ค.ศ.2020
กรุงปักกิ่ง รถสปอร์ตสีดำคันงามสุดโออ่าแล่นมาด้วยความเร็วพอประมาณ ด้านหลังมีรถรุ่นเดียวกันและสีเหมือนกันแล่นตามมาติดๆ ก่อนจะจอดสนิทอยู่ตรงบริเวณหน้าประตูสถาบันศึกษาชื่อดังแห่งหนึ่งในกรุงปักกิ่ง ประตูทั้งสองข้างบริเวณด้านหน้าและด้านหลังถูกเปิดออกจากคนภายในอย่างรวดเร็วพร้อมกันทั้งสองคัน ติดตามด้วยชายฉกรรจ์ในชุดสูทสากลสีดำก้าวออกมาจากรถทั้งสองคันรวมแล้วทั้งหมดหกคน ยืนเรียงรายอย่างเป็นระเบียบพร้อมประตูรถคันหลังถูกเปิดออกอย่างรวดเร็ว ตึก! ตึก! สองเท้าของหญิงสาวแรกรุ่นในวัย 18 ปี สวมใส่เสื้อผ้าสไตล์วัยรุ่นนำสมัยจากแบรด์ดังเป็นที่สะดุดตาแก่ผู้พบเห็นด้วยรูปลักษณะภายนอกที่มีใบหน้าสวย คม เฉี่ยว โครงหน้าเก๋ลงตัวน่ามองสุดๆ แต่จะให้ดีกว่านี้ถ้าเธอจะไม่แสดงท่าทียียวนกวนประสาทรับรองได้เลยว่าสวยสมราคาสตรีมีมารยาทงดงาม สมกุลสตรีแม่ศรีเรือนโคตรๆ หญิงสาวก้าวลงมาจากรถคันงามด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความเบื่อหน่ายอย่างเห็นได้ชัด พลางเงยหน้าขึ้นมองประตูสถานศึกษาชื่อดังและป้ายชื่อที่เขียนบรรยายคุณสมบัติของสถานที่แห่งนั้นเอาไว้อย่างเริดหรู “เชอะ! โรงเรียนดีเด่นเสียด้วย ท่าทางรวมเจ้าถิ่นกับพวกไฮโซเอาไว้เยอะ”หญิงสาวคาดเดาตามความรู้สึกพลางจับลูกอมยัดใส่ปากตัวเอง “คุณหนูขอรับ นายท่านกำชับมาว่า นี่เป็นสถาบันสุดท้ายแล้วที่ยินดีรับคุณหนูเข้าเรียน นอกนั้นปฏิเสธหมดเลยไม่กล้ารับคุณหนูเข้ามาเรียนเพราะกลัววีรกรรมที่ผ่านมา พยายามตั้งใจเรียนจบให้ได้นะขอรับ รู้ไหมว่านายท่านต้องเสียเงินไปหลายล้านหยวนเพื่อทำให้คุณหนูเข้าเรียนที่ดีๆ แบบนี้ได้ ยินดีบริจาคเงินมากมายมหาศาลเพื่ออนาคตของคุณหนูนะขอรับ” เกาหยงเล่อชายวัยกลางคนอายุประมาณ 45 ปี มีหน้าที่คอยดูแลว่านฉีฉี ซึ่งถูกส่งมาเรียนในเมืองปักกิ่งแทนที่จะเรียนในเมืองเซี่ยงไฮ้ที่เป็นเมืองเกิดของตัวเอง สืบเนื่องมาจากเพราะพ่อขอเธออยู่ในวงการสีเทา มีอาชีพที่รัฐบาลจีนต้องคอยจับจ้องและตรวจสอบอยู่ตลอดเวลา พ่อของเธอเป็นผู้มีอิทธิพลในเมืองเซี่ยงไฮ้ สืบทอดกันมาอย่างยาวนานตั้งแต่รุ่นปู่ในยุค 60 ซึ่งเป็นยุคเจ้าพ่อครองเมือง แม้ว่าในปัจจุบันทางการจะปราบปรามบรรดาเจ้าพ่อและมาเฟียที่มีอยู่อย่างเกลื่อนเมืองลงได้ และเข้าทำการจัดระเบียบสังคมเมืองเพื่อให้ปราศจากกลุ่มผู้มีอิทธิพลแล้วก็ตาม