Share

๓ อย่าได้ทำตัววุ่นวาย

last update Last Updated: 2025-05-27 19:44:36

“ข้าช่วยเหลือท่านเพียงนี้แล้ว สมควรจะตื่นฟื้นขึ้นมาตอบแทนบุญคุณข้าบ้าง” น้ำเสียงหวานพูดพึมพำแผ่วเบาราวกับว่ากำลังกระซิบกระซาบกับเฝิงอวี่เซี่ยนที่นอนหลับไม่ได้สติอยู่ตรงหน้า

แม้ว่าค่ำคืนที่ผ่านมานั้น เฝิงอวี่เซี่ยนรอดพ้นจากเงื้อมมือมัจจุราชมาได้แต่ร่างกายของเขายังคงแน่นิ่งไม่ขยับเขยื้อนกายใดๆ ไร้วี่แววว่าจะฟื้นขึ้นมา

นางเห็นใบหน้าซีดเซียวของเขาแล้วถอนหายใจเฮือกใหญ่

หลี่จื่อหนิงเอาแต่นั่งเฝ้าเขามาตลอดทั้งคืน เกรงว่าหากเฝิงอวี่เซี่ยนฟื้นขึ้นมาแล้วไร้ผู้ใดอยู่เคียงข้าง อาจเกิดเหตุไม่คาดคิดขึ้นอีกครั้ง

ดังนั้นใบหน้าคนงามจึงเต็มไปด้วยความเหนื่อยล้า ขอบตาหมองคล้ำอย่างเห็นได้ชัด

“หากท่านคิดจะตายจริงๆ ล่ะก็…ข้าจะไปลากตัวกลับมาจากปรโลกให้ดูเฝิงอวี่เซี่ยน!” หลี่จื่อหนิงพูดด้วยความจริงจัง

ข้าช่วยชีวิตท่านไว้…ต่อจากนี้ชีวิตของท่านไม่ใช่ของท่านแต่เป็นของข้า หากข้าไม่อนุญาต…ท่านไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะตาย!

แอ๊ด…

ในจังหวะเดียวกันนั้น ประตูถูกผลักออกเผยให้เห็นบุรุษผู้นั้นในอาภรณ์ขุนนางก้าวเข้ามา หลี่จื่อหนิงกระพริบตาปริบๆ ขมวดคิ้วมุ่นสายตามองเขาอย่างงุนงง

เหตุใดบุรุษผู้นี้ถึงยังอยู่ที่นี่อีก…!?

หากจำไม่ผิดนั้น ในนิยายที่ไม่ได้กล่าวถึงบุรุษผู้นี้มาก่อนแน่มิหนำซ้ำยังไม่ได้ปรากฏอยู่ในเรื่องราว ตอนที่รู้ตัวว่าทะลุมิติเข้ามา นางไม่มีเวลาคิดสิ่งใดนอกจากช่วยเหลือเฝิงอวี่เซี่ยนเอาไว้ให้ได้

พอนึกเรื่องนี้นั้น…

แท้จริงแล้วนางคือผู้ใดกันและบุรุษตรงหน้านี่เล่า…ไฉนถึงได้โผล่หน้ามาให้เห็นบ่อยครั้งนัก

ใบหน้าคนงามฉายแววครุ่นคิดหนักออกมาอย่างชัดเจน พอหลี่จางเหว่ยเห็นแล้วก็พลันถอนหายใจออกมา เขาเอ่ยออกมาเสียงเรียบ “เป็นอย่างไร…ตายหรือไม่”

น้องสาว!

“ท่านคือผู้ใดกัน!” ถ้อยคำเมื่อครู่นี้ไม่ได้เข้าโสตประสาทของนางเลยแม้แต่น้อย ดวงตาเมล็ดซิ่งเบิกกว้างด้วยความตกใจก่อนเอ่ยถามออก

ใช่! เมื่อวานนี้บุรุษกล่าวกับนางว่าเป็นน้องสาวของเขา

สตรีผู้นี้เป็นอันใดไปเสียแล้ว!

