เสียงของเขาไม่ต้องตะโกน ก็สะเทือนใจจนเธอเผลอกลืนน้ำลาย “ข้าเหมาห้องทั้งหมดในโรงเตี้ยมนี้แล้ว”
เสียงนั้นสงบ เย็นชา แต่มีกระแสพลังบางอย่างแฝงอยู่
สายตาทุกคนในโรงเตี้ยมหันไปมองผู้มาใหม่ขุนนางหนุ่มร่างสูง ในชุดคลุมดำขลับ ปักตราหยกประจำตระกูลเขายืนอยู่กลางห้องราวเจ้าของโรงเตี้ยม“ใครอยากพักต่อ คืนเงินไปข้างนอก”
“คืนนี้ โรงเตี้ยมนี้คือเรือนหอของภรรยาข้า”
ไป๋หลินที่แอบฟังอยู่ข้างบน รู้สึกเหมือนมีลูกไฟเล็ก ๆ วิ่งวนไปทั่วร่างเขาพูดว่า "ภรรยา"…ประโยคนั้นไม่มีอยู่ในบทเดิมและในตอนนั้นเอง มีเสียงเคาะประตูห้องเธอเบา ๆ ก่อนประตูก็ถูกผลักเข้ามา หยางเซวียนเดินเข้ามาอย่างเงียบงัน ไม่แม้แต่จะถามว่าเธออยู่ไหมเขาวางห่อผ้าลงบนโต๊ะไม้เสียงดัง “ตุบ” แล้วค่อย ๆ คลี่ออกข้างในมี…
เหรียญทองน้ำหนักดี
ถุงเงินที่เธอเคยซ่อนไว้ใต้เตียง…ซึ่งควรจะหายไปตอนหนี
กับข้าวร้อน ๆ ที่มีกลิ่นอาหารโปรดของเธอ
และ “จี้หยกดอกเหมย” ที่เธอเคยทำตกไว้ในห้องหอ
“เจ้าหนีเก่ง” เขาเอ่ยขณะยืนพิงเสากลางห้อง“แต่ข้าเรียนรู้มานานว่า...ของมีค่าไม่ควรปล่อยให้หายไปสองครั้ง”
ไป๋หลินกลั้นหายใจ ใจเต้นระส่ำ เธอกัดริมฝีปากแต่เขา ยังพูดต่อน้ำเสียงเรียบเย็นดั่งภูผา แต่ร้อนแรงราวไฟใต้เถ้า
“เจ้าไม่อยากกลับก็ได้”
“ข้าจะตั้งโรงเตี้ยมนี้เป็นเรือนหอชั่วคราวให้เจ้า”
เขาก้าวเข้ามาใกล้อีกนิดสายตาเหมือนจะมองลึกเข้าไปถึงความดื้อในหัวใจของเธอ
“คืนนี้… ข้าจะพักห้องข้าง ๆ”
“ถ้าเจ้ารู้สึกหนาว”
“ก็แค่เปิดประตูมา”
แล้วเขาก็หมุนตัวกลับไป เดินออกจากห้องเหมือนคนที่ไม่บังคับแต่ ล้อมทุกทางหนี ไว้เรียบร้อย
บานประตูไม้ยังสั่นไหวจากแรงปิดเบา ๆ ของเขา ความเงียบเข้าครอบงำอีกครั้งเสียงฝนปรอยด้านนอกเริ่มดังขึ้น...เคล้าไปกับเสียงหัวใจเธอที่เต้นรัว
ไป๋หลินยืนนิ่ง มือยังวางบนจี้หยกดอกเหมยที่เย็นเฉียบ ในห่อผ้าของทุกชิ้นที่เขานำมาคือคำว่า “ข้ารู้” รู้ว่าเธอชอบอะไรหนีไปทางไหนคิดจะทำอะไร
หญิงสาวขบเม้มริมฝีปากแน่นในพล็อตเดิม เขาเป็นเพียงขุนนางเย็นชาแต่ตอนนี้… เขากลายเป็นอะไรที่น่ากลัวกว่าคือ “คนที่อ่านใจเธอได้”
เธอเดินไปหน้าประตูมือหนึ่งแตะกลอนประตู… แต่อีกมือกำชายเสื้อแน่น
"อย่าเปิดออกไป…""แค่เปิด…ก็แพ้แล้ว"