แต่ขึ้นชื่อว่าเจ้าพ่อที่มีรากเหงามาอย่างยาวนานตั้งแต่ยุค 60 ย่อมไม่มีวันตาย เจ้าพ่อตระกูลอื่นตายแต่สำหรับตระกูลว่านแล้วยังไม่ตาย ว่านตงหัวซึ่งเป็นพ่อแท้ๆ ของว่านฉีฉีจึงต้องส่งลูกสาวเพียงคนเดียวให้ออกมาจากอกอยู่ให้ห่างไกลเขาและ ต้องห่างจากเมืองเซี่ยงไฮ้ เพื่อความปลอดภัยของลูกสาว แต่แม่ลูกสาวคนเดียวของเขาก็ช่างสร้างวีรกรรมเชื้อไม่ทิ้งแถวพ่อของเธอเลยจริงๆ ใครทำให้โกรธ แม่ก็ลงมือทันที ชนิดที่ว่าตาต่อตา ฟันต่อฟัน กัดมา กัดกลับ ต่อยมา ต่อยกลับ ไม่ยอมลงและอ่อนข้อให้ใครง่ายๆ ถอดแบบนิสัยพ่อออกมาไม่มีผิดเพี้ยนเพราะเธอเกิดมามีเพียงว่านตงหัวเท่านั้นที่คอยเลี้ยงดูประคบประหงม ส่วนแม่ของเธอถูกครอบครัวพาหนีไปตั้งแต่ว่านฉีฉีเกิดเพราะครอบครัวของแม่ไม่ยอมรับที่ว่านตงหัวเป็นพวกอันธพาลครองเมือง จึงบังคับแม่ของว่านฉีฉีให้ไปแต่งงานกับผู้ชายที่มีฐานะชาติตระกูลสูง มีความรู้และร่ำรวยกว่าว่านตงหัว แต่แม่ของเธอก็มีชีวิตอยู่ได้ไม่นานหลังจากแต่งงานใหม่กับผู้ชายที่ครอบครัวบงการจัดหามาให้ แม่ของเธอก็จากไปเพราะตรอมใจที่ถูกสามีใหม่ทำร้ายจิตใจอยู่ตลอดเวลาเพราะว่ามีผู้หญิงมากหน้าหลายตา รับเลี้ยงนำมาเป็นภรรยาน้อยก็มีอีกหลายคนโดยทางครอบครัวของแม่ไม่สามารถทำอะไรได้เลย การจากไปของอดีตภรรยานั้นทำให้ว่านตงหัวเสียใจมาก ที่ไม่สามารถปกป้องผู้หญิงที่เขารักได้เลย ดังนั้นว่านตงหัวจึงทุ่มเทความรักและคอยดูแลปกป้องลูกสาวคนเดียวของเขาอย่างใกล้ชิด และพยายามถีบตระกูลว่านให้มายืนหนึ่งอยู่ในระดับแถวหน้าของตระกูลเจ้าพ่อในเมืองเซี่ยงไฮ้ และมีอิทธิพลทัดเทียมกับตระกูลหวง ดังนั้นเจ้าพ่อของเมืองเซี่ยงไฮ้ที่ถูกทางการเพ่งเล็งและพยายามเข้ากวาดล้างอยู่ตลอดเวลาก็คือว่านตงหัวและหวงจ้านเซี่ย เพราะสาเหตุนี้ว่านตงหัวจึงส่งว่านฉีฉีให้มาอาศัยอยู่ในเมืองปักกิ่งทันทีที่เรียนจบชั้นประถมศึกษา โดยที่ลูกสาวไม่ได้เต็มใจเพราะเป็นห่วงพ่อและรักพ่อมาก จึงทำทุกอย่างเพื่อที่จะให้ได้กลับไปอยู่เมืองเซี่ยงไฮ้เหมือนเดิม เด็กสาวจึงมีเรื่องชกต่อยกับเพื่อนผู้ชายและทะเลาะวิวาทกับเพื่อนในชั้นเรียน ต่างชั้น รวมไปถึงต่างโรงเรียนแทบจะทุกวัน แต่ถึงแม้จะมีเรื่องชกต่อยกับเพื่อนผู้ชายทุกวัน ว่านฉีฉีก็เป็นขวัญใจของเพื่อนผู้หญิงเพราะเธอคอยปกป้องเพื่อนที่อ่อนแอและคอยช่วยเหลือไม่ให้ถูกนักเรียนเจ้าถิ่นรังแก