LOGIN@คฤหาสน์เตชะวรากูล...
บนโต๊ะอาหารกับบรรยากาศยามเย็น สมาชิกทั้งห้าคนนั่งประจำที่อย่างเป็นระเบียบ มื้อเย็นประจำสัปดาห์ที่ถูกตั้งเป็นกฎภายในบ้านว่า ในหนึ่งสัปดาห์จะร่วมรับประทานอาหารกันพร้อมหน้าทั้งหมด 3 วัน คือ จันทร์ พุธ ศุกร์“ผลการประชุมบอร์ดบริหารเป็นยังไงบ้างตาวิชญ์”
‘ทักษ์ดนัย’ เอ่ยถามบุตรชายคนโต ที่เขามอบหมายให้ดำรงตำแหน่งประธานบริษัทแทนเขา
“เรียบร้อยดีครับป๊า ทุกคนเห็นด้วย และอนุมัติเรื่องสาขาใหม่ที่เวียดนามเป็นไปในทิศทางที่ดีมากครับ”
‘กรวิชญ์’ บุตรชายคนโตของบ้านวัย 29 ปี เขารับหน้าที่จากบิดาในการบริหารงานตำแหน่งประธานบริษัทได้เกือบ 6 เดือนแล้ว
“อืม...ดีมาก งั้น อีกหน่อย ป๊าก็คงจะปล่อยให้ลูกบริหารได้เต็มตัวซะที”
“แต่คุณพี่ก็ต้องช่วยตาวิชญ์ก่อนนะคะ ยังมีผู้บริหารบางคนที่เป็นอาวุโส ยังไม่ไว้ใจตาวิชญ์เลยนะคะ”
‘เจนเนตร’ เอ่ยเสริมสามีของเธอด้วยความเป็นห่วง เพราะบุตรชายคนโต พึ่งเข้ามารับตำแหน่งประธานบริษัทได้เพียงไม่นาน อาจจะเจออุปสรรคต่างๆ มากมาย โดยเฉพาะผู้บริหารเก่าแก่ และมีอำนาจขั้วเดิมอยู่ อาจจะไม่ยอมรับการบริหารแบบใหม่ของลูกชายเธอก็เป็นได้
“ม๊าพูดถูกครับ ยังมีผู้อาวุโสหลายคนที่ยังไม่เห็นด้วยในบางเรื่องครับ...แต่เรื่องอื่นๆ ผมก็พอทำได้ครับป๊า แต่อีกหน่อย ถ้าตาวินท์เรียนจบเมื่อไหร่ ผมก็คงจะเบาแรงบ้างครับ”
กรวิชญ์หันไปทางน้องชายของเขา ‘กวินท์’ อยู่เรียนอยู่ปีสามแล้ว อีกเพียงไม่นาน น้องชายเขาก็จะจบการศึกษาแล้ว
“เรียบจบ ผมก็จะไปศึกษางานที่ต่างประเทศอีกสักพักนะครับพี่วิชญ์ คงไม่ได้เริ่มเลยทีเดียวหรอกครับ แต่จากการฝึกงานที่บริษัทของเราไปเมื่อปีที่แล้ว งานบริษัทก็ไม่ได้ยากอะไรมากครับ ผมน่าจะพอทำได้ครับ”
“ถ้าพี่วินท์เรียนจบ พี่วินท์ก็ชวนพี่กันต์มาทำงานด้วยสิคะ”
กรภัทร์แนะพี่ชาย เพื่อเธอจะได้ใกล้ชิดกับเขามากขึ้น มีเวลาอยู่ด้วยกัน เธอก็จะมีโอกาสเข้าถึงเขาได้มากขึ้นเช่นกัน ถึงแม้เธอกับเขาจะมีความสัมพันธ์ทางกายกันมาแล้ว แต่กรภัทร์ก็ยังเข้าไม่ถึงใจของเขาได้เลย
“เธอคิดว่าเพื่อนพี่มันจะอยากมาทำงานกับพี่งั้นเหรอ คนอย่างไอ้กันต์ไม่ง่ายเลยนะ ที่มันจะมาทำงานกับบริษัทของเรา ยิ่งเราไปคอยตามจีบมันแบบนั้น มันยิ่งจะหนีไปให้ไกลอีก”