หลี่จางเหว่ยชะงัก ใบหน้าของเขาขมวดมุ่น หากว่ากันตามตรงแล้วนั้น ตั้งแต่เมื่อวานเขาก็สังเกตเห็นว่าน้องสาวผู้นี้ดูแปลกไปไม่น้อยทว่ากลับไม่รู้ว่าเป็นเพราะเหตุใด

“เจ้าสติฟั่นเฟือนไปแล้วหรือจื่อหนิง” หลี่จางเหว่ยเลิกคิ้วเอ่ยถาม

เกรงว่าหากนางกล่าวความจริงไปว่าแท้จริงแล้ว น้องสาวของเขาได้ตายจากไปแล้วส่วนนางเป็นวิญญาณจากโลกอื่นที่เข้ามาอยู่ในร่างนี้ คาดว่าหลี่จางเหว่ยคงได้ตราหน้านางว่าสติฟั่นเฟือนไปแล้วเป็นแน่ๆ!

จื่อหนิงลุกขึ้นก่อนเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าอีกฝ่าย สายตาจับจ้องเขาแน่วแน่ “ข้าถามว่าท่านเป็นผู้ใดกันแน่ ไฉนถึงชอบพูดจาอ้อมค้อมนัก” ส่วนประโยคหลังลดระดับเสียงแผ่วเบาลงเล็กน้อย

หลี่จางเหว่ยถอนหายใจเฮือกใหญ่ สีหน้าฉายแววเหนื่อยหน่ายออกมาอย่างชัดเจน

“วันนี้ข้ามีประชุมที่วังหลวงกว่าจะกลับก็คงตอนพลบค่ำ     ระหว่างนี้อย่าได้ก่อเรื่องวุ่นวายหรือพาคนแปลกหน้าเข้าจวนมาอีก” น้ำเสียงทุ้มเอ่ยออกมาคล้ายกับกำลังออกคำสั่ง

อีกแล้ว!

เหตุใดบุรุษผู้นี้ถึงได้ชอบเฉไฉเลี่ยงคำตอบอยู่เรื่อย!  

หากบอกมาตรงๆ ตั้งแต่แรกก็จบเรื่องไปแล้วมิใช่หรือ..?

 

จื่อหนิงยืนกอดอก หรี่ตามองอีกฝ่ายด้วยความหงุดหงิด “เหอะ! อย่าได้คิดว่าจะออกจากที่นี่ไปได้ หากยังไม่ตอบข้ามาว่าท่านเป็นใครกันแน่”

หลี่จางเหว่ยถอนหายใจออกมาอีกครั้ง สีหน้าฉายแววไม่ค่อยสบอารมณ์นัก เกรงว่าหากไม่รีบบอกไปนางคงคาดคั้นไม่เลิกจนเขารำคาญเป็นแน่

“หลี่จางเหว่ย” เขาเอ่ยเสียงเรียบไร้อารมณ์

“แล้วเป็นผู้ใดกัน”

“พี่ชายของหลี่จื่อหนิง”

“…” พอได้ยินประโยคนี้ นางเงียบไปครู่หนึ่ง

เช่นนี้ก็หมายความว่าเธอคงทะลุมิติมาอยู่ในร่างของตัวประกอบผู้หนึ่งเช่นนั้นหรือ…? ที่สำคัญชื่อยังคล้ายกันถึงเพียงนี้

“เช่นนั้น…หลี่จื่อหนิงก็คือข้างั้นรึ” น้ำเสียงหวานพูดพึมพำ

ยามนี้ภายในใจของหลี่จางเหว่ยอดไม่ได้ที่จะรู้สึกผิดต่อบิดามารดาที่ล่วงลับไปแล้ว ที่นางเป็นเช่นนี้เพราะความผิดของเขาที่ตามใจมากเกิดไปเองขอรับ