ชีวิตในวัยเรียนที่อยู่ภายในเมืองปักกิ่งไม่แน่จริงอยู่ยาก มีจำนวนไม่น้อยที่กลายเป็นโรคซึมเศร้า ขาดความมั่นใจเพราะถูกบูลี่และกลั่นแกล้ง และมีอีกนับไม่ถ้วนเลือกที่จะจบชีวิตตัวเองเพื่อจบปัญหาทุกอย่าง “พ่อบ้านเกาสบายใจเถอะ ฉีฉีจะเป็นเด็กดี อย่างมากก็แค่เปลี่ยนที่เรียนใหม่ก็เท่านั้นเอง”หญิงสาวพูดออกมาหน้าตาเฉยพลางดึงลูกอมเข้าออกปากไปมาเป็นการล้อเลียนก่อนจะเดินเข้าประตูของสถาบัน ในขณะที่พ่อบ้านเกาแทบจะเอาหัวโขกกับขอบประตูรถพอได้ยินคุณหนูของเขาบอกออกมาแบบนั้น “คุณหนูอย่าทำแบบนั้นนะขอรับ ไม่มีที่ไหนให้ไปเรียนอีกแล้ว อดทนหน่อยอีกเทอมเดียวก็จบแล้วนะคุณหนูหลังจากเรียนจบแล้ว นายท่านก็จะส่งคุณหนูให้ไปเรียนต่อต่างประเทศ” พ่อบ้านเกาตะโกนบอกตามหลัง แต่แล้วก็ต้องเบิกตากว้างด้วยความตกใจเมื่อเห็นเหตุการณ์บางอย่างกำลังปรากฏขึ้นพร้อมเสียงของว่านฉีฉีแทรกขึ้นมา “ถ้าหากไม่มีที่ไหนรองรับก็ไม่ต้องเรียน ง่ายจะตายไป! ส่วนเรื่องที่จะส่งให้ไปเรียนต่อต่างประเทศ เลิกคิดไปได้เลย...เพราะว่าฉีฉีไม่ไป!!!”หญิงสาวตะโกนตอบกลับเสียงดังก้อง พรึบบบ!!! ขบวนม้าขนาดใหญ่มีธงรบเหน็บอยู่ด้านหลังคล้ายกองทัพ บนหลังม้าแต่ละตัวล้วนเป็นชายฉกรรจ์สวมชุดเกราะโบราณทั้งสิ้น เสียงฝีเท้าม้าจำนวนนับไม่ถ้วนกำลังวิ่งห้อตะบึงผ่านหน้าของว่านฉีฉี ในขณะที่ม้าสีดำตัวขนาดมหึมากำลังวิ่งตรงมาทางหญิงสาว คนที่กำลังอยู่บนหลังม้าซึ่งวิ่งอยู่นำหน้าสวมชุดเกราะแตกต่างไปจากคนอื่น ใบหน้าดุดัน ถมึงทึงและน่ากลัวเต็มไปด้วยหนวดเคราปกคลุม แต่สิ่งที่สำคัญจนทำให้ว่านฉีฉีถึงกับหยุดก้าวเดินต่อไป นั่นก็เพราะเธอเห็นดวงตาของผู้ชายคนนั้นเป็นสีเลือด และยังมีไอดำทะมึนพวยพุ่งออกมาจากร่างของเขาอยู่ตลอดเวลา ตุบ!!! ลูกอมที่อยู่ในปากตกลงพื้นทันทีด้วยความตกใจ พรึบ!!! ดวงตาสีดำกลมโตของว่านฉีฉีเปลี่ยนเป็นสีเลือดขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว ว่านฉีฉีรีบปิดเปลือกตาของตัวเองลงอย่างรวดเร็วพลางส่ายศีรษะไปมาอย่างแรงติดต่อกันเมื่อเห็นเหตุการณ์ตรงหน้า “เฮ้ย..อะไรกันเนี่ยทำไมเห็นภาพหลอนลวงตาตั้งแต่เช้าเลยเหรอ..