“พี่วินท์! พี่พูดอะไรคะ ป๊าดูพี่วินท์สิคะ ทำไมต้องมาพูดกับเวนิสแบบนี้คะ ไม่ช่วยส่งเสริม แล้วยังมาซ้ำเติมอีกค่ะ”
“แล้วลูกเป็นอย่างที่พี่เขาพูดมั้ยล่ะ ไปตามจีบผู้ชาย จนผู้ชายไม่กล้ามาทำงานที่บริษัทของเรา อย่างที่พี่วินท์เขาพูดมั้ย”
“ก็แค่จีบค่ะป๊า เวนิสชอบพี่กันต์นี่คะ ก็ต้องตามจีบสิคะ”
“เรามันก็เป็นซะอย่างงี้ ดูอย่างน้ำตาลบ้างสิ ไม่เห็นจะต้องไปตามจีบ ตามง้อใคร อย่าลืมนะ เราเป็นผู้หญิง ไม่มีผู้ชายคนไหนเขาชอบความกล้าบ้าบิ่นของผู้หญิงขนาดนั้นหรอก”
“พี่วิชญ์! ตอนแรกพี่ก็ยังอยู่ทีมเวนิสอยู่นะคะ แต่ทำไมตอนนี้พี่ไปอยู่ทีมพี่วินท์แล้วคะ”
“ใครบอก ว่าพี่จะอยู่ทีมเราล่ะ”
“พี่วิชญ์!”
“แล้วน้ำตาลล่ะเป็นยังไงบ้าง เรื่องเรียนโอเคมั้ยลูก”
เจนเนตรหันไปถามบุตรบุญธรรมของเธอที่นิ่งเงียบ คุณหญิงเจนเนตรกับสามี รับอุปการะเด็กคนนี้มาตั้งแต่อายุ 8 ขวบ เธอรักเหมือนกับลูกทั้งสามคนของเธอเลย
“ก็ปรับตัวได้แล้วค่ะคุณแม่”
“ตาวินท์ก็ดูแลน้องบ้างนะ เรียนคณะเดียวกัน คอยเป็นพี่เลี้ยงให้น้อง ช่วงปรับตัว น้องไม่มีใคร”
“ใช่ค่ะ พี่วินท์ต้องคอยเป็นพี่เลี้ยงให้น้ำตาลนะคะ อย่าเอาแต่คอยดุน้ำตาลล่ะ...ถ้าพี่วินท์รังแกน้ำตาลบอกพี่ได้นะ พี่เวนิสคนนี้จะจัดการพี่วินท์ให้เอง”
กรภัทร์หันไปบอกน้องสาวบุญธรรมของเธอ ‘อลินดา’ อ่อนกว่าเธอหนึ่งปี และพึ่งเข้าเรียนมหาวิทยาลัยอยู่ชั้นปีที่ 1 คณะเดียวกันกับพี่ชายของเธอ ส่วนกรภัทร์นั้นเรียนอยู่ชั้นปีที่ 2 คณะวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ มหาวิทยาลัยเดียวกัน
“เอาตัวเองให้รอดก่อนเถอะ ค่อยจะมาจัดการพี่”
“แหม...พี่วินท์ เวนิสเรียนคะแนนเป็นอันดับหนึ่งของห้องเลยนะคะ จะไม่รอดได้ยังไง”
“งั้น เรื่องที่เธอชอบนายกันต์ พี่ก็คงไม่จำเป็นจะต้องช่วยเราแล้วใช่มั้ย เก่งนี่ จัดการเองไปเลย โอเคมั้ย”
“อุ้ย...ไม่นะคะ...พี่วินท์ต้องช่วยเวนิสนะคะ เมื่อกี้เวนิสแค่พูดเล่นๆ เองค่ะ”
“เรานี่มันก๋ากั่นเกินหญิงทั่วไปแล้วนะเวนิส จะจีบผู้ชายคนไหน ก็ต้องดูท่าทีของผู้ชายเขาบ้าง ว่าเขาจะชอบเราหรือเปล่า อีกอย่างเวลาเลือกคบใคร ก็ควรดูนิสัยใจคอ และครอบครัวเขาด้วยนะ ไม่ใช่ไปคว้าใครมาก็ได้”
