืมไปหรือเปล่าว่าผมคือนายหัวหิรัญเป็นเจ้าของเกาะนี้ คนที่อาศัยอยู่ที่นี่ก็คนของผมทั้งนั้น ต่อให้คุณแหกปากร้องทั้งวันก็ไม่มีใครมาช่วยคุณหรอก เหนื่อยเปล่าน่ายาหยี" แก้มเนียนขาวเริ่มซับสีระเรื่อขึ้นมาทันที หล่อนก็ลืมไปว่าหิรัญเป็นใคร "ว่าไงจะนอนดีๆ มั้ย หรือว่าจะให้ผมปล้ำคุณก่อน" "นะ..นอน..นอนก็ได้" หญิงสาวรีบนอนตะแคงหันหน้าไปด้านซ้ายเพราะหิรัญอยู่ด้านขวา เมื่อเห็นหล่อนหมดฤทธิ์นายหัวหิรัญถึงกับผุดรอยยิ้มออกมาหน้าบานเป็นจานดาวเทียม (ได้แกล้งหนูยิ้มอย่างนี้มันก็สนุกดีเหมือนกันนะ ) เขาคิดในใจ ปล่อยให้ความเงียบแห่งราตรีกาลเข้าครอบงำสักพักใหญ่ๆ จึงผล็อยหลับไปในที่สุด"หนูยิ้มกินยาแก้เมาเรือให้เรียบร้อยก่อนนะคะ เพราะวันนี้เราจะเดินทางกลับฝั่ง"หิรัญยื่นยาเม็ดเล็กสีขาวพร้อมด้วยน้ำสะอาดส่งให้ภรรยาตัวน้อยก่อนจะขนสัมภาระออกไปวางที่หน้าแพ หล่อนส่งยิ้มให้คนแก่กว่า กรอกเม็ดยากลืนลงท้องอย่างว่าง่าย"ให้ยิ้มช่วยยกไหมคะ""ไม่ต้องหรอกจ้ะ กระเป๋ามันหนักยิ้มเดินเฉยๆ จะสบายกว่า ส่วนของพวกนี้พี่ยกคนเดียวได้"สามีของเธอน่ารักจังเลย ยุวดาแอบคิดในใจ"พี่ว่าจะไปทานกาแฟกับไอ้ทับไอ้ทีสักหน่อย ยิ้มจะไปทานด้วยกันไหมคะ""เป็นกาแฟแบบไหนเหรอคะ กาแฟสดคั่วบดหรือเปล่า""เปล่าหรอกจ้ะ แค่กาแฟซองทรีอินวันธรรมดา นี่มันเกาะกลางทะเลไม่มีของดีๆ แบบที่หนูยิ้มอยากกินหรอกค่ะ"นายหัวหนุ่มโยกศีรษะของเธอไปมาด้วยความรักและเอ็นดูจับใจ ไม่ได้คิดว่าเรื่องมากวุ่นวายเหมือนก่อนหน้า อะไรธรรมดากระแดะกินไม่ได้อยากกินแต่ของหรูๆ แพงๆ ตอนนี้เขาเข้าใจเธอมากขึ้น อยากปรับตัวเข้าหาเธอมากขึ้น และให้เวลาเธอปรับตัวเข้าหาเขามากขึ้นเช่นกัน"ยิ้มอยากทานเอสเปรสโซหอมๆ ที่ชงในน้ำร้อน 90 องศา ยิ้มไม่ได้ทานมาหลายวันแล้วนะคะ"เ
"ฮั่นแหน่.วันนี้มีอะไรดีๆ เหรอครับ เห็นยิ้มทั้งวัน ปากแทบจะฉีกถึงรูหูแล้วนั่นน่ะ"ทับเอ่ยแซวเจ้านายที่ยืนคุมคนงานไป ปากก็ฉีกยิ้มไป แถมแววตาก็หวานเชื่อมเป็นประกายแปลกตา แต่แทนที่หิรัญจะโกรธกลับฉีกยิ้มกว้างขึ้นกว่าเดิม ทับคิดว่าเจ้านายเขาเริ่มจะอาการหนักเข้าทุกวัน"พี่ทับ..ทำไมพี่ไปแซวนายหัวอย่างนั้นล่ะ เดี๋ยวก็โดนเตะผ่าหมากหรอกพี่ ไม่กลัวหรือไง"ทับส่ายหน้าแล้วหันไปยิ้มกับน้องชาย "จะกลัวทำไม มึงเชื่อกูดิไอ้ที วันนี้ต้องมีอะไรดีๆ แน่ๆ ต่อให้กูแซวหนักกว่านี้ก็ไม่โดนเตะหรอก"น้องชายไม่อยากจะเชื่อคำพี่ชายหรอก แต่เห็นหิรัญนิ่งเขาก็แอบดีใจ วันนี้เขาก็จับสังเกตได้ว่าเจ้านายอารมณ์ดีแหมไอ้นี่ทำมาเป็นรู้ดี หิรัญแอบคิดในใจ สักพักคนที่ยืนเกาะอกยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ก็หันมาด้วยประกายตาบางอย่าง ก่อนจะฉีกยิ้มกว้างพลางเดินเข้าไปใกล้ๆ ทับกับทีทำท่าจะถอย"นั่นพวกมึงจะถอยไปไหนเข้ามาใกล้ๆ กูนี่!"