“เดินไหวไหมพิมพ์” ปลัดเมฆาถือตะกร้าเดินตามหลังภรรยาไปตามแปลงผัก พิมพ์รพีพรหันมามองสามีด้วยสายตาคาดโทษ ก็เมื่อคืนกว่าจะได้นอนเขาเล่นเก็บสถิติจนเธอเมื่อยล้าไปทั้งตัวจนต้องตื่นสาย คนถามยิ้มกว้างอย่างล้อเลียน เลยได้ค้อนวงใหญ่มาหนึ่งที หญิงสาวหันไปมองคนงานที่กำลังทำงานกันอยู่
“จำปาเป็นไงบ้างนายลั่น” พิมพ์รพีพรถามนายลั่นที่กำลังพรวนดิน นายลั่นลุกขึ้นถอดหมวกออกแล้วยิ้มให้พิมพ์รพีพร
“ดีขึ้นมากแล้วครับคุณพิมพ์ ขอบคุณมากนะครับ” นายลั่นยกมือไหว้พิมพ์รพีพร หญิงสาวรับไหว้
“ดีแล้ว ถ้าหายดีแล้ว ให้จำปาไปช่วยงานแพ็คผักช่วยป้าสมใจอย่างเดียวเลยนะ ไม่ต้องมาทำงานในแปลงแล้ว”
“ครับ คุณพิมพ์” นายลั่นรับคำแล้วนั่งลงทำงานต่อ ปลัดเมฆาเดินยิ้มตามหลังภรรยาต้อยๆ
พิมพ์รพีพรเดินตรวจความเรียบร้อยของบ้านนาเปี่ยมรักไปเรื่อย เมื่อเดินเข้าสู่บริเวณสวนที่มีต้นไม่ใหญ่ขึ้นเรียงรายอยู่ ปลัดเมฆาก็สาวเท้าเร็วเดินคู่หญิงสาว มือใหญ่คว้ามือเล็กไว้ แล้วสอดนิ้วเข้าไประหว่างนิ้วเรียวเล็ก เขาฉวยโอกาสยกมือเล็กหอมกรุ่นขึ้นมาดอมดมฟอดใหญ่
“พี่เมฆ! ทำอะไรน่ะ เดี๋ยวคนอื่นก็เห็นห
“อ๊ะ! พิมพ์ใจจะขาดอยู่แล้ว อื้อ!” พิมพ์รพีพรบิดร่างไปมาด้วยความเสียวซ่าน ปลัดเมฆายิ้มหวาน เขาขยับตัวลุกขึ้นยืนข้างเตียง จัดการถอดสิ่งกีดขวางท่อนล่างให้พ้นกาย ขณะที่สายตามองไปยังร่างบางที่นอนหอบหายใจแรง ด้วยความต้องการในตัวเขา ชายหนุ่มยิ้มยั่วใส่แววตาหวานปรือปรอยนั้น เขาจับร่างบางโอบอุ้มขึ้นจากเตียง พิมพ์รพีพรกอดคอเขาไว้แน่น ขาเรียวเกี่ยวกระหวัดรอบเอวสอบอัตโนมัติ“พี่เมฆ...อื๊อ!” เสียงหวานครางแว่ว เมื่อดอกไม้กลางกายที่บานฉ่ำสัมผัสถูกความร้อนรุ่มแข็งแกร่งมือใหญ่ยกสะโพกเต่งตึงขึ้น แล้วกดลงพร้อมๆกับส่ายสะโพกสอบบดเบียด ส่งตัวตนแข็งแกร่งเข้าไปตามช่องทางรักอุ่นลื่น“อื้ม...พี่ต้องขาดใจตายก่อนพิมพ์แน่เลย” สองร่างกอดเกี่ยวกระหวัดรัดแน่น“ขยับสิพิมพ์ มันจะดีกว่านี้” เสียงทุ้มสั่นพร่าเมื่อเอ่ยบอกคนร่างเล็กที่อุ้มแนบอกอยู่ให้ทำอย่างที่ต้องการ พิมพ์รพีพรเริ่มขยับสะโพกเล็กน้อย ความเสียวซ่านก่อตัวขึ้นมาทันทีเมื่อเธอขยับสะโพก“อา...พิมพ์น่ารักที่สุด พิมพ์จ๋า ขยับอีกสิพิมพ์คนเก่ง พี่รักพิมพ์ที่สุด” พิมพ์รพีพรขยับสะโพกอย่างกล้ากลัวๆ มือใหญ่บีบเคล้นอยู่ที่สะโพกเต่งต