เธอบอกตัวเองแต่สุดท้าย เธอก็เงียบ…แล้วโน้มใบหน้าลงแนบกับบานประตูลมหายใจอุ่นเบาเป่าผ่านช่องไม้เล็ก ๆ
ตรงนั้น… ช่องว่างพอให้เธอ แอบมองเขาได้ไป๋หลินแอบอยู่หลังม่านไม้ชั้นบน ช่องว่างเล็ก ๆ ระหว่างไม้ไผ่เรียงกัน เธอสอดสายตาลงมองชั้นล่าง...และเธอก็เห็นเขา
เขานั่งเพียงลำพังที่โต๊ะไม้ตัวหนึ่งใกล้หน้าต่างเงาไฟจากตะเกียงไหวสะท้อนบนเค้าหน้าขับเสน่ห์ของเขาให้โดดเด่นราวภาพวาดในหอศิลป์โบราณ
"สวย… ไม่สิ หล่อจนฉันหายใจผิดจังหวะ" เธอกระซิบ ในใจ เขาสวมอาภรณ์เรียบหรู ปักดิ้นเงินตามตำแหน่งขุนนางระดับสูง เส้นผมดำขลับถูกรวบไว้หลวม ๆ ปลายเส้นยาวระต้นคอสะบัดเบา เมื่อเขาเอนตัวรินชา กลิ่นหอมของสมุนไพรอ่อน ๆ ดูเหมือนจะลอยขึ้นมาตามลม สะกิดใจคนที่ซ่อนตัวอยู่
ใบหน้าของเขานั้น...คมชัดทุกองศา
คิ้วเข้มเรียวยาว สันจมูกโด่งเป็นรูป ดวงตาเรียวยาวที่แฝงแววสงบนิ่งแต่ลึกซึ้ง ราวกับสามารถมองทะลุความคิดเธอได้ ตั้งแต่ยังไม่พูดปากบางสีอ่อนที่เมื่อจิบชา...ก็คล้ายจิบคำสั่งให้หัวใจเต้นเร็วขึ้น
เขาเคลื่อนไหวอย่างมั่นคง แต่ไม่วางท่าไหล่กว้างราวกับสร้างขึ้นเพื่อรองรับทั้งแผ่นฟ้า แขนเสื้อหลวมเผยให้เห็นท่อนแขนแน่นล่ำบางส่วนที่ตึงใต้ผิวผ้า
แม้เขาจะนั่งนิ่งเพียงรินชาแต่ภาพนั้น…กลับเปี่ยมไปด้วยพลังดึงดูดอย่างเงียบงัน
กล้ามหน้าท้องที่เธอเคย “รู้สึก” มาด้วยตัวเองคืนนั้น ยังแฝงอยู่ใต้ชุดเรียบหรูนั้น ไม่ต้องถอดก็รู้ว่ามีอยู่ทุกส่วน
เรือนร่างที่สั่งสมจากการฝึกยุทธมาทั้งชีวิต แน่น กระชับ และอันตรายไป๋หลินกลืนน้ำลายเบา ๆ ขณะมองเขาไม่ได้พูด ไม่ได้มองขึ้นมาข้างบนแต่เพียงแค่นั่งอยู่นิ่ง ๆ อย่างนั้น…
เขากลับกลืนกินพื้นที่ทั้งห้องเหมือนโลกทั้งใบเบลอลง เหลือเพียงเขาคนเดียวที่ชัด“หยางเซวียน…”
ชื่อของเขาผุดขึ้นในใจอีกครั้งครั้งนี้...ไม่ใช่ชื่อของสามีตามพล็อตเรื่องเดิมแต่เป็นชื่อของผู้ชายที่เธอ...กำลังเริ่มหวั่นไหวด้วยตัวเอง