หลี่จางเหว่ยกล่าว “เจ้าเป็นน้องสาวผู้เดียวของข้า”

หลี่จื่อหนิงเงยหน้ามองกระพริบตาปริบๆ เอ่ยถามออกไปด้วยความสงสัย “ท่านรวยหรือไม่”

มีโอกาสทะลุมิติมาทั้งที่นางขอใช้ชีวิตอย่างสุขสบายไม่ต้องกังวลเรื่องเงินและความเป็นอยู่ได้หรือไม่…สวรรค์

“หากเจ้าไม่คิดแต่งงานหรือไปอยู่กับผู้ใด ข้าสามารถดูแลเจ้าให้มีชีวิตที่สุขสบายตลอดไป” หลี่จางเหว่ยรับปากกับบิดามารดาไว้แล้วไม่ว่าเรื่องใดจะเกิดขึ้น เขาย่อมสามารถปกป้องน้องสาวผู้นี้เอาไว้เสมือนไข่มังกรอันล้ำค่า

แต่ทว่าเรื่องต่างๆ ที่เกิดนั้นกลับทำให้หลี่จางเหว่ยรู้สึกผิดกับคำพูดของตนเองไม่น้อย ตอนที่เขาต้องเข้าในวังหลวง…จะมีผู้ใดรู้ว่าสตรีที่ดื้อรั้นเช่นนี้จะสร้างเรื่องขึ้นมาได้ขนาดนี้

แม้ว่าจะมีบ่าวรับใช้คอยตามติดอยู่ตลอดเวลาไม่ห่างแต่ หลี่จื่อหนิงติดสินบนและข่มขู่จนบ่าวรับใช้ยังต้องปิดปากเงียบ

พอคิดถึงเรื่องนี้แล้ว หลี่จางเหว่ยพลันส่ายหัวอย่างหน่ายใจ หลี่จื่อหนิงย่อมทำเรื่องที่คาดไม่ถึงได้เสมอ จากการที่ออกไปซื้อเพียงแค่ชาดทาปากเท่านั้นแต่กลับสามารถมีเรื่องไปในตลาดหรือแม้กระทั่งตอนไปร่วมงานเลี้ยงที่ไหนสักแห่งดันไปมีเรื่องกับคุณหนูบ้านอื่นๆ พูดจาถากถางด้วยถ้อยคำเหน็บแนมราวกับว่ารู้จักอีกฝ่ายมาก่อน

หากพูดถึงนิสัยของน้องสาวผู้นี้คงจะพูดได้ทั้งวันก็ไม่จบ!

ว่ากันตามตรงแล้วไม่มีบุรุษใดจะเข้าใจนางได้นอกจากพี่ชายผู้นี้แล้ว

หลี่จื่อหนิงพอจะเข้าได้ นางสังเกตจากรูปโฉมของบุรุษผู้นี้ก็สามารถบ่งบอกได้ถึงฐานะ มิหนำซ้ำจวนยังหลังใหญ่เต็มไปด้วยบ่าวไพร่มากมายถึงเพียงนี้ก็เปรียบเสมือนการโอ้อวดฐานะแล้ว

นางพนักหน้าหงึกๆ หัวเราะคิกคักออกมาอย่างอารมณ์ดีเห็นทีว่าในชาตินี้นางสุขสบายมีเงินให้ใช้จ่ายได้อย่างฟุ่มเฟือย

“หากเป็นเช่นนั้น ข้าก็จะขออยู่กับท่านไปตลอดชีวิตไม่มีเรื่องบุรุษให้คอยกวนใจต้องปวดหัวได้หรือไม่” หลี่จื่อหนิงกล่าวออกมาเสียงหวานราวกับกำลังออดอ้อน

หลี่จางเหว่ยได้ยินพลันแค่นเสียงเย้ยหยันออกมา “เหอะ!” วันก่อนนั้นยังเอาวิ่งเฉิงอี้หยางอยู่ไม่ใช่หรอกหรือ!?