“อื้อ...พี่เมฆ” พิมพ์รพีพรหอบหายใจแรง การรอคอยช่างทรมานเหลือเกิน หญิงสาวตัดสินใจยกสะโพกขึ้นแล้วกดลงช้าๆ คนข้างล่างช่างรู้ใจ ในจังหวะที่เธอกดร่องดอกไม้ลงครอบครองความแข็งแกร่งช้าๆ เขาก็เกร็งสะโพกเสยขึ้นรับแรงกระแทกทันที“เร็วกว่านี้นะพิมพ์จ๋า...พี่จะขาดใจตายอยู่แล้ว” ปลัดเมฆากระซิบเสียงกระเส่า พิมพ์รพีพรค่อยๆปรับจังหวะให้เร็วขึ้น“อา...อย่างนั้นแหละพิมพ์ น่ารักที่สุด” พิมพ์รพีพรซบหน้าแนบอยู่ที่อกกว้าง มือเล็กเกาะเกี่ยวจิกอยู่บนบ่ากว้างแน่น ปลัดเมฆาบีบเคล้นสองเนื้อเต่งตึงที่สะโพกเร่งเร้า ปากก็พร่ำคำหวานให้กำลังใจคนขี้อาย“อื๊อๆ...พี่เมฆ ช่วยพิมพ์ด้วย” พิมพ์รพีพรเร่งรัวสะโพกถี่ยิบ อย่างที่เธอก็ไม่เคยคิดว่าตัวเองจะทำได้ เมื่อความเสียวกระสันแผ่ไปทั้งร่างจนใกล้จะถึงที่สุด เธอเริ่มควบคุมตัวเองไม่ได้จนน่าตกใจ ปลัดเมฆารับรู้อาการของหญิงสาว เขาใช้มือใหญ่กดสะโพกเต่งตึงแล้วยกสะโพกสวนเสยขึ้นรัวเร็วในจังหวะเดียวกัน จนกระทั่งพิมพ์รพีพรเกร็งค้าง ครวญครางเสียงหวานราวกับจะขาดใจ“พี่เมฆ...อ๊ายๆๆ” ปลัดเมฆาพลิกร่างของภรรยาลงแล้วตามทาบทับ เขารัวสะโพกสอบเร็วแรง จนไล่แตะวิมานแสงด
พิมพ์รพีพรและปลัดเมฆานัดกันไว้แล้ว ว่าจะไปเยี่ยมไอรักที่กำลังตั้งท้องเกือบสี่เดือนแล้ว ตามคำชวนของธีร์ภาณุ ที่ต้องการเลี้ยงฉลองการสละโสด กับปลัดเมฆาซึ่งเป็นเพื่อนรักกัน แต่ธีร์ภาณุไม่ได้มาร่วมงานแต่งของเพื่อน ไอรักซึ่งเป็นเพื่อนรักในกลุ่มเดียวกันกับพิมพ์รพีพร ก็อยากจะคุยกับเพื่อนสาว อยากรู้ว่าจับพลัดจับผลูอย่างไร ถึงลงเอยด้วยการแต่งงานกับคนที่ไม่ชอบหน้ากันตั้งแต่เจอหน้ากันในครั้งแรก พิมพ์รพีพรโทรศัพท์ไปชวนน่านน้ำเพื่อนซี้ร่วมกลุ่มแล้ว แต่น่านน้ำปฏิเสธ เนื่องจากกำลังเร่งทำคะแนนกับบอสสุดหล่อ ที่น่านน้ำหลงรักอย่างหัวปักหัวปำอยู่เมื่อรถของปลัดเมฆาแล่นเข้ามาจอด ภายในบริเวณหน้าบ้านไม้หลังใหญ่สไตล์รีสอร์ตสองชั้น ที่เพิ่งปลูกใหม่อยู่กลางไร่แสงตะวัน ไอรักอยู่ในชุดคลุมท้องสีหวานยืนขึ้นจากเก้าอี้โยกตัวโปรด หญิงสาวยิ้มกว้าง เมื่อเห็นเพื่อนรักเดินลงมาจากรถ พิมพ์รพีพรเดินเร็วแทบจะเป็นวิ่ง ตรงเข้าหาเพื่อนรัก สองสาวกอดกันกลมด้วยความคิดถึง“คิดถึงหนูไอจัง เป็นไงบ้าง ไหนดูซิคุณแม่คนสวยท้องโตแค่ไหนแล้ว” พิมพ์รพีพรผละออกจากไอรัก แล้วมองร่างของเพื่อนตั้งแต่ศีรษะจรดเท้า สองสาวสบตากันหัวเรา