โรงเตี้ยมแสงเทียนสลัว ๆ กระพริบไหวในห้องพัก ๆ ที่เต็มไปด้วยกลิ่นหอมของอาหารร้อนและไม้หอมไป๋หลินนั่งลงที่โต๊ะเล็ก ๆ ด้านมุมห้อง สั่งอาหารจากคนใช้ในโรงเตี้ยมด้วยเสียงเรียบเฉย ไม่มองหน้าใคร“บะหมี่ซุปสามรสร้อน ๆ หนึ่งชาม” เสียงของเธอเย็นชา แต่มือกลับสั่นเล็กน้อยเมื่อรับจดหมายและของที่ขาฝากไว้เมื่อเช้าอาหารร้อนถูกวางลงตรงหน้าไป๋หลินจ้องมองไปยังประตูไม้ที่ถูกปิดสนิท เธอพยายามกล้ำกลืนความรู้สึกที่ปะทุขึ้นในใจ“ไม่สนใจเขา ไม่คิดถึงเขา”เธอวางช้อนอย่างมั่นคง แล้วยกมือไปจับผ้าคลุมที่แขวนอยู่ข้างเตียง ไอร้อนในอ่างไม้ลอยฟุ้งหนาแน่น ราวกับม่านหมอก ที่บดบังเส้นแบ่งระหว่างความฝันกับความจริง น้ำเก๊กฮวยอุ่นถูกเทลงผสมน้ำจนกลิ่นหอมจาง ๆ กระจายไปทั่วห้องอาบน้ำแสงตะเกียงสั่นไหว ละอองไอน้ำเกาะกระจกเป็นหยด ไป๋หลินถอดเสื้อผ้าอย่างไม่รีรอ ฝ่ามือของนางลูบผ่านต้นคอเปลือยช้า ๆ ดวงตาเหม่อลอย สะท้อนแสงไฟเหมือนกระจกหยกปล่อยให้ความร้อนของน้ำชะล้างความเหนื่อยล้าและความคิดยุ่งเหยิงแม้ร่างกายจะเหนื่อยล้าแต่จิตใจของเธอก็ยังคงเข้มแข็งไม่ไหวหวั่น แต่สำหรับไป๋หล
เสียงของเขาไม่ต้องตะโกน ก็สะเทือนใจจนเธอเผลอกลืนน้ำลาย “ข้าเหมาห้องทั้งหมดในโรงเตี้ยมนี้แล้ว”เสียงนั้นสงบ เย็นชา แต่มีกระแสพลังบางอย่างแฝงอยู่ สายตาทุกคนในโรงเตี้ยมหันไปมองผู้มาใหม่ขุนนางหนุ่มร่างสูง ในชุดคลุมดำขลับ ปักตราหยกประจำตระกูลเขายืนอยู่กลางห้องราวเจ้าของโรงเตี้ยม“ใครอยากพักต่อ คืนเงินไปข้างนอก”“คืนนี้ โรงเตี้ยมนี้คือเรือนหอของภรรยาข้า”ไป๋หลินที่แอบฟังอยู่ข้างบน รู้สึกเหมือนมีลูกไฟเล็ก ๆ วิ่งวนไปทั่วร่างเขาพูดว่า "ภรรยา"…ประโยคนั้นไม่มีอยู่ในบทเดิมและในตอนนั้นเอง มีเสียงเคาะประตูห้องเธอเบา ๆ ก่อนประตูก็ถูกผลักเข้ามา หยางเซวียนเดินเข้ามาอย่างเงียบงัน ไม่แม้แต่จะถามว่าเธออยู่ไหมเขาวางห่อผ้าลงบนโต๊ะไม้เสียงดัง “ตุบ” แล้วค่อย ๆ คลี่ออกข้างในมี…เหรียญทองน้ำหนักดีถุงเงินที่เธอเคยซ่อนไว้ใต้เตียง…ซึ่งควรจะหายไปตอนหนีกับข้าวร้อน ๆ ที่มีกลิ่นอาหารโปรดของเธอและ “จี้หยกดอกเหมย” ที่เธอเคยทำตกไว้ในห้องหอ“เจ้าหนีเก่ง” เขาเอ่ยขณะยืนพิงเสากลางห้อง“แต่ข้าเรียนรู้มานานว่า...ของมีค่าไม่ควรปล่อยให้หายไปสอ