สองพี่น้องรีบเดินเข้ามาใกล้ๆ เจ้านายทันทีอย่างกล้าๆ กลัวๆ"ทีเมื่อกี้มึงยังไม่เห็นกลัวกูเลย" หิรัญเอ่ยแซว"แต่ตอนนี้กลัวแล้วครับเจ้านา
เช้าวันถัดมา.....นายหัวหิรัญลุกขึ้นมาตั้งแต่ตีห้าเพื่อไปวิ่งออกกำลังกายเหมือนทุกวัน เขาจะทำแบบนี้เป็นประจำเพื่อสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงเพราะเขาไม่อยากเป็นตาแก่ที่อ้วนลงพุง ก่อนมาก็ไม่ลืมหุงข้าวเอาไว้ด้วย วันนี้ไม่รู้ว่าภรรยาคนสวยจะอยากกินอะไร เมื่อวานตอนไปเดินห้างเขาซื้อปลาแซลมอนติดไม้ติดมือกลับมาเผื่อว่าเธอจะอยากทาน หิรัญเดินมายังบ้านพักที่ริมหาดเพื่อมาหาป้าแก้ว"ป้าแก้วครับบอกสูตรน้ำยำรสเด็ดให้หน่อยสิครับ""นายหัวจะยำอะไรเหรอคะ เดี๋ยวป้าทำให้ก็ได้ นายหัวจะได้ไม่ต้องเหนื่อย""ไม่เหนื่อยหรอกครับป้า ผมจะทำยำแซลมอนให้ยุวดาน่ะ""น่าอิจฉานายหญิงจังค่ะ นายหัวตามใจขนาดนี้ เดี๋ยวป้าจดสูตรให้นะคะ รับรองอร่อยแน่นอนค่ะ""ขอบคุณครับ"นายหัวหิรัญเดินกำกระดาษแผ่นนั้นกลับมายังแพ จัดการแล่เนื้อปลากะขนาดให้พอดีคำ ปรุงน้ำยำรสเด็ดตามสูตรของแม่ครัวหัวป่า ทำเสร็จก็เดินไปปลุกภรรยาที่นอนอุตุอยู่ใต้ผ้าห่มผืนหนา"หนูยิ้มตื่นได้แล้วค่ะ ลุกขึ้นมาทานข้าวทานยาได้แล้ว"เขาก้มลงจูบหอมแก้มเธอไปฟอดใหญ่ๆ เพราะ หนวดเคราสากระคา
หิรัญพายุวดามาเดินห้างที่ใหญ่ที่สุดในจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ หล่อนตาพร่า เพราะของในห้างละลานตาไปหมดไม่ต่างจากห้างดังในกรุงเทพมหานครสักเท่าไหร่ เกือบหนึ่งอาทิตย์ที่หล่อนไม่ได้ช้อปปิ้งและสั่งของออนไลน์ตอนนี้หล่อนแทบจะลงแดงตายอยู่แล้ว วันนี้หล่อนจะปลดปล่อยให้เต็มที่ หญิงสาวเริ่มเดินไปที่เคาน์เตอร์เครื่องสำอางค์ โดยมีหิรัญคอยเดินตามอยู่ห่างๆ เหมือนหมาหงอยเดินตามตูดเมียต้อยๆ มีหน้าที่คอยจ่ายตังค์ค่าสินค้าที่เธอต้องการยุวดาเริ่มหยิบลิปสติกสีชมพูหวานขนาดทดลองมาลองแต้มบนริมฝีปาก"สวยมาก!"หล่อนแทบจะกรี๊ดกร๊าดออกมา เมื่อเจอสินค้าที่ตัวเองถูกใจ เธอเลือกลิปสติกสีสวยออกมาอีกสามสี่แท่งแล้วลองแต้มบนริมฝีปากบาง สรุปทุกสีมันสวยมากเมื่อทาลงบนริมฝีปากของเธอ ยุวดาเลือกลิปสติกอยู่สักพักพนักงานจึงเดินเข้ามา"สีนี้ก็สวยนะคะคุณลูกค้า จะรับกี่สีดีคะ"พนักงานประจำเคาน์เตอร์เครื่องสำอางค์ออกมาต้อนรับลูกค้าสุภาพสตรีที่มาคู่กับนายหัวหิรัญ"นายหัวสวัสดีค่ะ"พนักงานหญิงคนนั้นยกมือขึ้นไหว้นายหัวหิรัญคนดังของจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ทันที ภายในจ