“แกพักผ่อนเถอะพิมพ์ เดินทางมาคงเหนื่อย เดี๋ยวฉันไปจัดการพี่ธีร์ก่อน ดึกแล้วน่าจะพอได้แล้ว” ไอรักเดินออกจากห้องเพื่อนตรงไปที่ระเบียงกว้างทันที“พี่ธีร์ขา” ไอรักเรียกเสียงออดอ้อน ธีร์ภาณุหันไปตามเสียง ปลัดเมฆาก็หันตามยิ้มๆ ถึงปากจะบอกว่าอนุญาตให้เมาเต็มที่ แต่เธอง่วงแล้ว และก็ไม่อยากนอนคนเดียว“ครับ...หนูไอ” ปลัดเมฆาดูสองสามีภรรยาส่งยิ้มหวานให้กันแล้ว ชักรู้สึกว่าตัวเองเป็นก้าง“เอิ่ม...ขอตัวไปดูภรรยาก่อนล่ะนะ” ปลัดเมฆารีบลุกจากเก้าอี้ ที่จริงเขาอยากนอนกอดร่างนุ่มนิ่มมากกว่าที่จะมานั่งดื่มกับธีร์ภาณุ แต่นานๆเจอกันที เขาเองก็ไม่อยากเสียมารยาทกับเพื่อน“ตามสบายเพื่อน” ธีร์ภาณุเอ่ยตามหลังปลัดเมฆาไป ไอรักเดินยิ้มหวานเข้าใกล้สามี“ดื่มไปกี่แก้วคะ” เอาเข้าจริงไอรักก็ไม่ค่อยชอบให้สามีดื่มเท่าไร เพราะมันไม่ได้ดีต่อสุขภาพเลย“ไม่เท่าไรครับ ยังฟิต เตะปี๊บดังทั้งคืน”ร่างของไอรักถูกรวบให้นั่งลงบนตักแกร่งของสามี หญิงสาวเอนศีรษะซบไปกับแผงอกกว้างอย่างวางใจ“คนเรานี่ก็แปลกนะคะพี่ธีร์ ไม่ถูกชะตากันตั้งแต่วันแรก แต่กลับมาลงเอยเป็นคู่กันอย่างพี่เม
“พิมพ์จ๋า อย่าทรมานพี่อย่างนี้” พิมพ์รพีพรคลี่ยิ้มหวาน มือเล็กไขว้ลงดึงรั้งชุดนอนเซ็กซี่ดึงออกทางศีรษะ หน้าอกอวบอิ่มดีดเด้งยั่วสายตาคนมองทันที เพราะหญิงสาวไม่ได้ใส่ชั้นใน พิมพ์รพีพรเตรียมพร้อมอยู่แล้ว เธอก็ต้องการสามีไม่ได้แตกต่างกันกับเขา กลีบดอกไม้บานฉ่ำชิดอยู่หน้าท้องแกร่ง มือใหญ่ถูกมือเล็กจับขึ้นมาสัมผัสหน้าอกอวบอย่างเย้ายวน ปลัดเมฆากอบกุมเคล้นคลึงอย่างหนักหน่วงด้วยอารมณ์ร้อนรุ่มยิ่งนัก“อา...พิมพ์” ปลัดเมฆาครางกระเส่า เมื่อพิมพ์รพีพรโหย่งตัวขึ้นแล้วจดจ่อร่องดอกไม้อุ่นลื่นเข้ากับปลายลำแข็งขัน มือเล็กทั้งสองข้างยันหน้าอกแกร่งไว้ สะโพกมนกดลงช้าๆค่อยๆครอบครองตัวตนของสามีไว้ทุกทิศทาง“อืม...พี่เมฆ อ๊ะ!” เมื่อใกล้สุดทางลำรักร้อน ปลัดเมฆาเสยสะโพกขึ้นกระแทกแรง พิมพ์รพีพรจึงต้องอุทานออกมาด้วยความเสียวซ่าน ใบหน้างามแหงนเงย ปากเล็กพ่นลมออกเบาๆ“พิมพ์น่ารักที่สุด อา...” มือใหญ่บีบคลึงเนื้อสะโพกหนั่นแน่น สลับกับการเคล้นคลึงหน้าอกอวบสร้างความเสียวกระสันในคนคุมเกมด้านบน พิมพ์รพีพรขยับสะโพกรัว กระแทกลงรุนแรง ปลัดเมฆาเสยสะโพกรับสอดประสาน สร้างกระแสความวาบหวามกระจายอยู่รอบตั
