เมื่อมั่นใจว่าสะอาดเอี่ยมดีแล้วจึงหยิบผ้าขนหนูผืนใหญ่มาซับตัวให้แห้งแล้วชโลมครีมทาผิวทาจนทั่วเรือนร่าง ยืนทำใจด้วยความกระดากอายอยู่สักพักจึงตัดสินใจหยิบผ้าขนหนูผืนใหม่ที่เล็กกว่าผืนแรกมาพันรอบกายอย่างหมิ่นเหม่ แล้วรีบเปิดประตูออกไปก่อนที่ความอายจะสั่งให้หยุดทำการยั่วยวนเขา เธอข่มความอายเดินไปหาเขาที่เตียง
“คุณจะนอนแบบนี้เลยเหรอ”
คนถูกถามรีบขยับตัวขึ้นนั่งด้วยหัวใจเต้นรัว กลิ่นหอมอ่อน ๆ ของสบู่ที่ติดมากับเรือนร่างระหงเกือบเปลือย ปลุกความกำหนัดที่เขาเพิ่งปลอบให้สงบตั้งชันขึ้นมาอีกครั้งอย่างรวดเร็ว
“ไปอาบน้ำสิ เสร็จแล้วจะได้มานวดขาให้ฉันหน่อย ตอนนี้ฉันปวดขามากเพราะยืนทำงานเกือบทั้งวัน” เขาเอาแต่มองจ้องไม่ยอมพูด เธอจึงพูดซะเอง
“ครับ” ชายหนุ่มตอบรับด้วยความตื่นเต้น ลุกขึ้นถอดเสื้อผ้าออกจากร่างแล้วตรงดิ่งไปที่ห้องน้ำ
“ฟู่!” หญิงสาวผ่อนลมหายด้วยความโล่งอก ที่สามารถยั่วยวนเขาสำเร็จในขั้นแรก เธออาศัยเวลาที่เขากำลังอาบน้ำทาครีมลงบนใบหน้านวลและหวีผม พยายามทำทุกอย่างให้เป็นปกติเหมือนตอนที่อยู่คนเดียว แต่เวลาผ่านไ
“ก็แค่สงสัยว่ามันหายไปไหนหมด ทำไมถึงเหลือแค่นี้เอง” เธอแกล้งชูสองนิ้วประกบกันแล้วคลี่ยิ้มทะเล้น“มันไม่ได้หายไปไหนหรอก มันกำลังจะตื่นตามเจ้าของ” เขาไม่ได้ล้อเล่นแต่มันเป็นอย่างที่พูดจริง ๆ ทั้งหมดนี้ต้องโทษเธอที่กระตุ้นมัน ไม่อย่างนั้นมันก็คงได้นอนพักอีกสักสองสามชั่วโมงอยู่หรอก สิ่งที่เกิดขึ้นในชั่วเวลาไม่ถึงหนึ่งนาที ทำให้หญิงสาวที่มองเจ้าเอ็นน้อยพองตัวเป็นเอ็นยักษ์รู้สึกตื่นเต้นไม่น้อย และใจของเธอก็เริ่มเต้นรัวตามมา เมื่อเห็นมือใหญ่หยอกเย้ากับมันอย่างเอ็นดู “คุณหลงรักมันแล้วใช่ไหม” เขาถามเธอที่เอาแต่มองทั้งที่ใบหน้านั้นแดงก่ำด้วยความขัดเขิน “แน่นอน ก็มันทั้งน่ารักทั้งเก่ง” เธออายแต่ก็ยอมรับความจริง “ฉันรักมัน” “คนที่เก่งกว่าคือผมต่างหาก ถ้าคุณรักมันคุณก็ต้องรักเจ้าข
เมื่อมั่นใจว่าสะอาดเอี่ยมดีแล้วจึงหยิบผ้าขนหนูผืนใหญ่มาซับตัวให้แห้งแล้วชโลมครีมทาผิวทาจนทั่วเรือนร่าง ยืนทำใจด้วยความกระดากอายอยู่สักพักจึงตัดสินใจหยิบผ้าขนหนูผืนใหม่ที่เล็กกว่าผืนแรกมาพันรอบกายอย่างหมิ่นเหม่ แล้วรีบเปิดประตูออกไปก่อนที่ความอายจะสั่งให้หยุดทำการยั่วยวนเขา เธอข่มความอายเดินไปหาเขาที่เตียง“คุณจะนอนแบบนี้เลยเหรอ”คนถูกถามรีบขยับตัวขึ้นนั่งด้วยหัวใจเต้นรัว กลิ่นหอมอ่อน ๆ ของสบู่ที่ติดมากับเรือนร่างระหงเกือบเปลือย