หรือว่าเพราะไม่ได้กินข้าว”หญิงสาวบ่นพึมพำออกมา แต่แล้วก็ต้องตกใจสุดขีดเมื่อถูกมือของผู้ชายวัยกลางคนจับเข้าที่ต้นแขนทางด้านหลัง เฮ้ยยยย!!! ว่านฉีฉีแหกปากตะโกนออกมาด้วยความตกใจจนสุดเสียงที่ถูกจับทางด้านหลังอย่างไม่รู้ตัว “คุณหนูขอรับกระผมเอง”เสียงของพ่อบ้านเกาบอกเบาๆ กับเด็กสาว เฮ้อ!!!! ว่านฉีฉีถึงกับถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกที่ได้ยินเสียงของคนสนิทที่คอยดูแลเธอมาโดยตลอด พลางเปิดตาขึ้นมองไปรอบบริเวณเพื่อความแน่ใจของตัวเองอีกครั้ง “ก็ไม่มีนี่หว่า...สงสัยเราจะตาฝาดเห็นภาพหลอนไปเอง”หญิงสาวบ่นพร้อมหันกลับไปมองทางด้านหลังของเธอทันที “โอ้ยพ่อบ้านเกา ทำไมมาเงียบๆแบบนี้ ฉีฉีตกใจหมดเลยรู้ไหม หัวใจจะวายตายให้ได้เลยรู้บ้างหรือเปล่า”หญิงสาวบ่นกระปอดกระแปด “กระผมขอโทษขอรับที่มาเงียบๆ แต่เห็นคุณหนูจู่ๆ ก็ยืนนิ่งไม่ยอมก้าวเดินก็เลยกลัวว่าจะเป็นอะไรหรือมีอะไรเกิดขึ้นหรือเปล่า ก็เลยรีบตามมาคอยดูแลมีอะไรหรือเปล่าขอรับ”พ่อบ้านเกาเลียบๆ เคียงๆ ถามไป ว่านฉีฉีกลอกตาไปมาภายในใจคิดว่าควรจะพูดในสิ่งที่เห็นดีหรือไม่ แต่พอคิดอีกทีตอนนี้ก็ไม่มีอะไรขืนพูดออกไปจะถูกเหมารวมว่าเธอพูดจาเพ้อเจ้อไปเรื่อยเปื่อย “ไม่มีอะไรหรอกพ่อบ้านเกา พอดีว่าฉีฉีใจลอยมัวแต่ยืนคิดอะไรเพลินไปหน่อยก็เท่านั้น นี่ก็สายแล้วเข้าไปเรียนก่อนนะแล้วก็ตอนเย็นมารอรับหน้าประตูได้เลย สัญญาว่าจะเป็นเด็กดีไม่หาเรื่องใครและไม่ให้ใครมาหาเรื่องด้วย..ไปนะ”หญิงสาวรีบพูดตัดบทเพื่อที่จะไม่ต้องเสียเวลาอธิบายต่อไป โดยมีสายตาของพ่อบ้านเกามองตามหลังอยู่ตลอดเวลา ว่านฉีฉีไม่รู้ตัวเลยว่าตอนนี้ร่างของเธอมีบางอย่างเปลี่ยนไป ทั่วร่างมีไอดำทะมึนแผ่ออกมาและมีพ่อบ้านเกาเท่านั้นที่เห็นสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ในเวลานี้ “เป็นไปได้อย่างไง ไอมารของคุณหนูทำไมถึงออกมาได้ภายในสถานที่แห่งนี้มีคนที่เกิดตอนดาวแห่งความตายปรากฏอยู่ในบริเวณนี้ด้วยเหรอ ไม่น่าจะเป็นไปได้ก่อนจะพาคุณหนูย้ายมาเข้าที่นี่ก็ตรวจสอบทุกอย่างดีหมดแล้ว และทำไมวันนี้ถึงได้เห็นอะไรแบบนี้ได้นะ”พ่อบ้านเกาพึมพำอย่างสงสัย “หรือเป็นเพราะเดือนหน้าคุณหนูอายุครบ 18 ปีเต็มและยังเกิดตรงกับเทศกาลหยวนเซียวก็เลยทำให้ไอมารออกมา แต่ถึงคุณหนูจะมีไอมารออกมา แต่บนโลกนี้ไม่มีใครมีไอมารเหมือนคุณหนูอีกแล้ว เพราะหนึ่งพันปีมีแค่คนเดียวเท่านั้น เดี๋ยวไอมารจะหายไปเองพอคุณหนูแต่งงาน