“อา...พิมพ์จ๋า พี่รักพิมพ์นะ” “พิมพ์ก็รักพี่เมฆค่ะ” พิมพ์รพีพรหลับตาลงยิ้มด้วยความสุข สักครู่เดียว ร่างเล็กก็ถูกพาเอนตัวลงบนที่นอนนุ่ม ปลัดเมฆาทอดกายลงมาเคียงข้างด้านหลัง วงแขนแกร่งกอดกระชับเอวคอดแน่น ริมฝีปากหยักได้รูปกดลงที่เรือนผมนุ่มหอมแรงๆ “อืม...ยังไม่หายคิดถึงเลย” พิมพ์รพีพรหยิกลงบนหลังมือใหญ่ ที่ลูบวนแถวหน้าท้องแบนราบของตน “หื่นเกินไปแล้วค่ะ” คำต่อว่าของภรรยาทำให้ปลัดเมฆาอมยิ้ม จมูกโด่งกดลงที่ต้นคอขาวด้านหลัง พิมพ์รพีพรหดคอลงส่งเสียงอู้อี้ เพราะเหนื่อยเต็มที “อีกครั้งนะ นะๆ” ก่อนที่พิมพ์รพีพรจะได้ปฏิเสธ มือใหญ่ก็จับท่อนขาเรียวเธอยกขึ้นไปพาดไว้บนสะโพกตนเอง แล้วแทรกตัวตนเข้ามาในร่องรักที่ฉ่ำแฉะอยู่แล้ว “อ๊ะ...พี่เมฆ” ปลัดเมฆารัวสะโพกเร็วโดยที่พิมพ์รพีพรไม่ทันตั้งตัว นิ้วเรียวใหญ่กดบดบี้ติ่งกลางกายสาวซ้ำ คนถูกจู่โจมได้แต่ถอนใจ มือเล็กข้างหนึ่งเกาะเกี่ยวหมอนที่หนุนอยู่ อีกข้างจิกลงบนท่อนแขนแกร่งที่กอดรัดเอวตัวเองไว้ “อย
“ฉันอกหัก ฉันอยู่กรุงเทพไม่ได้แล้ว ฉันจะออกไปจากที่ตรงนี้ ฉันจะออกไปแตะขอบฟ้า” คำพร่ำพรรณนาของเพื่อนรักพรั่งพรูออกมาพร้อมเสียงสะอื้นโวยวาย ทำให้ไอรักคุณแม่ท้องแก่ที่กำลังอุ้มท้องลูกสาวคนแรก ซึ่งมีอายุครรภ์เกือบแปดเดือนขมวดคิ้วผูกโบ อกหัก? คือเท่าที่รู้น่านน้ำเพื่อนรักยังไม่เคยมีแฟนเลยไม่ใช่หรือ “เอ่อ...น้ำ แกใจเย็นๆนะ แกอกหักจากใครเหรอ” “บอสไงแก ฉันเฝ้าถนอมตามรักมาตั้งหลายเดือน แล้วนี่อยู่ดีๆบอส ก็มาประกาศปาวๆว่ากำลังจะแต่งงาน กับแฟนสาวที่คบกันมาตั้งแต่สมัยไปเรียนอยู่อังกฤษ ฉัน...ฉันรับม่ายด้าย นี่ไงแก...นี่ไง...การ์ดยังอยู่ในมือฉันอยู่เลย นี่ไง...ฮือๆ” น่านน้ำยังคงโวยวายระบายความในใจกับเพื่อนรัก ไอรักเป็นเพื่อนรักกลุ่มเดียวกัน หลังจากเรียนจบไอรักก็แต่งงานทันที แต่ความเป็นเพื่อนรักทำให้ยังติดต่อกันอยู่ “แล้วยายพิมพ์รู้เรื่องนี้หรือยัง” ไอรักถามหาพิมพ์รพีพรเพื่อนรักในกลุ่มอีกคน “ยัง...ยายพิมพ์เพิ่งแต่งงาน ฉันไม่อยากรบกวนเวลาสวีตมัน...ฮึกๆ” เสียงสะอื้นยังคงด