สิ่งที่กรวิชญ์เป็นห่วงน้องสาวเขามากที่สุด ก็คือ กลัวว่าน้องสาวเขาจะเจอคนไม่ดี และโดนหลอก ครอบครัวและฐานะก็สำคัญมาก ตระกูลเตชะวรากูล เป็นระดับมหาเศรษฐี เพราะฉะนั้น น้องสาวเขา จึงมีหนุ่มหลายๆ คนมาหมายปอง แน่นอน ก็ต้องหลีกเลี่ยงคนไม่ดีที่จะเข้ามาด้วยเช่นกัน
“ถ้าเป็นนิสัย พี่กันต์นิสัยดีค่ะพี่วิชญ์ แต่ถ้าเรื่องฐานะครอบครัวแล้ว พี่กันต์น่าจะไม่ผ่าน แต่ก็ไม่เป็นไรนะคะ บ้านเรามีเงินอยู่แล้วค่ะ พี่วิชญ์ก็หาตำแหน่งงานให้พี่กันต์สิคะ บริษัทเรามีตำแหน่งงานเยอะแยะค่ะ”
“นี่เราพูดเอง เออเองหมดเลยนะเวนิส เราเคยถามผู้ชายเขาบ้างหรือเปล่า ว่าเต็มใจจะคบกับเรามั้ย”
“นั่นสิ...พี่ไม่เห็นว่าเพื่อนของพี่ มันจะพูดถึงเธอเลย มีแต่บอกว่า มันไม่ได้ชอบเธอ และไม่คิดจะชอบ”
ตึก! เสียงหัวใจของกรภัทร์เหมือนกำลังหล่นจากที่สูง
“อืม...ฟังพี่วิชญ์กับพี่วินท์ พูดหน่อยก็ดีนะลูก เราเป็นผู้หญิง ออกตัวแรงมากไปไม่ดี อีกอย่าง ฐานะทางบ้านเขา เป็นยังไง ลูกก็ยังไม่รู้เลย ป๊าก็คงไม่ยอมให้ลูกสาวป๊าไปลำบากหรอกนะ”
“ใช่ อันนี้ ม๊าเองก็เห็นด้วยกับป๊านะ ลูกมีโอกาสเลือกผู้ชายได้เยอะ ผู้ชายที่เขาไม่สนใจ ลูกจะไปตามตื้อเขาทำไม อย่างน้อยฐานะของเขา ก็ต้องพอสมน้ำสมเนื้อกับฐานะทางบ้านเราด้วยนะ”
“แต่พี่กันต์ ก็เป็นเพื่อนกับพี่วินท์นะคะ พี่วินท์ก็ยังคบพี่กันต์เป็นเพื่อนได้เลย ไม่เห็นจะเป็นไรเลยนี่คะ”
“มันไม่เหมือนกัน เพื่อน กับ สามี เพราะฉะนั้น เรื่องนี้ ลูกควรกลับเอาไปคิดให้ดีๆ อย่าไปถลำลึกให้มาก ม๊าว่า ลูกควรถอยออกจากเขาได้แล้วนะ”
“...” ไม่ทันแล้ว กรภัทร์ทุ่มเททั้งกายและใจให้กับเขาไปหมดแล้ว พี่กันต์คือผู้ชายที่เธอเลือกแล้ว ถึงแม้ว่าเขาจะไม่มีฐานะทางบ้านที่สูงส่ง แค่เธอรักเขา ก็น่าจะเพียงพอแล้วไม่ใช่เหรอ ไม่มีเงิน เธอก็สามารถที่จะเลี้ยงเขาได้สบายๆ
กดหัวใจ คอมเมนท์ = หนึ่งกำลังใจนะคะ ฝากกดติดตาม เพิ่มเข้าชั้น และรับแจ้งเตือนตอนใหม่ เรื่องใหม่ค่ะ ทรายแมว : เขียน