ในกระจกเงานั้น...คือภาพของหญิงสาววัยแรกแย้ม ผิวขาวอมชมพูราวกลีบดอกพีชที่เพิ่งแย้มบาน ผิวพรรณของเธอสะท้อนแสงเช้าแวววาวนวลเนียน ไม่มีรอยใดต้องซ่อนเส้นผมยาวดำขลับ หยักศกเล็กน้อยจากไอน้ำ ปล่อยยาวระต้นคอจนถึงสะโพก ราวม่านราตรีที่คลุมความฝันไว้ทุกเส้นสายใบหน้าของเธอได้รูป พวงแก้มกลมละมุน ดวงตากลมโตซ่อนแววฝันและความอ่อนโยนขนตายาวพริ้มรับแสงธรรมชาติ จมูกโด่งรั้นน้อย ๆ เพิ่มความน่าเอ็นดูริมฝีปากอิ่มนุ่มแดงจางราวดอกทับทิมที่เพิ่งแตะน้ำค้างยามรุ่งสางเรือนร่างของไป๋หลิน...ช่างเป็นหุ่นซ้อนรูปที่บรรพชน ในบทกวีจะต้องเอ่ยชมทรวงอกได้รูปแน่นกระชับนุ่มนวลไม่ใหญ่เกินไป แต่สะกดตาให้ไม่อาจละเอวคอดกิ่ว จนคนมองต้องกลืนน้ำลาย กลมกลืนรับกับสะโพกผายได้สัดส่วนทุกเส้นสายช่าง ถูกวาดขึ้นจากปลายพู่กันเทพยดาในสายตาของใครคนหนึ่งเมื่อคืนนี้...เธออาจจะเป็น ภรรยาแต่ในกระจกเช้านี้เธอคือ หญิงสาวเต็มตัว ทั้งน่าทะนุถนอม ทั้งงดงามเกินคำใดจะพรรณนา และที่สำคัญที่สุด...ไป๋หลิน ในกระจก…คือหญิงสาวผู้กำลังจะเปลี่ยนชะตาชีวิตในนิยายที่เธอเคยรู้ตอนจบ "ฉันจะหนีตอนนี้ไม่ได
ฟ้าสางแล้ว แสงยามเช้าเล็ดลอดผ่านผ้าม่านสีเลือดนก ร่างของนางนอนแนบแผ่นอกกว้าง หายใจช้า ริมฝีปากเผยอเล็กน้อยจากความเหนื่อยล้าแบบที่ไม่ใช่แค่นอนกับใคร แต่เหมือน…ถูก “กลืนกิน” ทั้งตัวเขาลุกขึ้นจากเตียงราวกับยังไม่รู้สึกพอ ผิวกายเขาร้อนผ่าว เหงื่อซึมตามหน้าผากและแผ่นหลัง สายตาคมทอดมองร่างเธอที่ยังนอนหมดแรงเรียวขาเธอสั่นน้อย ๆ ขณะพยายามขยับตัว แต่ขาเปลี้ยเกินกว่าจะหนี เขาหยิบเสื้อคลุมมาพาดไหล่ตัวเอง แล้วช้อนร่างเธอขึ้นจากฟูกอย่างไร้คำพูด เธอผวา ซุกหน้ากับอกเขา“ท่าน… จะพาข้าไปที่ใด…”เสียงเธอแผ่วจัด แทบไม่มีแรง แต่ยังเต็มไปด้วย แรงต้านจาง ๆ เขาโน้มใบหน้าลงข้างหูเธอ กระซิบเสียงต่ำชิด เนื้อแก้มที่ยังแดงร้อนจากการถูกเขารังแกทั้งคืน“ข้าจะพาเจ้าไป… ล้าง”เพียงคำเดียว กล้ามเนื้อในท้องของเธอก็กระตุกเบา ๆเสียงน้ำในอ่างกระทบไม้ดังกึกก้อง กลิ่นสมุนไพรผสมดอกบัวคลุ้งในอากาศ หยางเซวียนวางร่างเธอลงในน้ำอุ่น แล้วถอดเสื้อคลุมตนเองตามลงมาทันที ร่างสูงล่ำเปลือยเปล่า… พร้อมสายตาที่ราวกับกำลัง “อ่าน” ร่างเธอทุกส่วนอีกครั้งมือเขาลงน้ำช้า ๆ ตักน้ำร้อนรินจากไหล่เธอ แล้วไล้ผ่านซอกคอ สบตาเธอชิด จนลมหายใจแทบจะเ