นิสัยคนเราไฉนจะเปลี่ยนไปได้อย่างง่ายดาย

“ข้าพูดจริงๆ นะ”

“เอาเถอะ…อย่าทำตัวให้วุ่นวายก็พอ”

 

 

 

คุณชายเฉิงกับภรรยาแต่งงานกันได้เพียงวันเดียวเท่านั้นแต่ไฉนวันนี้กลับมีปากเสียงทะเลาะกันอย่างรุนแรง เหล่าสาวใช้ในเรือนที่ได้ยินต่างพากันขมวดคิ้วด้วยความสงสัย กว่าคนทั้งสองจะได้ร่วมกราบไหว้ฟ้าดิน ก็ต้องฝ่าฟันอุปสรรคนานัปการ…ประหนึ่งกับว่าต้องผ่านด่านเคราะห์ครั้งใหญ่จนลุล่วงไปหมดสิ้น ต่างฝ่ายต่างเข้าใจซึ่งกันและกันทว่าแล้วเหตุใดพอแต่งงานได้ไม่ทันไรจึงเกิดเรื่องวิวาทกันเสียแล้ว

เหตุพอแต่งงานได้ไม่ทันก็เกิดมีเรื่องทะเลาะกันแล้ว…?

เจียงชุนหลินยังคงนั่งอยู่ริมหน้าต่างปักผ้าอยู่ราวกับไม่รู้สึกและไม่ได้ยินอันใด

พอเห็นอีกฝ่ายนึกเฉยเสแสร้งไม่ได้ยินเช่นนี้ ภายในใจของเฉิงอี้หยางยิ่งโมโหเดือดดาลเต็มไปด้วยโทสะคับอก เขาถอนหายใจออกมายาวเฮือกหนึ่งราวกับข่มอารมณ์ไว้ก่อนจะเอ่ยเสียงเรียก

“ข้าถามว่าเจ้ายังจะไปหามันผู้นั้นอีกอยู่หรือเจียงชุนหลิน”

มือของนางที่กำลังปักผ้าอยู่ชะงักเล็กน้อย จากนั้นจึงเงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่ายด้วยแววตาเรียบเฉย น้ำเสียงหวานกล่าวอย่างไรไร้อารมณ์ “ไม่ทราบว่ามันผู้นั้นที่คุณชายเฉิงกล่าวถึงคือผู้ใดงั้นหรือเจ้าคะ”

เหตุการณ์เมื่อวานทำให้นางผิดหวังในตัวเฉิงอี้หยางไม่น้อย ทั้งโกรธและโมโห แต่เฝิงอวี่เซี่ยนก็ไม่สมควรถูกทำร้ายปานตายถึงเพียงนั้น

หากมีเรื่องอันใดไฉนไม่พูดจากันดีๆ เล่า

เฉิงอี้หยางถอดหายใจออกมาอีกครั้ง เขาเบนเบี่ยงสายตาหันหนีไปต่างอีกพยายามข่มสติอารมณ์ไม่ให้ปะทุออกมา

“…”

ใบหน้าของนางพลันระบายยิ้มจางๆ “เพราะเหตุใดท่านถึงขั้นต้องลงทำร้ายเขาด้วยเฉิงอี้หยาง”

เฉิงอี้หยางแค่นเสียงเย็นชา ดวงตาคมกริบฉายแววไม่พอใจ เขาหันหน้ากลับมามองนาง ก่อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงประชดประชัน“เหอะ! เจ้าเป็นห่วงมันถึงเพียงนี้เชียวหรือ?”