“นอนบนเรือนใหญ่” หญิงสาวขมวดคิ้วมุ่นกับคำตอบสั้นๆที่ได้รับ“แล้วใครอยู่บนเรือนใหญ่บ้างคะ” เธอยังซักไซ้ต่อด้วยความอยากรู้“คุณกับคุณภูชิต” ชายหนุ่มพูดด้วยน้ำเสียงติดรำคาญ น่านน้ำพอจะฟังออก หญิงสาวจึงเลือกที่จะเงียบ ใบหน้าเรียบเฉยที่ดูเคร่งขรึมตลอดเวลา ดวงตาสีน้ำตาลเข้มฉายแววเด็ดเดี่ยว ประกอบกับเคราเขียวครึ้มบนใบหน้า ทำให้น่านน้ำแอบกลัวเขาอยู่นิดๆ แต่ก็รู้สึกคุ้นเคยอย่างประหลาด เธอเคยเห็นเขาที่ไหนมาก่อนหรือเปล่านะรถคันใหญ่แล่นเข้าสู่บริเวณไร่ภูชิต ตะวันลับขอบฟ้าไปแล้ว ความมืดปกคลุมไปทั่วบริเวณ แต่เมื่อรถแล่นเข้าใกล้บ้านไม้สไตล์รีสอร์ทหลังใหญ่ ก็มีแสงสว่างจากตัวบ้านและดวงไฟจากบริเวณรอบๆบ้าน ไม่ได้ดูมืดมิดเหมือนตลอดทางที่นั่งรถผ่านมา น่านน้ำเปิดประตูลงจากรถพร้อมๆกับคนขับ หญิงสาวมองไปรอบๆ“เข้าบ้านกันเถอะคุณน่านน้ำ อากาศเย็นหมอกลงจัด เดี๋ยวคุณจะไม่สบายเอาได้” น่านน้ำวิ่งตามคนที่ถือกระเป๋าของเธอเดินนำหน้าไปทางตัวบ้านก่อนแล้ว
มือเล็กค่อนข้างสั่นเล็กน้อยขณะที่หยิบสิ่งของที่ต้องการออกจากกระเป๋า เธอเลือกใช้อันที่แกะออกจากซองแล้ว แต่พอหยิบอกมาดูก็เกิดอาการงง แล้วเขาใส่กันยังไง พลิกไปพลิกมาขยี้ขยำจนถุงยางอนามัยคลายตัวออกมา นั่นแหละใบหน้านวลถึงยิ้มออกมาได้เออ...อย่างนี้หน่อย ถึงพอจะคิดออกว่าใส่ยังไงน่านน้ำมองสิ่งของที่ถืออยู่ในมือสลับกับกลางกายของคนที่นอนนิ่งอยู่ หญิงสาวเลือกที่จะหลับตาก่อนจะยื่นมือออกไปเปิดผ้าขนหนู เพื่อเปิดเผยบางสิ่งที่เร้นลับเหลือเกินในความคิดของตัวเอง เกิดมาไม่เคยเจอไม่เคยเห็นมันจะเป็นยังไงหนอ ตาที่ปิดอยู่ค่อยๆหรี่ขึ้นมองช้าๆ“อุ๊ย!” น่านน้ำสะดุ้งสุดตัว เมื่อขณะที่กำลังจะชักมือกลับพร้อมกับลืมตาขึ้นทีละน้อยนั้น มือใหญ่ก็กำข้อมือเล็กของเธอไว้หมับ“ขอกอดหน่อย” อยู่ดีๆภูชิตก็ตวัดวงแขนเกี่ยวเอาร่า
หญิงสาวใช้ผ้าขนหนูผืนเล็กรองน้ำจากก๊อกน้ำอุ่นที่อ่างล้างหน้า ขณะที่ขยำและพลิกผ้าไปมาเพื่อให้เปียกทั่วทั้งผืน สายตาก็เหลือบไปเห็นกล่องสีดำเล็กๆวางอยู่ในกระจาดเล็กรวมกับของใช้จำพวกแชมพูครีมอาบน้ำในขวดเล็กๆ น่านน้ำโผล่หน้าออกมาจากห้องน้ำ เห็นคนตัวโตยังนอนหลับอยู่ที่โซฟาจึงตัดสินใจวางผ้าผืนเล็กลงในอ่างล้างหน้า