เมื่อเธอถูกเขา ครอบครอง อย่างที่ไม่มีใครเตรียมใจ เสียงผิวหนังกระแทกกันดังต่อเนื่อง เฉอะแฉะ ลื่นเปียก จนได้ยินเสียงของเธอชัดเจนเกินจะหลอกตัวเองได้ร่างของลี่เหยา สั่นระริกใต้ร่างของเขา… ไม่ใช่เพราะกลัว แต่เพราะความรู้สึกมัน ล้น จนไม่รู้จะจัดการยังไง"ข้าไม่รักเจ้า" คำพูดนั้นยังวนในหู แต่กลับกระตุ้นหัวใจ ให้ยิ่งเต้นแรง… เพราะการกระทำมันตรงข้ามทุกคำพูดความหนักของเขา ความดิบของเขา… เขาไม่ได้โอบเธอไว้แบบรัก เขากด กร้าว บด ขยี้ ทุกจังหวะเหมือนจะเอาเธอให้ "ยับ" จนไม่มีชิ้นดีสะโพกเขาเคลื่อนลึก กระแทกอัดเข้ามาไม่หยุดอัดแน่นเสียจนเธอเผลออ้าปาก…ส่งเสียงครางน่าอาย..“อ๊ะ… อ๊ะ… มะ… ไม่… ได้…”เธอพูดออกไป แต่เสียงที่หลุดออกมากลับแหบพร่า หอบ ครางสะท้านในใจเธอประท้วง "นี่มันขืนใจ! เขาไม่ได้ขอ เขาไม่รัก!" แต่ในร่างกายกลับรู้สึกถึงความร้อนวูบวาบที่ก้นท้อง ความเสียวแล่นผ่านสันหลัง หัวนมชูชัน ก้นเด้งสวนโดยไม่รู้ตัวเหมือนร่างกายอยากถูกกระแทกซ้ำอีกแรงกว่าเดิมเขากระชากผมเธอขึ้นมากระซิบ“เจ้าก็ครางเหมือนต้องการอยู่ดี ไป๋หลิน”น้ำเสียงเขาขบขันแต่ต่ำลึก… แล้วเขาก็จับขาเธอพาดบ่า อ้าขาออกกว้างจนช่องทางของเธ
“บัดซบ! แม่งจบแบบนี้เหรอ!? สารเลวววววววววววว!!!”ลี่เหยาปาโทรศัพท์ลงบนเตียงแรงพอให้ตุ๊กตาปลาวาฬกลิ้งตกพื้น หัวใจเธอยังเต้นระรัวด้วยความหัวร้อนเต็มขั้น น้ำเสียงเกรี้ยวกราดปนสิ้นหวังเหมือนคนที่เพิ่งเสียเวลาไปสามวันไถฟีดมืออถืออ่านนิยาย…แล้วเจอจบแบบขมปี๋นิยายเรื่อง "ชะตานางหงส์เจ็ดมังกร" พระเอกเจ็ดคน ‘แต่งงานกับนางเอกและไม่มีใครรักนางจริงซักคน ไม่มีแม้แต่ตอนจบที่มันอบอุ่น สักนิด! แล้วจะให้อ่านไปทำเพื่อ?! สรุปแล้วทั้งเรื่องคือโศกนาฏกรรมจุดจบของผู้หญิงที่ไม่มีใครรัก…แม่งโคตร toxic!“ให้ตายเหอะ คนเขียนแมร่งใจหมาจริงๆ ขอสาปให้หล่อน โดนดูดเข้านิยายตัวเอง แล้วโดน…..” เธอปิดตาแน่น ซุกหน้า ในหมอน พึมพำราวกับบทสาปส่งนักเขียน...ทันใดนั้น แสงสว่างพวยพุ่งออกมาจากหน้าจอ ตู้ม! โลกทั้งห้องเหมือนระเบิด กลิ่นเหมือนดิจิทัลไหม้ลอยเข้าจมูก เสียงแหลมแทรกกับเสียงประหลาดราวเปลวไฟกำลังเผาสคริปต์ ลี่เหยากรีดร้อง ก่อนที่ความมืดจะกลืนกินทุกอย่างกะพริบตาอีกที เธอก็ไม่อยู่ในโลกเดิมอีกต่อไปแล้วทันใดนั้นเอง...เสียงฟ้าผ่าราวกับรอยขีดจากสวรรค์ ฉีกม่านฟ้า และร่างของลี่เหยา หายไปจากโลกใบนี้เสียงกรีดร้องของหญิงสาวดัง