1 สัปดาห์ต่อมา... @ประเทศไทย... ภายในรถสปอร์ตคันหรูสีแสบตา เสียงเครื่องยนต์เงียบสนิทราวกับทั้งโลกกำลังหยุดนิ่งอยู่เพียงแค่ในห้องโดยสารนั้น แสงไฟจากโถงลานจอดรถลอดผ่านกระจกหน้ารถเข้ามาสะท้อนประกายบางเบาบนผิวเบาะหนังแท้ราคาแพง... “แกมีอะไรก็รีบพูดมาเลย...และปล่อยฉันลงเดี๋ยวนี้!”เอมมิกาออกคำสั่งพร้อมพยายามดิ้นเพื่อต้องการหลุดจากพันธนาการนั้น เธอกำลังนั่งคร่อมอยู่บนตักคุณากร วันนี้เพื่อนของเธอนัดเธอมาเพื่อขอเจรจา แต่ไม่คิดว่า ไอ้เพื่อนบ้าจะกล้าทำอะไรที่ระห่ำขนาดนี้ ใบหน้าเนียนเบือนหนีเล็กน้อย ทั้งที่หัวใจเต้นแรงจนแทบกลบเสียงลมหายใจของตัวเอง“ครบกำหนดตามสัญญาแล้ว...คำตอบแกล่ะ”เสียงทุ้มต่ำของเขาดังอยู่ใกล้หู เขาโอบเอวเธอไว้แน่น มือหนาไล้ช้า ๆ อยู่ตรงแผ่นหลังราวกับกลัวว่าเธอจะหนีหายไปไหน“แกจะให้ฉันตอบแกยังไงเซนต์...ปล่อยฉันลงก่อนสิ แกจะทำแบบนี้ทำไม”ความอบอุ่นจากอ้อมแขนเขาแผ่ซ่านมาจนทั่วร่างของเธอ กลิ่นน้ำหอมของเขาลอยคลุ้งในอากาศปะปนกับลมหายใจอุ่นที่กำลังรินรดข้างแก้ม มันทำให้เอมมิการู้สึกแปลกประหลาด เธอยังไม่ชินกับสิ่งที่เพื่อนของเธอกำลังทำ เพื่อนรัก จะกลายมา
ช่วงเวลาหนึ่ง...@โรงแรมหรูห้อง 401... บนเตียงนอนขนาดคิงไซต์... เสียงครวญครางดังลั่นห้อง การร่วมรักอันแสนร้อนแรงถูกบรรเลงขึ้นอย่างหนักหน่วง สองร่างเกี่ยวกวัดรัดตรึง ถาโถมเข้าหากันราวกับพายุฝนคลั่ง“พะ-พี่กันต์...อ๊ะ!”“คะ-ครับ...อึ้มม์”ร่างกำยำโยกโหมแรงกระแทกอย่างดุเดือด จนร่างอรชรสั่นสะท้านสะเทือน มือหนายื่นไปเกาะกุมเต้าใหญ่ก่อนจะบีบขย้ำมันอย่างแรงเพื่อระบายความเสียดเสียว“วะ-เวนิสรักพี่กันต์ค่ะ...อ๊า!” เสียงพร่าครางสั่น“พะ-พี่ก็รักเธอ...เวนิส...โอวว์”มังกรใหญ่กดเด้งเข้าหาร่างบางอย่างไม่ลดละทั้งสองร่างสอดประสานกันอย่างลงตัว ท่ามกลางเสียงกรีดร้องดังระงม ความซาบซ่านอย่างหาที่เปรียบมิได้เล่นงานคนทั้งสองอย่างหนัก และเมื่อ...ความสุขสมนั้น...ได้เดินทางมาจนถึงปลายฝัน ชายหญิงทั้งสองก็จับมือกันทะยานไต่จุดสูงสุดของอารมณ์ขึ้นไปจนถึงฝั่งฝันปรารถนาจนสำเร็จ... “อึ้ม...”เสียงแหบพร่าแผ่วเบาลง เมื่อการร่วมรักอันแสนหนักหน่วงนั้นจบ ใบหน้าคมซุกซบลงตรงซอกคอขาวผ่อง ได้ยินเพียงเสียงลมหายใจหอบกระเส่าของเขาเท่านั้น “ขะ-ขอบคุณ พี่มีความสุขที่สุด...”เสียงลมหายใจของเขาหอบดังยังไม่คลาย