 

“เพราะเฝิงอวี่เซี่ยนไม่สมควรถูกกระทำเช่นนี้อย่างไร” เจียงชุนหลินออกไปเสียงแข็ง นัยน์ตาคู่งามฉายแววความไม่พอใจออกมาอย่างชัดเจน

เฉิงอี้หยางเห็นแล้ว มุมปากหนาค่อยๆ โค้งยกยิ้มด้วยความเย้ยหยัน ภายในใจยิ่งเดือดดาลนักไม่พอใจอยู่มาก

เห็นได้ชัดว่าคนผู้นั้นมีน้ำหนักในใจของนางเพียงใด!

“อย่าลืมว่ายามนี้เจ้ามีสามีแล้วเจียงชุนหลิน” เขากล่าวเสียงเรียบราวกับว่ากำลังตอกย้ำนาง ที่ผ่านมาความสัมพันธ์ของคนทั้งคู่เป็นอย่างไร เฉิงอี้หยางย่อมรู้อยู่แก่ใจ

เขาไว้ใจนางแต่ไม่ไว้ใจอีกฝ่าย

 

 

 

 

 

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • นิยายเรื่องนี้ไม่มีตัวร้าย   ๓๑ ร่วมหอหนึ่งราตรีผูกพันนับร้อยวัน

    ภายในเรือนหอประดับประดาตกแต่งอย่างงดงาม โคมไฟสีและแสงเทียนสีแดงส่องแสงวูบไหวสะท้อนเงาลวดลายมงคลบนผ้าปูเตียงลายคู่นกยวนยาง ทั่วทั้งห้องอบอวลไปด้วยกลิ่นของกำยานหอมจางๆ ราวกับพรให้กับคู่บ่าวสาวที่พึ่งแต่งงานใหม่เฝิงอวี่เซี่ยนยืนอยู่เบื้องหน้าม่านสีแดงสด…เขาสวมใส่อาภรณ์สีแดงเข้มมงคลที่ปักลวดลายอย่างประณีต ท่าทางสงบนิ่งดังเดิมทว่าภายในดวงตาคมกริบกลับสะท้อนแววอ่อนโยนออกมาอย่างปิดไม่มิดในยามนี้หลี่จื่อหนิงนั่งอยู่หลังม่าน ใต้ผ้าคลุมหน้าสีแดงใบหน้าของนางร้อนผ่าวเล็กน้อย จู่ๆ หัวใจก็เต้นกระหน่ำขึ้นมาแม้จะพยายามสงบอารมณ์ให้เป็นปกติก็ตามนางไม่รู้ว่าด้านนอกเขากำลังทำสีหน้าเช่นไรและไม่รู้ว่าเขาจะก้าวเข้ามาหานางเมื่อใด…หลี่จื่อหนิงฟังแต่เสียงฝีเท้าใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ด้วยความประหม่า“วันนี้ทำเจ้าเหน็ดเหนื่อยไม่น้อย” น้ำเสียงทุ้มต่ำดังขึ้นที่เบื้องหน้า เฝิงอวี่เซี่ยนค่อยๆ ก้าวเดินอย่างแผ่วเบานางเม้มริมฝีปากเล็กน้อยก่อนจะตอบออกมาเบาๆ“อืม...” วันนี้นางเหนื่อยมาจริงๆ หลี่จื่อหนิงถูกปลุกให้ตื่นตั้งแต่ท้องฟ้ายังมืดสนิทมิหนำซ้ำแล้ว ตลอดทั้งวันนางยังถูกพิธีการต่างๆ เคี่ยวกรำอย่างหนักกว่าจะได้พักผ่อนก็เ