นายหัวหิรัญมองดูยุวดาเปลี่ยนเสื้อผ้าโดยไม่ละสายตาเลยสักนิด ยุวดาหงุดหงิด นี่เขาจะมองอะไรกันนักกันหนา ตาแทบถลนออกมาแล้วนะ"มองอะไร!"หล่อนแหวใส่..หิรัญไม่สนใจทำเพียงไหวไหล่น้อยๆ เท่านั้น แต่ตายังคงจ้องมองเธอไม่ลดละ"ทำไม..ผมมองเมียตัวเองไม่ได้หรือไง ผิดตรงไหนไม่ทราบ""คุณหิรัญ!" หล่อนตาขวางเขาจ้องมองเธอตั้งแต่บนลงล่าง ล่างขึ้นบนอยู่อย่างนั้น "แต่งตัวเสร็จก็ไปล้างจานซะ อย่าให้ผมต้องผลักคุณลงน้ำอีกครั้งยุวดา"ยุวดาได้ยินอย่างนั้นหล่อนทำหน้างอง้ำ เบะปากสะบัดบ๊อบใส่นายหัวหิรัญเดินกระแทกเท้าตึงตังอย่างคนเอาแต่ใจ หญิงสาวเดินไปหยิบจานแล้วเดินลงไปข้างล่างแพ นี่เป็นการล้างจานครั้งแรกในชีวิตของเธอ เกิดมาเธอไม่เคยต้องทำอะไร หล่อนเกิดมาสุขสบายมีเงินใช้ มีสาวใช้ไว้คอยปรนนิบัติพัดวี หล่อนมีหน้าที่แค่สั่งเท่านั้น บรรดาสาวใช้ก็พร้อมจะทำตามคำสั่งของเธอทุกอย่าง หล่อนไม่เคยหุงข้าวล้างจาน พวกงานบ้านหล่อนไม่เคยหยิบจับอะไร แถมถูกเลี้ยงอย่างตามใจ ไม่ว่าหล่อนต้องการอะไรครอบครัวก็ประเคนให้ทุกอย่าง หล่อนไม่เคยต้องลำบาก หญิงสาวล้างจานในกะละมังจนส
หิรัญนอนมองแผ่นหลังเปลือยเปล่าที่สะท้อนขึ้นลงเบาๆ ตามแรงหายใจ เขาเอื้อมฝ่ามือไปจับบนหัวไหล่ลูบไล้ขึ้นลงช้าๆ รั้งร่างแน่งน้อยเข้ามาโอบกอดเอาไว้แนบอกอีกครั้ง"หนูหิวหรือยัง"เขาถามในขณะที่ฝ่ามือหนาข้างนั้นยังคงลูบไล้ไปทั่วสรรพางค์กาย ขยำตรงนั้นนิด บีบตรงนี้หน่อยก่อนจะค่อยๆ เคลื่อนตัวขึ้นมาลูบไล้ตรงไหล่มนนั่นอีกครั้ง เขาจูบไปตรงแผ่นหลังบอบบางจนเจ้าตัวห่อไหล่สาวน้อยไม่ตอบอะไร หล่อนยังคงนอนนิ่งๆ ทำตัวเหมือนท่อนไม้ต่อไปแถมยังหันหลังให้คนตัวโต นี่หล่อนคงโมโหเขาสินะ ที่กระทำกับเธอเยี่ยงนั้น ก็หล่อนอยากยั่วโมโหเขาก่อนทำไมกัน เขาไม่จัดให้คลานก็บุญเท่าไหร่แล้ว แค่นี้เขาเรียกว่าสั่งสอน หิรัญตระกองกอดร่างแน่งน้อยเอาไว้ สักพักเสียงท้องร้องของหล่อนก็ดังโครกครากขึ้นมาท่ามกลางความเงียบ เจ้าตัวได้ยินเสียงท้องของตัวเองร้องพลันทำให้ใบหน้าเห่อร้อนขึ้นมาเพราะความอาย คนตัวโตไม่กล่าวอะไรเขาก้มหน้าลงฝังจมูกโด่งลงไปบนเนื้อแก้มขาวเนียน ก่อนจะลุกขึ้นเดินโทงโทงทั้งอย่างนั้นหิรัญลุกขึ้นมาหุงหาอาหารให้ภรรยาตัวน้อย ยุวดาค่อยๆ ชำเลืองมองแผ่นหลังหนาที่ก้าวออกไปนอกชาน นุ่งผ้าขนหนูปกปิดแค่ท