“ทำไม? นี่เรากำลังอายพี่อยู่ใช่มั้ย” “อ่อ...ไม่ๆ ค่ะพี่กันต์ เวนิส รู้สึกไม่สบายนิดหน่อยค่ะ” “ไม่สบายงั้นเหรอ?”เขาเดินตรงเข้าหาเธอด้วยสีหน้าเคร่งขรึมแฝงความกังวล ดวงตาคมจับจ้องใบหน้าของเธอที่แดงจัดอย่างผิดปกติ “เอ่อ...ค่ะ” “หน้าเธอแดงมากจริงๆ”เขาพูดเสียงต่ำ พลางเอื้อมมือมาแตะหน้าผากของเธอ ^^’ กรภัทร์ส่ายหน้าพร้อมกับยิ้มด้วยความเก้อเขิน ‘แกเป็นเอามากนะเวนิส ทำไมแกต้องตื่นเต้นกับพี่เขาขนาดนี้ด้วย’ “แต่ตัวเธอก็ไม่ร้อน”สายตาเขายังคงจับจ้องไม่ลดละ ความเป็นห่วงฉายชัดในแววตาคมลึกนั้น “เอ่อ...”ทำยังไงกันดีล่ะ กรภัทร์ดันเล่นใหญ่ไปแล้ว “ถ้าไม่สบาย งั้นพี่จะพาไปเธอหาหมอนะ”เสียงของเขาอ่อนลงแต่ยังคงเต็มไปด้วยความจริงจัง “ปะ-เปล่าค่ะพี่กันต์ คือว่า ความจริง เวนิส...”เธอหลุบตาลง หัวใจเต้นแรงเมื่อสัมผัสถึงความอบอุ่นจากน้ำเสียงและแววตาอ่อนโยนนั้น ความเขินอายที่พยายามปกปิดกลับยิ่งชัดเจนขึ้น “มีอะไร ก็พูดกับพี่ตรงๆ ก็ได้ หรือเรื่องที่เธอจะเคลียร์กับพี่ เป็นเรื่องที่เธออึดอัดใจอยู่ใช่มั้ย เธอกำลังจะ
3 ชั่วโมงต่อมา... ติ๊ด! ติ๊ด! เสียงต่อสายสนทนา “ฮัลโหล...ว่าไง” “พี่วิชญ์! ฮึ่ม! รับสักที! ทำไมพี่ไม่รับสายเวนิสคะ เวนิสโทรหาพี่เป็นร้อยๆ สายแล้วนะคะ พี่วิชญ์อยู่ที่ไหนคะตอนนี้ แล้ว...” “ใจเย็นๆ เวนิส ถามรัวแบบนี้ พี่จะตอบอะไรเราทัน” “พี่ทำไม ไม่รับสายเวนิสคะ?” “พี่ตื่นสาย...”กรวิชญ์เหลือบมองสาเหตุที่ทำให้เขาตื่นสาย เธอยังคงหลับสนิทข้างกายเขา หลังจากผ่านสมรภูมิรบไปเมื่อครู่ “แล้ว...คุณเลขาพี่ล่ะคะ เธออยู่ไหนคะ พี่กันต์โทรหาพี่สาวเขา ก็ไม่รับสายเหมือนกัน” “อืม...ก็...อยู่แถวนี้แหละ...ทำไม เรามีอะไรกับเลขาพี่” “หืม...?? อยู่แถวนี้? หมายความว่ายังไงคะพี่วิชญ์ เสียงพี่เหมือนคนตื่นนอน อย่าบอกนะคะ ว่าตอนนี้พี่กำลังอยู่บนเตียง แล้วเลขาพี่ก็อยู่ด้วย” “อืม...ถูกต้อง” “ห๊ะ!! อะไรคะ!! พี่วิชญ์อธิบายยาวๆ หน่อยสิคะ เวนิสงงไปหมดแล้วนะคะเนี่ย...”กรภัทร์เหลือบมองคนที่น่าจะร่วมงงไปกับเธอด้วย เขาก็คงเป็นห่วงพี่สาวของตัวเองเหมือนกัน “เออน่า...เราอย่าถามอะไรมากได้มั้ย เรื่องนี้ไม่เกี่ย