  • นิยายเรื่องนี้ไม่มีตัวร้าย   ๓๐ บุพเพมิอาจหวนคืน

    เนิ่นนานหลายปีกว่าเฝิงอวี่เซี่ยนจะลบคำกล่าวหาได้…แม้ว่าคนผู้นั้นจะไม่ได้ลงไปคุกเข่าต่อบรรพชนสกุลเฝิงที่ปรโลกแล้วอย่างไรกัน แต่ทว่าในตอนนี้มีสภาพย่ำแย่แม้แต่ขุดหลุมหนียังทำไม่ได้“นายท่านเจ้าคะ...คุณหนูหลี่มาขอพบเจ้าค่ะ”เสียงสาวใช้ดังขึ้นท่ามกลางความเงียบสงัด มือที่กำลังตวัดพู่กันอย่างสงบนิ่งพลันชะงัก เฝิงอวี่เซี่ยนวางพู่กันลงบนแท่นหมึกอย่างไม่รีบร้อนก่อนจะเงยหน้าขึ้นมอง“นางมาแล้วหรือ”ใบหน้าที่เรียบเฉยมาตลอดทั้งวัน ทว่าบัดนี้กลับปรากฏรอยยิ้มจางๆ ขึ้นมาโดยไม่รู้ตัวเหล่าสาวใช้ที่เฝ้ามองนายท่านของตนลอบขนลุกไม่น้อย แม้ว่าพวกนางจะคุ้นชินกับสีหน้าดังกล่าวมากขึ้นเรื่อยๆ ในช่วงหลัง แต่ก็ยังอดรู้สึกแปลกประหลาดมิได้คงมีเพียงแต่คุณหนูหลี่เท่านั้นกระมังที่นายท่านยิ้มให้อย่างอ่อนโยนเช่นนี้“อวี่เซี่ยน!”น้ำเสียงหวานเจื้อยแจ้วดังขึ้นด้านนอกเรือน เฝิงอวี่เซี่ยนลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็วจากนั้นจึงก้าวออกไปหาอีกฝ่าย สายตาคมกริบเต็มไปด้วยความคะนึงหาหลี่จื่อหนิงเข้าออกจวนสกุลเฝิงราวกับเป็นจวนของอีกหลังของตนเอง และไม่มีผู้ใดกล้าปริปากห้ามปราม ใบหน้างามของนางประดับด้วยรอยยิ้มแจ่มใส ดวงตากลมโตกวาดมองสอดส

  • นิยายเรื่องนี้ไม่มีตัวร้าย   ๒๙ ท่านและข้าสิ้นสุดกันเพียงเท่านี้

    เกรงว่าคงเป็นนางที่ตาฝาดไปเองกระมัง…หลี่จื่อหนิงหรี่สายตาลงเพ่งมองบุรุษตรงหน้าครั้งแล้วครั้งเล่าพลางกระพริบตาถี่ๆ อย่างไม่อยากเชื่อสายตาราวกับว่าตาฝาดมองเห็นผิดเพี้ยนไปเหตุใดบุรุษผู้นี้ถึงมานั่งอยู่ตรงนี้ได้กัน…!?นางกำลังนอนหลับอย่างสบายใจ ทว่าสะดุ้งตื่นเมื่อสาวใช้เข้ามาปลุกบอกว่ามีคุณชายผู้หนึ่งมาหาถึงจวน เดิมทีหลี่จื่อหนิงขี้เซาไม่น้อยกว่าจะลืมตาตื่นลุกขึ้นมาจากเตียงได้ก็ใช้เวลาอยู่นานเอาแต่พลิกกายบิดขี้เกียจซ้ำแล้วซ้ำเล่าทว่าพอได้ยินสาวใช้กล่าวเช่นนั้น นางก็พลันตื่นเต็มตา ลุกพรวดขึ้นจากทันทีนางจะรู้จักผู้ใดได้อีกเล่านอกจากเฝิงอวี่เซี่ยน!แล้วเหตุใดจึงบุกมาหานางถึงจวนแต่เช้าตรู่เช่นนี้อย่างเร่งร้อนราวกับมีเรื่องด่วน…หรือเขาถูกทางการตามจับได้แล้ว?“มาหาข้ามีเรื่องอันใดกัน” นางเอ่ยถามด้วยเสียงแข็ง พลางเชิดใบหน้าขึ้นเล็กน้อยราวกับมิได้ใส่ใจ ทั้งที่ในใจนั้นกลับร้อนรนอยากจะเค้นความจากปากอีกฝ่ายออกมาตอนนี้ให้ได้หลี่จางเหว่ยซึ่งนั่งอยู่ข้างๆ พอได้ยินประโยคก่อนหน้าจึงเอ่ยแทรกขึ้นทันที “เช้าปานนี้ต่อให้เป็นฮ่องเต้…จวนสกุลหลี่ก็ปิดประตูไม่รับแขก” เขาเอ่ยออกมาเสียงเรียบ“เจ้าค่ะ”เหล่าส