มันไม่น่าผิดไปจากที่เราคิดไว้หรอกแต่ถึงอย่างไรก็ต้องรีบรายงานให้นายท่านรู้เอาไว้ล่วงหน้าก่อน” พ่อบ้านเกาพูดพลางรีบล้วงโทรศัพท์มือถือต่อสายสนทนารายงานข่าวให้ว่านตงหัวได้รับรู้ พร้อมหันหลังเดินกลับไปที่รถเมื่อว่านตงหัวรับสายทันทีที่เขาต่อสายคุยด้วยว่านฉีฉีแหงนหน้าขึ้นมองท้องฟ้าทันทีเพราะมีความรู้สึกบางอย่างบอกให้เธอมองไปที่ดวงจันทร์ และดวงตาสีดำกลมโตคู่ใหญ่เห็นพระจันทร์ดวงมหึมาลอยอยู่ใกล้มาก เห็นได้อย่างชัดเจนและที่สำคัญสีของดวงจันทร์กำลังเปลี่ยนเป็นสีเลือดอย่างรวดเร็ว พรึบ!! ดวงตาคู่สวยของเธอจากสีดำกำลังเริ่มเปลี่ยนเป็นสีเลือดเข้ามาแทนที่ พร้อมรังสีอำมหิตฉายวาววับอยู่บนดวงตา “เฮ้ย!..พวกเราดูนางเด็กนั่น!!!”กลุ่มนักเลงส่งเสียงเรียกให้พวกเดียวกันมองร่างระหงที่กำลังยืนอยู่ตรงหน้าซึ่งเป็นเป้าหมายจะต้องจัดการ เหวอออ...เสียงอุทานดังลั่นหลุดออกมาจากปากของแต่ละคน ไม่คิดว่าจะเห็นอะไรที่น่ากลัวแบบนี้ “ทะ...ทำ..ทำไมนางเด็กคนนั่นมันถึงมีไอดำออกมาจากตัว...พวกแก...เห็นเหมือนกันไหม”หัวโจกถามพวกพ้องและแต่ละคนพยักหน้าขึ้นลงพร้อมกันอย่างไม่ได้นัดหมาย “ปะ...ปี...ปีศาจ..นางเด็กคนนี้มันจะต้องเป็นปีศาจแน่ๆ คนดีๆ ที่ไหนจะมีไอดำพวยพุ่งออกมาจากตัวแบบนี้ ไม่มีหรอก”เสียงของหนึ่งในกลุ่
หนึ่งเดือนผ่านไป เวลาเลิกเรียน ร่างระหงของว่านฉีฉีเดินออกจากห้องเรียนพลางถือกระเป๋านักเรียนเหวี่ยงไปทางด้านหลัง หญิงสาวยังคงเดินกินลูกอมไปตลอดทางโนสนโนแคร์มนุษย์เพื่อน และมนุษย์ครูรอบข้างที่หันมามองเธอเป็นตาเดียวกัน วันนี้เธอถูกอาจารย์ประจำชั้นลงโทษให้อยู่ทำเวรคนเดียวเพราะเถียงอาจารย์ประจำชั้นในวิชาประวัติศาสตร์ ว่าข้อมูลที่นำมาสอนในชั้นเรียนนั้นไม่ถูกต้องทำให้คนรุ่นหลังเข้าใจผิดและบอกว่า “ครูสอนมั่ว” คำว่า “ครูสอนมั่ว” ที่ยืนกรานพูดออกไปก็เลยเจอดีถูกทำเวรคนเดียวยาวไป จึงทำให้หญิงสาวกว่าจะได้ออกจากห้องเรียนก็เกือบห้าโมงครึ่งเข้าไปแล้ว ในขณะที่กำลังจะก้าวเดินลงบันได พรืดดด!!!! มือของใครบางคนตรงเข้าจับคอเสื้อของเธอทางด้านหลังพร้อมตรงเข้ากระชากร่างและพยายามปิดปากลากร่างของเธอก้าวขึ้นบันไดชั้นบนซึ่งเป็นชั้นดาดฟ้าของอาคารเรียนหลังนั้น ตุบ!!! กระเป๋าหนังสือหล่นตกพื้นและถูกกลุ่มคนใช้เท้าเหยียบเดินขึ้นบันไดไปอย่างไม่สนใจ