ปลุกความกำหนัดที่เขาเพิ่งปลอบให้สงบตั้งชันขึ้นมาอีกครั้งอย่างรวดเร็ว“ไปอาบน้ำสิ เสร็จแล้วจะได้มานวดขาให้ฉันหน่อย ตอนนี้ฉันปวดขามากเพราะยืนทำงานเกือบทั้งวัน” เขาเอาแต่มองจ้องไม่ยอมพูด เธอจึงพูดซะเอง“ครับ” ชายหนุ่มตอบรับด้วยความตื่นเต้น ลุกขึ้นถอดเสื้อผ้าออกจากร่างแล้วตรงดิ่งไปที่ห้องน้ำ“ฟู่!” หญิงสาวผ่อนลมหายด้วยความโล่งอก ที่สามารถยั่วยวนเขาสำเร็จในขั้นแรก เธออาศัยเวลาที่เขากำลังอาบน้ำทาครีมลงบนใบหน้านวลและหวีผม พยายามทำทุกอย่างให้เป็นปกติเหมือนตอนที่อยู่คนเดียว แต่เวลาผ่านไ
ได้ยินเพียงแค่นี้เขาก็รู้แล้วว่าใจของเธอตรงกับของเขาแล้ว เขาดีใจเหลือเกินที่ตัวเองเข้าใจเธอผิดไป“คิดถึงแล้วทำไมถึงหนีผมมาแบบนี้ล่ะยอดรัก รู้ไหมว่าผมรู้สึกสิ้นหวังแค่ไหนที่คุณหนีมาแบบนี้” แล้วจูบปากอวบอิ่มเพื่อให้มั่นใจว่าเธอคือสิ่งมีค่าที่สุดของเขาจริง ๆ “ใช่คุณจริง ๆ ด้วย” เขาทั้งจูบทั้งหอมเพื่อทดแทนความรู้สึกคิดถึงที่ไม่สามารถบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้ “ผมตามหาคุณทั้งฮ่องกงจนแทบจะหมดหวังอยู่แล้วรู้บ้างหรือเปล่า”“รู้สิ” เพราะรู้ถึงได้สมัครงานที่ร้านกาแฟแห่งนั้น เพราะถึงแม้อยากจะตัดใจลืมเขาให้ได้ แต่เมื่อรู้ว่าเขากำลังตามหาจึงตั้งใจปักหลักเพื่อรอคอย แม้โอกาสมันจะน้อยนิดก็ยังหวังว่าเขาจะตามเจอ “คุณพ่อเล่าให้ฉันฟังหมดแล้ว”“คุณพ่อของคุณใจร้ายมาก ปล่อยให้ผมทรมานเพราะความคิดถึงคุณอยู่คนเดียว” ไม่ต้องบอกเขาก็รู้เรื่องนี้อยู่เต็มอก“คุณพ่อแค่อยากลองใจคุณ ส่วนฉันก็อยากลองใจตัวเองด้วยเหมือนกัน ฉันว่ามันก็ดีนะ ที่เราจะได้ทดสอบตัวเองไปด้วย”“ไม่เห็นจะดีตรงไหน ทรมาน
“มีคนมองเห็นความน่ารักของฉันด้วยเหรอคะ ฉันนึกว่ามันหมองไปหมดตั้งแต่มาอยู่กับคุณแล้วซะอีก” เธอโน้มไปใกล้ ๆ “เพราะคุณน่ารักกว่าฉันมาก” เธอไม่ได้ยกยอแต่รู้สึกแบบนั้นจริง ๆ สำหรับเธอแล้วซูซี่เป็นอาหมวยที่หน้าตาน่ารักมาก แถมนิสัยก็ดีอีกต่างหาก“สาวหมวยเต็มตัวอย่างฉันจะน่ารักเหมือนสาวลูกผสมได้อย่างไรกัน แต่ฉันก็ยินดีรับคำชมนะ” เจ้าของร้านหัวเราะเบา ๆ หลังจากนั้นก็บอกให้ลูกจ้างสาวเตรียมตัวกลับบ้านพร้อมกับเธอ เพราะเธอต้องแวะไปหาเพื่อนย่านนั้นพอดี“ไม่เป็นไรค่ะซูซี่ เดี๋ยวฉันกลับเองก็ได้”“กลับด้วยกันนี่แหละค่ะ จะได้ไม่ต้องเปลืองค่ารถ” เธอไม่รู้หรอกว่าลูกจ้างสาวพักอยู่ตรงไหนของย่านที่เธอจะผ่านไป แต่เมื่อไปแล้วก็อยากให้เธอกลับด้วยเพื่อความสะดวกสบาย“ก็ได้ค่ะ รอฉันไม่เกินห้านาทีค่ะ” แล้วเธอก็รีบเดินไปเปลี่ยนชุดอย่างรวดเร็วด้วยความเกรงใจคนที่ต้องรอประมาณสิบนาทีต่อมาโชติรสก็มาถึงปากทางเข้าหอพัก เธอลงจากรถของเจ้านายผู้ใจดีแล้วกล่าวขอบคุณ“คุณแน่ใจนะว่าจะเดินเข้าไปเอง”