  • นิยายเรื่องนี้ไม่มีตัวร้าย   ๒๘ ชะตากรรมพลิกผัน

    ตลอดสองสามวันที่ผ่านมา เจียงชุนหลินเอาแต่ทำตัววุ่นวายคอยหลีกเลี่ยงที่จะพบหน้าหรือไม่แม้แต่จะสบตาเฉิงอี้หยางเพียงแวบเดียวเลยด้วยซ้ำ…นางโกรธเขาไม่น้อยทว่าในใจก็สับสนว้าวุ่นเสียจนไม่รู้ว่าควรทำเช่นไรต่อไป“แม่…กลายเป็นภาระของเจ้าหรือไม่?”น้ำเสียงอ่อนล้าของเจียงฮูหยินขึ้นพร้อมกับเอื้อมมือมากอบกุมมือของบุตรสาวไว้แน่น ดวงตาของนางฉายแววเวทนาตนเองไม่น้อยเจียงชุนหลินได้ยินแล้วพลางเงยหน้ามองมารดา นางเม้มฝีปากแน่นภาระหรือ…?ยามนี้ จวนสกุลเจียงที่เคยสูงศักดิ์กลับร่วงหล่นลงมาเพียงชั่วพริบตาทุกสิ่งทุกอย่างสูญสิ้นไปจนไม่หลงเหลือสิ่งใดภายหลังเหตุการณ์ไฟไหม้ในคืนนั้น บิดาของนางพลันถูกเรียกตัวเข้าวังกะทันหันถึงขั้นส่งทหารจากวังหลวงมาตามถึงที่จวนสกุลเฉิงเพื่อสอบสวนคดีทุจริตในราชสำนัก ซึ่งเป็นการตรวจสอบย้อนหลังไปหลายสิบปี ตั้งแต่ยามที่ท่านพ่อรับราชการเป็นขุนนางครั้งแรกมิใช่ว่าที่ผ่านมานางไม่รู้เลยแม้แต่น้อยแต่ทว่า…ตลอดหลายสิบปีที่ผ่านมาบิดาพยายามชุบตัวให้ใสสะอาดเสมือนสายน้ำแต่ภายในกลับเป็นน้ำที่ตกตะกอนเพียงแค่มีผู้ยื่นมือไปกวนก็พลันขุ่นมัวขึ้นมาที่ผ่านมาล้วนกล่าวได้ว่าสวรรค์บังตาหรือเห็นใจกันแน่ถึง