อาคารเหอเป่า ร่างสูงระหงซึ่งเป็นเจ้าของความสูงถึง 170 เซนติเมตร เดินอาดๆ ไปตามเส้นทางผ่านกลุ่มนักเรียนมากมายที่กำลังยืนเมียงมองคอยลอบสังเกตอยู่ตลอดเวลาเพราะเป็นนักเรียนแปลกหน้าไม่เคยเห็นมาก่อน และอีกอย่างเปิดเรียนมานานกว่าสองเดือนแล้วจนกำลังจะเริ่มสอบกลางภาค แต่ก็ยังอุตส่าห์มีนักเรียนใหม่มาปรากฏให้เห็น “เฮ้ย! พวกเรานักเรียนใหม่เว้ย!”เสียงของผู้ชายวัยรุ่นดังออกมาจากกลุ่มที่กำลังยืนพิงขอบหน้าต่างมีอยู่ประมาณสิบคน “เจ้าหล่อนโคตรสวยเลยวะ แถมยังเดินกินลูกอมเอาไว้ในปากด้วย กวนประสาทไม่ใช่เล่นแบบนี้ต้องให้การต้อนรับน้องใหม่เสียหน่อยแล้วเว้ย หรือเธอว่าอย่างไงเหนียงเหนียง”เขาพูดพลางหันกลับไปมองกลุ่มผู้หญิงที่มีอยู่ด้วยกันห้าคน เด็กสาวเจ้าของชื่อเหนียงเหนียง หรือหม่าฟางเหนียงหันกลับมาตามเสียงเรียกของผู้ชายในกลุ่มซึ่งก็คือแฟนของเธอที่คบหากันอยู่ในสถาบัน เป็นทั้งเพื่อน แฟนและทำหน้าที่เป็นสามีในเวลากลางคืน ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันในอพาร์เมนท์แทนที่จะอยู่บ้านของแต่ละคน เพราะต่างคนมาจากเมืองอื่นแต่เข
ค.ศ.2020 กรุงปักกิ่ง รถสปอร์ตสีดำคันงามสุดโออ่าแล่นมาด้วยความเร็วพอประมาณ ด้านหลังมีรถรุ่นเดียวกันและสีเหมือนกันแล่นตามมาติดๆ ก่อนจะจอดสนิทอยู่ตรงบริเวณหน้าประตูสถาบันศึกษาชื่อดังแห่งหนึ่งในกรุงปักกิ่ง ประตูทั้งสองข้างบริเวณด้านหน้าและด้านหลังถูกเปิดออกจากคนภายในอย่างรวดเร็วพร้อมกันทั้งสองคัน ติดตามด้วยชายฉกรรจ์ในชุดสูทสากลสีดำก้าวออกมาจากรถทั้งสองคันรวมแล้วทั้งหมดหกคน ยืนเรียงรายอย่างเป็นระเบียบพร้อมประตูรถคันหลังถูกเปิดออกอย่างรวดเร็ว ตึก! ตึก! สองเท้าของหญิงสาวแรกรุ่นในวัย 18 ปี สวมใส่เสื้อผ้าสไตล์วัยรุ่นนำสมัยจากแบรด์ดังเป็นที่สะดุดตาแก่ผู้พบเห็นด้วยรูปลักษณะภายนอกที่มีใบหน้าสวย คม เฉี่ยว โครงหน้าเก๋ลงตัวน่ามองสุดๆ แต่จะให้ดีกว่านี้ถ้าเธอจะไม่แสดงท่าทียียวนกวนประสาทรับรองได้เลยว่าสวยสมราคาสตรีมีมารยาทงดงาม สมกุลสตรีแม่ศรีเรือนโคตรๆ หญิงสาวก้าวลงมาจากรถคันงามด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความเบื่อหน่ายอย่างเห็นได้ชัด พลางเงยหน้าขึ้นมองประตูสถานศึกษาชื่อดังและป้ายชื่อที่เขียนบรรยายคุณสมบัติของสถานที่แห่งนั้นเอาไว้อ