แล้วหยิบกล่องเล็กนั้นขึ้นพลิกไปพลิกมา ไม่ใช่ไม่รู้ว่ามันคือกล่องถุงยางอนามัย แต่ที่อยากรู้คือมันใช้ยังไง“อยากรู้ก็ต้องเปิดดูสิ” เมื่อบอกตัวเองดังนั้น น่านน้ำจึงจัดแจงแกะพลาสติกที่หุ้มกล่องอยู่ออก แล้วเอากล่องมาจ่อที่จมูก“ไม่มีกลิ่นแฮะ!” มือเล็กเปิดฝากล่องออกแล้วเทของที่อยู่ในกล่องออกมาเทบนเคาเตอร์“ตั้งสามอันแน่ะ เขาใส่กันทีเดียวสามอันเลยเหรอ” คนอยากรู้อยากเห็นจับของที่อยู่ในซองพลิกไปพลิกมาสำรวจทีละอัน ก่อนจะตัดสินใจฉีกซองแล้วจีบมือจับบางสิ่งบางอย่างออกจากซอง บางส
“ไปสิ คุณก็ควรจะพักผ่อนเหมือนกันนะ” ขายาวก้าวนำก่อน ขาเล็กจึงลุกขึ้นยืนแล้วก้าวเดินตาม หัวใจเต้นโครมคราม สมองกำลังคิดไตร่ตรองว่าสิ่งที่ตัดสินใจถูกแล้วหรือนี่เรากำลังจะเต็มใจสูญเสียพรหมจรรย์ทิ้งไว้ที่นี่เหรอ เอาจริงใช่ไหม ถอยตอนนี้ทันไหม เอายังไงดีในขณะที่สมองทำงานอย่างหนัก น่านน้ำไม่ทันสังเกตด้วยซ้ำว่าประตูถูกปิดลงแล้ว และเธอก็ถูกจูงมานั่งบนเตียงกว้างกลางห้อง ภูชิตปล่อยมือบางแล้วเอนตัวลงนอนทันที ปล่อยหญิงสาวที่นั่งหลับตาปี๋รอคอยอย่างคาดหวัง เมื่อรอจนนานแล้วยังไม่รู้สึกว่ามีอะไรผิดปกติกับร่างกาย ตากลมโตจึงเปิดขึ้น แล้วหันไปมองคนที่นอนหลับตาพริ้ม น่านน้ำไม่รู้ว่าจะเสียใจหรือโล่งใจดี หญิงสาวหันรีหันขวาง ความเงียบรอบกายและอากาศเย็นจากเครื่องปรับอากาศ ทำให้คนที่นอนน้อยตัดสินใจเดินตรงไปที่โซฟาตัวใหญ่ ร่างบางนั่งลงบนโซฟาตัวนุ่มแล้วเอนตัวลงนอน ไม่ถึงห้านาทีน่านน้ำก็เข้าสู่ห้วงนิทรา หลับสนิททันที&nbs
จริงจัง?“ผมหมายความว่ามันดูสมเหตุสมผลที่จะเอาคุณไปอ้าง” น่านน้ำถอนหายใจแรง ใจเต้นกับคำว่าจริงจังนี่สินะพรหมลิขิต เราต่างก็จริงจังต่อกัน“ก็ได้ค่ะคุณภูชิต น้ำถือว่ายังอยู่ในเนื้องาน” จะให้ตอบตกลงใบหน้ายิ้มแป้นก็กระไรอยู่ เป็นผู้หญิงมันต้องมีชั้นเชิง น้ำเสียงที่ใช้จึงค่อนข้างราบเรียบ“ไหน...เรียกใหม่ซิ”“ค่ะ...คุณภูขา” คนถูกเรียกกลั้นยิ้มไว้ภายใต้หน้าตานิ่งเฉย คนที่เอ่ยเรียกใจเต้นโครมคราม เมื่อคิดว่าสิ่งที่หวังใกล้ความจริงไปทุกขณะ“ไม่น่าเชื่อเลยนะครับว่าคุณภูชิตจะมีคู่หมั้นแล้ว” กำนันช้างผู้