เช้าวันต่อมา... ติ๊ด! ติ๊ด! เสียงต่อสายสนทนาดังขึ้น ‘ไม่มีสัญญาณตอบรับ จากหมายเลขที่ท่านเรียก’ “อะไรกัน! ทำไมพี่วิชญ์ถึงไม่รับสายนะ โทรเป็นสิบๆ ครั้งแล้วเนี่ย ทำอะไรอยู่นะ...พี่กันต์ลองโทรหาพี่สาวพี่ดูสิคะ ทำไมเงียบกันจัง” “พี่โทรแล้ว แต่ พี่เบลล์ก็ไม่รับสายพี่เหมือนกัน” “งั้น เดี๋ยวเวนิส จะให้พนักงานโรงแรมเข้าไปเปิดห้องของพี่วิชญ์ดู ดีมั้ยคะ” “พี่ว่า เราทานข้าวก่อนก็ได้นะ เผื่อว่า เมื่อคืน สองคนนั้นเขาอาจจะดื่มหนัก เลยตื่นสาย” “แต่...วันนี้เราจะต้องออกไปพบลูกค้านะคะ” “นี่เรายังเชื่ออีกเหรอ ว่าพวกเรามาทำงานกันจริงๆ” “หมายความว่ายังไงคะ? ไม่ทำงานเหรอคะ?” “สองอาทิตย์นี้ พี่สาวของพี่บอกว่า ไม่ได้มาทำงาน แต่มาเพื่อ...เราสองคนโดยเฉพาะ” “ห๊ะ! แล้ว ทำไมจะต้องมาไกลขนาดนี้ด้วยคะ เวนิสไม่เห็นจะเข้าใจเลย ถ้าเรื่องเวนิสกับพี่ เราก็คุยกันไปแล้วนี่คะ” “แล้ว...ที่เรากลับไปคิดเมื่อคืน เป็นยังไงบ้าง เธอทบทวนเรื่องของเราไปถึงไหนแล้ว”ดวงตาคมจับจ้องไปที่ใบหน้าเนียน แต่ในความสงบนิ่งของเ
จูบของเขาหนักแน่น ริมฝีปากที่แนบชิดนั้นแสดงถึงความรู้สึกที่เก็บกักมานาน มือเขาประคองใบหน้าเนียนขึ้นมารับจูบ ปลายลิ้นของเขาสัมผัสได้กับรสขมปนฝาดของไวน์แดงชั้นดี สิ่งนั้นกระตุ้นความอยากของเรือนร่างกำยำขึ้นมาทันที“อื้อ...” ใบหน้าแดงก่ำพยายามสะบัดออก เพื่อหอบโกยเอาอากาศเข้าปอด เธอกำลังจะขาดอากาศหายใจ แต่อีกหนึ่งสติรับรู้ได้เพียงว่า ความหอมหวานอันเย้ายวนของรสชาติจูบนั้น มันทำให้เธอกำลังล่องลอยอยู่บนปุยเมฆสีขาวก้อนใหญ่“บะ-เบลล์”น้ำเสียงแหบพร่าสั่นปนกระเส่า เธอกำลังปลุกบางอย่างในตัวเขาขึ้นมา เขาลูบพวงแก้มแดงระเรื่อของเธออย่างนุ่มนวล“คะ? มะ-มีอะไรคะ ท่านประธาน”เสียงหวานพร่าพึมพำตอบกลับ มือของเธอกำลังโน้มลำคอเขาลงมา และงับริมฝีปากของคนด้านบนที่มองลงมาด้วยดวงตาเปี่ยมอารมณ์ ปากหนาเผยอรับยอมให้ลิ้นเล็กรุกล้ำเข้ามาในโพรงปากของเขา ความเย้ายวนนี้ ยากจะปฏิเสธได้เลยจริงๆ“คุณเมานะ...”เสียงพร่าเอ่ยเตือนสติคนเมา ลิ้นเล็กสอดลึกราวกับจะคว้านให้ทั่วทุกซอกมุม ไล้เลีย ดูดดูน จนทำให้กายกำยำสะท้านปั่นป่วน“ทำไม...ท่านประธาน ไม่กล้าเหรอ หรือว่า...อุ๊บ!!”ริมฝีปากบางถูกปิดในทันใด จูบอันหนักหน่วงและดุเดือดขอ