ดวงตาของสตรีนางนั่นเบิกกว้างจ้องหน้าจอมปีศาจด้วยอาการตื่นตระหนกอย่างยิ่งยวด ด้วยเพราะเห็นดวงตาสีเลือดปรากฏอยู่ตรงหน้า ซึ่งกำลังเกิดขึ้นกับหลี่เหวินฉางอยู่ในเวลานี้ภายหลังจากเสพสังวาสกับนางเสร็จสิ้นเมื่อครู่ที่ผ่านมาภายใต้ความสุขอันแสนหฤหรรษ์ที่ได้รับจนสุขล้นจบลงพร้อมพลังชีวิตถูกสูบชีพออกกจากกายอย่างรวดเร็ว ร่างที่กำลังเปลือยเปล่าซึ่งเต็มไปด้วยความอวบอิ่มของสตรีสาวตรงหน้าค่อยๆ ซูบซีดลงทีละน้อย ทีละน้อย จนเหลือแต่โครงกระดูกแห้งกรัง พรึบ!!! ซากแห้งกรังค่อยๆ สลายกลายเป็นเถ้าธุลีไปในชั่วพริบตา บนฟูกนอนอันหนานุ่มในเวลานี้คงเหลือแต่เพียงกายเปลือยเปล่าของหลี่เหวินฉางแต่เพียงผู้เดียว ร่างอันใหญ่โตกำลังสั่นสะท้านเมื่อได้สูบพลังชีวิตเข้าไป ดวงตาสีเลือดฉาบอยู่เมื่อครู่ที่ผ่านมาค่อยๆ เลือนหายไปทีละน้อย ทีละน้อย จนกระทั่งความเป็นตัวตนของมนุษย์แต่ดั้งเดิมพร้อมสติหวนกลับคืนมาอีกครั้ง ดวงตากวาดมองไปโดยรอบ เห็นเสื้อผ้าของสตรีถูกเหวี่ยงกระจายอยู่ที่พื้น พร้อมเสื้อผ้าของตน ตุบ!!!! หลี่เหวินฉางกระแทกร่างเปลือยลงบนฟูกนอนอย่างแรง ดวงตาสีดำจับจ้องอยู่แต่บนเพดานของกระโจม กรอดดดด!!! เสียงฟันกรามขบเข้า
กระโจมแม่ทัพในค่ำคืนนี้แม่ทัพผู้กล้า กำลังจัดการเสพกายกับสตรีที่ถูกนำมาสังเวยเพื่อบำเรอกามราคะให้กับจอมปีศาจแห่งเฉียนฉิน ด้วยร่างกายอันใหญ่โตเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อเปลือยเปล่าไร้สิ้นอาภรณ์ห่อหุ้มของหลี่เหวินฉางกำลังจัดการเสพราคะจากกายสาวที่ถูกนำมาบำเรอในค่ำคืนนี้ เสียงร้องครวญครางกระเส่าดังออกมาไม่ขาดสาย "อู้ย..ย..ย..ซี้ด.ด..ด….อย่าทำอย่างนี้เจ้าค่ะ…ซี้ด..ด..ด.." นางร้องครางเสียงสั่นแม่ทัพหนุ่มเงยหน้าขึ้นพร้อมประกบปากลงบนริมฝีปากของนางจนหลับตาพริ้ม พร้อมบังคับให้แลกลิ้นกับจอมปีศาจอย่างเมามัน มือก็ค่อย ๆ ลูบไล้ปลดอาภรณ์ชิ้นสุดท้ายออกไปจากร่างของนางจนไม่เหลืออะไรทรวงอกอวบอิ่ม ส่วนเนินสวรรค์ก็โหนกนูนล้ำหน้าช่างน่าลิ้มลองเสียนี่กระไร และมีหรือจะรั้งรอใบหน้าคมคร้ามก้มลงซุกบนเนินสวรรค์เพื่อลิ้มลองอย่างเมามัน ช่างสวยได้รูปเสียจริง ทั้งลาก ทั้งเลีย ทั้งดูด ทั้งเม้ม ไม่รู้สึกว่าเมื่อยปากเลยแม้แต่น้อย มีแต่เสียงครวญครวญของนางร้องครางฮืออออ อื้อออออ และซู้ดปากอยู่ตลอดเวลาก่อนจะค่อย ๆ เลื่อนมือมายังเบื้องล่างเลื้อยลงสู่เนิน ซึ่งบัดนี้เนินสวรรค์เปียกชุ่มฉ่ำไปด้วยหยาดน้ำมันวาวตรียมพร้อมรับมือกับ