น่านน้ำมองตามแผ่นหลังกว้างหายเข้าไปในห้องน้ำ พร้อมกับประตูห้องน้ำที่ปิดตามมา ประโยคที่เธอได้ยินก่อนที่ประตูห้องน้ำจะปิดสนิท ทำให้หญิงสาวรีบกระโจนลงจากเตียงกว้างทันที“ถ้าจะอาบน้ำพร้อมผมก็ตามเข้ามาได้เลยนะ ประตูไม่ได้ล็อก”ขาเรียวเล็กรีบพาเจ้าของร่างออกจากห้องกว้างทันที ภูชิตยื่นหน้าออกมาจากห้องน้ำ ทันเห็นหลังไวๆออกจากห้องไป เขาส่ายศีรษะพร้อมกับยิ้มกับตัวเอง“คนอะไรเนื้อนุ่มเนียนน่าฟัดไปทั้งตัว หึๆ”เมื่อคืนกว่าน่านน้ำจะข่มตานอนได้ก็ย่างเข้าสู่วันใหม่แล้ว เธอนอนกลิ้งไปกลิ้งมาบนเตียง คิดทบทวนเรื่องราวตอนหัวค่ำ ทั้งๆที่แอบปลื้มเจ้านายหนุ่ม แต่ทำไมเมื่อเขารุกประชิดร่าง เธอกลับรู้สึกหวาดกลัว อย่างนี้อาจจะทำให้สิ่งที่เธอหวังไม่สำเร็จ เอาล่ะ...ต่อนี้ไปเธอต้อง
“เอ่อ...น้ำยอมแล้วค่ะ คุณภูชิตลุกขึ้นก่อนนะคะ” เสียงหวานอ้อมแอ้มบอกอย่างยอมจำนน คนที่ได้สัมผัสความนุ่มนิ่มถอนหายใจยาว เขายังไม่อยากลุก กลิ่นกายสาวหอมอ่อนๆทำให้ใจเต้นแรง และรู้สึกดีอย่างประหลาด“ลุกสิคะ” คิ้วเข้มเลิกสูง ไม่เข้าใจว่าเธอจะทำอะไร น่านน้ำเหมือนจะเดาใจออกว่าชายหนุ่มสงสัย“ก็เดี๋ยวน้ำจะถอดชุดออกให้คุณภูชิตตรวจดูไง คุณภูชิตไม่ต้องลำบากมาถอดให้น้ำหรอกน่า” พูดอย่างใจกล้าแต่หัวใจแทบจะวายอยู่แล้ว ภูชิตยิ้มราวกับว่าไม่เชื่อในสิ่งที่หญิงสาวพูด แต่ก็ยอมลุกขึ้นนั่งคุกเข่าอยู่ข้างร่างบาง รอดูว่าคนใจกล้าจะถอดเสื้อผ้าให้เขาตรวจสอบจริงๆไหมน่านน้ำยันกายลุกขึ้นนั่งคุกเข่า แววตาไม่มั่นใจฉายชัด หญิงสาวสูดหายใจเข้าปอดลึกแล้วผ่อนออกช้าๆ อย่างยากลำบาก มือเล็กค่อยๆแกะกระดุมเสื้อเม็ดแรก ภูชิตมองตามใจเต้นรัว เขาเคยเห็นมาแล้ว และรู้ดีว่าภายใต้เสื้อผ้าที่บดบังร่างกายนี้อยู่
“ทำอะไรอยู่นะ” ภูชิตพูดเบาๆ เดินไปหยุดอยู่หน้าประตูห้องของคนที่ทำให้เขาหมดอารมณ์ไปต่อกับสาวสวยไฟแรงหุ่นอวบอั๋น มือใหญ่ยกค้าง ชายหนุ่มกำลังชั่งใจว่าจะเคาะประตูดีไหม แต่เนื่องจากสมองยังคิดหาเรื่องราวจะคุยกับคนในห้องไม่ได้ ภูชิตจึงตัดสินใจลดมือลงหันหลังกลับ ไปเปิดประตูห้องของตนแทนเสียงเปิดปิดประตูห้องไม่ได้ทำให้คนที่ยืนอยู่ระเบียงกว้างตกใจ เพราะน่านน้ำไม่ได้ยิน เธอยังคงดื่มด่ำอยู่กับภาพบรรยากาศตรงหน้า ภูชิตจัดการถอดเสื้อผ้าโยนลงตะกร้าเตรียมตัวอาบน้ำทันที ร่างแกร่งกำยำเปลือยเปล่ากำลังจะเดินเข้าห้องน้ำ หากแต่เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้น