  • นิยายเรื่องนี้ไม่มีตัวร้าย   ๒๗ ชะตากรรมพลิกผัน

    ตลอดสองสามวันที่ผ่านมา เจียงชุนหลินเอาแต่ทำตัววุ่นวายคอยหลีกเลี่ยงที่จะพบหน้าหรือไม่แม้แต่จะสบตาเฉิงอี้หยางเพียงแวบเดียวเลยด้วยซ้ำ…นางโกรธเขาไม่น้อยทว่าในใจก็สับสนว้าวุ่นเสียจนไม่รู้ว่าควรทำเช่นไรต่อไป“แม่…กลายเป็นภาระของเจ้าหรือไม่?”น้ำเสียงอ่อนล้าของเจียงฮูหยินขึ้นพร้อมกับเอื้อมมือมากอบกุมมือของบุตรสาวไว้แน่น ดวงตาของนางฉายแววเวทนาตนเองไม่น้อยเจียงชุนหลินได้ยินแล้วพลางเงยหน้ามองมารดา นางเม้มฝีปากแน่นภาระหรือ…?ยามนี้ จวนสกุลเจียงที่เคยสูงศักดิ์กลับร่วงหล่นลงมาเพียงชั่วพริบตาทุกสิ่งทุกอย่างสูญสิ้นไปจนไม่หลงเหลือสิ่งใดภายหลังเหตุการณ์ไฟไหม้ในคืนนั้น บิดาของนางพลันถูกเรียกตัวเข้าวังกะทันหันถึงขั้นส่งทหารจากวังหลวงมาตามถึงที่จวนสกุลเฉิงเพื่อสอบสวนคดีทุจริตในราชสำนัก ซึ่งเป็นการตรวจสอบย้อนหลังไปหลายสิบปี ตั้งแต่ยามที่ท่านพ่อรับราชการเป็นขุนนางครั้งแรกมิใช่ว่าที่ผ่านมานางไม่รู้เลยแม้แต่น้อยแต่ทว่า…ตลอดหลายสิบปีที่ผ่านมาบิดาพยายามชุบตัวให้ใสสะอาดเสมือนสายน้ำแต่ภายในกลับเป็นน้ำที่ตกตะกอนเพียงแค่มีผู้ยื่นมือไปกวนก็พลันขุ่นมัวขึ้นมาที่ผ่านมาล้วนกล่าวได้ว่าสวรรค์บังตาหรือเห็นใจกันแน่ถึง

  • นิยายเรื่องนี้ไม่มีตัวร้าย   ๒๖ เรื่องที่ต้องรู้

    หลี่จื่อหนิงเงยหน้ามองเฝิงอวี่เซี่ยนตาปริบๆ คล้ายไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน นัยน์ตาเมล็ดซิ่งหรี่ลงราวกับกำลังจับผิดอีกฝ่ายก่อนจะเอ่ยออกมา “เหอะ! ข้าจะเชื่อได้อย่างไร”เพียงแค่แม่ดอกบัวขาวนางนั้นปรากฏตัวขึ้น…เขาก็รีบตามติดราวกับสุนัขที่เจอเจ้าของแล้ว!ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดเฝิงอวี่เซี่ยนจึงต้องสนใจความรู้สึกของนางนัก มุมปากหนาโค้งยกยิ้มเล็กน้อยก่อนจะลุกขึ้นแล้วก้าวมายืนอยู่ตรงหน้า สายตาคมกริบเพ่งมองหลี่จื่อหนิงจากนั้นจึงโน้มใบหน้าลงมาใกล้“แล้วต้องทำอย่างไรเล่าเจ้าถึงจะเชื่อข้า” น้ำเสียงทุ้มแหบพร่าพูดอย่างแผ่วเบาหลี่จื่อหนิงส่ายหน้าไปมา “ช่างเถอะ…ท่านจะชอบผู้ใดแล้วมันเกี่ยวอันใดกับข้า”หากว่ากันตามตรงแล้ว เรื่องความรู้สึกของจิตใจปล่อยให้เขาจัดการเองเถอะ นางหาได้สอดมือเข้าไปยุ่งเกี่ยวหรือสร้างความวุ่นวายให้…ขอเพียงเฝิงอวี่เซี่ยนมีชีวิตรอดอยู่ถึงวันพรุ่งนี้ก็พอ!!!ทว่าในจังหวะเดียวกันนั้น เพียงชั่วพริบตาเดียวหลี่จื่อหนิงยังไม่ทันได้ตั้งตัวกลับต้องสะดุ้งด้วยความตกใจทันที ฝ่ามือหนาเอื้อมมาประคองใบหน้าคนงามอย่างอ่อนโยน นิ้วโป้งลูบผ่านแก้มนุ่มนิ่มราวกับสำรวจความรู้สึกของนางก่อนที่จู่ๆ เฝิงอวี่เ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status