“ที่นี่มีคนไทยมาเที่ยวเยอะไหมครับ”“สวัสดีค่ะ ขอบคุณค่ะ รับอะไรดีคะ กาแฟอร่อยไหมคะ มาเที่ยวอีกนะคะ” หญิงสาวพูดภาษาไทยให้อีกฝ่ายฟัง “ร้านกาแฟของฉันต้องรับพนักงานคนไทยเอาไว้ ก็เพราะคนไทยมาที่นี่เยอะมากค่ะ ก่อนที่คุณจะเดินเข้ามาพนักงานคนไทยของฉันเพิ่งจะกลับไปเอง เธอน่ารักมาก ถ้ามีโอกาสแวะมาที่นี่อีกคุณก็ลองมาคุยกับเธอดูสิคะ” หญิงสาวเจ้าของร้านคุยอวดอีกฝ่าย เพราะเข้าใจว่าเขาน่าจะชอบความเป็นไทยไบรอันคิดจะหยิบรูปของโชติรสออกมาสอบถามเธอ แต่เมื่อได้ยินอย่างนั้นจึงเปลี่ยนใจ เก็บเอาไว้ถามกับพนักงานคนไทยของเธอน่าจะได้คำตอบที่ดีกว่า“ถ้ามีโอกาสผมจะแวะมาใหม่ ขอบคุณมากนะครับ” เขาจิบกาแฟดื่มด่ำกับบรรยากาศยามค่ำคืน มองผู้คนหลากหลายเชื้อชาติเดินผ่านไปมาอยู่เกือบหนึ่งชั่วโมง จึงลุกจากไปตามเส้นทางเดิมที่เดินมาเขากลับถึงโรงแรมที่อยู่ห่างจากย่านนั้นประมาณสิบห้านาที อาบน้ำเรียบร้อยแล้วจึงโทรศัพท์ถึงมารดาเลี้ยงที่แคนาดา(เจอโรสหรือยังไบรอัน) มารดาของเขาถามถึงหญิงสาวทันทีที่รับสาย“ยังเลยครับ”(แม
“ใช่ค่ะ ร้านนี้เป็นร้านของฉันเองค่ะ เพิ่งเปิดมาได้หกเดือนเท่านั้น” เจ้าของร้านตอบอย่างภาคภูมิใจ“หน้าตาคุณยังดูเด็กมากเลยค่ะ เหมือนนักศึกษามากกว่า”“ใช่ค่ะ ฉันเป็นนักศึกษาเรียนอยู่ปีสุดท้าย บังเอิญว่าเจ้าของร้านคนเก่าเขาต้องการขายที่นี่เพราะจะย้ายไปอยู่กับสามีที่ต่างประเทศ ฉันเองก็เป็นลูกค้าประจำของเขาอยู่แล้ว พอรู้เรื่องก็สนใจมาก ๆ เพราะคิดอยู่ว่าถ้าเรียนจบอยากจะทำธุรกิจเล็ก ๆ เป็นของตัวเอง ก็เลยเจียดเวลาจากการเรียนไปเรียนบาริสต้า และเรียนทำขนม แล้วก็มาเปิดร้านนี่แหละค่ะ”“น่าอิจฉาจังเลยค่ะ มีธุรกิจเป็นของตัวเองตั้งแต่อายุยังน้อย แล้วทำไมคุณถึงใส่ชุดพนักงานล่ะคะ” โชติรสรู้สึกพอใจกับนิสัยที่เป็นกันเองของอีกฝ่ายมาก“เพราะพนักงานของฉันลาออกกะทันหันค่ะ ฉันก็เลยต้องมาทำหน้าที่นี้จนกว่าจะหาคนใหม่ได้ ถ้าคุณมีเพื่อนสนใจงานพาร์ตไทม์ก็แนะนำมาที่ร้านนี้นะคะ ทำงานตั้งแต่สี่โมงเย็นถึงสี่ทุ่ม ค่าแรงชั่วโมงละสี่สิบดอลลาร์ฮ่องกง ถ้าเป็นช่วงเทศกาลจ่ายให้ชั่วโมงหกสิบดอลลาร์ฮ่องกง”“ฉันสนใจค่ะ ฉันทำได