ทำให้ชายหนุ่มหันหลังเดินกลับไปหยิบโทรศัพท์ที่โต๊ะมุมห้อง“ว่าไงสิน” เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์และเสียงทุ้มที่ได้ยินตามมาทีหลัง ทำให้คนที่แอบย่องเข้าห้องนอนอื่นสะดุ้งสุดตัว“คุณภูชิตกลับมาแล้ว เอาไงล่ะทีนี้” น่านน้ำเหลียวซ้ายแลขวา ชะโง
“สวัสดีค่ะคุณศศิพิมล” น่านน้ำยิ้มกว้างอย่างเป็นมิตร หากแต่คนที่ต้องรับไหว้กลับชักสีหน้าไม่พอใจเท่าไร“สวัสดีค่ะคุณน่านน้ำ” ร่างสมส่วนอวบอัดเดินเข้าใกล้ภูชิต มือเรียวจับจองคล้องแขนล่ำอย่างต้องการแสดงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ ริมฝีปากสีสดแสนเซ็กซี่แย้มยิ้มอย่างมีเสน่ห์ ภูชิตก้มลงมองแขนเรียวที่คล้องแขนตัวเอง แล้วสบตาเจ้าของมือเรียว ใบหน้านิ่งขรึมไม่ได้บ่งบอกความรู้สึกใดๆออกมา เขาหันไปสบตาน่านน้ำอยู่ครู่เดียวก่อนจะหมุนตัวเดินออกไปจากห้องทำงาน พร้อมกับร่างเย้ายวนที่พยายามเบียดกระแซะร่างของเขาจนแทบจะสิงกันอยู่แล้วเมื่อประตูห้องทำงานปิดลงหลังจากที่สองคนนั้นออกไปแล้ว น่านน้ำก้มลงมองหน้าอกตัวเอง มือเล็กกอดอกจับสองเต้าตัวเองแล้วถอนหายใจ“จะสู้เขาไหวไหมน่านน้ำ ซะบะละฮึ่มขนาดนั้น” น่านน้ำทิ้งตัวนั่งลงบนเก้าอี้ตัวเดิม ถอนหายใจอย่างหนักหน่วง และเริ่มคิดเป็นจริงเป็นจังว่า หากต้องเพิ่
“พอทานได้ไหมครับ” คำถามจากภูชิต ทำให้น่านน้ำตื่นจากภวังค์ เพิ่งรู้ตัวว่าสายตาของตัวเองจ้องมองอยู่บนใบหน้าหล่อเหลาของชายหนุ่ม หญิงสาวยิ้มแก้เก้อ เพราะไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าเดินมานั่งอยู่ตรงนี้ได้อย่างไร“เอ่อ...ได้ค่ะ” ตอบแล้วก็ยิ้มกว้าง ก่อนจะก้มลงรับประทานอาหารตรงหน้าอย่างจริงจัง เพราะหิวหรือเพราะเขินอายที่แอบมองแล้วถูกจับได้ก็ไม่รู้“นายคะ วันนี้ของหวานมีลอดช่องน้ำกะทิ กับบัวลอยไข่หวาน นายจะรับอะไรดีคะ” ภูชิตกับน่านน้ำเงยหน้ามองหญิงสาวในชุดผ้าถุงและเสื้อยืดสีขาวรัดรูปเน้นทรวดทรง ที่ยืนยิ้มอยู่ข้างโต๊ะอาหารที่ทั้งสองนั่งทานอยู่ ภูชิตพ่นลมหายใจออกเบาๆ นั่นเป็นสิ่งที่น่านน้ำสังเกตเห็นแวบเดียวเท่านั้น“คุณน้ำทานอะไรดีครับ” ภูชิตไม่ตอบคำถามของหญิงสาวที่ยืนยิ้มส่งสายตาวิบวับให้ตนเอง แต่กลับหันมาถามผู้หญิงที่นั่งอยู่ตรงหน้าแทน